Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตวณฺณนา

    5. Kaccānagottasuttavaṇṇanā

    ๑๕. ยสฺมา อิธ ชานนฺตาปิ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐี’’ติ วทนฺติ อชานนฺตาปิ พาหิรกาปิ สาสนิกาปิ อนุสฺสวาทิวเสนปิ อตฺตปจฺจเกฺขนปิ, ตสฺมา ตํ พหูนํ วจนํ อุปาทาย อาเมฑิตวเสน ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาทิฎฺฐีติ, ภเนฺต, วุจฺจตี’’ติ อาหฯ ตถานิทฺทิฎฺฐตาทสฺสนตฺถํ หิสฺส อยํ อาเมฑิตปโยโคฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – ‘‘อปเรหิปิ สมฺมาทิฎฺฐีติ วุจฺจติ, สา ปนายํ เอวํ วุจฺจมานา อตฺถญฺจ ลกฺขณญฺจ อุปาทาย กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, สมฺมาทิฎฺฐิ โหตี’’ติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สมฺมาทิฎฺฐี’’ติ วจเน ยสฺมา วิญฺญู เอว ปมาณํ, น อวิญฺญู, ตสฺมา ‘‘ยํ ปณฺฑิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เทฺว อวยวา อสฺสาติ ทฺวยํ, ทุวิธํ ทิฎฺฐิคาหวตฺถุ, ทฺวยํ ทิฎฺฐิคาหวเสน นิสฺสิโต อปสฺสิโตติ ทฺวยนิสฺสิโตฯ เตนาห ‘‘เทฺว โกฎฺฐาเส นิสฺสิโต’’ติฯ ยาย ทิฎฺฐิยา ‘‘สโพฺพยํ โลโก อตฺถิ วิชฺชติ สพฺพกาลํ อุปลพฺภตี’’ติ ทิฎฺฐิคติโก คณฺหาติ, สา ทิฎฺฐิ อตฺถิตา, สา เอว สทา สพฺพกาลํ โลโก อตฺถีติ ปวตฺตคาหตาย สสฺสโต, ตํ สสฺสตํฯ ยาย ทิฎฺฐิยา ‘‘สโพฺพยํ โลโก นตฺถิ น โหติ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ ทิฎฺฐิคติโก คณฺหาติ, สา ทิฎฺฐิ นตฺถิตา, สา เอว อุจฺฉิชฺชตีติ อุปฺปนฺนคาหตาย อุเจฺฉโท, ตํ อุเจฺฉทํฯ โลโก นาม สงฺขารโลโก ตมฺหิ คเหตพฺพโตฯ สมฺมปฺปญฺญายาติ อวิปรีตปญฺญาย ยถาภูตปญฺญายฯ เตนาห ‘‘สวิปสฺสนา มคฺคปญฺญา’’ติฯ นิพฺพเตฺตสุ ธเมฺมสูติ ยถา ปจฺจยุปฺปเนฺนสุ รูปารูปธเมฺมสุฯ ปญฺญายเนฺต เสฺววาติ สนฺตานนิพนฺธนวเสน ปญฺญายมาเนสุ เอวฯ ยา นตฺถีติ ยา อุเจฺฉททิฎฺฐิ ตตฺถ ตเตฺถว สตฺตานํ อุจฺฉิชฺชนโต วินสฺสนโต โกจิ ฐิโต นาม สโตฺต ธโมฺม วา นตฺถีติ สงฺขารโลเก อุปฺปเชฺชยฺยฯ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ ปวตฺตมานาปิ มิจฺฉาทิฎฺฐิ ตถาปวตฺตสงฺขารารมฺมณาวฯ สา น โหตีติ กมฺมาวิชฺชาตณฺหาทิเภทํ ปจฺจยํ ปฎิจฺจ สงฺขารโลกสฺส สมุทยนิพฺพตฺติํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต, สา อุเจฺฉททิฎฺฐิ, น โหติ, นปฺปวตฺตติ อวิเจฺฉเทน สงฺขารานํ นิพฺพตฺติทสฺสนโตฯ โลกนิโรธนฺติ สงฺขารโลกสฺส ขณิกนิโรธํฯ เตนาห ‘‘สงฺขารานํ ภงฺค’’นฺติฯ ยา อตฺถีติ เหตุผลสมฺพเนฺธน ปวตฺตมานสฺส สนฺตานานุปเจฺฉทสฺส เอกตฺตคฺคหเณน สงฺขารโลเก ยา สสฺสตทิฎฺฐิ สพฺพกาลํ โลโก อตฺถีติ อุปฺปเชฺชยฺยฯ สา น โหตีติ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ นิโรธสฺส นวนวานญฺจ อุปฺปาทสฺส ทสฺสนโต, สา สสฺสตทิฎฺฐิ น โหติฯ

    15. Yasmā idha jānantāpi ‘‘sammādiṭṭhī’’ti vadanti ajānantāpi bāhirakāpi sāsanikāpi anussavādivasenapi attapaccakkhenapi, tasmā taṃ bahūnaṃ vacanaṃ upādāya āmeḍitavasena ‘‘sammādiṭṭhi sammādiṭṭhīti, bhante, vuccatī’’ti āha. Tathāniddiṭṭhatādassanatthaṃ hissa ayaṃ āmeḍitapayogo. Ayañhettha adhippāyo – ‘‘aparehipi sammādiṭṭhīti vuccati, sā panāyaṃ evaṃ vuccamānā atthañca lakkhaṇañca upādāya kittāvatā nu kho, bhante, sammādiṭṭhi hotī’’ti. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sammādiṭṭhī’’ti vacane yasmā viññū eva pamāṇaṃ, na aviññū, tasmā ‘‘yaṃ paṇḍitā’’tiādi vuttaṃ. Dve avayavā assāti dvayaṃ, duvidhaṃ diṭṭhigāhavatthu, dvayaṃ diṭṭhigāhavasena nissito apassitoti dvayanissito. Tenāha ‘‘dve koṭṭhāse nissito’’ti. Yāya diṭṭhiyā ‘‘sabboyaṃ loko atthi vijjati sabbakālaṃ upalabbhatī’’ti diṭṭhigatiko gaṇhāti, sā diṭṭhi atthitā, sā eva sadā sabbakālaṃ loko atthīti pavattagāhatāya sassato, taṃ sassataṃ. Yāya diṭṭhiyā ‘‘sabboyaṃ loko natthi na hoti ucchijjatī’’ti diṭṭhigatiko gaṇhāti, sā diṭṭhi natthitā, sā eva ucchijjatīti uppannagāhatāya ucchedo, taṃ ucchedaṃ. Loko nāma saṅkhāraloko tamhi gahetabbato. Sammappaññāyāti aviparītapaññāya yathābhūtapaññāya. Tenāha ‘‘savipassanā maggapaññā’’ti. Nibbattesu dhammesūti yathā paccayuppannesu rūpārūpadhammesu. Paññāyante svevāti santānanibandhanavasena paññāyamānesu eva. Yā natthīti yā ucchedadiṭṭhi tattha tattheva sattānaṃ ucchijjanato vinassanato koci ṭhito nāma satto dhammo vā natthīti saṅkhāraloke uppajjeyya. ‘‘Natthi sattā opapātikā’’ti pavattamānāpi micchādiṭṭhi tathāpavattasaṅkhārārammaṇāva. Sā na hotīti kammāvijjātaṇhādibhedaṃ paccayaṃ paṭicca saṅkhāralokassa samudayanibbattiṃ sammappaññāya passato, sā ucchedadiṭṭhi, na hoti, nappavattati avicchedena saṅkhārānaṃ nibbattidassanato. Lokanirodhanti saṅkhāralokassa khaṇikanirodhaṃ. Tenāha ‘‘saṅkhārānaṃ bhaṅga’’nti. Yā atthīti hetuphalasambandhena pavattamānassa santānānupacchedassa ekattaggahaṇena saṅkhāraloke yā sassatadiṭṭhi sabbakālaṃ loko atthīti uppajjeyya. Sā na hotīti uppannuppannānaṃ nirodhassa navanavānañca uppādassa dassanato, sā sassatadiṭṭhi na hoti.

    โลโก สมุเทติ เอตสฺมาติ โลกสมุทโยติ อาห ‘‘อนุโลมปจฺจยาการ’’นฺติฯ ปจฺจยธมฺมานญฺหิ อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยภาโว อนุโลมปจฺจยากาโรฯ ปฎิโลมํ ปจฺจยาการนฺติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ ตํตํเหตุนิโรธโต ตํตํผลนิโรโธ หิ ปฎิโลมปจฺจยากาโรฯ โย หิ อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ เหตุอาทิปจฺจยภาโว, โส นิปฺปริยายโต โลกสมุทโยฯ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส สงฺขาราทิกสฺสฯ อนุเจฺฉทํ ปสฺสโตติ อนุเจฺฉททสฺสนสฺส เหตุฯ อยมฺปีติ น เกวลํ ขณโต อุทยวยนีหรณนโย, อถ โข ปจฺจยโต อุทยวยนีหรณนโยปิฯ

    Loko samudeti etasmāti lokasamudayoti āha ‘‘anulomapaccayākāra’’nti. Paccayadhammānañhi attano phalassa paccayabhāvo anulomapaccayākāro. Paṭilomaṃ paccayākāranti ānetvā sambandho. Taṃtaṃhetunirodhato taṃtaṃphalanirodho hi paṭilomapaccayākāro. Yo hi avijjādīnaṃ paccayadhammānaṃ hetuādipaccayabhāvo, so nippariyāyato lokasamudayo. Paccayuppannassa saṅkhārādikassa. Anucchedaṃ passatoti anucchedadassanassa hetu. Ayampīti na kevalaṃ khaṇato udayavayanīharaṇanayo, atha kho paccayato udayavayanīharaṇanayopi.

    อุปคมนเฎฺฐน ตณฺหาว อุปโยฯ ตถา ทิฎฺฐุปโยฯ เอเสว นโยติ อิมินา อุปเยหิ อุปาทานาทีนํ อนตฺถนฺตรตํ อติทิสติฯ ตถา จ ปน เตสุ ทุวิธตา อุปาทียติฯ นนุ จ จตฺตาริ อุปาทานานิ อญฺญตฺถ วุตฺตานีติ? สจฺจํ วุตฺตานิ, ตานิ จ โข อตฺถโต เทฺว เอวาติ อิธ เอวํ วุตฺตํฯ กามํ ‘‘อหํ มม’’นฺติ อยถานุกฺกเมน วุตฺตํ, ยถานุกฺกมํเยว ปน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อาทิ-สเทฺทน ปโรปรสฺส สุภํ อสุภนฺติอาทีนญฺจ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ เต ธเมฺมติ เตภูมกธเมฺมฯ วินิวิสนฺตีติ วิรูปํ นิวิสนฺติ, อภินิวิสนฺตีติ อโตฺถฯ ตาหีติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิฯ วินิพโทฺธติ วิรูปํ วิมุจฺจิตุํ วา อปฺปทานวเสน นิยเมตฺวา พโทฺธฯ

    Upagamanaṭṭhena taṇhāva upayo. Tathā diṭṭhupayo. Eseva nayoti iminā upayehi upādānādīnaṃ anatthantarataṃ atidisati. Tathā ca pana tesu duvidhatā upādīyati. Nanu ca cattāri upādānāni aññattha vuttānīti? Saccaṃ vuttāni, tāni ca kho atthato dve evāti idha evaṃ vuttaṃ. Kāmaṃ ‘‘ahaṃ mama’’nti ayathānukkamena vuttaṃ, yathānukkamaṃyeva pana attho veditabbo. Ādi-saddena paroparassa subhaṃ asubhantiādīnañca saṅgaho veditabbo. Te dhammeti tebhūmakadhamme. Vinivisantīti virūpaṃ nivisanti, abhinivisantīti attho. Tāhīti taṇhādiṭṭhīhi. Vinibaddhoti virūpaṃ vimuccituṃ vā appadānavasena niyametvā baddho.

    ‘‘อภินิเวโส’’ติ อุปยุปาทานานํ ปวตฺติอาการวิเสโส วุโตฺตติ อาห ‘‘ตญฺจายนฺติ ตญฺจ อุปยุปาทาน’’นฺติฯ จิตฺตสฺสาติ อกุสลจิตฺตสฺสฯ ปติฎฺฐานภูตนฺติ อาธารภูตํฯ โทสโมหวเสนปิ อกุสลจิตฺตปฺปวตฺติ ตณฺหาทิฎฺฐาภินิเวสูปนิสฺสยา เอวาติ ตณฺหาทิฎฺฐิโย อกุสลสฺส จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานนฺติ วุตฺตาฯ ตสฺมินฺติ อกุสลจิเตฺตฯ อภินิวิสนฺตีติ ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติอาทินา อภินิเวสนํ ปวเตฺตนฺติฯ อนุเสนฺตีติ ถามคตา หุตฺวา อปฺปหานภาเวน อนุเสนฺติฯ ตทุภยนฺติ ตณฺหาทิฎฺฐิทฺวยํฯ น อุปคจฺฉตีติ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ตณฺหาทิฎฺฐิคติยา น อุปสงฺกมติ น อลฺลียติฯ น อุปาทิยตีติ น ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหาติฯ น อธิฎฺฐาตีติ น ตณฺหาทิฎฺฐิคาเหน อธิฎฺฐาย ปวตฺตติฯ อตฺตนิยคาโห นาม สติ อตฺตคาเห โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตา เม’’ติฯ อิทํ ทุกฺขคฺคหณํ อุปาทานกฺขนฺธาปสฺสยํ ตพฺพินิมุตฺตสฺส ทุกฺขสฺส อภาวาติ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขเมวาติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธมตฺตเมวา’’ติฯ ‘‘สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๗; ม. นิ. ๑.๑๒๐; ๓.๓๗๓; วิภ. ๑๙๐) หิ วุตฺตํฯ กงฺขํ น กโรตีติ สํสยํ น อุปฺปาเทติ สพฺพโส วิจิกิจฺฉาย สมุจฺฉินฺทนโตฯ

    ‘‘Abhiniveso’’ti upayupādānānaṃ pavattiākāraviseso vuttoti āha ‘‘tañcāyanti tañca upayupādāna’’nti. Cittassāti akusalacittassa. Patiṭṭhānabhūtanti ādhārabhūtaṃ. Dosamohavasenapi akusalacittappavatti taṇhādiṭṭhābhinivesūpanissayā evāti taṇhādiṭṭhiyo akusalassa cittassa adhiṭṭhānanti vuttā. Tasminti akusalacitte. Abhinivisantīti ‘‘etaṃ mama, eso me attā’’tiādinā abhinivesanaṃ pavattenti. Anusentīti thāmagatā hutvā appahānabhāvena anusenti. Tadubhayanti taṇhādiṭṭhidvayaṃ. Na upagacchatīti ‘‘etaṃ mamā’’tiādinā taṇhādiṭṭhigatiyā na upasaṅkamati na allīyati. Na upādiyatīti na daḷhaggāhaṃ gaṇhāti. Na adhiṭṭhātīti na taṇhādiṭṭhigāhena adhiṭṭhāya pavattati. Attaniyagāho nāma sati attagāhe hotīti vuttaṃ ‘‘attā me’’ti. Idaṃ dukkhaggahaṇaṃ upādānakkhandhāpassayaṃ tabbinimuttassa dukkhassa abhāvāti vuttaṃ ‘‘dukkhamevāti pañcupādānakkhandhamattamevā’’ti. ‘‘Saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā’’ti (dī. ni. 2.387; ma. ni. 1.120; 3.373; vibha. 190) hi vuttaṃ. Kaṅkhaṃ na karotīti saṃsayaṃ na uppādeti sabbaso vicikicchāya samucchindanato.

    น ปรปฺปจฺจเยนาติ ปรสฺส อสทฺทหเนนฯ มิสฺสกสมฺมาทิฎฺฐิํ อาหาติ นามรูปปริเจฺฉทโต ปฎฺฐาย สมฺมาทิฎฺฐิยา วุตฺตตฺตา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ สมฺมาทิฎฺฐิํ อโวจฯ นิกูฎโนฺตติ นิหีนโนฺตฯ นิหีนปริยาโย หิ อยํ นิกูฎ-สโทฺทฯ เตนาห ‘‘ลามกโนฺต’’ติฯ ปฐมกนฺติ จ ครหายํ -สโทฺทฯ สพฺพํ นตฺถีติ ยถาสงฺขตํ ภงฺคุปฺปตฺติยา นตฺถิ เอว, สพฺพํ นตฺถิ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพมตฺถีติ จ ยถา อสงฺขตํ อตฺถิ วิชฺชติ, สพฺพกาลํ อุปลพฺภตีติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพนฺติ เจตฺถ สกฺกายสพฺพํ เวทิตพฺพํ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วิยฯ ตญฺหิ ปริญฺญาญาณานํ ปจฺจยภูตํฯ อิติ-สโทฺท นิทสฺสเนฯ กิํ นิทเสฺสติ? อตฺถิ-สเทฺทน วุตฺตํฯ ‘‘อตฺถิต’’นฺติ นิจฺจตํฯ สสฺสตคฺคาโห หิ อิธ ปฐโม อโนฺตติ อธิเปฺปโตฯ อุเจฺฉทคฺคาโห ทุติโยติ ตทุภยวินิมุตฺตา จ อิทปฺปจฺจยตาฯ เอตฺถ จ อุปฺปนฺนนิโรธกถนโต สสฺสตตํ, นิรุชฺฌนฺตานํ อสติ นิพฺพานปฺปตฺติยํ ยถาปจฺจยํ ปุนูปคมนกถนโต อุเจฺฉทตญฺจ อนุปคมฺม มชฺฌิเมน ภควา ธมฺมํ เทเสติ อิทปฺปจฺจยตานเยนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอเต…เป.… อเนฺต’’ติอาทิฯ

    Na parappaccayenāti parassa asaddahanena. Missakasammādiṭṭhiṃ āhāti nāmarūpaparicchedato paṭṭhāya sammādiṭṭhiyā vuttattā lokiyalokuttaramissakaṃ sammādiṭṭhiṃ avoca. Nikūṭantoti nihīnanto. Nihīnapariyāyo hi ayaṃ nikūṭa-saddo. Tenāha ‘‘lāmakanto’’ti. Paṭhamakanti ca garahāyaṃ ka-saddo. Sabbaṃ natthīti yathāsaṅkhataṃ bhaṅguppattiyā natthi eva, sabbaṃ natthi ucchijjati vinassatīti adhippāyo. Sabbamatthīti ca yathā asaṅkhataṃ atthi vijjati, sabbakālaṃ upalabbhatīti adhippāyo. Sabbanti cettha sakkāyasabbaṃ veditabbaṃ ‘‘sabbadhammamūlapariyāya’’ntiādīsu (ma. ni. 1.1) viya. Tañhi pariññāñāṇānaṃ paccayabhūtaṃ. Iti-saddo nidassane. Kiṃ nidasseti? Atthi-saddena vuttaṃ. ‘‘Atthita’’nti niccataṃ. Sassataggāho hi idha paṭhamo antoti adhippeto. Ucchedaggāho dutiyoti tadubhayavinimuttā ca idappaccayatā. Ettha ca uppannanirodhakathanato sassatataṃ, nirujjhantānaṃ asati nibbānappattiyaṃ yathāpaccayaṃ punūpagamanakathanato ucchedatañca anupagamma majjhimena bhagavā dhammaṃ deseti idappaccayatānayena. Tena vuttaṃ ‘‘ete…pe… ante’’tiādi.

    กจฺจานโคตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kaccānagottasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตํ • 5. Kaccānagottasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตวณฺณนา • 5. Kaccānagottasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact