Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. โอปมฺมวโคฺค
3. Opammavaggo
๑. กกจูปมสุตฺตวณฺณนา
1. Kakacūpamasuttavaṇṇanā
๒๒๒. โมฬินฺติ เกสรจนํฯ เวหายสนฺติ อากาเสฯ รตนจโงฺกฎวเรนาติ รตนสิลามยวรจโงฺกฎเกน สหสฺสเนโตฺต สิรสา ปฎิคฺคหิฯ ‘‘สุวณฺณจโงฺกฎกวเรนา’’ติปิ (พุ. วํ. อฎฺฐ. ๒๓ ทูเรนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.๒ อวิทูเรนิทานกถา) ปาโฐฯ
222.Moḷinti kesaracanaṃ. Vehāyasanti ākāse. Ratanacaṅkoṭavarenāti ratanasilāmayavaracaṅkoṭakena sahassanetto sirasā paṭiggahi. ‘‘Suvaṇṇacaṅkoṭakavarenā’’tipi (bu. vaṃ. aṭṭha. 23 dūrenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.2 avidūrenidānakathā) pāṭho.
สาติ โมฬิฯ โมฬิ เอตสฺส อตฺถีติ โมฬิโก, โมฬิโก เอว โมฬิโยฯ ผคฺคุโนติ ปน นามํฯ สงฺขาติ สมญฺญาฯ เวลียติ ขณมุหุตฺตาทิวเสน อุปทิสียตีติ เวลา, กาโลติ อาห ‘‘ตายํ เวลายํ…เป.… อยํ กาลเวลา นามา’’ติฯ เวลยติ ปริเจฺฉทวเสน ติฎฺฐตีติ เวลา, สีมาฯ เวลยติ สํกิเลสปกฺขํ จาลยตีติ เวลา, สีลํฯ อนติกฺกมนโฎฺฐปิ จสฺส สํกิเลสธมฺมนิมิตฺตํ อจลนเมวฯ วิญฺญุปุริสาภาเว ฉปญฺจวาจามตฺตํ โอวาเท ปมาณํ นามฯ ทวสหคตํ กตฺวาติ กีฬาสหิตํ กตฺวาฯ
Sāti moḷi. Moḷi etassa atthīti moḷiko, moḷiko eva moḷiyo. Phaggunoti pana nāmaṃ. Saṅkhāti samaññā. Velīyati khaṇamuhuttādivasena upadisīyatīti velā, kāloti āha ‘‘tāyaṃ velāyaṃ…pe… ayaṃ kālavelā nāmā’’ti. Velayati paricchedavasena tiṭṭhatīti velā, sīmā. Velayati saṃkilesapakkhaṃ cālayatīti velā, sīlaṃ. Anatikkamanaṭṭhopi cassa saṃkilesadhammanimittaṃ acalanameva. Viññupurisābhāve chapañcavācāmattaṃ ovāde pamāṇaṃ nāma.Davasahagataṃ katvāti kīḷāsahitaṃ katvā.
มิสฺสีภูโตติ อนนุโลมิกสํสคฺควเสน มิสฺสีภูโตฯ ‘‘อวณฺณํ ภาสตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘ตาปนปจนโกฎฺฎนาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อธิกรณมฺปิ กโรตีติ เอตฺถ ยถา โส อธิกรณาย ปริสกฺกติ, ตํทสฺสนํ ‘‘อิเมสํ ภิกฺขูน’’นฺติอาทิฯ อธิกรณํ อากฑฺฒตีติ อธิกรณํ อุทฺทิสฺส เต ภิกฺขู อากฑฺฒติ, อธิกรณํ วา เตสุ อุปฺปาเทโนฺต อากฑฺฒติฯ อุเทฺทสปทํ วาติ ปทโส อุเทฺทสมตฺตํ วาฯ เนว ปิยกมฺยตายาติ เนว อตฺตนิ สตฺถุโน ปิยภาวกามตายฯ น เภทาธิปฺปาเยนาติ น สตฺถุโน เตน ภิกฺขุนา เภทาธิปฺปาเยนฯ อตฺถกามตายาติ โมฬิยผคฺคุนสฺส หิตกามตายฯ
Missībhūtoti ananulomikasaṃsaggavasena missībhūto. ‘‘Avaṇṇaṃ bhāsatī’’ti saṅkhepato vuttaṃ vivarituṃ ‘‘tāpanapacanakoṭṭanādīnī’’tiādi vuttaṃ. Adhikaraṇampi karotīti ettha yathā so adhikaraṇāya parisakkati, taṃdassanaṃ ‘‘imesaṃ bhikkhūna’’ntiādi. Adhikaraṇaṃ ākaḍḍhatīti adhikaraṇaṃ uddissa te bhikkhū ākaḍḍhati, adhikaraṇaṃ vā tesu uppādento ākaḍḍhati. Uddesapadaṃ vāti padaso uddesamattaṃ vā. Neva piyakamyatāyāti neva attani satthuno piyabhāvakāmatāya. Na bhedādhippāyenāti na satthuno tena bhikkhunā bhedādhippāyena. Atthakāmatāyāti moḷiyaphaggunassa hitakāmatāya.
๒๒๔. อวณฺณภาสเนติ ภิกฺขุนีนํ อคุณกถเนฯ ฉนฺทาทีนํ วตฺถุภาวโต กามคุณา เคหํ วิย เคหํ, เต จ เต สิตา นิสฺสิตาติ เคหสฺสิตาติ วุตฺตาฯ ตณฺหาฉนฺทาปิ ตาสํ กตฺตุกามตาปีติ อุภเยปิ ตณฺหาฉนฺทา, ปฎิฆฉนฺทา ปน เตสํ กตฺตุกามตา เอวฯ ผลิกมณิ วิย ปกติปภสฺสรสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส อุปสโงฺค วิย วิปริณามการณํ ราคาทโยติ อาห ‘‘รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณต’’นฺติอาทิฯ หิตานุกมฺปีติ กรุณาย ปจฺจุปฎฺฐาปนมาหฯ ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) วิย อนฺตร-สโทฺท จิตฺตปริยาโยติ อาห ‘‘โทสนฺตโรติ โทสจิโตฺต’’ติฯ
224.Avaṇṇabhāsaneti bhikkhunīnaṃ aguṇakathane. Chandādīnaṃ vatthubhāvato kāmaguṇā gehaṃ viya gehaṃ, te ca te sitā nissitāti gehassitāti vuttā. Taṇhāchandāpi tāsaṃ kattukāmatāpīti ubhayepi taṇhāchandā, paṭighachandā pana tesaṃ kattukāmatā eva. Phalikamaṇi viya pakatipabhassarassa cittasantānassa upasaṅgo viya vipariṇāmakāraṇaṃ rāgādayoti āha ‘‘rattampi cittaṃ vipariṇata’’ntiādi. Hitānukampīti karuṇāya paccupaṭṭhāpanamāha. ‘‘Yassantarato na santi kopā’’tiādīsu (udā. 20) viya antara-saddo cittapariyāyoti āha ‘‘dosantaroti dosacitto’’ti.
๒๒๕. ทุพฺพจตาย โอวาทํ อสมฺปฎิจฺฉโนฺต จิเตฺตเนว ปฎิวิรุโทฺธ อฎฺฐาสิฯ คณฺหิํสุ จิตฺตํ, หทยคาหินิํ ปฎิปชฺชิํสูติ อโตฺถฯ ปูรยิํสุ อชฺฌาสยนฺติ อโตฺถฯ เอกสฺมิํ สมเย ปฐมโพธิยํฯ เอกาสนํ โภชนสฺส เอกาสนโภชนํ, เอกเวลายเมว โภชนํฯ ตญฺจ โข ปุพฺพเณฺห เอวาติ อาห ‘‘เอกํ ปุเรภตฺตโภชน’’นฺติอาทิฯ สตฺตกฺขตฺตุํ ภุตฺตโภชนมฺปิ อิมสฺมิํ สุเตฺต เอกาสนโภชนเนฺตว อธิเปฺปตํ, น เอกาสนิกตาย เอกาย เอว นิสชฺชาย โภชนํฯ ‘‘อปฺปฑํส…เป.… สมฺผสฺส’’นฺติอาทีสุ วิย อปฺป-สโทฺท อภาวโตฺถติ อาห ‘‘นิราพาธตํ, นิทฺทุกฺขต’’นฺติฯ ปธานาทิวเสน สลฺลหุกํ อกิจฺฉํ อุฎฺฐานํ สลฺลหุกอุฎฺฐานํฯ น เอกปฺปหาเรนาติ น เอกวาเรน, น เอกสฺมิํเยว กาเลติ อธิปฺปาโยฯ เทฺว โภชนานีติ ‘‘อปรเณฺห รตฺติย’’นฺติ กาลวเสน เทฺว โภชนานิฯ ปญฺจ คุเณติ อปฺปาพาธาทิเก ปญฺจ อานิสํเสฯ สตุปฺปาทกรณียมตฺตเมวาติ สตุปฺปาทมตฺตกรณียเมว, นิวาเรตพฺพสฺส ปุนปฺปุนํ สมาทปนญฺจ นาโหสิฯ
225. Dubbacatāya ovādaṃ asampaṭicchanto citteneva paṭiviruddho aṭṭhāsi. Gaṇhiṃsu cittaṃ, hadayagāhiniṃ paṭipajjiṃsūti attho. Pūrayiṃsu ajjhāsayanti attho. Ekasmiṃ samaye paṭhamabodhiyaṃ. Ekāsanaṃ bhojanassa ekāsanabhojanaṃ, ekavelāyameva bhojanaṃ. Tañca kho pubbaṇhe evāti āha ‘‘ekaṃ purebhattabhojana’’ntiādi. Sattakkhattuṃ bhuttabhojanampi imasmiṃ sutte ekāsanabhojananteva adhippetaṃ, na ekāsanikatāya ekāya eva nisajjāya bhojanaṃ. ‘‘Appaḍaṃsa…pe… samphassa’’ntiādīsu viya appa-saddo abhāvatthoti āha ‘‘nirābādhataṃ, niddukkhata’’nti. Padhānādivasena sallahukaṃ akicchaṃ uṭṭhānaṃ sallahukauṭṭhānaṃ. Na ekappahārenāti na ekavārena, na ekasmiṃyeva kāleti adhippāyo. Dve bhojanānīti ‘‘aparaṇhe rattiya’’nti kālavasena dve bhojanāni. Pañca guṇeti appābādhādike pañca ānisaṃse. Satuppādakaraṇīyamattamevāti satuppādamattakaraṇīyameva, nivāretabbassa punappunaṃ samādapanañca nāhosi.
มณฺฑภูมีติ โอชวนฺตภูมิ, ยตฺถ ปริสิญฺจเนน วินา สสฺสานิ กิฎฺฐานิ สมฺปชฺชนฺติฯ ยุเค โยเชตพฺพานิ โยคฺคานิ, เตสํ อาจริโย โยคฺคาจริโย, เตสํ สิกฺขาปนโกฯ คามณิหตฺถิอาทโยปิ ‘‘โยคฺคา’’ติ วุจฺจนฺตีติ อาห ปาฬิยํ ‘‘อสฺสทมฺมสารถี’’ติฯ จตูสุ มเคฺคสุ เยน เยน มเคฺคน อิจฺฉติฯ ชวสมคาทิเภทาสุ คตีสุ ยํ ยํ คติํฯ ตํ ตํ มคฺคํ อารุฬฺหาว โอติณฺณาเยวฯ เนว วาเรตพฺพา รสฺมิวินิคฺคณฺหเนนฯ น วิชฺฌิตพฺพา ปโตทลฎฺฐิยาฯ คมนเมวาติ อิเม ยุตฺตา มม อิจฺฉานุรูปํ มนฺทํ คจฺฉนฺติ, สมํ คจฺฉนฺติ, สีฆํ คจฺฉนฺตีติ ขุเรสุ นิมิตฺตคฺคหณํ ปฎฺฐเปตฺวา สารถินา เตสํ คมนเมว ปสฺสิตพฺพํ โหติ, น ตตฺถ นิโยชนํ ฯ เตหิปิ ภิกฺขูหิฯ ปชหิํสุ ปชหิตพฺพํฯ สาลทูสนาติ สาลรุกฺขวิสนาสกาฯ อญฺญา จ วลฺลิโย สาลรุเกฺข วินนฺธิตฺวา ฐิตาฯ พหิ นีหรเณนาติ สาลวนโต พหิ ฉฑฺฑเนนฯ สุสณฺฐิตาติ สณฺฐานสมฺปนฺนา, มริยาทํ พนฺธิตฺวาติ อาลวาลสมฺปาทนวเสน มริยาทํ พนฺธิตฺวาฯ กิปิลฺลปุฎกํ ตมฺพกิปิลฺลกปุฎกํฯ สุกฺขทณฺฑกหรณํ อาลวาลพฺภนฺตราฯ
Maṇḍabhūmīti ojavantabhūmi, yattha parisiñcanena vinā sassāni kiṭṭhāni sampajjanti. Yuge yojetabbāni yoggāni, tesaṃ ācariyo yoggācariyo, tesaṃ sikkhāpanako. Gāmaṇihatthiādayopi ‘‘yoggā’’ti vuccantīti āha pāḷiyaṃ ‘‘assadammasārathī’’ti. Catūsu maggesu yena yena maggena icchati. Javasamagādibhedāsu gatīsu yaṃ yaṃ gatiṃ. Taṃ taṃ maggaṃ āruḷhāva otiṇṇāyeva. Neva vāretabbā rasmiviniggaṇhanena. Na vijjhitabbā patodalaṭṭhiyā. Gamanamevāti ime yuttā mama icchānurūpaṃ mandaṃ gacchanti, samaṃ gacchanti, sīghaṃ gacchantīti khuresu nimittaggahaṇaṃ paṭṭhapetvā sārathinā tesaṃ gamanameva passitabbaṃ hoti, na tattha niyojanaṃ . Tehipi bhikkhūhi. Pajahiṃsu pajahitabbaṃ. Sāladūsanāti sālarukkhavisanāsakā. Aññā ca valliyo sālarukkhe vinandhitvā ṭhitā. Bahi nīharaṇenāti sālavanato bahi chaḍḍanena. Susaṇṭhitāti saṇṭhānasampannā, mariyādaṃbandhitvāti ālavālasampādanavasena mariyādaṃ bandhitvā. Kipillapuṭakaṃ tambakipillakapuṭakaṃ. Sukkhadaṇḍakaharaṇaṃ ālavālabbhantarā.
๒๒๖. วิเทหรเฎฺฐ ชาตสํวฑฺฒตาย เวเทหิกาฯ ปณฺฑา วุจฺจติ ปญฺญา, ตาย อิตา คตา ปวตฺตาติ ปณฺฑิตาฯ คหปตานีติ เคหสามินีฯ โสรเจฺจนาติ สํยเมนฯ นิวาตวุตฺตีติ ปณิปาตการีฯ นิพฺพุตาติ นิพฺพุตทุจฺจริตปริฬาหาฯ อุฎฺฐาหิกาติ อุฎฺฐานวีริยวตีฯ กิพฺพิสาติ กุรูราฯ
226. Videharaṭṭhe jātasaṃvaḍḍhatāya vedehikā. Paṇḍā vuccati paññā, tāya itā gatā pavattāti paṇḍitā. Gahapatānīti gehasāminī. Soraccenāti saṃyamena. Nivātavuttīti paṇipātakārī. Nibbutāti nibbutaduccaritapariḷāhā. Uṭṭhāhikāti uṭṭhānavīriyavatī. Kibbisāti kurūrā.
๒๒๗. เอวํ อกฺขนฺติยา โทสํ ทเสฺสตฺวาติ ‘‘คุณวโนฺต’’ติ โลเก ปตฺถฎกิตฺติสทฺทานมฺปิ อกฺขนฺตินิมิตฺตํ อยสุปฺปตฺติคุณปริหานิอาทิํ อกฺขมตายอาทีนวํ ปกาเสตฺวาฯ วจนปเถติ วจนมเคฺค ยุตฺตกาลาทิเกฯ สณฺหาภาโวปิ หิ วจนสฺส ปวตฺติอากาโรติ กตฺวา ‘‘วจนปโถ’’ เตฺวว วุโตฺตฯ เตสํเยว กาลาทีนํฯ เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, อุปฺปนฺนํ เมตฺตจิตฺตํ เอเตสนฺติ อุปฺปนฺนเมตฺตจิตฺตาฯ ปุน ‘‘กาเลน วา, ภิกฺขเว’’ติอาทิ (ปริ. ๓๖๒, ๓๖๓) ปาฬิ ธมฺมสภาวทสฺสนวเสน ปวตฺตา ‘‘ปรํ โจทนาวเสน วทนฺตา นาม อิเมหิ อากาเรหิ วทนฺตี’’ติฯ อธิมุญฺจิตฺวาติ อภิรติวเสน ตสฺมิํ ปุคฺคเล ภาวนาจิตฺตํ มุญฺจิตฺวา วิสฺสเชฺชตฺวาฯ โส ปุคฺคโล อารมฺมณํ เอตสฺสาติ ตทารมฺมณํ, เมตฺตจิตฺตํฯ ยทิ เอวํ ปเทสวิสยํ ตํ กถํ นิปฺปเทสวิสยํ วิย โหตีติ โจเทโนฺต ‘‘กถํ ตทารมฺมณํ สพฺพาวนฺตํ โลกํ กโรตี’’ติ อาห, อิตโร ‘‘ปญฺจ วจนปเถ’’ติอาทินา ปริหรติฯ อิธ ตทารมฺมณญฺจาติ ตเสฺสว เมตฺตจิตฺตสฺส อารมฺมณํ กตฺวาติ ปาฬิยํ วจนเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ เตนาห ‘‘ปุน ตเสฺสวา’’ติอาทิฯ สพฺพา สตฺตกายสงฺขาตา ปชา เอตสฺส อตฺถีติ สพฺพาวโนฺตติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพาวนฺต’’นฺติ อาหฯ วิปุเลนาติ มหาชนารมฺมเณนฯ มหนฺตปริยาโย หิ วิปุล-สโทฺท, มหตฺตเญฺจตฺถ พหุกภาโวฯ เตนาห ‘‘อเนกสตฺตารมฺมเณนา’’ติฯ ตญฺจ ปุคฺคลนฺติ ปญฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคลํฯ จิตฺตสฺสาติ เมตฺตาสหคตจิตฺตสฺสฯ เอตฺถ จ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิหริสฺสามาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ กถนฺติ อาห ‘‘ตญฺจ ปุคฺคลํ สพฺพญฺจ โลกํ ตสฺส จิตฺตสฺส อารมฺมณํ กตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา’’ติฯ
227.Evaṃ akkhantiyā dosaṃ dassetvāti ‘‘guṇavanto’’ti loke patthaṭakittisaddānampi akkhantinimittaṃ ayasuppattiguṇaparihāniādiṃ akkhamatāyaādīnavaṃ pakāsetvā. Vacanapatheti vacanamagge yuttakālādike. Saṇhābhāvopi hi vacanassa pavattiākāroti katvā ‘‘vacanapatho’’ tveva vutto. Tesaṃyeva kālādīnaṃ. Mettā etassa atthīti mettaṃ, uppannaṃ mettacittaṃ etesanti uppannamettacittā. Puna ‘‘kālena vā, bhikkhave’’tiādi (pari. 362, 363) pāḷi dhammasabhāvadassanavasena pavattā ‘‘paraṃ codanāvasena vadantā nāma imehi ākārehi vadantī’’ti. Adhimuñcitvāti abhirativasena tasmiṃ puggale bhāvanācittaṃ muñcitvā vissajjetvā. So puggalo ārammaṇaṃ etassāti tadārammaṇaṃ, mettacittaṃ. Yadi evaṃ padesavisayaṃ taṃ kathaṃ nippadesavisayaṃ viya hotīti codento ‘‘kathaṃ tadārammaṇaṃ sabbāvantaṃ lokaṃ karotī’’ti āha, itaro ‘‘pañca vacanapathe’’tiādinā pariharati. Idha tadārammaṇañcāti tasseva mettacittassa ārammaṇaṃ katvāti pāḷiyaṃ vacanaseso daṭṭhabbo. Tenāha ‘‘puna tassevā’’tiādi. Sabbā sattakāyasaṅkhātā pajā etassa atthīti sabbāvantoti imamatthaṃ dassento ‘‘sabbāvanta’’nti āha. Vipulenāti mahājanārammaṇena. Mahantapariyāyo hi vipula-saddo, mahattañcettha bahukabhāvo. Tenāha ‘‘anekasattārammaṇenā’’ti. Tañca puggalanti pañca vacanapathe gahetvā āgatapuggalaṃ. Cittassāti mettāsahagatacittassa. Ettha ca mettāsahagatena cetasā viharissāmāti sambandho. Tattha kathanti āha ‘‘tañca puggalaṃ sabbañca lokaṃ tassa cittassa ārammaṇaṃ katvā adhimuccitvā’’ti.
๒๒๘. ตทตฺถทีปิกนฺติ ยา เมตฺตํ เจโตวิมุตฺติํ สมฺมเทว ภาเวตฺวา ฐิตสฺส นิพฺพิการโต เกนจิ วิการํ น อาปาเทตพฺพตา, ตทตฺถโชติกํฯ อปถวินฺติ ปถวี น โหตีติ อปถวีฯ นิปฺปถวินฺติ สเพฺพน สพฺพํ ปถวีภาวาภาวํฯ ติริยํ ปน อปริจฺฉินฺนาติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จกฺกวาฬปพฺพเตหิ ตํ ตํ จกฺกวาฬํ ปริจฺฉินฺทติ? น, ตทญฺญจกฺกวาฬปถวิยา เอกาพทฺธภาวโตฯ ติณฺณญฺหิ จกฺกานํ อนฺตรสทิเส ติณฺณํ ติณฺณํ โลกธาตูนํ อนฺตเรเยว ปถวี นตฺถิ โลกนฺตรนิรยภาวโตฯ จกฺกวาฬปพฺพตนฺตเรหิ สมฺพทฺธฎฺฐาเน ปถวี เอกาพทฺธาวฯ วิวฎฺฎกาเล หิ สณฺฐหมานาปิ ปถวี ยถาสณฺฐิตปถวิยา เอกาพทฺธาว สณฺฐหติฯ เตนาห ‘‘ติริยํ ปน อปริจฺฉินฺนา’’ติฯ อิมินาว คมฺภีรภาเวน วุตฺตปริมาณโต ปรํ นตฺถีติ ทีปิตํ โหติฯ
228.Tadatthadīpikanti yā mettaṃ cetovimuttiṃ sammadeva bhāvetvā ṭhitassa nibbikārato kenaci vikāraṃ na āpādetabbatā, tadatthajotikaṃ. Apathavinti pathavī na hotīti apathavī. Nippathavinti sabbena sabbaṃ pathavībhāvābhāvaṃ. Tiriyaṃ pana aparicchinnāti kasmā vuttaṃ, nanu cakkavāḷapabbatehi taṃ taṃ cakkavāḷaṃ paricchindati? Na, tadaññacakkavāḷapathaviyā ekābaddhabhāvato. Tiṇṇañhi cakkānaṃ antarasadise tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ lokadhātūnaṃ antareyeva pathavī natthi lokantaranirayabhāvato. Cakkavāḷapabbatantarehi sambaddhaṭṭhāne pathavī ekābaddhāva. Vivaṭṭakāle hi saṇṭhahamānāpi pathavī yathāsaṇṭhitapathaviyā ekābaddhāva saṇṭhahati. Tenāha ‘‘tiriyaṃ pana aparicchinnā’’ti. Imināva gambhīrabhāvena vuttaparimāṇato paraṃ natthīti dīpitaṃ hoti.
๒๒๙. หลิทฺทีติ หลิทฺทิวณฺณํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ยํ กิญฺจิ ปีตกวณฺณ’’นฺติฯ วณฺณสงฺขาตํ รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี, น รูปีติ อรูปีติ อาห ‘‘อรูโป’’ติฯ เตเนวาห ‘‘สนิทสฺสนภาวปฎิเกฺขปโต’’ติฯ
229.Haliddīti haliddivaṇṇaṃ adhippetanti āha ‘‘yaṃ kiñci pītakavaṇṇa’’nti. Vaṇṇasaṅkhātaṃ rūpaṃ assa atthīti rūpī, na rūpīti arūpīti āha ‘‘arūpo’’ti. Tenevāha ‘‘sanidassanabhāvapaṭikkhepato’’ti.
๒๓๐. ปญฺจ โยชนสตานีติ หิมวนฺตโต สมุทฺทํ ปวิฎฺฐฎฺฐานวเสน วุตฺตํ, น อโนตตฺตทหมุขโตฯ อญฺญา นทิโย อุปาทาย ลพฺภมานํ คมฺภีรตํ อปฺปเมยฺยอุทกตญฺจ คเหตฺวา ‘‘คมฺภีรา อปฺปเมยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ติณุกฺกาย ตาเปตพฺพตฺตาภาวทสฺสนปรเมตนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอเตน ปโยเคนา’’ติอาทิฯ
230.Pañca yojanasatānīti himavantato samuddaṃ paviṭṭhaṭṭhānavasena vuttaṃ, na anotattadahamukhato. Aññā nadiyo upādāya labbhamānaṃ gambhīrataṃ appameyyaudakatañca gahetvā ‘‘gambhīrā appameyyā’’ti vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana tiṇukkāya tāpetabbattābhāvadassanaparametanti vuttaṃ ‘‘etena payogenā’’tiādi.
๒๓๑. ตูลินี วิย ตูลินีติ อาห ‘‘สิมฺพลิตูลลตาตูลสมานา’’ติฯ สสฺสรนฺติ เอวํปวโตฺต สโทฺท สสฺสรสโทฺทฯ อนุรวทสฺสนเญฺหตํฯ ตถา ภพฺภรสโทฺทฯ สพฺพเมตํ เมตฺตาวิหาริโน จิตฺตสฺส ทูเสตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวทสฺสนปรํฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยถา มหาปถวี เกนจิ ปุริเสน อปถวิํ กาตุํ น สกฺกา, ยถา อากาเส กิญฺจิ รูปํ ปฎฺฐเปตุํ น สกฺกา, ยถา คงฺคาย อุทกํ ติณุกฺกาย ตาเปตุํ น สกฺกา, ยถา จ พิฬารภสฺตํ ถทฺธํ ผรุสญฺจ สมฺผสฺสํ กาตุํ น สกฺกา, เอวเมวํ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ปญฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุริเสน เกนจิ ปริยาเยน จิตฺตสฺส อญฺญถตฺตํ กาตุํ น สกฺกาติฯ
231. Tūlinī viya tūlinīti āha ‘‘simbalitūlalatātūlasamānā’’ti. Sassaranti evaṃpavatto saddo sassarasaddo. Anuravadassanañhetaṃ. Tathā bhabbharasaddo. Sabbametaṃ mettāvihārino cittassa dūsetuṃ asakkuṇeyyabhāvadassanaparaṃ. Ayañhettha saṅkhepattho – yathā mahāpathavī kenaci purisena apathaviṃ kātuṃ na sakkā, yathā ākāse kiñci rūpaṃ paṭṭhapetuṃ na sakkā, yathā gaṅgāya udakaṃ tiṇukkāya tāpetuṃ na sakkā, yathā ca biḷārabhastaṃ thaddhaṃ pharusañca samphassaṃ kātuṃ na sakkā, evamevaṃ mettāya cetovimuttiyā āsevitāya bhāvitāya bahulīkatāya pañca vacanapathe gahetvā āgatapurisena kenaci pariyāyena cittassa aññathattaṃ kātuṃ na sakkāti.
๒๓๒. โอจรกาติ ปรูปฆาตวเสน หีนกมฺมการิโนฯ เตนาห ‘‘นีจกมฺมการกา’’ติฯ อนธิวาสเนนาติ อกฺขมเนนฯ มยฺหํ โอวาทกโร น โหตีติ ปรมฺหิ อนตฺถการิมฺหิ จิตฺตปโทสเนน อาฆาตุปฺปาทเนน มม สาสเน สมฺมาปฎิปชฺชมาโน นาม น โหติฯ
232.Ocarakāti parūpaghātavasena hīnakammakārino. Tenāha ‘‘nīcakammakārakā’’ti. Anadhivāsanenāti akkhamanena. Mayhaṃ ovādakaro na hotīti paramhi anatthakārimhi cittapadosanena āghātuppādanena mama sāsane sammāpaṭipajjamāno nāma na hoti.
๒๓๓. อณุนฺติ อปฺปกํ ตนุ ปริตฺตกํฯ ถูลนฺติ มหนฺตํ โอฬาริกํฯ วจนปถสฺส ปน อธิเปฺปตตฺตา ตํ สาวชฺชวิภาเคน คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘อปฺปสาวชฺชํ วา มหาสาวชฺชํ วา’’ติฯ ขนฺติยา อิทํ ภาริยํ น โหตีติ อโวจุํ ‘‘อนธิ…เป.… ปสฺสามา’’ติฯ ทีฆรตฺตนฺติ จิรกาลํ, อจฺจนฺตเมวาติ อโตฺถฯ อจฺจนฺตญฺจ หิตสุขํ นาม อญฺญาธิคเมเนวาติ อาห ‘‘อรหเตฺตน กูฎํ คณฺหโนฺต’’ติฯ
233.Aṇunti appakaṃ tanu parittakaṃ. Thūlanti mahantaṃ oḷārikaṃ. Vacanapathassa pana adhippetattā taṃ sāvajjavibhāgena gahetabbanti āha ‘‘appasāvajjaṃ vā mahāsāvajjaṃ vā’’ti. Khantiyā idaṃ bhāriyaṃ na hotīti avocuṃ ‘‘anadhi…pe… passāmā’’ti. Dīgharattanti cirakālaṃ, accantamevāti attho. Accantañca hitasukhaṃ nāma aññādhigamenevāti āha ‘‘arahattena kūṭaṃ gaṇhanto’’ti.
กกจูปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Kakacūpamasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. กกจูปมสุตฺตํ • 1. Kakacūpamasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. กกจูปมสุตฺตวณฺณนา • 1. Kakacūpamasuttavaṇṇanā