Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๒. ชีวิกสุตฺตวณฺณนา

    2. Jīvikasuttavaṇṇanā

    ๙๑. ทุติยํ อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน เทสิตํฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย ภควติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเม วิหรเนฺต ภิกฺขู อาคนฺตุกภิกฺขูนํ เสนาสนานิ ปญฺญาเปนฺตา ปตฺตจีวรานิ ปฎิสาเมนฺตา สามเณรา จ ลาภภาชนียฎฺฐาเน สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ลาภํ คณฺหนฺตา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อเหสุํฯ ตํ สุตฺวา ภควา ภิกฺขู ปณาเมสิฯ เต กิร สเพฺพว นวา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํฯ ตํ ญตฺวา มหาพฺรหฺมา อาคนฺตฺวา ‘‘อภินนฺทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๕๘) เตสํ ปณามิตภิกฺขูนํ อนุคฺคณฺหนํ ยาจิฯ ภควา ตสฺส โอกาสํ อกาสิฯ อถ มหาพฺรหฺมา ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ ภควา ‘‘ภิกฺขุสโงฺฆ อาคจฺฉตู’’ติ อานนฺทเตฺถรสฺส อาการํ ทเสฺสสิฯ อถ เต ภิกฺขู อานนฺทเตฺถเรน ปโกฺกสิตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สารชฺชมานรูปา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ ภควา เตสํ สปฺปายเทสนํ วีมํสโนฺต ‘‘อิเม อามิสเหตุ ปณามิตา, ปิณฺฑิยาโลปธมฺมเทสนา เนสํ สปฺปายา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว’’ติ อิมํ เทสนํ เทเสสิฯ

    91. Dutiyaṃ aṭṭhuppattivasena desitaṃ. Ekasmiñhi samaye bhagavati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme viharante bhikkhū āgantukabhikkhūnaṃ senāsanāni paññāpentā pattacīvarāni paṭisāmentā sāmaṇerā ca lābhabhājanīyaṭṭhāne sampattasampattānaṃ lābhaṃ gaṇhantā uccāsaddā mahāsaddā ahesuṃ. Taṃ sutvā bhagavā bhikkhū paṇāmesi. Te kira sabbeva navā adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ. Taṃ ñatvā mahābrahmā āgantvā ‘‘abhinandatu, bhante, bhagavā bhikkhusaṅgha’’nti (ma. ni. 2.158) tesaṃ paṇāmitabhikkhūnaṃ anuggaṇhanaṃ yāci. Bhagavā tassa okāsaṃ akāsi. Atha mahābrahmā ‘‘katāvakāso khomhi bhagavatā’’ti bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha bhagavā ‘‘bhikkhusaṅgho āgacchatū’’ti ānandattherassa ākāraṃ dassesi. Atha te bhikkhū ānandattherena pakkositā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā sārajjamānarūpā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Bhagavā tesaṃ sappāyadesanaṃ vīmaṃsanto ‘‘ime āmisahetu paṇāmitā, piṇḍiyālopadhammadesanā nesaṃ sappāyā’’ti cintetvā ‘‘antamidaṃ, bhikkhave’’ti imaṃ desanaṃ desesi.

    ตตฺรายํ อนฺตสโทฺท ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙) โกฎฺฐาเส อาคโตฯ ‘‘อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺส, อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฎุโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๕) ปริเจฺฉเทฯ ‘‘หริตนฺตํ วา ปถนฺตํ วา เสลนฺตํ วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) มริยาทายํฯ ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺติํสาการ) สรีราวยเว ‘‘จรนฺติ โลเก ปริวารฉนฺนา, อโนฺต อสุทฺธา พหิ โสภมานา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๒; มหานิ. ๑๙๑) จิเตฺตฯ ‘‘อเปฺปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อโนฺต นิมุคฺคโปสีนี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙) อพฺภนฺตเรฯ

    Tatrāyaṃ antasaddo ‘‘santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino’’tiādīsu (dī. ni. 1.29) koṭṭhāse āgato. ‘‘Antamakāsi dukkhassa, antavā ayaṃ loko parivaṭumo’’tiādīsu (dī. ni. 1.55) paricchede. ‘‘Haritantaṃ vā pathantaṃ vā selantaṃ vā’’tiādīsu (ma. ni. 1.304) mariyādāyaṃ. ‘‘Antaṃ antaguṇa’’ntiādīsu (dī. ni. 2.377; khu. pā. 3.dvattiṃsākāra) sarīrāvayave ‘‘caranti loke parivārachannā, anto asuddhā bahi sobhamānā’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.122; mahāni. 191) citte. ‘‘Appekaccāni uppalāni vā padumāni vā puṇḍarīkāni vā udake jātāni udake saṃvaḍḍhāni udakānuggatāni anto nimuggaposīnī’’tiādīsu (dī. ni. 2.69; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 9) abbhantare.

    ‘‘มิคานํ โกฎฺฐุโก อโนฺต, ปกฺขีนํ ปน วายโส;

    ‘‘Migānaṃ koṭṭhuko anto, pakkhīnaṃ pana vāyaso;

    เอรโณฺฑ อโนฺต รุกฺขานํ, ตโย อนฺตา สมาคตา’’ติฯ (ชา. ๑.๓.๑๓๕) –

    Eraṇḍo anto rukkhānaṃ, tayo antā samāgatā’’ti. (jā. 1.3.135) –

    อาทีสุ ลามเกฯ อิธาปิ ลามเก เอว ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺมา อนฺตมิทํ ภิกฺขเว ชีวิกานนฺติ ภิกฺขเว อิทํ ชีวิกานํ อนฺตํ ปจฺฉิมํ ลามกํ, สพฺพนิหีนํ ชีวิตนฺติ อโตฺถฯ ยทิทํ ปิโณฺฑลฺยนฺติ ยํ อิทํ ปิณฺฑปริเยสเนน ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กเปฺปนฺตสฺส ชีวิตํฯ อยํ ปเนตฺถ ปทโตฺถ – ปิณฺฑาย อุลตีติ ปิโณฺฑโล, ตสฺส กมฺมํ ปิโณฺฑลฺยํ, ปิณฺฑปริเยสเนน ชีวิกาติ อโตฺถฯ

    Ādīsu lāmake. Idhāpi lāmake eva daṭṭhabbo. Tasmā antamidaṃ bhikkhave jīvikānanti bhikkhave idaṃ jīvikānaṃ antaṃ pacchimaṃ lāmakaṃ, sabbanihīnaṃ jīvitanti attho. Yadidaṃ piṇḍolyanti yaṃ idaṃ piṇḍapariyesanena bhikkhācariyāya jīvikaṃ kappentassa jīvitaṃ. Ayaṃ panettha padattho – piṇḍāya ulatīti piṇḍolo, tassa kammaṃ piṇḍolyaṃ, piṇḍapariyesanena jīvikāti attho.

    อภิสาโปติ อโกฺกโสฯ กุปิตา หิ มนุสฺสา อตฺตโน ปจฺจตฺถิกํ ‘‘ปิโลติกขณฺฑํ นิวาเสตฺวา กปาลหโตฺถ ปิณฺฑํ ปริเยสมาโน จเรยฺยาสี’’ติ อโกฺกสนฺติฯ อถ วา ‘‘กิํ ตุยฺหํ อกาตพฺพํ อตฺถิ, โย ตฺวํ เอวํ พลวีริยูปปโนฺนปิ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย กปโณ ปิโณฺฑโล วิจรสิ ปตฺตปาณี’’ติ เอวมฺปิ อโกฺกสนฺติเยวฯ ตญฺจ โข เอตนฺติ ตํ เอตํ อภิสปมฺปิ สมานํ ปิโณฺฑลฺยํฯ กุลปุตฺตา อุเปนฺติ อตฺถวสิกาติ มม สาสเน ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ อตฺถวสิกา การณวสิกา หุตฺวา การณวสํ ปฎิจฺจ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติฯ

    Abhisāpoti akkoso. Kupitā hi manussā attano paccatthikaṃ ‘‘pilotikakhaṇḍaṃ nivāsetvā kapālahattho piṇḍaṃ pariyesamāno careyyāsī’’ti akkosanti. Atha vā ‘‘kiṃ tuyhaṃ akātabbaṃ atthi, yo tvaṃ evaṃ balavīriyūpapannopi hirottappaṃ pahāya kapaṇo piṇḍolo vicarasi pattapāṇī’’ti evampi akkosantiyeva. Tañcakho etanti taṃ etaṃ abhisapampi samānaṃ piṇḍolyaṃ. Kulaputtā upenti atthavasikāti mama sāsane jātikulaputtā ca ācārakulaputtā ca atthavasikā kāraṇavasikā hutvā kāraṇavasaṃ paṭicca upenti upagacchanti.

    ราชาภินีตาติอาทีสุ เย รโญฺญ สนฺตกํ ขาทิตฺวา รญฺญา พนฺธนาคาเร พนฺธาปิตา ปลายิตฺวา ปพฺพชนฺติ, เต รญฺญา พนฺธนํ อภินีตตฺตา ราชาภินีตา นามฯ เย ปน โจเรหิ อฎวิยํ คเหตฺวา เอกเจฺจสุ มาริยมาเนสุ เอกเจฺจ ‘‘มยํ สามิ ตุเมฺหหิ วิสฺสฎฺฐา เคหํ อนชฺฌาวสิตฺวา ปพฺพชิสฺสาม, ตตฺถ ตตฺถ ยํ ยํ พุทฺธปูชาทิปุญฺญํ กริสฺสาม, ตโต ตโต ตุมฺหากํ ปตฺติํ ทสฺสามา’’ติ เตหิ วิสฺสฎฺฐา ปพฺพชนฺติ, เต โจราภินีตา นาม โจเรหิ มาเรตพฺพตํ อภินีตตฺตาฯ เย ปน อิณํ คเหตฺวา ปฎิทาตุํ อสโกฺกนฺตา ปลายิตฺวา ปพฺพชนฺติ, เต อิณฎฺฎา นามฯ ตญฺจ โข เอตํ ปิโณฺฑลฺยํ กุลปุตฺตา มม สาสเน เนว ราชาภินีตา…เป.… น อาชีวิกาปกตา อุเปนฺติ, อปิจ โข ‘‘โอติณฺณมฺหา ชาติยา…เป.… ปญฺญาเยถา’’ติ อุเปนฺตีติ ปทสมฺพโนฺธฯ

    Rājābhinītātiādīsu ye rañño santakaṃ khāditvā raññā bandhanāgāre bandhāpitā palāyitvā pabbajanti, te raññā bandhanaṃ abhinītattā rājābhinītā nāma. Ye pana corehi aṭaviyaṃ gahetvā ekaccesu māriyamānesu ekacce ‘‘mayaṃ sāmi tumhehi vissaṭṭhā gehaṃ anajjhāvasitvā pabbajissāma, tattha tattha yaṃ yaṃ buddhapūjādipuññaṃ karissāma, tato tato tumhākaṃ pattiṃ dassāmā’’ti tehi vissaṭṭhā pabbajanti, te corābhinītā nāma corehi māretabbataṃ abhinītattā. Ye pana iṇaṃ gahetvā paṭidātuṃ asakkontā palāyitvā pabbajanti, te iṇaṭṭā nāma. Tañca kho etaṃ piṇḍolyaṃ kulaputtā mama sāsane neva rājābhinītā…pe… na ājīvikāpakatā upenti, apica kho ‘‘otiṇṇamhā jātiyā…pe… paññāyethā’’ti upentīti padasambandho.

    ตตฺถ โอติณฺณมฺหาติ โอติณฺณา อมฺหาฯ ชาติยาติอาทีสุ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ขนฺธานํ ปฐมาภินิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณํฯ ญาติโรคโภคสีลทิฎฺฐิพฺยสเนหิ ผุฎฺฐสฺส สนฺตาโป อโนฺต นิชฺฌานํ โสโก, เตหิ ผุฎฺฐสฺส วจีวิปฺปลาโป ปริเทโวฯ อนิฎฺฐโผฎฺฐพฺพปฎิหตกายสฺส กายปีฬนํ ทุกฺขํ, อาฆาตวตฺถูสุ อุปหตจิตฺตสฺส เจโตปีฬนํ โทมนสฺสํฯ ญาติพฺยสนาทีหิ เอว ผุฎฺฐสฺส ปริเทเวนปิ อธิวาเสตุํ อสมตฺถสฺส จิตฺตสนฺตาปสมุฎฺฐิโต ภุโส อายาโส อุปายาโสฯ เอเตหิ ชาติอาทีหิ โอติณฺณา ทุโกฺขติณฺณา, เตหิ ชาติอาทิทุเกฺขหิ อโนฺต อนุปวิฎฺฐาฯ ทุกฺขปเรตาติ เตหิ ทุกฺขทุกฺขวตฺถูหิ อภิภูตาฯ ชาติอาทโย หิ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขา, ทุกฺขภาวโต จ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ทุกฺขาติฯ อเปฺปว นาม…เป.… ปญฺญาเยถาติ อิมสฺส สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขราสิสฺส ปริเจฺฉทกรณํ โอสานกิริยา อปิ นาม ปญฺญาเยยฺยฯ

    Tattha otiṇṇamhāti otiṇṇā amhā. Jātiyātiādīsu tamhi tamhi sattanikāye khandhānaṃ paṭhamābhinibbatti jāti, paripāko jarā, bhedo maraṇaṃ. Ñātirogabhogasīladiṭṭhibyasanehi phuṭṭhassa santāpo anto nijjhānaṃ soko, tehi phuṭṭhassa vacīvippalāpo paridevo. Aniṭṭhaphoṭṭhabbapaṭihatakāyassa kāyapīḷanaṃ dukkhaṃ, āghātavatthūsu upahatacittassa cetopīḷanaṃ domanassaṃ. Ñātibyasanādīhi eva phuṭṭhassa paridevenapi adhivāsetuṃ asamatthassa cittasantāpasamuṭṭhito bhuso āyāso upāyāso. Etehi jātiādīhi otiṇṇā dukkhotiṇṇā, tehi jātiādidukkhehi anto anupaviṭṭhā. Dukkhaparetāti tehi dukkhadukkhavatthūhi abhibhūtā. Jātiādayo hi dukkhassa vatthubhāvato dukkhā, dukkhabhāvato ca sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā dukkhāti. Appeva nāma…pe… paññāyethāti imassa sakalassa vaṭṭadukkharāsissa paricchedakaraṇaṃ osānakiriyā api nāma paññāyeyya.

    โส จ โหติ อภิชฺฌาลูติ อิทํ โย กุลปุโตฺต ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ ปุเพฺพ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปพฺพชิโต อปรภาเค ตํ ปพฺพชฺชํ ตถารูปํ กาตุํ น สโกฺกติ, ตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อภิชฺฌาลูติ ปรภณฺฑานํ อภิชฺฌายิตาฯ ติพฺพสาราโคติ พลวราโคฯ พฺยาปนฺนจิโตฺตติ พฺยาปาเทน ปูติภูตตฺตา วิปนฺนจิโตฺตฯ ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺปติ ติขิณสิโงฺค วิย จณฺฑโคโณ ปเรสํ อุปฆาตวเสน ทุฎฺฐจิโตฺตฯ มุฎฺฐสฺสตีติ ภตฺตนิกฺขิตฺตกาโก วิย, มํสนิกฺขิตฺตสุนโข วิย จ นฎฺฐสฺสติ, อิธ กตํ เอตฺถ น สรติฯ อสมฺปชาโนติ นิปฺปโญฺญ ขนฺธาทิปริเจฺฉทรหิโตฯ อสมาหิโตติ จณฺฑโสเต พทฺธนาวา วิย อสณฺฐิโตฯ วิพฺภนฺตจิโตฺตติ ปนฺถารุฬฺหมิโค วิย ภนฺตมโนฯ ปากตินฺทฺริโยติ ยถา คิหี สํวราภาเวน ปริคฺคหปริชเน โอโลเกนฺติ อสํวุตินฺทฺริยา, เอวํ อสํวุตินฺทฺริโย โหติฯ

    So ca hoti abhijjhālūti idaṃ yo kulaputto ‘‘dukkhassantaṃ karissāmī’’ti pubbe cittaṃ uppādetvā pabbajito aparabhāge taṃ pabbajjaṃ tathārūpaṃ kātuṃ na sakkoti, taṃ dassetuṃ vuttaṃ. Tattha abhijjhālūti parabhaṇḍānaṃ abhijjhāyitā. Tibbasārāgoti balavarāgo. Byāpannacittoti byāpādena pūtibhūtattā vipannacitto. Paduṭṭhamanasaṅkappoti tikhiṇasiṅgo viya caṇḍagoṇo paresaṃ upaghātavasena duṭṭhacitto. Muṭṭhassatīti bhattanikkhittakāko viya, maṃsanikkhittasunakho viya ca naṭṭhassati, idha kataṃ ettha na sarati. Asampajānoti nippañño khandhādiparicchedarahito. Asamāhitoti caṇḍasote baddhanāvā viya asaṇṭhito. Vibbhantacittoti panthāruḷhamigo viya bhantamano. Pākatindriyoti yathā gihī saṃvarābhāvena pariggahaparijane olokenti asaṃvutindriyā, evaṃ asaṃvutindriyo hoti.

    ฉวาลาตนฺติ ฉวานํ ทฑฺฒฎฺฐาเน อลาตํฯ อุภโตปทิตฺตํ มเชฺฌ คูถคตนฺติ ปมาเณน อฎฺฐงฺคุลมตฺตํ อุภโต ทฺวีสุ โกฎีสุ อาทิตฺตํ มเชฺฌ คูถมกฺขิตํฯ เนว คาเมติ สเจ หิ ตํ ยุคนงฺคลโคปานสิปกฺขปาสกาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา อสฺส คาเม กฎฺฐตฺถํ ผเรยฺยฯ สเจ เขตฺตกุฎิยา กฎฺฐตฺถรมญฺจกาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา อสฺส, อรเญฺญ กฎฺฐตฺถํ ผเรยฺยฯ ยสฺมา ปน อุภยตฺถาปิ น สกฺกา, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํฯ ตถูปมาหนฺติ ตถูปมํ ฉวาลาตสทิสํ อหํ อิมํ ยถาวุตฺตปุคฺคลํ วทามิฯ คิหิโภคา จ ปริหีโนติ โย อคาเร วสเนฺตหิ คิหีหิ ทายเชฺช ภาชิยมาเน อญฺญถา จ โภโค ลทฺธโพฺพ อสฺส, ตโต จ ปริหีโนฯ สามญฺญตฺถญฺจาติ อาจริยุปชฺฌายานํ โอวาเท ฐตฺวา ปริยตฺติปฎิเวธวเสน ปตฺตพฺพํ สามญฺญตฺถญฺจ น ปริปูเรติฯ อิมํ ปน อุปมํ สตฺถา น ทุสฺสีลสฺส วเสน อาหริ , ปริสุทฺธสีลสฺส ปน อลสสฺส อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ทูสิตจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน อาหรีติ เวทิตพฺพํฯ

    Chavālātanti chavānaṃ daḍḍhaṭṭhāne alātaṃ. Ubhatopadittaṃ majjhe gūthagatanti pamāṇena aṭṭhaṅgulamattaṃ ubhato dvīsu koṭīsu ādittaṃ majjhe gūthamakkhitaṃ. Neva gāmeti sace hi taṃ yuganaṅgalagopānasipakkhapāsakādīnaṃ atthāya upanetuṃ sakkā assa gāme kaṭṭhatthaṃ phareyya. Sace khettakuṭiyā kaṭṭhattharamañcakādīnaṃ atthāya upanetuṃ sakkā assa, araññe kaṭṭhatthaṃ phareyya. Yasmā pana ubhayatthāpi na sakkā, tasmā evaṃ vuttaṃ. Tathūpamāhanti tathūpamaṃ chavālātasadisaṃ ahaṃ imaṃ yathāvuttapuggalaṃ vadāmi. Gihibhogā ca parihīnoti yo agāre vasantehi gihīhi dāyajje bhājiyamāne aññathā ca bhogo laddhabbo assa, tato ca parihīno. Sāmaññatthañcāti ācariyupajjhāyānaṃ ovāde ṭhatvā pariyattipaṭivedhavasena pattabbaṃ sāmaññatthañca na paripūreti. Imaṃ pana upamaṃ satthā na dussīlassa vasena āhari , parisuddhasīlassa pana alasassa abhijjhādīhi dosehi dūsitacittassa puggalassa vasena āharīti veditabbaṃ.

    คาถาสุ คิหิโภคาติ กามสุขสโมฺภคโตฯ ปริหีโนติ ชีโนฯ สามญฺญตฺถนฺติ ปฎิเวธพาหุสจฺจเญฺจว ปริยตฺติพาหุสจฺจญฺจฯ ตาทิโส หิ อสุตํ โสตุํ สุตํ ปริโยทาเปตุํ น สโกฺกติ อลสภาวโตฯ ทุฎฺฐุ ภโคติ ทุพฺภโค, อลกฺขิโก กาฬกณฺณิปุริโสฯ ปริธํสมาโนติ วินสฺสมาโนฯ ปกิเรตีติ วิกิเรติ วิทฺธํเสติฯ สพฺพเมตํ ภาวิโน สามญฺญตฺถสฺส อนุปฺปาทนเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ฉวาลาตํว นสฺสตีติ โส ตาทิโส ปุคฺคโล ยถาวุตฺตํ ฉวาลาตํ วิย กสฺสจิ อนุปยุชฺชมาโน เอว นสฺสติ อุภโต ปริภฎฺฐภาวโตฯ เอวํ ‘‘กายวาจาหิ อกตวีติกฺกโมปิ จิตฺตํ อวิโสเธโนฺต นสฺสติ, ปเคว กตวีติกฺกโม ทุสฺสีโล’’ติ ตสฺส อปายทุกฺขภาคิภาวทสฺสเนน ทุสฺสีเล อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา ตโต สเตฺต วิเวเจตุกาโม ‘‘กาสาวกณฺฐา’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาหฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ

    Gāthāsu gihibhogāti kāmasukhasambhogato. Parihīnoti jīno. Sāmaññatthanti paṭivedhabāhusaccañceva pariyattibāhusaccañca. Tādiso hi asutaṃ sotuṃ sutaṃ pariyodāpetuṃ na sakkoti alasabhāvato. Duṭṭhu bhagoti dubbhago, alakkhiko kāḷakaṇṇipuriso. Paridhaṃsamānoti vinassamāno. Pakiretīti vikireti viddhaṃseti. Sabbametaṃ bhāvino sāmaññatthassa anuppādanameva sandhāya vuttaṃ. Chavālātaṃva nassatīti so tādiso puggalo yathāvuttaṃ chavālātaṃ viya kassaci anupayujjamāno eva nassati ubhato paribhaṭṭhabhāvato. Evaṃ ‘‘kāyavācāhi akatavītikkamopi cittaṃ avisodhento nassati, pageva katavītikkamo dussīlo’’ti tassa apāyadukkhabhāgibhāvadassanena dussīle ādīnavaṃ dassetvā tato satte vivecetukāmo ‘‘kāsāvakaṇṭhā’’tiādinā gāthādvayamāha. Tassattho heṭṭhā vutto eva.

    ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๒. ชีวิกสุตฺตํ • 2. Jīvikasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact