Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๓. โอปมฺมวโคฺค

    3. Opammavaggo

    ๑. กกจูปมสุตฺตํ

    1. Kakacūpamasuttaṃ

    ๒๒๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ อติเวลํ สํสโฎฺฐ วิหรติฯ เอวํ สํสโฎฺฐ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ วิหรติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรติฯ สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติฯ เอวํ สํสโฎฺฐ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ วิหรติฯ อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภเนฺต, โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ อติเวลํ สํสโฎฺฐ วิหรติฯ เอวํ สํสโฎฺฐ, ภเนฺต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ วิหรติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรติฯ สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติฯ เอวํ สํสโฎฺฐ, ภเนฺต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ วิหรตี’’ติฯ

    222. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā moḷiyaphagguno bhikkhunīhi saddhiṃ ativelaṃ saṃsaṭṭho viharati. Evaṃ saṃsaṭṭho āyasmā moḷiyaphagguno bhikkhunīhi saddhiṃ viharati – sace koci bhikkhu āyasmato moḷiyaphaggunassa sammukhā tāsaṃ bhikkhunīnaṃ avaṇṇaṃ bhāsati, tenāyasmā moḷiyaphagguno kupito anattamano adhikaraṇampi karoti. Sace pana koci bhikkhu tāsaṃ bhikkhunīnaṃ sammukhā āyasmato moḷiyaphaggunassa avaṇṇaṃ bhāsati, tena tā bhikkhuniyo kupitā anattamanā adhikaraṇampi karonti. Evaṃ saṃsaṭṭho āyasmā moḷiyaphagguno bhikkhunīhi saddhiṃ viharati. Atha kho aññataro bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmā, bhante, moḷiyaphagguno bhikkhunīhi saddhiṃ ativelaṃ saṃsaṭṭho viharati. Evaṃ saṃsaṭṭho, bhante, āyasmā moḷiyaphagguno bhikkhunīhi saddhiṃ viharati – sace koci bhikkhu āyasmato moḷiyaphaggunassa sammukhā tāsaṃ bhikkhunīnaṃ avaṇṇaṃ bhāsati, tenāyasmā moḷiyaphagguno kupito anattamano adhikaraṇampi karoti. Sace pana koci bhikkhu tāsaṃ bhikkhunīnaṃ sammukhā āyasmato moḷiyaphaggunassa avaṇṇaṃ bhāsati, tena tā bhikkhuniyo kupitā anattamanā adhikaraṇampi karonti. Evaṃ saṃsaṭṭho, bhante, āyasmā moḷiyaphagguno bhikkhunīhi saddhiṃ viharatī’’ti.

    ๒๒๓. อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ , ภิกฺขุ, มม วจเนน โมฬิยผคฺคุนํ ภิกฺขุํ อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ , ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ ภควา เอตทโวจ –

    223. Atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ , bhikkhu, mama vacanena moḷiyaphaggunaṃ bhikkhuṃ āmantehi – ‘satthā taṃ, āvuso phagguna, āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ , bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā yenāyasmā moḷiyaphagguno tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ moḷiyaphaggunaṃ etadavoca – ‘‘satthā taṃ, āvuso phagguna, āmantetī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā moḷiyaphagguno tassa bhikkhuno paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ moḷiyaphaggunaṃ bhagavā etadavoca –

    ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ อติเวลํ สํสโฎฺฐ วิหรสิ? เอวํ สํสโฎฺฐ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ วิหรสิ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ ตุยฺหํ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตฺวํ กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรสิฯ สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา ตุยฺหํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติฯ เอวํ สํสโฎฺฐ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ วิหรสี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘นนุ ตฺวํ, ผคฺคุน, กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ

    ‘‘Saccaṃ kira tvaṃ, phagguna, bhikkhunīhi saddhiṃ ativelaṃ saṃsaṭṭho viharasi? Evaṃ saṃsaṭṭho kira tvaṃ, phagguna, bhikkhunīhi saddhiṃ viharasi – sace koci bhikkhu tuyhaṃ sammukhā tāsaṃ bhikkhunīnaṃ avaṇṇaṃ bhāsati, tena tvaṃ kupito anattamano adhikaraṇampi karosi. Sace pana koci bhikkhu tāsaṃ bhikkhunīnaṃ sammukhā tuyhaṃ avaṇṇaṃ bhāsati, tena tā bhikkhuniyo kupitā anattamanā adhikaraṇampi karonti. Evaṃ saṃsaṭṭho kira tvaṃ, phagguna, bhikkhunīhi saddhiṃ viharasī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’ti. ‘‘Nanu tvaṃ, phagguna, kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’ti.

    ๒๒๔. ‘‘น โข เต เอตํ, ผคฺคุน, ปติรูปํ กุลปุตฺตสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตสฺส, ยํ ตฺวํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ อติเวลํ สํสโฎฺฐ วิหเรยฺยาสิฯ ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา 1 ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิโตฺต, น โทสนฺตโร’ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํฯ

    224. ‘‘Na kho te etaṃ, phagguna, patirūpaṃ kulaputtassa saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitassa, yaṃ tvaṃ bhikkhunīhi saddhiṃ ativelaṃ saṃsaṭṭho vihareyyāsi. Tasmātiha, phagguna, tava cepi koci sammukhā tāsaṃ bhikkhunīnaṃ avaṇṇaṃ bhāseyya, tatrāpi tvaṃ, phagguna, ye gehasitā 2 chandā ye gehasitā vitakkā te pajaheyyāsi. Tatrāpi te, phagguna, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘na ceva me cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāmi, hitānukampī ca viharissāmi mettacitto, na dosantaro’ti. Evañhi te, phagguna, sikkhitabbaṃ.

    ‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทเณฺฑน ปหารํ ทเทยฺย, สเตฺถน ปหารํ ทเทยฺยฯ ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิโตฺต, น โทสนฺตโร’ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํฯ

    ‘‘Tasmātiha, phagguna, tava cepi koci sammukhā tāsaṃ bhikkhunīnaṃ pāṇinā pahāraṃ dadeyya, leḍḍunā pahāraṃ dadeyya, daṇḍena pahāraṃ dadeyya, satthena pahāraṃ dadeyya. Tatrāpi tvaṃ, phagguna, ye gehasitā chandā ye gehasitā vitakkā te pajaheyyāsi. Tatrāpi te, phagguna, evaṃ sikkhitabbaṃ ‘na ceva me cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāmi, hitānukampī ca viharissāmi mettacitto, na dosantaro’ti. Evañhi te, phagguna, sikkhitabbaṃ.

    ‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน , เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิโตฺต, น โทสนฺตโร’ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํฯ

    ‘‘Tasmātiha, phagguna, tava cepi koci sammukhā avaṇṇaṃ bhāseyya, tatrāpi tvaṃ, phagguna , ye gehasitā chandā ye gehasitā vitakkā te pajaheyyāsi. Tatrāpi te, phagguna, evaṃ sikkhitabbaṃ ‘na ceva me cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāmi, hitānukampī ca viharissāmi mettacitto, na dosantaro’ti. Evañhi te, phagguna, sikkhitabbaṃ.

    ‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทเณฺฑน ปหารํ ทเทยฺย, สเตฺถน ปหารํ ทเทยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิฯ ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิโตฺต, น โทสนฺตโร’ติฯ เอวญฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ

    ‘‘Tasmātiha, phagguna, tava cepi koci pāṇinā pahāraṃ dadeyya, leḍḍunā pahāraṃ dadeyya, daṇḍena pahāraṃ dadeyya, satthena pahāraṃ dadeyya, tatrāpi tvaṃ, phagguna, ye gehasitā chandā ye gehasitā vitakkā te pajaheyyāsi. Tatrāpi te, phagguna, evaṃ sikkhitabbaṃ ‘na ceva me cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāmi, hitānukampī ca viharissāmi mettacitto, na dosantaro’ti. Evañhi te, phagguna, sikkhitabba’’nti.

    ๒๒๕. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาราธยิํสุ วต เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เอกํ สมยํ จิตฺตํฯ อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อามเนฺตสิํ – อหํ โข, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภุญฺชามิฯ เอกาสนโภชนํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภุญฺชมาโน อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานามิ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เอถ ตุเมฺหปิ, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภุญฺชถฯ เอกาสนโภชนํ โข, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจาติฯ น เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ; สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิฯ

    225. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘ārādhayiṃsu vata me, bhikkhave, bhikkhū ekaṃ samayaṃ cittaṃ. Idhāhaṃ, bhikkhave, bhikkhū āmantesiṃ – ahaṃ kho, bhikkhave, ekāsanabhojanaṃ bhuñjāmi. Ekāsanabhojanaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, bhuñjamāno appābādhatañca sañjānāmi appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Etha tumhepi, bhikkhave, ekāsanabhojanaṃ bhuñjatha. Ekāsanabhojanaṃ kho, bhikkhave, tumhepi bhuñjamānā appābādhatañca sañjānissatha appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañcāti. Na me, bhikkhave, tesu bhikkhūsu anusāsanī karaṇīyā ahosi; satuppādakaraṇīyameva me, bhikkhave, tesu bhikkhūsu ahosi.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุภูมิยํ จตุมหาปเถ อาชญฺญรโถ ยุโตฺต อสฺส ฐิโต โอธสฺตปโตโทฯ ตเมนํ ทโกฺข โยคฺคาจริโย อสฺสทมฺมสารถิ อภิรุหิตฺวา, วาเมน หเตฺถน รสฺมิโย คเหตฺวา, ทกฺขิเณน หเตฺถน ปโตทํ คเหตฺวา, เยนิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ สาเรยฺยปิ ปจฺจาสาเรยฺยปิฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, น เม เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ, สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธเมฺมสุ อาโยคํ กโรถฯ เอวญฺหิ ตุเมฺหปิ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, subhūmiyaṃ catumahāpathe ājaññaratho yutto assa ṭhito odhastapatodo. Tamenaṃ dakkho yoggācariyo assadammasārathi abhiruhitvā, vāmena hatthena rasmiyo gahetvā, dakkhiṇena hatthena patodaṃ gahetvā, yenicchakaṃ yadicchakaṃ sāreyyapi paccāsāreyyapi. Evameva kho, bhikkhave, na me tesu bhikkhūsu anusāsanī karaṇīyā ahosi, satuppādakaraṇīyameva me, bhikkhave, tesu bhikkhūsu ahosi. Tasmātiha, bhikkhave, tumhepi akusalaṃ pajahatha, kusalesu dhammesu āyogaṃ karotha. Evañhi tumhepi imasmiṃ dhammavinaye vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissatha.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหนฺตํ สาลวนํฯ ตญฺจสฺส เอฬเณฺฑหิ สญฺฉนฺนํฯ ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปเชฺชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคเกฺขมกาโมฯ โส ยา ตา สาลลฎฺฐิโย กุฎิลา โอชาปหรณิโย 3 ตา เฉตฺวา 4 พหิทฺธา นีหเรยฺย, อโนฺตวนํ สุวิโสธิตํ วิโสเธยฺยฯ ยา ปน ตา สาลลฎฺฐิโย อุชุกา สุชาตา ตา สมฺมา ปริหเรยฺยฯ เอวเญฺหตํ, ภิกฺขเว, สาลวนํ อปเรน สมเยน วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปเชฺชยฺยฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธเมฺมสุ อาโยคํ กโรถฯ เอวญฺหิ ตุเมฺหปิ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถฯ

    ‘‘Seyyathāpi , bhikkhave, gāmassa vā nigamassa vā avidūre mahantaṃ sālavanaṃ. Tañcassa eḷaṇḍehi sañchannaṃ. Tassa kocideva puriso uppajjeyya atthakāmo hitakāmo yogakkhemakāmo. So yā tā sālalaṭṭhiyo kuṭilā ojāpaharaṇiyo 5 tā chetvā 6 bahiddhā nīhareyya, antovanaṃ suvisodhitaṃ visodheyya. Yā pana tā sālalaṭṭhiyo ujukā sujātā tā sammā parihareyya. Evañhetaṃ, bhikkhave, sālavanaṃ aparena samayena vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjeyya. Evameva kho, bhikkhave, tumhepi akusalaṃ pajahatha, kusalesu dhammesu āyogaṃ karotha. Evañhi tumhepi imasmiṃ dhammavinaye vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissatha.

    ๒๒๖. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา เวเทหิกา นาม คหปตานี อโหสิฯ เวเทหิกาย, ภิกฺขเว, คหปตานิยา เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’ติฯ เวเทหิกาย โข ปน, ภิกฺขเว, คหปตานิยา กาฬี นาม ทาสี อโหสิ ทกฺขา อนลสา สุสํวิหิตกมฺมนฺตาฯ

    226. ‘‘Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, imissāyeva sāvatthiyā vedehikā nāma gahapatānī ahosi. Vedehikāya, bhikkhave, gahapatāniyā evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘soratā vedehikā gahapatānī, nivātā vedehikā gahapatānī, upasantā vedehikā gahapatānī’ti. Vedehikāya kho pana, bhikkhave, gahapatāniyā kāḷī nāma dāsī ahosi dakkhā analasā susaṃvihitakammantā.

    ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘มยฺหํ โข อยฺยาย เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘‘โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’’ติฯ กิํ นุ โข เม อยฺยา สนฺตํเยว นุ โข อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ อุทาหุ อสนฺตํ อุทาหุ มยฺหเมเวเต 7 กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ? ยํนูนาหํ อยฺยํ วีมํเสยฺย’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวา อุฎฺฐาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬิํ ทาสิํ เอตทโวจ – ‘เห เช กาฬี’ติฯ ‘กิํ, อเยฺย’ติ? ‘กิํ, เช, ทิวา อุฎฺฐาสี’ติ? ‘น ขฺวเยฺย 8, กิญฺจี’ติฯ ‘โน วต เร กิญฺจิ, ปาปิ ทาสิ 9, ทิวา อุฎฺฐาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา ภากุฎิํ 10 อกาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ; มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํฯ ยํนูนาหํ ภิโยฺยโสมตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺย’’’นฺติฯ

    ‘‘Atha kho, bhikkhave, kāḷiyā dāsiyā etadahosi – ‘mayhaṃ kho ayyāya evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘‘soratā vedehikā gahapatānī, nivātā vedehikā gahapatānī, upasantā vedehikā gahapatānī’’ti. Kiṃ nu kho me ayyā santaṃyeva nu kho ajjhattaṃ kopaṃ na pātukaroti udāhu asantaṃ udāhu mayhamevete 11 kammantā susaṃvihitā yena me ayyā santaṃyeva ajjhattaṃ kopaṃ na pātukaroti, no asantaṃ? Yaṃnūnāhaṃ ayyaṃ vīmaṃseyya’nti. Atha kho, bhikkhave, kāḷī dāsī divā uṭṭhāsi. Atha kho, bhikkhave, vedehikā gahapatānī kāḷiṃ dāsiṃ etadavoca – ‘he je kāḷī’ti. ‘Kiṃ, ayye’ti? ‘Kiṃ, je, divā uṭṭhāsī’ti? ‘Na khvayye 12, kiñcī’ti. ‘No vata re kiñci, pāpi dāsi 13, divā uṭṭhāsī’ti kupitā anattamanā bhākuṭiṃ 14 akāsi. Atha kho, bhikkhave, kāḷiyā dāsiyā etadahosi – ‘santaṃyeva kho me ayyā ajjhattaṃ kopaṃ na pātukaroti, no asantaṃ; mayhamevete kammantā susaṃvihitā, yena me ayyā santaṃyeva ajjhattaṃ kopaṃ na pātukaroti, no asantaṃ. Yaṃnūnāhaṃ bhiyyosomattāya ayyaṃ vīmaṃseyya’’’nti.

    ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฎฺฐาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬิํ ทาสิํ เอตทโวจ – ‘เห เช, กาฬี’ติฯ ‘กิํ, อเยฺย’ติ? ‘กิํ, เช, ทิวาตรํ อุฎฺฐาสี’ติ? ‘น ขฺวเยฺย, กิญฺจี’ติฯ ‘โน วต เร กิญฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวาตรํ อุฎฺฐาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา อนตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํฯ มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํฯ ยํนูนาหํ ภิโยฺยโสมตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺย’นฺติฯ

    ‘‘Atha kho, bhikkhave, kāḷī dāsī divātaraṃyeva uṭṭhāsi. Atha kho, bhikkhave, vedehikā gahapatānī kāḷiṃ dāsiṃ etadavoca – ‘he je, kāḷī’ti. ‘Kiṃ, ayye’ti? ‘Kiṃ, je, divātaraṃ uṭṭhāsī’ti? ‘Na khvayye, kiñcī’ti. ‘No vata re kiñci, pāpi dāsi, divātaraṃ uṭṭhāsī’ti kupitā anattamanā anattamanavācaṃ nicchāresi. Atha kho, bhikkhave, kāḷiyā dāsiyā etadahosi – ‘santaṃyeva kho me ayyā ajjhattaṃ kopaṃ na pātukaroti, no asantaṃ. Mayhamevete kammantā susaṃvihitā, yena me ayyā santaṃyeva ajjhattaṃ kopaṃ na pātukaroti, no asantaṃ. Yaṃnūnāhaṃ bhiyyosomattāya ayyaṃ vīmaṃseyya’nti.

    ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฎฺฐาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬิํ ทาสิํ เอตทโวจ – ‘เห เช, กาฬี’ติฯ ‘กิํ, อเยฺย’ติ? ‘กิํ, เช, ทิวา อุฎฺฐาสี’ติ? ‘น ขฺวเยฺย, กิญฺจี’ติฯ ‘โน วต เร กิญฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวา อุฎฺฐาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจิํ คเหตฺวา สีเส ปหารํ อทาสิ, สีสํ โวภินฺทิ 15ฯ อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ภิเนฺนน สีเสน โลหิเตน คลเนฺตน ปฎิวิสฺสกานํ อุชฺฌาเปสิ – ‘ปสฺสถเยฺย, โสรตาย กมฺมํ; ปสฺสถเยฺย, นิวาตาย กมฺมํ, ปสฺสถเยฺย, อุปสนฺตาย กมฺมํ! กถญฺหิ นาม เอกทาสิกาย ทิวา อุฎฺฐาสีติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจิํ คเหตฺวา สีเส ปหารํ ทสฺสติ, สีสํ โวภินฺทิสฺสตี’ติฯ

    ‘‘Atha kho, bhikkhave, kāḷī dāsī divātaraṃyeva uṭṭhāsi. Atha kho, bhikkhave, vedehikā gahapatānī kāḷiṃ dāsiṃ etadavoca – ‘he je, kāḷī’ti. ‘Kiṃ, ayye’ti? ‘Kiṃ, je, divā uṭṭhāsī’ti? ‘Na khvayye, kiñcī’ti. ‘No vata re kiñci, pāpi dāsi, divā uṭṭhāsī’ti kupitā anattamanā aggaḷasūciṃ gahetvā sīse pahāraṃ adāsi, sīsaṃ vobhindi 16. Atha kho, bhikkhave, kāḷī dāsī bhinnena sīsena lohitena galantena paṭivissakānaṃ ujjhāpesi – ‘passathayye, soratāya kammaṃ; passathayye, nivātāya kammaṃ, passathayye, upasantāya kammaṃ! Kathañhi nāma ekadāsikāya divā uṭṭhāsīti kupitā anattamanā aggaḷasūciṃ gahetvā sīse pahāraṃ dassati, sīsaṃ vobhindissatī’ti.

    ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกาย คหปตานิยา อปเรน สมเยน เอวํ ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉิ – ‘จณฺฑี เวเทหิกา คหปตานี, อนิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อนุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’ติฯ

    ‘‘Atha kho, bhikkhave, vedehikāya gahapatāniyā aparena samayena evaṃ pāpako kittisaddo abbhuggacchi – ‘caṇḍī vedehikā gahapatānī, anivātā vedehikā gahapatānī, anupasantā vedehikā gahapatānī’ti.

    ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ ตาวเทว โสรตโสรโต โหติ นิวาตนิวาโต โหติ อุปสนฺตูปสโนฺต โหติ ยาว น อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติฯ ยโต จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ, อถ ภิกฺขุ ‘โสรโต’ติ เวทิตโพฺพ, ‘นิวาโต’ติ เวทิตโพฺพ, ‘อุปสโนฺต’ติ เวทิตโพฺพฯ นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ‘สุวโจ’ติ วทามิ โย จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ อลภมาโน น สุวโจ โหติ, น โสวจสฺสตํ อาปชฺชติฯ โย จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํเยว สกฺกโรโนฺต, ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต, ธมฺมํ มาเนโนฺต, ธมฺมํ ปูเชโนฺต, ธมฺมํ อปจายมาโน 17 สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ, ตมหํ ‘สุวโจ’ติ วทามิฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺตา, ธมฺมํ ครุํ กโรนฺตา, ธมฺมํ มาเนนฺตา, ธมฺมํ ปูเชนฺตา, ธมฺมํ อปจายมานา สุวจา ภวิสฺสาม, โสวจสฺสตํ อาปชฺชิสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    ‘‘Evameva kho, bhikkhave, idhekacco bhikkhu tāvadeva soratasorato hoti nivātanivāto hoti upasantūpasanto hoti yāva na amanāpā vacanapathā phusanti. Yato ca, bhikkhave, bhikkhuṃ amanāpā vacanapathā phusanti, atha bhikkhu ‘sorato’ti veditabbo, ‘nivāto’ti veditabbo, ‘upasanto’ti veditabbo. Nāhaṃ taṃ, bhikkhave, bhikkhuṃ ‘suvaco’ti vadāmi yo cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārahetu suvaco hoti, sovacassataṃ āpajjati. Taṃ kissa hetu? Tañhi so, bhikkhave, bhikkhu cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhāraṃ alabhamāno na suvaco hoti, na sovacassataṃ āpajjati. Yo ca kho, bhikkhave, bhikkhu dhammaṃyeva sakkaronto, dhammaṃ garuṃ karonto, dhammaṃ mānento, dhammaṃ pūjento, dhammaṃ apacāyamāno 18 suvaco hoti, sovacassataṃ āpajjati, tamahaṃ ‘suvaco’ti vadāmi. Tasmātiha, bhikkhave, ‘dhammaṃyeva sakkarontā, dhammaṃ garuṃ karontā, dhammaṃ mānentā, dhammaṃ pūjentā, dhammaṃ apacāyamānā suvacā bhavissāma, sovacassataṃ āpajjissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.

    ๒๒๗. ‘‘ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ – กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สเณฺหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วาฯ กาเลน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สเณฺหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา ; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วาฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา, น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน จิเตฺตน วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน 19 ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    227. ‘‘Pañcime, bhikkhave, vacanapathā yehi vo pare vadamānā vadeyyuṃ – kālena vā akālena vā; bhūtena vā abhūtena vā; saṇhena vā pharusena vā; atthasaṃhitena vā anatthasaṃhitena vā; mettacittā vā dosantarā vā. Kālena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ akālena vā; bhūtena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ abhūtena vā; saṇhena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ pharusena vā; atthasaṃhitena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ anatthasaṃhitena vā ; mettacittā vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ dosantarā vā. Tatrāpi vo, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘na ceva no cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāma, hitānukampī ca viharissāma mettacittā, na dosantarā. Tañca puggalaṃ mettāsahagatena cetasā pharitvā viharissāma, tadārammaṇañca sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cittena vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena 20 pharitvā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.

    ๒๒๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคเจฺฉยฺย กุทาลปิฎกํ 21 อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ มหาปถวิํ อปถวิํ กริสฺสามี’ติ ฯ โส ตตฺร ตตฺร วิขเณยฺย 22, ตตฺร ตตฺร วิกิเรยฺย, ตตฺร ตตฺร โอฎฺฐุเภยฺย, ตตฺร ตตฺร โอมุเตฺตยฺย – ‘อปถวี ภวสิ, อปถวี ภวสี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมํ มหาปถวิํ อปถวิํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อยญฺหิ, ภเนฺต, มหาปถวี คมฺภีรา อปฺปเมยฺยาฯ สา น สุกรา อปถวี กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ – กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สเณฺหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วาฯ กาเลน วา , ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สเณฺหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วาฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ ปถวิสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    228. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso āgaccheyya kudālapiṭakaṃ 23 ādāya. So evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ imaṃ mahāpathaviṃ apathaviṃ karissāmī’ti . So tatra tatra vikhaṇeyya 24, tatra tatra vikireyya, tatra tatra oṭṭhubheyya, tatra tatra omutteyya – ‘apathavī bhavasi, apathavī bhavasī’ti. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu so puriso imaṃ mahāpathaviṃ apathaviṃ kareyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Ayañhi, bhante, mahāpathavī gambhīrā appameyyā. Sā na sukarā apathavī kātuṃ; yāvadeva ca pana so puriso kilamathassa vighātassa bhāgī assā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhikkhave, pañcime vacanapathā yehi vo pare vadamānā vadeyyuṃ – kālena vā akālena vā; bhūtena vā abhūtena vā; saṇhena vā pharusena vā; atthasaṃhitena vā anatthasaṃhitena vā; mettacittā vā dosantarā vā. Kālena vā , bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ akālena vā; bhūtena vā bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ abhūtena vā; saṇhena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ pharusena vā; atthasaṃhitena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ anatthasaṃhitena vā; mettacittā vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ dosantarā vā. Tatrāpi vo, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘na ceva no cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāma, hitānukampī ca viharissāma mettacittā na dosantarā. Tañca puggalaṃ mettāsahagatena cetasā pharitvā viharissāma, tadārammaṇañca sabbāvantaṃ lokaṃ pathavisamena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.

    ๒๒๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ลาขํ วา หลิทฺทิํ วา นีลํ วา มญฺชิฎฺฐํ วา อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมสฺมิํ อากาเส รูปํ ลิขิสฺสามิ, รูปปาตุภาวํ กริสฺสามี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมสฺมิํ อากาเส รูปํ ลิเขยฺย, รูปปาตุภาวํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อยญฺหิ, ภเนฺต, อากาโส อรูปี อนิทสฺสโนฯ ตตฺถ น สุกรํ รูปํ ลิขิตุํ, รูปปาตุภาวํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา …เป.… ‘น เจว… ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ อากาสสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    229. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso āgaccheyya lākhaṃ vā haliddiṃ vā nīlaṃ vā mañjiṭṭhaṃ vā ādāya. So evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ imasmiṃ ākāse rūpaṃ likhissāmi, rūpapātubhāvaṃ karissāmī’ti. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu so puriso imasmiṃ ākāse rūpaṃ likheyya, rūpapātubhāvaṃ kareyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Ayañhi, bhante, ākāso arūpī anidassano. Tattha na sukaraṃ rūpaṃ likhituṃ, rūpapātubhāvaṃ kātuṃ; yāvadeva ca pana so puriso kilamathassa vighātassa bhāgī assā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhikkhave, pañcime vacanapathā yehi vo pare vadamānā vadeyyuṃ kālena vā akālena vā …pe… ‘na ceva… tadārammaṇañca sabbāvantaṃ lokaṃ ākāsasamena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.

    ๒๓๐. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคเจฺฉยฺย อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมาย อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทิํ สนฺตาเปสฺสามิ สํปริตาเปสฺสามี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทิํ สนฺตาเปยฺย สํปริตาเปยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘คงฺคา หิ, ภเนฺต, นที คมฺภีรา อปฺปเมยฺยาฯ สา น สุกรา อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย สนฺตาเปตุํ สํปริตาเปตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา…เป.… ‘น เจว… ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ คงฺคาสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    230. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso āgaccheyya ādittaṃ tiṇukkaṃ ādāya. So evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ imāya ādittāya tiṇukkāya gaṅgaṃ nadiṃ santāpessāmi saṃparitāpessāmī’ti. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu so puriso ādittāya tiṇukkāya gaṅgaṃ nadiṃ santāpeyya saṃparitāpeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Gaṅgā hi, bhante, nadī gambhīrā appameyyā. Sā na sukarā ādittāya tiṇukkāya santāpetuṃ saṃparitāpetuṃ; yāvadeva ca pana so puriso kilamathassa vighātassa bhāgī assā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhikkhave, pañcime vacanapathā yehi vo pare vadamānā vadeyyuṃ kālena vā akālena vā…pe… ‘na ceva… tadārammaṇañca sabbāvantaṃ lokaṃ gaṅgāsamena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharissāmā’’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.

    ๒๓๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภราฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย กฎฺฐํ วา กถลํ 25 วา อาทายฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินิํ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กเฎฺฐน วา กถเลน วา สรสรํ กริสฺสามิ ภรภรํ กริสฺสามี’ติ ฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินิํ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กเฎฺฐน วา กถเลน วา สรสรํ กเรยฺย, ภรภรํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุ หิ, ภเนฺต, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี, ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภราฯ สา น สุกรา กเฎฺฐน วา กถเลน วา สรสรํ กาตุํ ภรภรํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปญฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สเณฺหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วาฯ กาเลน วา ภิกฺขเว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สเณฺหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วาฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ พิฬารภสฺตาสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    231. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, biḷārabhastā madditā sumadditā suparimadditā, mudukā tūlinī chinnasassarā chinnabhabbharā. Atha puriso āgaccheyya kaṭṭhaṃ vā kathalaṃ 26 vā ādāya. So evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ imaṃ biḷārabhastaṃ madditaṃ sumadditaṃ suparimadditaṃ, mudukaṃ tūliniṃ, chinnasassaraṃ chinnabhabbharaṃ kaṭṭhena vā kathalena vā sarasaraṃ karissāmi bharabharaṃ karissāmī’ti . Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu so puriso amuṃ biḷārabhastaṃ madditaṃ sumadditaṃ suparimadditaṃ, mudukaṃ tūliniṃ, chinnasassaraṃ chinnabhabbharaṃ kaṭṭhena vā kathalena vā sarasaraṃ kareyya, bharabharaṃ kareyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Amu hi, bhante, biḷārabhastā madditā sumadditā suparimadditā, mudukā tūlinī, chinnasassarā chinnabhabbharā. Sā na sukarā kaṭṭhena vā kathalena vā sarasaraṃ kātuṃ bharabharaṃ kātuṃ; yāvadeva ca pana so puriso kilamathassa vighātassa bhāgī assā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhikkhave, pañcime vacanapathā yehi vo pare vadamānā vadeyyuṃ kālena vā akālena vā; bhūtena vā abhūtena vā; saṇhena vā pharusena vā; atthasaṃhitena vā anatthasaṃhitena vā; mettacittā vā dosantarā vā. Kālena vā bhikkhave pare vadamānā vadeyyuṃ akālena vā; bhūtena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ abhūtena vā; saṇhena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ pharusena vā; atthasaṃhitena vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ anatthasaṃhitena vā; mettacittā vā, bhikkhave, pare vadamānā vadeyyuṃ dosantarā vā. Tatrāpi vo, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘na ceva no cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāma hitānukampī ca viharissāma mettacittā na dosantarā. Tañca puggalaṃ mettāsahagatena cetasā pharitvā viharissāma, tadārammaṇañca sabbāvantaṃ lokaṃ biḷārabhastāsamena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.

    ๒๓๒. ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกเนฺตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโรฯ ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว , เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตราฯ ตญฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม ตทารมฺมณญฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ

    232. ‘‘Ubhatodaṇḍakena cepi, bhikkhave, kakacena corā ocarakā aṅgamaṅgāni okanteyyuṃ, tatrāpi yo mano padūseyya, na me so tena sāsanakaro. Tatrāpi vo, bhikkhave , evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘na ceva no cittaṃ vipariṇataṃ bhavissati, na ca pāpikaṃ vācaṃ nicchāressāma, hitānukampī ca viharissāma mettacittā na dosantarā. Tañca puggalaṃ mettāsahagatena cetasā pharitvā viharissāma tadārammaṇañca sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.

    ๒๓๓. ‘‘อิมญฺจ 27 ตุเมฺห, ภิกฺขเว, กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิ กเรยฺยาถฯ ปสฺสถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตํ วจนปถํ, อณุํ วา ถูลํ วา, ยํ ตุเมฺห นาธิวาเสยฺยาถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, อิมํ กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิกโรถฯ ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ

    233. ‘‘Imañca 28 tumhe, bhikkhave, kakacūpamaṃ ovādaṃ abhikkhaṇaṃ manasi kareyyātha. Passatha no tumhe, bhikkhave, taṃ vacanapathaṃ, aṇuṃ vā thūlaṃ vā, yaṃ tumhe nādhivāseyyāthā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, imaṃ kakacūpamaṃ ovādaṃ abhikkhaṇaṃ manasikarotha. Taṃ vo bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.

    กกจูปมสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปฐมํฯ

    Kakacūpamasuttaṃ niṭṭhitaṃ paṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. เคหสฺสิตา (?)
    2. gehassitā (?)
    3. โอชหรณิโย (ก.)
    4. ตเจฺฉตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)
    5. ojaharaṇiyo (ka.)
    6. tacchetvā (sī. syā. pī.)
    7. มเยฺหเวเต (สี. ปี.)
    8. น โข อเยฺย (สี. ปี.)
    9. ปาปทาสิ (สฺยา. ก.)
    10. ภูกุฎิํ (สี. ปี.), ภกุฎีํ (สฺยา.)
    11. mayhevete (sī. pī.)
    12. na kho ayye (sī. pī.)
    13. pāpadāsi (syā. ka.)
    14. bhūkuṭiṃ (sī. pī.), bhakuṭīṃ (syā.)
    15. วิ + อว + ภินฺทิ = โวภินฺทิ
    16. vi + ava + bhindi = vobhindi
    17. ธมฺมํ เยว สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุกโรโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน (สี. สฺยา. ปี.)
    18. dhammaṃ yeva sakkaronto dhammaṃ garukaronto dhammaṃ apacāyamāno (sī. syā. pī.)
    19. อพฺยาปเชฺฌน (สี. สฺยา. ปี.), อพฺยาปเชฺชน (ก.) องฺคุตฺตรติกนิปาตฎีกา โอโลเกตพฺพา
    20. abyāpajjhena (sī. syā. pī.), abyāpajjena (ka.) aṅguttaratikanipātaṭīkā oloketabbā
    21. กุทฺทาลปิฎกํ (สี. สฺยา. ปี.)
    22. ขเณยฺย (สี. สฺยา. ปี.)
    23. kuddālapiṭakaṃ (sī. syā. pī.)
    24. khaṇeyya (sī. syā. pī.)
    25. กฐลํ (สี. สฺยา. ปี.)
    26. kaṭhalaṃ (sī. syā. pī.)
    27. อิมเญฺจ (?)
    28. imañce (?)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. กกจูปมสุตฺตวณฺณนา • 1. Kakacūpamasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. กกจูปมสุตฺตวณฺณนา • 1. Kakacūpamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact