Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. ชีวกสุตฺตวณฺณนา

    5. Jīvakasuttavaṇṇanā

    ๕๑. เอวํ เม สุตนฺติ ชีวกสุตฺตํฯ ตตฺถ ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเนติ เอตฺถ ชีวตีติ ชีวโกฯ กุมาเรน ภโตติ โกมารภโจฺจฯ ยถาห ‘‘กิํ เอตํ ภเณ กาเกหิ สมฺปริกิณฺณนฺติ? ทารโก เทวาติฯ ชีวติ ภเณติ? ชีวติ เทวาติฯ เตน หิ ภเณ ตํ ทารกํ อมฺหากํ อเนฺตปุรํ เนตฺวา ธาตีนํ เทถ โปเสตุนฺติฯ ตสฺส ชีวตีติ ชีวโกติ นามํ อกํสุ, กุมาเรน โปสาปิโตติ โกมารภโจฺจติ นามํ อกํสู’’ติ (มหาว. ๓๒๘)ฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาเรน ปน ชีวกวตฺถุ ขนฺธเก อาคตเมวฯ วินิจฺฉยกถาปิสฺส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย วุตฺตาฯ

    51.Evaṃme sutanti jīvakasuttaṃ. Tattha jīvakassa komārabhaccassa ambavaneti ettha jīvatīti jīvako. Kumārena bhatoti komārabhacco. Yathāha ‘‘kiṃ etaṃ bhaṇe kākehi samparikiṇṇanti? Dārako devāti. Jīvati bhaṇeti? Jīvati devāti. Tena hi bhaṇe taṃ dārakaṃ amhākaṃ antepuraṃ netvā dhātīnaṃ detha posetunti. Tassa jīvatīti jīvakoti nāmaṃ akaṃsu, kumārena posāpitoti komārabhaccoti nāmaṃ akaṃsū’’ti (mahāva. 328). Ayamettha saṅkhepo. Vitthārena pana jīvakavatthu khandhake āgatameva. Vinicchayakathāpissa samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya vuttā.

    อยํ ปน ชีวโก เอกสฺมิํ สมเย ภควโต โทสาภิสนฺนํ กายํ วิเรเจตฺวา สีเวยฺยกํ ทุสฺสยุคํ ทตฺวา วตฺถานุโมทนปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย จิเนฺตสิ – ‘‘มยา ทิวสสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ พุทฺธุปฎฺฐานํ คนฺตพฺพํ, อิทญฺจ เวฬุวนํ อติทูเร, มยฺหํ อุยฺยานํ อมฺพวนํ อาสนฺนตรํ, ยํนูนาหเมตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรยฺย’’นฺติฯ โส ตสฺมิํ อมฺพวเน รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานเลณกุฎิมณฺฑปาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ภควโต อนุจฺฉวิกํ คนฺธกุฎิํ กาเรตฺวา อมฺพวนํ อฎฺฐารสหตฺถุเพฺพเธน ตมฺพปฎฺฎวเณฺณน ปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ จีวรภเตฺตน สนฺตเปฺปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ปาเตตฺวา วิหารํ นิยฺยาเตสิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเน’’ติฯ

    Ayaṃ pana jīvako ekasmiṃ samaye bhagavato dosābhisannaṃ kāyaṃ virecetvā sīveyyakaṃ dussayugaṃ datvā vatthānumodanapariyosāne sotāpattiphale patiṭṭhāya cintesi – ‘‘mayā divasassa dvattikkhattuṃ buddhupaṭṭhānaṃ gantabbaṃ, idañca veḷuvanaṃ atidūre, mayhaṃ uyyānaṃ ambavanaṃ āsannataraṃ, yaṃnūnāhamettha bhagavato vihāraṃ kāreyya’’nti. So tasmiṃ ambavane rattiṭṭhānadivāṭṭhānaleṇakuṭimaṇḍapādīni sampādetvā bhagavato anucchavikaṃ gandhakuṭiṃ kāretvā ambavanaṃ aṭṭhārasahatthubbedhena tambapaṭṭavaṇṇena pākārena parikkhipāpetvā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ cīvarabhattena santappetvā dakkhiṇodakaṃ pātetvā vihāraṃ niyyātesi. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘jīvakassa komārabhaccassa ambavane’’ti.

    อารภนฺตีติ ฆาเตนฺติฯ อุทฺทิสฺสกตนฺติ อุทฺทิสิตฺวา กตํฯ ปฎิจฺจกมฺมนฺติ อตฺตานํ ปฎิจฺจ กตํฯ อถ วา ปฎิจฺจกมฺมนฺติ นิมิตฺตกมฺมเสฺสตํ อธิวจนํ, ตํ ปฎิจฺจ กมฺมเมตฺถ อตฺถีติ มํสํ ‘‘ปฎิจฺจกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ โหติ โย เอวรูปํ มํสํ ปริภุญฺชติ, โสปิ ตสฺส กมฺมสฺส ทายาโท โหติ, วธกสฺส วิย ตสฺสาปิ ปาณฆาตกมฺมํ โหตีติ เตสํ ลทฺธิฯ ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺตีติ ภควตา วุตฺตการณสฺส อนุการณํ กเถนฺติฯ เอตฺถ จ การณํ นาม ติโกฎิปริสุทฺธมจฺฉมํสปริโภโค, อนุการณํ นาม มหาชนสฺส ตถา พฺยากรณํฯ ยสฺมา ปน ภควา อุทฺทิสฺสกตํ น ปริภุญฺชติ, ตสฺมา เนว ตํ การณํ โหติ, น ติตฺถิยานํ ตถา พฺยากรณํ อนุการณํฯ สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา อนุวาโท วา วิญฺญูหิ ครหิตพฺพการณํ โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กิํ น อาคจฺฉติ ฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘กิํ สพฺพากาเรนปิ ตุมฺหากํ วาเท คารยฺหํ การณํ นตฺถี’’ติฯ อพฺภาจิกฺขนฺตีติ อภิภวิตฺวา อาจิกฺขนฺติฯ

    Ārabhantīti ghātenti. Uddissakatanti uddisitvā kataṃ. Paṭiccakammanti attānaṃ paṭicca kataṃ. Atha vā paṭiccakammanti nimittakammassetaṃ adhivacanaṃ, taṃ paṭicca kammamettha atthīti maṃsaṃ ‘‘paṭiccakamma’’nti vuttaṃ hoti yo evarūpaṃ maṃsaṃ paribhuñjati, sopi tassa kammassa dāyādo hoti, vadhakassa viya tassāpi pāṇaghātakammaṃ hotīti tesaṃ laddhi. Dhammassa cānudhammaṃ byākarontīti bhagavatā vuttakāraṇassa anukāraṇaṃ kathenti. Ettha ca kāraṇaṃ nāma tikoṭiparisuddhamacchamaṃsaparibhogo, anukāraṇaṃ nāma mahājanassa tathā byākaraṇaṃ. Yasmā pana bhagavā uddissakataṃ na paribhuñjati, tasmā neva taṃ kāraṇaṃ hoti, na titthiyānaṃ tathā byākaraṇaṃ anukāraṇaṃ. Sahadhammiko vādānuvādoti parehi vuttakāraṇena sakāraṇo hutvā tumhākaṃ vādo vā anuvādo vā viññūhi garahitabbakāraṇaṃ koci appamattakopi kiṃ na āgacchati . Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘kiṃ sabbākārenapi tumhākaṃ vāde gārayhaṃ kāraṇaṃ natthī’’ti. Abbhācikkhantīti abhibhavitvā ācikkhanti.

    ๕๒. ฐาเนหีติ การเณหิฯ ทิฎฺฐาทีสุ ทิฎฺฐํ นาม ภิกฺขูนํ อตฺถาย มิคมเจฺฉ วธิตฺวา คยฺหมานํ ทิฎฺฐํฯ สุตํ นาม ภิกฺขูนํ อตฺถาย มิคมเจฺฉ วธิตฺวา คหิตนฺติ สุตํฯ ปริสงฺกิตํ นาม ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ สุตปริสงฺกิตํ ตทุภยวิมุตฺตปริสงฺกิตนฺติ ติวิธํ โหติฯ

    52.Ṭhānehīti kāraṇehi. Diṭṭhādīsu diṭṭhaṃ nāma bhikkhūnaṃ atthāya migamacche vadhitvā gayhamānaṃ diṭṭhaṃ. Sutaṃ nāma bhikkhūnaṃ atthāya migamacche vadhitvā gahitanti sutaṃ. Parisaṅkitaṃ nāma diṭṭhaparisaṅkitaṃ sutaparisaṅkitaṃ tadubhayavimuttaparisaṅkitanti tividhaṃ hoti.

    ตตฺรายํ สพฺพสงฺคาหกวินิจฺฉโย – อิธ ภิกฺขู ปสฺสนฺติ มนุเสฺส ชาลวาคุราทิหเตฺถ คามโต วา นิกฺขมเนฺต อรเญฺญ วา วิจรเนฺตฯ ทุติยทิวเส จ เนสํ ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐานํ สมจฺฉมํสํ ปิณฺฑปาตํ อภิหรนฺติฯ เต เตน ทิเฎฺฐน ปริสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อตฺถาย กต’’นฺติ, อิทํ ทิฎฺฐปริสงฺกิตํ นาม, เอตํ คเหตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ เอวํ อปริสงฺกิตํ, ตํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน เต มนุสฺสา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นยิทํ, ภเนฺต, ภิกฺขูนํ อตฺถาย กตํ, อเมฺหหิ อตฺตโน อตฺถาย วา ราชยุตฺตาทีนํ อตฺถาย วา กต’’นฺติ วทนฺติ, กปฺปติฯ

    Tatrāyaṃ sabbasaṅgāhakavinicchayo – idha bhikkhū passanti manusse jālavāgurādihatthe gāmato vā nikkhamante araññe vā vicarante. Dutiyadivase ca nesaṃ taṃ gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhānaṃ samacchamaṃsaṃ piṇḍapātaṃ abhiharanti. Te tena diṭṭhena parisaṅkanti ‘‘bhikkhūnaṃ nu kho atthāya kata’’nti, idaṃ diṭṭhaparisaṅkitaṃ nāma, etaṃ gahetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ evaṃ aparisaṅkitaṃ, taṃ vaṭṭati. Sace pana te manussā ‘‘kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā ‘‘nayidaṃ, bhante, bhikkhūnaṃ atthāya kataṃ, amhehi attano atthāya vā rājayuttādīnaṃ atthāya vā kata’’nti vadanti, kappati.

    น เหว โข ภิกฺขู ปสฺสนฺติ, อปิจ สุณนฺติ ‘‘มนุสฺสา กิร ชาลวาคุราทิหตฺถา คามโต วา นิกฺขมนฺติ อรเญฺญ วา วิจรนฺตี’’ติฯ ทุติยทิวเส จ เนสํ ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐานํ สมจฺฉมํสํ ปิณฺฑปาตํ อภิหรนฺติฯ เต เตน สุเตน ปริสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อตฺถาย กต’’นฺติ, อิทํ สุตปริสงฺกิตํ นาม, เอตํ คเหตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ เอวํ อปริสงฺกิตํ, ตํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน เต มนุสฺสา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นยิทํ, ภเนฺต, ภิกฺขูนํ อตฺถาย กตํ, อเมฺหหิ อตฺตโน อตฺถาย วา ราชยุตฺตาทีนํ อตฺถาย วา กต’’นฺติ วทนฺติ, กปฺปติฯ

    Na heva kho bhikkhū passanti, apica suṇanti ‘‘manussā kira jālavāgurādihatthā gāmato vā nikkhamanti araññe vā vicarantī’’ti. Dutiyadivase ca nesaṃ taṃ gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhānaṃ samacchamaṃsaṃ piṇḍapātaṃ abhiharanti. Te tena sutena parisaṅkanti ‘‘bhikkhūnaṃ nu kho atthāya kata’’nti, idaṃ sutaparisaṅkitaṃ nāma, etaṃ gahetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ evaṃ aparisaṅkitaṃ, taṃ vaṭṭati. Sace pana te manussā ‘‘kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā ‘‘nayidaṃ, bhante, bhikkhūnaṃ atthāya kataṃ, amhehi attano atthāya vā rājayuttādīnaṃ atthāya vā kata’’nti vadanti, kappati.

    น เหว โข ปน ปสฺสนฺติ น สุณนฺติ, อปิจ เตสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐานํ ปตฺตํ คเหตฺวา สมจฺฉมํสํ ปิณฺฑปาตํ อภิสงฺขริตฺวา อภิหรนฺติฯ เต ปริสงฺกนฺติ ‘‘ภิกฺขูนํ นุ โข อตฺถาย กต’’นฺติ, อิทํ ตทุภยวิมุตฺตปริสงฺกิตํ นามฯ เอตมฺปิ คเหตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ เอวํ อปริสงฺกิตํ, ตํ วฎฺฎติ ฯ สเจ ปน เต มนุสฺสา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, น คณฺหถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นยิทํ, ภเนฺต, ภิกฺขูนํ อตฺถาย กตํ, อเมฺหหิ อตฺตโน อตฺถาย วา ราชยุตฺตาทีนํ อตฺถาย วา กตํ, ปวตฺตมํสํ วา กตํ, กปฺปิยเมว ลภิตฺวา ภิกฺขูนํ อตฺถาย สมฺปาทิต’’นฺติ วทนฺติ, กปฺปติฯ

    Na heva kho pana passanti na suṇanti, apica tesaṃ gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhānaṃ pattaṃ gahetvā samacchamaṃsaṃ piṇḍapātaṃ abhisaṅkharitvā abhiharanti. Te parisaṅkanti ‘‘bhikkhūnaṃ nu kho atthāya kata’’nti, idaṃ tadubhayavimuttaparisaṅkitaṃ nāma. Etampi gahetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ evaṃ aparisaṅkitaṃ, taṃ vaṭṭati . Sace pana te manussā ‘‘kasmā, bhante, na gaṇhathā’’ti pucchitvā tamatthaṃ sutvā ‘‘nayidaṃ, bhante, bhikkhūnaṃ atthāya kataṃ, amhehi attano atthāya vā rājayuttādīnaṃ atthāya vā kataṃ, pavattamaṃsaṃ vā kataṃ, kappiyameva labhitvā bhikkhūnaṃ atthāya sampādita’’nti vadanti, kappati.

    มตานํ เปตกิจฺจตฺถาย มงฺคลาทีนํ วา อตฺถาย กเตปิ เอเสว นโยฯ ยํ ยญฺหิ ภิกฺขูนํเยว อตฺถาย อกตํ, ยตฺถ จ นิเพฺพมติกา โหนฺติ, ตํ สพฺพํ กปฺปติฯ สเจ ปน เอกสฺมิํ วิหาเร ภิกฺขู อุทฺทิสฺส กตํ โหติ, เต จ อตฺตโน อตฺถาย กตภาวํ น ชานนฺติ, อเญฺญ ชานนฺติฯ เย ชานนฺติ, เตสํ น วฎฺฎติ, อิตเรสํ วฎฺฎติฯ อเญฺญ น ชานนฺติ, เตเยว ชานนฺติ, เตสํเยว น วฎฺฎติ, อเญฺญสํ วฎฺฎติฯ เตปิ ‘‘อมฺหากํ อตฺถาย กตํ’’ติ ชานนฺติ อเญฺญปิ ‘‘เอเตสํ อตฺถาย กต’’นฺติ ชานนฺติ, สเพฺพสมฺปิ ตํ น วฎฺฎติฯ สเพฺพ น ชานนฺติ, สเพฺพสํ วฎฺฎติฯ ปญฺจสุ หิ สหธมฺมิเกสุ ยสฺส กสฺสจิ วา อตฺถาย อุทฺทิสฺส กตํ สเพฺพสํ น กปฺปติฯ

    Matānaṃ petakiccatthāya maṅgalādīnaṃ vā atthāya katepi eseva nayo. Yaṃ yañhi bhikkhūnaṃyeva atthāya akataṃ, yattha ca nibbematikā honti, taṃ sabbaṃ kappati. Sace pana ekasmiṃ vihāre bhikkhū uddissa kataṃ hoti, te ca attano atthāya katabhāvaṃ na jānanti, aññe jānanti. Ye jānanti, tesaṃ na vaṭṭati, itaresaṃ vaṭṭati. Aññe na jānanti, teyeva jānanti, tesaṃyeva na vaṭṭati, aññesaṃ vaṭṭati. Tepi ‘‘amhākaṃ atthāya kataṃ’’ti jānanti aññepi ‘‘etesaṃ atthāya kata’’nti jānanti, sabbesampi taṃ na vaṭṭati. Sabbe na jānanti, sabbesaṃ vaṭṭati. Pañcasu hi sahadhammikesu yassa kassaci vā atthāya uddissa kataṃ sabbesaṃ na kappati.

    สเจ ปน โกจิ เอกํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส ปาณํ วธิตฺวา ตสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา เทติ, โส เจ อตฺตโน อตฺถาย กตภาวํ ชานํเยว คเหตฺวา อญฺญสฺส ภิกฺขุโน เทติ, โส ตสฺส สทฺธาย ปริภุญฺชติฯ กสฺสาปตฺตีติ? ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติฯ ยญฺหิ อุทฺทิสฺส กตํ, ตสฺส อภุตฺตตาย อนาปตฺติ, อิตรสฺส อชานนตายฯ กปฺปิยมํสสฺส หิ ปฎิคฺคหเณ อาปตฺติ นตฺถิฯ อุทฺทิสฺสกตญฺจ อชานิตฺวา ภุตฺตสฺส ปจฺฉา ญตฺวา อาปตฺติเทสนากิจฺจํ นาม นตฺถิฯ อกปฺปิยมํสํ ปน อชานิตฺวา ภุเตฺตน ปจฺฉา ญตฺวาปิ อาปตฺติ เทเสตพฺพาฯ อุทฺทิสฺสกตญฺหิ ญตฺวา ภุญฺชโตว อาปตฺติ, อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภุตฺตสฺสาปิ อาปตฺติเยวฯ ตสฺมา อาปตฺติภีรุเกน รูปํ สลฺลเกฺขเนฺตนาปิ ปุจฺฉิตฺวาว มํสํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ปริโภคกาเล ปุจฺฉิตฺวา ปริภุญฺชิสฺสามีติ วา คเหตฺวา ปุจฺฉิตฺวาว ปริภุญฺชิตพฺพํฯ กสฺมา? ทุวิเญฺญยฺยตฺตาฯ อจฺฉมํสญฺหิ สูกรมํสสทิสํ โหติ, ทีปิมํสาทีนิ จ มิคมํสสทิสานิ, ตสฺมา ปุจฺฉิตฺวา คหณเมว วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ

    Sace pana koci ekaṃ bhikkhuṃ uddissa pāṇaṃ vadhitvā tassa pattaṃ pūretvā deti, so ce attano atthāya katabhāvaṃ jānaṃyeva gahetvā aññassa bhikkhuno deti, so tassa saddhāya paribhuñjati. Kassāpattīti? Dvinnampi anāpatti. Yañhi uddissa kataṃ, tassa abhuttatāya anāpatti, itarassa ajānanatāya. Kappiyamaṃsassa hi paṭiggahaṇe āpatti natthi. Uddissakatañca ajānitvā bhuttassa pacchā ñatvā āpattidesanākiccaṃ nāma natthi. Akappiyamaṃsaṃ pana ajānitvā bhuttena pacchā ñatvāpi āpatti desetabbā. Uddissakatañhi ñatvā bhuñjatova āpatti, akappiyamaṃsaṃ ajānitvā bhuttassāpi āpattiyeva. Tasmā āpattibhīrukena rūpaṃ sallakkhentenāpi pucchitvāva maṃsaṃ paṭiggahetabbaṃ, paribhogakāle pucchitvā paribhuñjissāmīti vā gahetvā pucchitvāva paribhuñjitabbaṃ. Kasmā? Duviññeyyattā. Acchamaṃsañhi sūkaramaṃsasadisaṃ hoti, dīpimaṃsādīni ca migamaṃsasadisāni, tasmā pucchitvā gahaṇameva vaṭṭatīti vadanti.

    อทิฎฺฐนฺติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย วธิตฺวา คยฺหมานํ อทิฎฺฐํฯ อสุตนฺติ ภิกฺขูนํ อตฺถาย วธิตฺวา คหิตนฺติ อสุตํฯ อปริสงฺกิตนฺติ ทิฎฺฐปริสงฺกิตาทิวเสน อปริสงฺกิตํฯ ปริโภคนฺติ วทามีติ อิเมหิ ตีหิ การเณหิ ปริสุทฺธํ ติโกฎิปริสุทฺธํ นาม โหติ, ตสฺส ปริโภโค อรเญฺญ ชาตสูเปยฺยสากปริโภคสทิโส โหติ, ตถารูปํ ปริภุญฺชนฺตสฺส เมตฺตาวิหาริสฺส ภิกฺขุโน โทโส วา วชฺชํ วา นตฺถิ, ตสฺมา ตํ ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ วทามีติ อโตฺถฯ

    Adiṭṭhanti bhikkhūnaṃ atthāya vadhitvā gayhamānaṃ adiṭṭhaṃ. Asutanti bhikkhūnaṃ atthāya vadhitvā gahitanti asutaṃ. Aparisaṅkitanti diṭṭhaparisaṅkitādivasena aparisaṅkitaṃ. Paribhoganti vadāmīti imehi tīhi kāraṇehi parisuddhaṃ tikoṭiparisuddhaṃ nāma hoti, tassa paribhogo araññe jātasūpeyyasākaparibhogasadiso hoti, tathārūpaṃ paribhuñjantassa mettāvihārissa bhikkhuno doso vā vajjaṃ vā natthi, tasmā taṃ paribhuñjitabbanti vadāmīti attho.

    ๕๓. อิทานิ ตาทิสสฺส ปริโภเค เมตฺตาวิหาริโนปิ อนวชฺชตํ ทเสฺสตุํ อิธ, ชีวก, ภิกฺขูติอาทิมาหฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อนิยเมตฺวา ภิกฺขูติ วุตฺตํ, อถ โข อตฺตานเมว สนฺธาย เอตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ภควตา หิ มหาวจฺฉโคตฺตสุเตฺต, จงฺกีสุเตฺต, อิมสฺมิํ สุเตฺตติ ตีสุ ฐาเนสุ อตฺตานํเยว สนฺธาย เทสนา กตาฯ ปณีเตน ปิณฺฑปาเตนาติ เหฎฺฐา อนงฺคณสุเตฺต โย โกจิ มหโคฺฆ ปิณฺฑปาโต ปณีตปิณฺฑปาโตติ อธิเปฺปโต, อิธ ปน มํสูปเสจโนว อธิเปฺปโตฯ อคถิโตติ ตณฺหาย อคถิโตฯ อมุจฺฉิโตติ ตณฺหามุจฺฉนาย อมุจฺฉิโตฯ อนโชฺฌปโนฺนติ น อธิโอปโนฺน, สพฺพํ อาลุมฺปิตฺวา เอกปฺปหาเรเนว คิลิตุกาโม กาโก วิย น โหตีติ อโตฺถฯ อาทีนวทสฺสาวีติ เอกรตฺติวาเสน อุทรปฎลํ ปวิสิตฺวา นวหิ วณมุเขหิ นิกฺขมิสฺสตีติอาทินา นเยน อาทีนวํ ปสฺสโนฺตฯ นิสฺสรณปโญฺญ ปริภุญฺชตีติ อิทมตฺถมาหารปริโภโคติ ปญฺญาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชติฯ อตฺตพฺยาพาธาย วา เจเตตีติ อตฺตทุกฺขาย วา จิเตติฯ สุตเมตนฺติ สุตํ มยา เอตํ ปุเพฺพ, เอตํ มยฺหํ สวนมตฺตเมวาติ ทเสฺสติฯ สเจ โข เต, ชีวก, อิทํ สนฺธาย ภาสิตนฺติ, ชีวก, มหาพฺรหฺมุนา วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน พฺยาปาทาทโย ปหีนา, เตน โส เมตฺตาวิหารี มยฺหํ สมุเจฺฉทปฺปหาเนน, สเจ เต อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ, เอวํ สเนฺต ตว อิทํ วจนํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ โส สมฺปฎิจฺฉิฯ

    53. Idāni tādisassa paribhoge mettāvihārinopi anavajjataṃ dassetuṃ idha, jīvaka, bhikkhūtiādimāha. Tattha kiñcāpi aniyametvā bhikkhūti vuttaṃ, atha kho attānameva sandhāya etaṃ vuttanti veditabbaṃ. Bhagavatā hi mahāvacchagottasutte, caṅkīsutte, imasmiṃ sutteti tīsu ṭhānesu attānaṃyeva sandhāya desanā katā. Paṇītenapiṇḍapātenāti heṭṭhā anaṅgaṇasutte yo koci mahaggho piṇḍapāto paṇītapiṇḍapātoti adhippeto, idha pana maṃsūpasecanova adhippeto. Agathitoti taṇhāya agathito. Amucchitoti taṇhāmucchanāya amucchito. Anajjhopannoti na adhiopanno, sabbaṃ ālumpitvā ekappahāreneva gilitukāmo kāko viya na hotīti attho. Ādīnavadassāvīti ekarattivāsena udarapaṭalaṃ pavisitvā navahi vaṇamukhehi nikkhamissatītiādinā nayena ādīnavaṃ passanto. Nissaraṇapañño paribhuñjatīti idamatthamāhāraparibhogoti paññāya paricchinditvā paribhuñjati. Attabyābādhāya vā cetetīti attadukkhāya vā citeti. Sutametanti sutaṃ mayā etaṃ pubbe, etaṃ mayhaṃ savanamattamevāti dasseti. Sace kho te, jīvaka, idaṃ sandhāya bhāsitanti, jīvaka, mahābrahmunā vikkhambhanappahānena byāpādādayo pahīnā, tena so mettāvihārī mayhaṃ samucchedappahānena, sace te idaṃ sandhāya bhāsitaṃ, evaṃ sante tava idaṃ vacanaṃ anujānāmīti attho. So sampaṭicchi.

    ๕๔. อถสฺส ภควา เสสพฺรหฺมวิหารวเสนาปิ อุตฺตริ เทสนํ วเฑฺฒโนฺต ‘‘อิธ, ชีวก, ภิกฺขู’’ติอาทิมาหฯ ตํ อุตฺตานตฺถเมวฯ

    54. Athassa bhagavā sesabrahmavihāravasenāpi uttari desanaṃ vaḍḍhento ‘‘idha, jīvaka, bhikkhū’’tiādimāha. Taṃ uttānatthameva.

    ๕๕. โย โข ชีวกาติ อยํ ปาฎิเอโกฺก อนุสนฺธิฯ อิมสฺมิญฺหิ ฐาเน ภควา ทฺวารํ ถเกติ, สตฺตานุทฺทยํ ทเสฺสติฯ สเจ หิ กสฺสจิ เอวมสฺส ‘‘เอกํ รสปิณฺฑปาตํ ทตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ สคฺคสมฺปตฺติํ ปฎิลภนฺติ, ยํกิญฺจิ กตฺวา ปรํ มาเรตฺวาปิ รสปิณฺฑปาโตว ทาตโพฺพ’’ติ, ตํ ปฎิเสเธโนฺต ‘‘โย โข, ชีวก, ตถาคตํ วา’’ติอาทิมาหฯ

    55.Yokho jīvakāti ayaṃ pāṭiekko anusandhi. Imasmiñhi ṭhāne bhagavā dvāraṃ thaketi, sattānuddayaṃ dasseti. Sace hi kassaci evamassa ‘‘ekaṃ rasapiṇḍapātaṃ datvā kappasatasahassaṃ saggasampattiṃ paṭilabhanti, yaṃkiñci katvā paraṃ māretvāpi rasapiṇḍapātova dātabbo’’ti, taṃ paṭisedhento ‘‘yo kho, jīvaka, tathāgataṃ vā’’tiādimāha.

    ตตฺถ อิมินา ปฐเมน ฐาเนนาติ อิมินา อาณตฺติมเตฺตเนว ตาว ปฐเมน การเณนฯ คลปฺปเวธเกนาติ โยเตฺตน คเล พนฺธิตฺวา กฑฺฒิโต คเลน ปเวเธเนฺตนฯ อารภิยมาโนติ มาริยมาโนฯ อกปฺปิเยน อาสาเทตีติ อจฺฉมํสํ สูกรมํสนฺติ, ทีปิมํสํ วา มิคมํสนฺติ ขาทาเปตฺวา – ‘‘ตฺวํ กิํ สมโณ นาม, อกปฺปิยมํสํ เต ขาทิต’’นฺติ ฆเฎฺฎติฯ เย ปน ทุพฺภิกฺขาทีสุ วา พฺยาธินิคฺคหณตฺถํ วา ‘‘อจฺฉมํสํ นาม สูกรมํสสทิสํ, ทีปิมํสํ มิคมํสสทิส’’นฺติ ชานนฺตา ‘‘สูกรมํสํ อิทํ, มิคมํสํ อิท’’นฺติ วตฺวา หิตชฺฌาสเยน ขาทาเปนฺติ, น เต สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เตสญฺหิ พหุปุญฺญเมว โหติฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจาติ อยํ อาคตผโล วิญฺญาตสาสโน ทิฎฺฐสโจฺจ อริยสาวโกฯ อิมํ ปน ธมฺมเทสนํ โอคาหโนฺต ปสาทํ อุปฺปาเทตฺวา ธมฺมกถาย ถุติํ กโรโนฺต เอวมาหฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha iminā paṭhamena ṭhānenāti iminā āṇattimatteneva tāva paṭhamena kāraṇena. Galappavedhakenāti yottena gale bandhitvā kaḍḍhito galena pavedhentena. Ārabhiyamānoti māriyamāno. Akappiyena āsādetīti acchamaṃsaṃ sūkaramaṃsanti, dīpimaṃsaṃ vā migamaṃsanti khādāpetvā – ‘‘tvaṃ kiṃ samaṇo nāma, akappiyamaṃsaṃ te khādita’’nti ghaṭṭeti. Ye pana dubbhikkhādīsu vā byādhiniggahaṇatthaṃ vā ‘‘acchamaṃsaṃ nāma sūkaramaṃsasadisaṃ, dīpimaṃsaṃ migamaṃsasadisa’’nti jānantā ‘‘sūkaramaṃsaṃ idaṃ, migamaṃsaṃ ida’’nti vatvā hitajjhāsayena khādāpenti, na te sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tesañhi bahupuññameva hoti. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañcāti ayaṃ āgataphalo viññātasāsano diṭṭhasacco ariyasāvako. Imaṃ pana dhammadesanaṃ ogāhanto pasādaṃ uppādetvā dhammakathāya thutiṃ karonto evamāha. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    ชีวกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Jīvakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๕. ชีวกสุตฺตํ • 5. Jīvakasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. ชีวกสุตฺตวณฺณนา • 5. Jīvakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact