Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๔๐] ๑๐. กากชาตกวณฺณนา

    [140] 10. Kākajātakavaṇṇanā

    นิจฺจํ อุพฺพิคฺคหทยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ญาตตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิฯ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ทฺวาทสกนิปาเต ภทฺทสาลชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๑๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ

    Niccaṃ ubbiggahadayāti idaṃ satthā jetavane viharanto ñātatthacariyaṃ ārabbha kathesi. Paccuppannavatthu dvādasakanipāte bhaddasālajātake (jā. 1.12.13 ādayo) āvi bhavissati.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กากโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ อเถกทิวสํ รโญฺญ ปุโรหิโต พหินคเร นทิยํ นฺหายิตฺวา คเนฺธ วิลิมฺปิตฺวา มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา วรวตฺถนิวโตฺถ นครํ ปาวิสิฯ นครทฺวารโตรเณ เทฺว กากา นิสินฺนา โหนฺติฯ เตสุ เอโก เอกํ อาห – ‘‘สมฺม, อหํ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส มตฺถเก สรีรวฬญฺชํ ปาเตสฺสามี’’ติฯ อิตโร ‘‘มา เต เอตํ รุจฺจิ, อยํ พฺราหฺมโณ อิสฺสโร, อิสฺสรชเนน จ สทฺธิํ เวรํ นาม ปาปกํฯ อยญฺหิ กุโทฺธ สเพฺพปิ กาเก วินาเสยฺยา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา มยา น กาตุ’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ปญฺญายิสฺสสี’’ติ วตฺวา อิตโร กาโก ปลายิฯ โส โตรณสฺส เหฎฺฐาภาคํ สมฺปเตฺต พฺราหฺมเณ โอลมฺพกํ จาเลโนฺต วิย ตสฺส มตฺถเก วจฺจํ ปาเตสิฯ พฺราหฺมโณ กุชฺฌิตฺวา กาเกสุ เวรํ พนฺธิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kākayoniyaṃ nibbatti. Athekadivasaṃ rañño purohito bahinagare nadiyaṃ nhāyitvā gandhe vilimpitvā mālaṃ piḷandhitvā varavatthanivattho nagaraṃ pāvisi. Nagaradvāratoraṇe dve kākā nisinnā honti. Tesu eko ekaṃ āha – ‘‘samma, ahaṃ imassa brāhmaṇassa matthake sarīravaḷañjaṃ pātessāmī’’ti. Itaro ‘‘mā te etaṃ rucci, ayaṃ brāhmaṇo issaro, issarajanena ca saddhiṃ veraṃ nāma pāpakaṃ. Ayañhi kuddho sabbepi kāke vināseyyā’’ti. ‘‘Na sakkā mayā na kātu’’nti. ‘‘Tena hi paññāyissasī’’ti vatvā itaro kāko palāyi. So toraṇassa heṭṭhābhāgaṃ sampatte brāhmaṇe olambakaṃ cālento viya tassa matthake vaccaṃ pātesi. Brāhmaṇo kujjhitvā kākesu veraṃ bandhi.

    ตสฺมิํ กาเล เอกา ภติยา วีหิโกฎฺฎิกทาสี วีหิํ เคหทฺวาเร อาตเป ปตฺถริตฺวา รกฺขนฺตี นิสินฺนาว นิทฺทํ โอกฺกมิฯ ตสฺสา ปมาทํ ญตฺวา เอโก ทีฆโลมโก เอฬโก อาคนฺตฺวา วีหิํ ขาทิ, สา ปพุชฺฌิตฺวา ตํ ทิสฺวา ปลาเปสิฯ เอฬโก ทุติยมฺปิ, ตติยมฺปิ ตสฺสา ตเถว นิทฺทายนกาเล อาคนฺตฺวา วีหิํ ขาทิฯ สาปิ ตํ ติกฺขตฺตุํ ปลาเปตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ ปุนปฺปุนํ ขาทโนฺต อุปฑฺฒวีหิํ ขาทิสฺสติ, พหุ เม เฉโท ภวิสฺสติ, อิทานิสฺส ปุน อนาคมนการณํ กริสฺสามี’’ติฯ สา อลาตํ คเหตฺวา นิทฺทายมานา วิย นิสีทิตฺวา วีหิขาทนตฺถาย เอฬเก สมฺปเตฺต อุฎฺฐาย อลาเตน เอฬกํ ปหริ, โลมานิ อคฺคิํ คณฺหิํสุฯ โส สรีเร ฌายเนฺต ‘‘อคฺคิํ นิพฺพาเปสฺสามี’’ติ เวเคน คนฺตฺวา หตฺถิสาลาย สมีเป เอกิสฺสา ติณกุฎิยา สรีรํ ฆํสิ, สา ปชฺชลิฯ ตโต อุฎฺฐิตา ชาลา หตฺถิสาลํ คณฺหิฯ หตฺถิสาลาสุ ฌายนฺตีสุ หตฺถิปิฎฺฐานิ ฌายิํสุ, พหู หตฺถี วณิตสรีรา อเหสุํฯ เวชฺชา หตฺถี อโรเค กาตุํ อสโกฺกนฺตา รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา ปุโรหิตํ อาห ‘‘อาจริย, หตฺถิเวชฺชา หตฺถี ติกิจฺฉิตุํ น สโกฺกนฺติ, อปิ กิญฺจิ เภสชฺชํ ชานาสี’’ติฯ ‘‘ชานามิ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กิํ ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติ? ‘‘กากวสา, มหาราชา’’ติฯ ราชา ‘‘เตน หิ กาเก มาเรตฺวา วสํ อาหรถา’’ติ อาหฯ ตโต ปฎฺฐาย กาเก มาเรตฺวา วสํ อลภิตฺวา ตตฺถ ตเตฺถว ราสิํ กโรนฺติ, กากานํ มหาภยํ อุปฺปชฺชิฯ

    Tasmiṃ kāle ekā bhatiyā vīhikoṭṭikadāsī vīhiṃ gehadvāre ātape pattharitvā rakkhantī nisinnāva niddaṃ okkami. Tassā pamādaṃ ñatvā eko dīghalomako eḷako āgantvā vīhiṃ khādi, sā pabujjhitvā taṃ disvā palāpesi. Eḷako dutiyampi, tatiyampi tassā tatheva niddāyanakāle āgantvā vīhiṃ khādi. Sāpi taṃ tikkhattuṃ palāpetvā cintesi ‘‘ayaṃ punappunaṃ khādanto upaḍḍhavīhiṃ khādissati, bahu me chedo bhavissati, idānissa puna anāgamanakāraṇaṃ karissāmī’’ti. Sā alātaṃ gahetvā niddāyamānā viya nisīditvā vīhikhādanatthāya eḷake sampatte uṭṭhāya alātena eḷakaṃ pahari, lomāni aggiṃ gaṇhiṃsu. So sarīre jhāyante ‘‘aggiṃ nibbāpessāmī’’ti vegena gantvā hatthisālāya samīpe ekissā tiṇakuṭiyā sarīraṃ ghaṃsi, sā pajjali. Tato uṭṭhitā jālā hatthisālaṃ gaṇhi. Hatthisālāsu jhāyantīsu hatthipiṭṭhāni jhāyiṃsu, bahū hatthī vaṇitasarīrā ahesuṃ. Vejjā hatthī aroge kātuṃ asakkontā rañño ārocesuṃ. Rājā purohitaṃ āha ‘‘ācariya, hatthivejjā hatthī tikicchituṃ na sakkonti, api kiñci bhesajjaṃ jānāsī’’ti. ‘‘Jānāmi, mahārājā’’ti. ‘‘Kiṃ laddhuṃ vaṭṭatī’’ti? ‘‘Kākavasā, mahārājā’’ti. Rājā ‘‘tena hi kāke māretvā vasaṃ āharathā’’ti āha. Tato paṭṭhāya kāke māretvā vasaṃ alabhitvā tattha tattheva rāsiṃ karonti, kākānaṃ mahābhayaṃ uppajji.

    ตทา โพธิสโตฺต อสีติกากสหสฺสปริวาโร มหาสุสาเน วสติฯ อเถโก กาโก คนฺตฺวา กากานํ อุปฺปนฺนภยํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ มยฺหํ ญาตกานํ อุปฺปนฺนภยํ หริตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, หริสฺสามิ น’’นฺติ ทส ปารมิโย อาวเชฺชตฺวา เมตฺตาปารมิํ ปุเรจาริกํ กตฺวา เอกเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา วิวฎมหาวาตปาเนน ปวิสิตฺวา รโญฺญ อาสนสฺส เหฎฺฐา ปาวิสิฯ อถ นํ เอโก มนุโสฺส คหิตุกาโม อโหสิฯ ราชา ‘‘สรณํ ปวิโฎฺฐ, มา คณฺหี’’ติ วาเรสิฯ มหาสโตฺต โถกํ วิสฺสมิตฺวา เมตฺตาปารมิํ อาวเชฺชตฺวา เหฎฺฐาสนา นิกฺขมิตฺวา ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, รญฺญา นาม ฉนฺทาทิวเสน อคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรตุํ วฎฺฎติฯ ยํ ยํ กมฺมํ กตฺตพฺพํ โหติ, สพฺพํ นิสมฺม อุปธาเรตฺวา กาตุํ วฎฺฎติฯ ยญฺจ กยิรมานํ นิปฺผชฺชติ, ตเทว กาตุํ วฎฺฎติ, น อิตรํฯ สเจ หิ ราชาโน ยํ กยิรมานํ น นิปฺผชฺชติ, ตํ กโรนฺติ, มหาชนสฺส มรณภยปริโยสานํ มหาภยํ อุปฺปชฺชติ ฯ ปุโรหิโต เวรวสิโก หุตฺวา มุสาวาทํ อภาสิ, กากานํ วสา นาม นตฺถี’’ติฯ ตํ สุตฺวา ราชา ปสนฺนจิโตฺต โพธิสตฺตสฺส กญฺจนภทฺทปีฐํ ทาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนสฺส ปกฺขนฺตรานิ สตปากสหสฺสปากเตเลหิ มกฺขาเปตฺวา กญฺจนตฎฺฎเก ราชารหํ สุโภชนํ โภชาเปตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา สุหิตํ วิคตทรถํ มหาสตฺตํ เอตทโวจ ‘‘ปณฺฑิต, ตฺวํ ‘กากานํ วสา นาม นตฺถี’ติ วเทสิ, เกน การเณน เนสํ วสา น โหตี’’ติ โพธิสโตฺต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนา’’ติ สกลนิเวสนํ เอกรวํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสโนฺต อิมํ คาถมาห –

    Tadā bodhisatto asītikākasahassaparivāro mahāsusāne vasati. Atheko kāko gantvā kākānaṃ uppannabhayaṃ bodhisattassa ārocesi. So cintesi ‘‘ṭhapetvā maṃ añño mayhaṃ ñātakānaṃ uppannabhayaṃ harituṃ samattho nāma natthi, harissāmi na’’nti dasa pāramiyo āvajjetvā mettāpāramiṃ purecārikaṃ katvā ekavegena pakkhanditvā vivaṭamahāvātapānena pavisitvā rañño āsanassa heṭṭhā pāvisi. Atha naṃ eko manusso gahitukāmo ahosi. Rājā ‘‘saraṇaṃ paviṭṭho, mā gaṇhī’’ti vāresi. Mahāsatto thokaṃ vissamitvā mettāpāramiṃ āvajjetvā heṭṭhāsanā nikkhamitvā rājānaṃ āha – ‘‘mahārāja, raññā nāma chandādivasena agantvā rajjaṃ kāretuṃ vaṭṭati. Yaṃ yaṃ kammaṃ kattabbaṃ hoti, sabbaṃ nisamma upadhāretvā kātuṃ vaṭṭati. Yañca kayiramānaṃ nipphajjati, tadeva kātuṃ vaṭṭati, na itaraṃ. Sace hi rājāno yaṃ kayiramānaṃ na nipphajjati, taṃ karonti, mahājanassa maraṇabhayapariyosānaṃ mahābhayaṃ uppajjati . Purohito veravasiko hutvā musāvādaṃ abhāsi, kākānaṃ vasā nāma natthī’’ti. Taṃ sutvā rājā pasannacitto bodhisattassa kañcanabhaddapīṭhaṃ dāpetvā tattha nisinnassa pakkhantarāni satapākasahassapākatelehi makkhāpetvā kañcanataṭṭake rājārahaṃ subhojanaṃ bhojāpetvā pānīyaṃ pāyetvā suhitaṃ vigatadarathaṃ mahāsattaṃ etadavoca ‘‘paṇḍita, tvaṃ ‘kākānaṃ vasā nāma natthī’ti vadesi, kena kāraṇena nesaṃ vasā na hotī’’ti bodhisatto ‘‘iminā ca iminā ca kāraṇenā’’ti sakalanivesanaṃ ekaravaṃ katvā dhammaṃ desento imaṃ gāthamāha –

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘นิจฺจํ อุพฺพิคฺคหทยา, สพฺพโลกวิเหสกา;

    ‘‘Niccaṃ ubbiggahadayā, sabbalokavihesakā;

    ตสฺมา เนสํ วสา นตฺถิ, กากานมฺหาก ญาติน’’นฺติฯ

    Tasmā nesaṃ vasā natthi, kākānamhāka ñātina’’nti.

    ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – มหาราช, กากา นาม นิจฺจํ อุพฺพิคฺคมานสา ภยปฺปตฺตาว วิหรนฺติ, สพฺพโลกสฺสวิเหสกา, ขตฺติยาทโย มนุเสฺสปิ อิตฺถิปุริเสปิ กุมารกุมาริกาทโยปิ วิเหเฐนฺตา กิลเมนฺตาว วิจรนฺติ, ตสฺมา อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ เนสํ อมฺหากํ ญาตีนํ กากานํ วสา นาม นตฺถิฯ อตีเตปิ น ภูตปุพฺพา, อนาคเตปิ น ภวิสฺสตีติฯ

    Tatrāyaṃ saṅkhepattho – mahārāja, kākā nāma niccaṃ ubbiggamānasā bhayappattāva viharanti, sabbalokassa ca vihesakā, khattiyādayo manussepi itthipurisepi kumārakumārikādayopi viheṭhentā kilamentāva vicaranti, tasmā imehi dvīhi kāraṇehi nesaṃamhākaṃ ñātīnaṃ kākānaṃ vasā nāma natthi. Atītepi na bhūtapubbā, anāgatepi na bhavissatīti.

    เอวํ มหาสโตฺต อิมํ การณํ อุตฺตานํ กตฺวา ‘‘มหาราช, รญฺญา นาม อนิสมฺม อนุปธาเรตฺวา กมฺมํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ ราชานํ โพเธสิฯ ราชา ตุสฺสิตฺวา โพธิสตฺตํ รเชฺชน ปูเชสิฯ โพธิสโตฺต รชฺชํ รโญฺญเยว ปฎิทตฺวา ราชานํ ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ยาจิฯ ราชา ตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา กากานํ นิพทฺธทานํ ปฎฺฐเปสิฯ ทิวเส ทิวเส ตณฺฑุลมฺพณสฺส ภตฺตํ ปจิตฺวา นานคฺครเสหิ โอมทฺทิตฺวา กากานํ ทียติ, มหาสตฺตสฺส ปน ราชโภชนเมว ทียิตฺถฯ

    Evaṃ mahāsatto imaṃ kāraṇaṃ uttānaṃ katvā ‘‘mahārāja, raññā nāma anisamma anupadhāretvā kammaṃ na kattabba’’nti rājānaṃ bodhesi. Rājā tussitvā bodhisattaṃ rajjena pūjesi. Bodhisatto rajjaṃ raññoyeva paṭidatvā rājānaṃ pañcasu sīlesu patiṭṭhāpetvā sabbasattānaṃ abhayaṃ yāci. Rājā tassa dhammadesanaṃ sutvā sabbasattānaṃ abhayaṃ datvā kākānaṃ nibaddhadānaṃ paṭṭhapesi. Divase divase taṇḍulambaṇassa bhattaṃ pacitvā nānaggarasehi omadditvā kākānaṃ dīyati, mahāsattassa pana rājabhojanameva dīyittha.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา อานโนฺท อโหสิ, กากราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bārāṇasirājā ānando ahosi, kākarājā pana ahameva ahosi’’nti.

    กากชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Kākajātakavaṇṇanā dasamā.

    อสมฺปทานวโคฺค จุทฺทสโมฯ

    Asampadānavaggo cuddasamo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    อสมฺปทานภีรุกํ, ฆตาสนฌานโสธํ;

    Asampadānabhīrukaṃ, ghatāsanajhānasodhaṃ;

    จนฺทาภํ สุวณฺณหํสํ, พพฺพุโคธุภโตภฎฺฐํ;

    Candābhaṃ suvaṇṇahaṃsaṃ, babbugodhubhatobhaṭṭhaṃ;

    กากราชาติ เต ทสาติฯ

    Kākarājāti te dasāti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๔๐. กากชาตกํ • 140. Kākajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact