Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตวณฺณนา
5. Kaccānagottasuttavaṇṇanā
๑๕. ปญฺจเม สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาทิฎฺฐีติ ยํ ปณฺฑิตา เทวมนุสฺสา เตสุ เตสุ ฐาเนสุ สมฺมาทสฺสนํ วทนฺติ, สพฺพมฺปิ ตํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺขิปิตฺวา ปุจฺฉติฯ ทฺวยนิสฺสิโตติ เทฺว โกฎฺฐาเส นิสฺสิโตฯ เยภุเยฺยนาติ อิมินา ฐเปตฺวา อริยปุคฺคเล เสสมหาชนํ ทเสฺสติฯ อตฺถิตนฺติ สสฺสตํฯ นตฺถิตนฺติ อุเจฺฉทํฯ โลกสมุทยนฺติ โลโก นาม สงฺขารโลโก, ตสฺส นิพฺพตฺติฯ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโตติ สมฺมาปญฺญา นาม สวิปสฺสนา มคฺคปญฺญา, ตาย ปสฺสนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ยา โลเก นตฺถิตาติ สงฺขารโลเก นิพฺพเตฺตสุ ธเมฺมสุ ปญฺญายเนฺตเสฺวว ยา นตฺถีติ อุเจฺฉททิฎฺฐิ อุปฺปเชฺชยฺย, สา น โหตีติ อโตฺถฯ โลกนิโรธนฺติ สงฺขารานํ ภงฺคํฯ ยา โลเก อตฺถิตาติ สงฺขารโลเก ภิชฺชมาเนสุ ธเมฺมสุ ปญฺญายเนฺตเสฺวว ยา อตฺถีติ สสฺสตทิฎฺฐิ อุปฺปเชฺชยฺย , สา น โหตีติ อโตฺถฯ
15. Pañcame sammādiṭṭhi sammādiṭṭhīti yaṃ paṇḍitā devamanussā tesu tesu ṭhānesu sammādassanaṃ vadanti, sabbampi taṃ dvīhi padehi saṅkhipitvā pucchati. Dvayanissitoti dve koṭṭhāse nissito. Yebhuyyenāti iminā ṭhapetvā ariyapuggale sesamahājanaṃ dasseti. Atthitanti sassataṃ. Natthitanti ucchedaṃ. Lokasamudayanti loko nāma saṅkhāraloko, tassa nibbatti. Sammappaññāya passatoti sammāpaññā nāma savipassanā maggapaññā, tāya passantassāti attho. Yā loke natthitāti saṅkhāraloke nibbattesu dhammesu paññāyantesveva yā natthīti ucchedadiṭṭhi uppajjeyya, sā na hotīti attho. Lokanirodhanti saṅkhārānaṃ bhaṅgaṃ. Yāloke atthitāti saṅkhāraloke bhijjamānesu dhammesu paññāyantesveva yā atthīti sassatadiṭṭhi uppajjeyya , sā na hotīti attho.
อปิจ โลกสมุทยนฺติ อนุโลมปจฺจยาการํฯ โลกนิโรธนฺติ ปฎิโลมปจฺจยาการํฯ โลกนิสฺสเย ปสฺสนฺตสฺสาปิ หิ ปจฺจยานํ อนุเจฺฉเทน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อนุเจฺฉทํ ปสฺสโต ยา นตฺถีติ อุเจฺฉททิฎฺฐิ อุปฺปเชฺชยฺย, สา น โหติฯ ปจฺจยนิโรธํ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ปจฺจยนิโรเธน ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธํ ปสฺสโต ยา อตฺถีติ สสฺสตทิฎฺฐิ อุปฺปเชฺชยฺย, สา น โหตีติ อยเมฺปตฺถ อโตฺถฯ
Apica lokasamudayanti anulomapaccayākāraṃ. Lokanirodhanti paṭilomapaccayākāraṃ. Lokanissaye passantassāpi hi paccayānaṃ anucchedena paccayuppannassa anucchedaṃ passato yā natthīti ucchedadiṭṭhi uppajjeyya, sā na hoti. Paccayanirodhaṃ passantassāpi paccayanirodhena paccayuppannanirodhaṃ passato yā atthīti sassatadiṭṭhi uppajjeyya, sā na hotīti ayampettha attho.
อุปยุปาทานาภินิเวสวินิพโนฺธติ อุปเยหิ จ อุปาทาเนหิ จ อภินิเวเสหิ จ วินิพโนฺธฯ ตตฺถ อุปยาติ เทฺว อุปยา ตณฺหุปโย จ ทิฎฺฐุปโย จฯ อุปาทานาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตณฺหาทิฎฺฐิโย หิ ยสฺมา อหํ มมนฺติอาทีหิ อากาเรหิ เตภูมกธเมฺม อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, ตสฺมา อุปยาติ วุจฺจนฺติฯ ยสฺมา ปน เต ธเมฺม อุปาทิยนฺติ เจว อภินิวิสนฺติ จ, ตสฺมา อุปาทานาติ จ อภินิเวสาติ จ วุจฺจนฺติฯ ตาหิ จายํ โลโก วินิพโนฺธฯ เตนาห ‘‘อุปยุปาทานาภินิเวสวินิพโนฺธ’’ติฯ
Upayupādānābhinivesavinibandhoti upayehi ca upādānehi ca abhinivesehi ca vinibandho. Tattha upayāti dve upayā taṇhupayo ca diṭṭhupayo ca. Upādānādīsupi eseva nayo. Taṇhādiṭṭhiyo hi yasmā ahaṃ mamantiādīhi ākārehi tebhūmakadhamme upenti upagacchanti, tasmā upayāti vuccanti. Yasmā pana te dhamme upādiyanti ceva abhinivisanti ca, tasmā upādānāti ca abhinivesāti ca vuccanti. Tāhi cāyaṃ loko vinibandho. Tenāha ‘‘upayupādānābhinivesavinibandho’’ti.
ตญฺจายนฺติ ตญฺจ อุปยุปาทานํ อยํ อริยสาวโกฯ เจตโส อธิฎฺฐานนฺติ จิตฺตสฺส ปติฎฺฐานภูตํฯ อภินิเวสานุสยนฺติ อภินิเวสภูตญฺจ อนุสยภูตญฺจฯ ตณฺหาทิฎฺฐีสุ หิ อกุสลจิตฺตํ ปติฎฺฐาติ, ตา จ ตสฺมิํ อภินิวิสนฺติ เจว อนุเสนฺติ จ, ตสฺมา ตทุภยํ เจตโส อธิฎฺฐานํ อภินิเวสานุสยนฺติ จ อาหฯ น อุเปตีติ น อุปคจฺฉติฯ น อุปาทิยตีติ น คณฺหาติฯ นาธิฎฺฐาตีติ น อธิฎฺฐาติ, กินฺติ? อตฺตา เมติฯ ทุกฺขเมวาติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธมตฺตเมวฯ น กงฺขตีติ ‘‘ทุกฺขเมว อุปฺปชฺชติ, ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, น อโญฺญ เอตฺถ สโตฺต นาม อตฺถี’’ติ กงฺขํ น กโรติฯ น วิจิกิจฺฉตีติ น วิจิกิจฺฉํ อุปฺปาเทติฯ
Tañcāyanti tañca upayupādānaṃ ayaṃ ariyasāvako. Cetaso adhiṭṭhānanti cittassa patiṭṭhānabhūtaṃ. Abhinivesānusayanti abhinivesabhūtañca anusayabhūtañca. Taṇhādiṭṭhīsu hi akusalacittaṃ patiṭṭhāti, tā ca tasmiṃ abhinivisanti ceva anusenti ca, tasmā tadubhayaṃ cetaso adhiṭṭhānaṃ abhinivesānusayanti ca āha. Na upetīti na upagacchati. Na upādiyatīti na gaṇhāti. Nādhiṭṭhātīti na adhiṭṭhāti, kinti? Attā meti. Dukkhamevāti pañcupādānakkhandhamattameva. Na kaṅkhatīti ‘‘dukkhameva uppajjati, dukkhaṃ nirujjhati, na añño ettha satto nāma atthī’’ti kaṅkhaṃ na karoti. Na vicikicchatīti na vicikicchaṃ uppādeti.
อปรปฺปจฺจยาติ น ปรปฺปจฺจเยน, อญฺญสฺส อปตฺติยาเยตฺวา อตฺตปจฺจกฺขญาณเมวสฺส เอตฺถ โหตีติฯ เอตฺตาวตา โข, กจฺจาน, สมฺมาทิฎฺฐิ โหตีติ เอวํ สตฺตสญฺญาย ปหีนตฺตา เอตฺตเกน สมฺมาทสฺสนํ นาม โหตีติ มิสฺสกสมฺมาทิฎฺฐิํ อาหฯ อยเมโก อโนฺตติ เอส เอโก นิกูฎโนฺต ลามกโนฺต ปฐมกํ สสฺสตํฯ อยํ ทุติโยติ เอส ทุติโย สพฺพํ นตฺถีติ อุปฺปชฺชนกทิฎฺฐิสงฺขาโต นิกูฎโนฺต ลามกโนฺต ทุติยโก อุเจฺฉโทติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ ปญฺจมํฯ
Aparappaccayāti na parappaccayena, aññassa apattiyāyetvā attapaccakkhañāṇamevassa ettha hotīti. Ettāvatākho, kaccāna, sammādiṭṭhi hotīti evaṃ sattasaññāya pahīnattā ettakena sammādassanaṃ nāma hotīti missakasammādiṭṭhiṃ āha. Ayameko antoti esa eko nikūṭanto lāmakanto paṭhamakaṃ sassataṃ. Ayaṃ dutiyoti esa dutiyo sabbaṃ natthīti uppajjanakadiṭṭhisaṅkhāto nikūṭanto lāmakanto dutiyako ucchedoti attho. Sesamettha uttānamevāti. Pañcamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตํ • 5. Kaccānagottasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตวณฺณนา • 5. Kaccānagottasuttavaṇṇanā