Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๒๑

    The Middle-Length Suttas Collection 21

    กกจูปมสุตฺต

    The Simile of the Saw

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโฐ วิหรติฯ เอวํ สํสฏฺโฐ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ—สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรติฯ สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติฯ เอวํ สํสฏฺโฐ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติฯ

    Now at that time, Venerable Phagguna of the Top-Knot was mixing too closely together with the nuns. So much so that if any bhikkhu criticized those nuns in his presence, Phagguna of the Top-Knot got angry and upset, and even instigated disciplinary proceedings. And if any bhikkhu criticized Phagguna of the Top-Knot in their presence, those nuns got angry and upset, and even instigated disciplinary proceedings. That’s how much Phagguna of the Top-Knot was mixing too closely together with the nuns.

    อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อายสฺมา, ภนฺเต, โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโฐ วิหรติฯ เอวํ สํสฏฺโฐ, ภนฺเต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ—สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรติฯ สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติฯ เอวํ สํสฏฺโฐ, ภนฺเต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรตี”ติฯ

    Then a bhikkhu went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and told him what was going on.

    อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ: “เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน โมฬิยผคฺคุนํ ภิกฺขุํ อามนฺเตหิ: ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามนฺเตตี'”ติฯ

    So the Buddha addressed a certain monk, “Please, monk, in my name tell the bhikkhu Phagguna of the Top-Knot that the teacher summons him.”

    “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ เอตทโวจ: “สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามนฺเตตี”ติฯ

    “Yes, sir,” that monk replied. He went to Phagguna of the Top-Knot and said to him, “Friend Phagguna, the teacher summons you.”

    “เอวมาวุโส”ติ โข อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ ภควา เอตทโวจ:

    “Yes, friend,” Phagguna replied. He went to the Buddha, bowed, and sat down to one side. The Buddha said to him:

    “สจฺจํ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโฐ วิหรสิ? เอวํ สํสฏฺโฐ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรสิ—สเจ โกจิ ภิกฺขุ ตุยฺหํ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตฺวํ กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรสิฯ สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา ตุยฺหํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติฯ เอวํ สํสฏฺโฐ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรสี”ติ?

    “Is it really true, Phagguna, that you’ve been mixing overly closely together with the nuns? So much so that if any bhikkhu criticizes those nuns in your presence, you get angry and upset, and even instigate disciplinary proceedings? And if any bhikkhu criticizes you in those nuns’ presence, they get angry and upset, and even instigate disciplinary proceedings? Is that how much you’re mixing overly closely together with the nuns?”

    “เอวํ, ภนฺเต”ติฯ

    “Yes, sir.”

    “นนุ ตฺวํ, ผคฺคุน, กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต”ติ?

    “Phagguna, are you not a gentleman who has gone forth from the lay life to homelessness?”

    “เอวํ, ภนฺเต”ติฯ

    “Yes, sir.”

    “น โข เต เอตํ, ผคฺคุน, ปติรูปํ กุลปุตฺตสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตสฺส, ยํ ตฺวํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโฐ วิหเรยฺยาสิฯ ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ: ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร'ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํฯ

    “As such, it’s not appropriate for you to mix so closely with the nuns. So if anyone criticizes those nuns in your presence, you should give up any desires or thoughts of the lay life. If that happens, you should train like this: ‘My mind will be unaffected. I will blurt out no bad words. I will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate.’ That’s how you should train.

    ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทณฺเฑน ปหารํ ทเทยฺย, สตฺเถน ปหารํ ทเทยฺยฯ ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร'ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํฯ

    So even if someone strikes those nuns with fists, stones, rods, and swords in your presence, you should give up any desires or thoughts of the lay life. If that happens, you should train like this: ‘My mind will be unaffected. I will blurt out no bad words. I will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate.’ That’s how you should train.

    ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร'ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํฯ

    So if anyone criticizes you in your presence, you should give up any desires or thoughts of the lay life. If that happens, you should train like this: ‘My mind will be unaffected. I will blurt out no bad words. I will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate.’ That’s how you should train.

    ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทณฺเฑน ปหารํ ทเทยฺย, สตฺเถน ปหารํ ทเทยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร'ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพนฺ”ติฯ

    So Phagguna, even if someone strikes you with fists, stones, rods, and swords, you should give up any desires or thoughts of the lay life. If that happens, you should train like this: ‘My mind will be unaffected. I will blurt out no bad words. I will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate.’ That’s how you should train.”

    อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ:

    Then the Buddha said to the bhikkhus:

    “อาราธยึสุ วต เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เอกํ สมยํ จิตฺตํฯ อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อามนฺเตสึ—อหํ โข, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภุญฺชามิฯ เอกาสนโภชนํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภุญฺชมาโน อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานามิ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฏฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เอถ ตุเมฺหปิ, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภุญฺชถฯ เอกาสนโภชนํ โข, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฏฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจาติฯ น เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ; สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิฯ

    “Bhikkhus, I used to be satisfied with the bhikkhus. Once, I addressed them: ‘I eat my food in one sitting per day. Doing so, I find that I’m healthy and well, nimble, strong, and living comfortably. You too should eat your food in one sitting per day. Doing so, you’ll find that you’re healthy and well, nimble, strong, and living comfortably.’ I didn’t have to keep on instructing those bhikkhus; I just had to prompt their mindfulness.

    เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุภูมิยํ จตุมหาปเถ อาชญฺญรโถ ยุตฺโต อสฺส ฐิโต โอธสฺตปโตโทฯ ตเมนํ ทกฺโข โยคฺคาจริโย อสฺสทมฺมสารถิ อภิรุหิตฺวา, วาเมน หตฺเถน รสฺมิโย คเหตฺวา, ทกฺขิเณน หตฺเถน ปโตทํ คเหตฺวา, เยนิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ สาเรยฺยปิ ปจฺจาสาเรยฺยปิฯ

    Suppose a chariot stood harnessed to thoroughbreds at a level crossroads, with a goad ready. Then a deft horse trainer, a master charioteer, might mount the chariot, taking the reins in his right hand and goad in the left. He’d drive out and back wherever he wishes, whenever he wishes.

    เอวเมว โข, ภิกฺขเว, น เม เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ, สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อาโยคํ กโรถฯ เอวญฺหิ ตุเมฺหปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถฯ

    In the same way, I didn’t have to keep on instructing those bhikkhus; I just had to prompt their mindfulness. So, bhikkhus, you too should give up what’s unskillful and devote yourselves to skillful qualities. In this way you’ll achieve growth, improvement, and maturity in this teaching and training.

    เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหนฺตํ สาลวนํฯ ตญฺจสฺส เอฬณฺเฑหิ สญฺฉนฺนํฯ ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปชฺเชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคกฺเขมกาโมฯ โส ยา ตา สาลลฏฺฐิโย กุฏิลา โอชาปหรณิโย ตา เฉตฺวา พหิทฺธา นีหเรยฺย, อนฺโตวนํ สุวิโสธิตํ วิโสเธยฺยฯ ยา ปน ตา สาลลฏฺฐิโย อุชุกา สุชาตา ตา สมฺมา ปริหเรยฺยฯ เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, สาลวนํ อปเรน สมเยน วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺเชยฺยฯ

    Suppose that not far from a town or village there was a large grove of sal trees that was choked with castor-oil weeds. Then along comes a person who wants to help protect and nurture that grove. They’d cut down the crooked sal saplings that were robbing the sap, and throw them out. They’d clean up the interior of the grove, and properly care for the straight, well-formed sal saplings. In this way, in due course, that sal grove would grow, increase, and mature.

    เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อาโยคํ กโรถฯ เอวญฺหิ ตุเมฺหปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถฯ

    In the same way, bhikkhus, you too should give up what’s unskillful and devote yourselves to skillful qualities. In this way you’ll achieve growth, improvement, and maturity in this teaching and training.

    ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา เวเทหิกา นาม คหปตานี อโหสิฯ เวเทหิกาย, ภิกฺขเว, คหปตานิยา เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี'ติฯ เวเทหิกาย โข ปน, ภิกฺขเว, คหปตานิยา กาฬี นาม ทาสี อโหสิ ทกฺขา อนลสา สุสํวิหิตกมฺมนฺตาฯ

    Once upon a time, bhikkhus, right here in Sāvatthī there was a housewife named Vedehikā. She had this good reputation: ‘The housewife Vedehikā is sweet, even-tempered, and calm.’ Now, Vedehikā had a bonded maid named Kāḷī who was deft, tireless, and well-organized in her work.

    อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ: ‘มยฺหํ โข อยฺยาย เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: “โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี”ติฯ กึ นุ โข เม อยฺยา สนฺตํเยว นุ โข อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ อุทาหุ อสนฺตํ อุทาหุ มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ? ยนฺนูนาหํ อยฺยํ วีมํเสยฺยนฺ'ติฯ

    Then Kāḷī thought, ‘My mistress has a good reputation as being sweet, even-tempered, and calm. But does she actually have anger in her and just not show it? Or does she have no anger? Or is it just because my work is well-organized that she doesn’t show anger, even though she still has it inside? Why don’t I test my mistress?’

    อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวา อุฏฺฐาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ: ‘เห เช กาฬี'ติฯ

    So Kāḷī got up during the day. Vedehikā said to her, ‘Oi wench, Kāḷī!’

    ‘กึ, อเยฺย'ติ?

    ‘What is it, madam?’

    ‘กึ, เช, ทิวา อุฏฺฐาสี'ติ?

    ‘You’re getting up in the day—what’s up with you, wench?’

    ‘น ขฺวเยฺย, กิญฺจี'ติฯ

    ‘Nothing, madam.’

    ‘โน วต เร กิญฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวา อุฏฺฐาสี'ติ กุปิตา อนตฺตมนา ภากุฏึ อกาสิฯ

    ‘Oh, so nothing’s up, you naughty maid, but you get up in the day!’ Angry and upset, she scowled.

    อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ: ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ; มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํฯ ยนฺนูนาหํ ภิโยฺยโส มตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺยนฺ'ติฯ

    Then Kāḷī thought, ‘My mistress actually has anger in her and just doesn’t show it; it’s not that she has no anger. It’s just because my work is well-organized that she doesn’t show anger, even though she still has it inside. Why don’t I test my mistress further?’

    อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฏฺฐาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ: ‘เห เช กาฬี'ติฯ

    So Kāḷī got up later in the day. Vedehikā said to her, ‘Oi wench, Kāḷī!’

    ‘กึ, อเยฺย'ติ?

    ‘What is it, madam?’

    ‘กึ, เช, ทิวาตรํ อุฏฺฐาสี'ติ?

    ‘You’re getting up even later in the day—what’s up with you, wench?’

    ‘น ขฺวเยฺย, กิญฺจี'ติฯ

    ‘Nothing, madam.’

    ‘โน วต เร กิญฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวาตรํ อุฏฺฐาสี'ติ กุปิตา อนตฺตมนา อนตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิฯ

    ‘Oh, so nothing’s up, you naughty maid, but you get up later in the day!’ Angry and upset, she blurted out angry words.

    อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ: ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํฯ มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํฯ ยนฺนูนาหํ ภิโยฺยโส มตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺยนฺ'ติฯ

    Then Kāḷī thought, ‘My mistress actually has anger in her and just doesn’t show it; it’s not that she has no anger. It’s just because my work is well-organized that she doesn’t show anger, even though she still has it inside. Why don’t I test my mistress further?’

    อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฏฺฐาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ: ‘เห เช กาฬี'ติฯ

    So Kāḷī got up even later in the day. Vedehikā said to her, ‘Oi wench, Kāḷī!’

    ‘กึ, อเยฺย'ติ?

    ‘What is it, madam?’

    ‘กึ, เช, ทิวา อุฏฺฐาสี'ติ?

    ‘You’re getting up even later in the day—what’s up with you, wench?’

    ‘น ขฺวเยฺย, กิญฺจี'ติฯ

    ‘Nothing, madam.’

    ‘โน วต เร กิญฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวา อุฏฺฐาสี'ติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจึ คเหตฺวา สีเส ปหารํ อทาสิ, สีสํ โวภินฺทิฯ

    ‘Oh, so nothing’s up, you naughty maid, but you get up even later in the day!’ Angry and upset, she grabbed a rolling-pin and hit Kāḷī on the head, cracking it open.

    อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ภินฺเนน สีเสน โลหิเตน คลนฺเตน ปฏิวิสฺสกานํ อุชฺฌาเปสิ: ‘ปสฺสถเยฺย, โสรตาย กมฺมํ; ปสฺสถเยฺย, นิวาตาย กมฺมํ, ปสฺสถเยฺย, อุปสนฺตาย กมฺมํฯ กถญฺหิ นาม เอกทาสิกาย ทิวา อุฏฺฐาสีติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจึ คเหตฺวา สีเส ปหารํ ทสฺสติ, สีสํ โวภินฺทิสฺสตี'ติฯ

    Then Kāḷī, with blood pouring from her cracked skull, denounced her mistress to the neighbors, ‘See, ladies, what the sweet one did! See what the even-tempered one did! See what the calm one did! How on earth can she grab a rolling-pin and hit her only maid on the head, cracking it open, just for getting up late?’

    อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกาย คหปตานิยา อปเรน สมเยน เอวํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ: ‘จณฺฑี เวเทหิกา คหปตานี, อนิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อนุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี'ติฯ

    Then after some time the housewife Vedehikā got this bad reputation: ‘The housewife Vedehikā is fierce, ill-tempered, and not calm at all.’

    เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ตาวเทว โสรตโสรโต โหติ นิวาตนิวาโต โหติ อุปสนฺตูปสนฺโต โหติ ยาว น อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติฯ ยโต จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ, อถ ภิกฺขุ ‘โสรโต'ติ เวทิตพฺโพ, ‘นิวาโต'ติ เวทิตพฺโพ, ‘อุปสนฺโต'ติ เวทิตพฺโพฯ นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ‘สุวโจ'ติ วทามิ โย จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ อลภมาโน น สุวโจ โหติ, น โสวจสฺสตํ อาปชฺชติฯ โย จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺโต, ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต, ธมฺมํ มาเนนฺโต, ธมฺมํ ปูเชนฺโต, ธมฺมํ อปจายมาโน สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ, ตมหํ ‘สุวโจ'ติ วทามิฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺตา, ธมฺมํ ครุํ กโรนฺตา, ธมฺมํ มาเนนฺตา, ธมฺมํ ปูเชนฺตา, ธมฺมํ อปจายมานา สุวจา ภวิสฺสาม, โสวจสฺสตํ อาปชฺชิสฺสามา'ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    In the same way, a bhikkhu may be the sweetest of the sweet, the most even-tempered of the even-tempered, the calmest of the calm, so long as they don’t encounter any disagreeable criticism. But it’s when they encounter disagreeable criticism that you’ll know whether they’re really sweet, even-tempered, and calm. I don’t say that a bhikkhu is easy to admonish if they make themselves easy to admonish only for the sake of robes, almsfood, lodgings, and medicines and supplies for the sick. Why is that? Because when they don’t get robes, almsfood, lodgings, and medicines and supplies for the sick, they’re no longer easy to admonish. But when a bhikkhu is easy to admonish purely because they honor, respect, revere, worship, and venerate the teaching, then I say that they’re easy to admonish. So, bhikkhus, you should train yourselves: ‘We will be easy to admonish purely because we honor, respect, revere, worship, and venerate the teaching.’ That’s how you should train.

    ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ—กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สเณฺหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วาฯ กาเลน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สเณฺหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วาฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ: ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา, น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน จิตฺเตน วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา'ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    Bhikkhus, there are these five ways in which others might criticize you. Their speech may be timely or untimely, true or false, gentle or harsh, beneficial or harmful, from a heart of love or from secret hate. When others criticize you, they may do so in any of these ways. If that happens, you should train like this: ‘Our minds will remain unaffected. We will blurt out no bad words. We will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate. We will meditate spreading a heart of love to that person. And with them as a basis, we will meditate spreading a heart full of love to everyone in the world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.’ That’s how you should train.

    เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏกํ อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย: ‘อหํ อิมํ มหาปถวึ อปถวึ กริสฺสามี'ติฯ โส ตตฺร ตตฺร วิขเณยฺย, ตตฺร ตตฺร วิกิเรยฺย, ตตฺร ตตฺร โอฏฺฐุเภยฺย, ตตฺร ตตฺร โอมุตฺเตยฺย: ‘อปถวี ภวสิ, อปถวี ภวสี'ติฯ

    Suppose a person was to come along carrying a spade and basket and say, ‘I shall make this great earth be without earth!’ And they’d dig all over, scatter all over, spit all over, and urinate all over, saying, ‘Be without earth! Be without earth!’

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมํ มหาปถวึ อปถวึ กเรยฺยา”ติ?

    What do you think, bhikkhus? Could that person make this great earth be without earth?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “อยญฺหิ, ภนฺเต, มหาปถวี คมฺภีรา อปฺปเมยฺยาฯ สา น สุกรา อปถวี กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา”ติฯ

    “No, sir. Why is that? Because this great earth is deep and limitless. It’s not easy to make it be without earth. That person will eventually get weary and frustrated.”

    “เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ—กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สเณฺหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วาฯ กาเลน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สเณฺหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วาฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ: ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ ปถวิสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา'ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    “In the same way, there are these five ways in which others might criticize you. Their speech may be timely or untimely, true or false, gentle or harsh, beneficial or harmful, from a heart of love or from secret hate. When others criticize you, they may do so in any of these ways. If that happens, you should train like this: ‘Our minds will remain unaffected. We will blurt out no bad words. We will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate. We will meditate spreading a heart of love to that person. And with them as a basis, we will meditate spreading a heart like the earth to everyone in the world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.’ That’s how you should train.

    เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ลาขํ วา หลิทฺทึ วา นีลํ วา มญฺชิฏฺฐํ วา อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย: ‘อหํ อิมสฺมึ อากาเส รูปํ ลิขิสฺสามิ, รูปปาตุภาวํ กริสฺสามี'ติฯ

    Suppose a person was to come along with dye such as red lac, turmeric, indigo, or rose madder, and say, ‘I shall draw pictures on the sky, making pictures appear there.’

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมสฺมึ อากาเส รูปํ ลิเขยฺย, รูปปาตุภาวํ กเรยฺยา”ติ?

    What do you think, bhikkhus? Could that person draw pictures on the sky?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “อยญฺหิ, ภนฺเต, อากาโส อรูปี อนิทสฺสโนฯ ตตฺถ น สุกรํ รูปํ ลิขิตุํ, รูปปาตุภาวํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา”ติฯ

    “No, sir. Why is that? Because the sky is formless and invisible. It’s not easy to draw pictures there. That person will eventually get weary and frustrated.”

    “เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา …เป… ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ อากาสสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา'ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    “In the same way, there are these five ways in which others might criticize you …

    เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย: ‘อหํ อิมาย อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทึ สนฺตาเปสฺสามิ สมฺปริตาเปสฺสามี'ติฯ

    Suppose a person was to come along carrying a blazing grass torch, and say, ‘I shall burn and scorch the river Ganges with this blazing grass torch.’

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทึ สนฺตาเปยฺย สมฺปริตาเปยฺยา”ติ?

    What do you think, bhikkhus? Could that person burn and scorch the river Ganges with a blazing grass torch?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “คงฺคา หิ, ภนฺเต, นที คมฺภีรา อปฺปเมยฺยาฯ สา น สุกรา อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย สนฺตาเปตุํ สมฺปริตาเปตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา”ติฯ

    “No, sir. Why is that? Because the river Ganges is deep and limitless. It’s not easy to burn and scorch it with a blazing grass torch. That person will eventually get weary and frustrated.”

    “เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา …เป… ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ คงฺคาสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา'ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    “In the same way, there are these five ways in which others might criticize you …

    เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภราฯ อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กฏฺฐํ วา กถลํ วา อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย: ‘อหํ อิมํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินึ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กฏฺเฐน วา กถเลน วา สรสรํ กริสฺสามิ ภรภรํ กริสฺสามี'ติฯ

    Suppose there was a catskin bag that was rubbed, well-rubbed, very well-rubbed, soft, silky, rid of rustling and crackling. Then a person comes along carrying a stick or a stone, and says, ‘I shall make this soft catskin bag rustle and crackle with this stick or stone.’

    ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินึ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กฏฺเฐน วา กถเลน วา สรสรํ กเรยฺย, ภรภรํ กเรยฺยา”ติ?

    What do you think, bhikkhus? Could that person make that soft catskin bag rustle and crackle with that stick or stone?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “อมุ หิ, ภนฺเต, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี, ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภราฯ สา น สุกรา กฏฺเฐน วา กถเลน วา สรสรํ กาตุํ ภรภรํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา”ติฯ

    “No, sir. Why is that? Because that catskin bag is rubbed, well-rubbed, very well-rubbed, soft, silky, rid of rustling and crackling. It’s not easy to make it rustle or crackle with a stick or stone. That person will eventually get weary and frustrated.”

    “เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สเณฺหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วาฯ กาเลน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สเณฺหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วาฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ: ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ พิฬารภสฺตาสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา'ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    “In the same way, there are these five ways in which others might criticize you. Their speech may be timely or untimely, true or false, gentle or harsh, beneficial or harmful, from a heart of love or from secret hate. When others criticize you, they may do so in any of these ways. If that happens, you should train like this: ‘Our minds will remain unaffected. We will blurt out no bad words. We will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate. We will meditate spreading a heart of love to that person. And with them as a basis, we will meditate spreading a heart like a catskin bag to everyone in the world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.’ That’s how you should train.

    อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโรฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ: ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา'ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    Even if low-down bandits were to sever you limb from limb with a two-handled saw, anyone who had a malevolent thought on that account would not be following my instructions. If that happens, you should train like this: ‘Our minds will remain unaffected. We will blurt out no bad words. We will remain full of compassion, with a heart of love and no secret hate. We will meditate spreading a heart of love to that person. And with them as a basis, we will meditate spreading a heart full of love to everyone in the world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.’ That’s how you should train.

    อิมญฺจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิ กเรยฺยาถฯ ปสฺสถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตํ วจนปถํ, อณุํ วา ถูลํ วา, ยํ ตุเมฺห นาธิวาเสยฺยาถา”ติ?

    If you frequently reflect on this advice—the simile of the saw—do you see any criticism, large or small, that you could not endure?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ

    “No, sir.”

    “ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, อิมํ กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิกโรถฯ ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา”ติฯ

    “So, bhikkhus, you should frequently reflect on this advice, the simile of the saw. This will be for your lasting welfare and happiness.”

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    That is what the Buddha said. Satisfied, the bhikkhus approved what the Buddha said.

    กกจูปมสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ปฐมํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact