Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๔. กกฺกฎกรสทายกวิมานวณฺณนา
4. Kakkaṭakarasadāyakavimānavaṇṇanā
อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานนฺติ กกฺกฎกรสทายกวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเนฯ เตน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อารทฺธวิปสฺสโก กณฺณสูเลน ปีฬิโต อกลฺลสรีรตาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ นาสกฺขิ, เวเชฺชหิ วุตฺตวิธินา เภสเชฺช กเตปิ โรโค น วูปสมิฯ โส ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อถสฺส ภควา ‘‘กกฺกฎกรสโภชนํ สปฺปาย’’นฺติ ญตฺวา อาห ‘‘คจฺฉ ตฺวํ ภิกฺขุ มคธเขเตฺต ปิณฺฑาย จราหี’’ติฯ
Uccamidaṃmaṇithūṇaṃ vimānanti kakkaṭakarasadāyakavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā rājagahe viharati veḷuvane. Tena samayena aññataro bhikkhu āraddhavipassako kaṇṇasūlena pīḷito akallasarīratāya vipassanaṃ ussukkāpetuṃ nāsakkhi, vejjehi vuttavidhinā bhesajje katepi rogo na vūpasami. So bhagavato etamatthaṃ ārocesi. Athassa bhagavā ‘‘kakkaṭakarasabhojanaṃ sappāya’’nti ñatvā āha ‘‘gaccha tvaṃ bhikkhu magadhakhette piṇḍāya carāhī’’ti.
โส ภิกฺขุ ‘‘ทีฆทสฺสินา อทฺธา กิญฺจิ ทิฎฺฐํ ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘สาธุ ภเนฺต’’ติ ภควโต ปฎิสฺสุณิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มคธเขตฺตํ คนฺตฺวา อญฺญตรสฺส เขตฺตปาลสฺส กุฎิยา ทฺวาเร ปิณฺฑาย อฎฺฐาสิฯ โส จ เขตฺตปาโล กกฺกฎกรสํ สมฺปาเทตฺวา ภตฺตญฺจ ปจิตฺวา ‘‘โถกํ วิสฺสมิตฺวา ภุญฺชิสฺสามี’’ติ นิสิโนฺน เถรํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา กุฎิกายํ นิสีทาเปตฺวา กกฺกฎกรสภตฺตํ อทาสิฯ เถรสฺส ตํ ภตฺตํ โถกํ ภุตฺตสฺสเยว กณฺณสูลํ ปฎิปฺปสฺสมฺภิ, ฆฎสเตน นฺหาโต วิย อโหสิ ฯ โส สปฺปายาหารวเสน จิตฺตผาสุกํ ลภิตฺวา วิปสฺสนาวเสน จิตฺตํ อภินินฺนาเมโนฺต อปริโยสิเตเยว โภชเน อนวเสสโต อาสเว เขเปตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาย เขตฺตปาลํ อาห ‘‘อุปาสก, ตว ปิณฺฑปาตโภชเนน มยฺหํ โรโค วูปสโนฺต, กายจิตฺตํ กลฺลํ ชาตํ, ตฺวมฺปิ อิมสฺส ปุญฺญสฺส ผเลน วิคตกายจิตฺตทุโกฺข ภวิสฺสสี’’ติ วตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
So bhikkhu ‘‘dīghadassinā addhā kiñci diṭṭhaṃ bhavissatī’’ti cintetvā ‘‘sādhu bhante’’ti bhagavato paṭissuṇitvā bhagavantaṃ vanditvā pattacīvaramādāya magadhakhettaṃ gantvā aññatarassa khettapālassa kuṭiyā dvāre piṇḍāya aṭṭhāsi. So ca khettapālo kakkaṭakarasaṃ sampādetvā bhattañca pacitvā ‘‘thokaṃ vissamitvā bhuñjissāmī’’ti nisinno theraṃ disvā pattaṃ gahetvā kuṭikāyaṃ nisīdāpetvā kakkaṭakarasabhattaṃ adāsi. Therassa taṃ bhattaṃ thokaṃ bhuttassayeva kaṇṇasūlaṃ paṭippassambhi, ghaṭasatena nhāto viya ahosi . So sappāyāhāravasena cittaphāsukaṃ labhitvā vipassanāvasena cittaṃ abhininnāmento apariyositeyeva bhojane anavasesato āsave khepetvā arahatte patiṭṭhāya khettapālaṃ āha ‘‘upāsaka, tava piṇḍapātabhojanena mayhaṃ rogo vūpasanto, kāyacittaṃ kallaṃ jātaṃ, tvampi imassa puññassa phalena vigatakāyacittadukkho bhavissasī’’ti vatvā anumodanaṃ katvā pakkāmi.
เขตฺตปาโล อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก มณิถเมฺภ กนกวิมาเน สตฺตสตกูฎาคารปฎิมณฺฑิเต เวฬุริยมยคเพฺภ นิพฺพตฺติ, ทฺวาเร จสฺส ยถูปจิตกมฺมสํสูจโก มุตฺตาสิกฺกาคโต สุวณฺณกกฺกฎโก โอลมฺพมาโน อฎฺฐาสิฯ อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปุเพฺพ วุตฺตนเยน ตตฺถ คโต ตํ ทิสฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –
Khettapālo aparena samayena kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane dvādasayojanike maṇithambhe kanakavimāne sattasatakūṭāgārapaṭimaṇḍite veḷuriyamayagabbhe nibbatti, dvāre cassa yathūpacitakammasaṃsūcako muttāsikkāgato suvaṇṇakakkaṭako olambamāno aṭṭhāsi. Athāyasmā mahāmoggallāno pubbe vuttanayena tattha gato taṃ disvā imāhi gāthāhi pucchi –
๙๑๐.
910.
‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ, สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ;
‘‘Uccamidaṃ maṇithūṇaṃ vimānaṃ, samantato dvādasa yojanāni;
กูฎาคารา สตฺตสตา อุฬารา, เวฬุริยถมฺภา รุจกตฺถตา สุภาฯ
Kūṭāgārā sattasatā uḷārā, veḷuriyathambhā rucakatthatā subhā.
๙๑๑.
911.
‘‘ตตฺถจฺฉสิ ปิวสิ ขาทสิ จ, ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ;
‘‘Tatthacchasi pivasi khādasi ca, dibbā ca vīṇā pavadanti vagguṃ;
ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปญฺจ, นาริโย จ นจฺจนฺติ สุวณฺณฉนฺนาฯ
Dibbā rasā kāmaguṇettha pañca, nāriyo ca naccanti suvaṇṇachannā.
๙๑๒.
912.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.
๙๑๓.
913.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทว มหานุภาว, มนุสฺสภูโต กิมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Pucchāmi taṃ deva mahānubhāva, manussabhūto kimakāsi puññaṃ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาโว, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvo, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
โสปิสฺส พฺยากาสิ, ตํ ทเสฺสตุํ –
Sopissa byākāsi, taṃ dassetuṃ –
๙๑๔.
914.
‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิโต;
‘‘So devaputto attamano, moggallānena pucchito;
ปญฺหํ ปุโฎฺฐ วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ – วุตฺตํ;
Pañhaṃ puṭṭho viyākāsi, yassa kammassidaṃ phala’’nti. – vuttaṃ;
๙๑๕.
915.
‘‘สติสมุปฺปาทกโร , ทฺวาเร กกฺกฎโก ฐิโต;
‘‘Satisamuppādakaro , dvāre kakkaṭako ṭhito;
นิฎฺฐิโต ชาตรูปสฺส, โสภติ ทสปาทโกฯ
Niṭṭhito jātarūpassa, sobhati dasapādako.
๙๑๖.
916.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Tena metādiso vaṇṇo, tena me idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca me bhogā, ye keci manaso piyā.
๙๑๗.
917.
‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูโต ยมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Akkhāmi te bhikkhu mahānubhāva, manussabhūto yamakāsi puññaṃ;
เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาโว, วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Tenamhi evaṃ jalitānubhāvo, vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๙๑๐. ตตฺถ อุจฺจนฺติ อจฺจุคฺคตํฯ มณิถูณนฺติ ปทุมราคาทิมณิมยถมฺภํฯ สมนฺตโตติ จตูสุปิ ปเสฺสสุฯ รุจกตฺถตาติ ตสฺสํ ตสฺสํ ภูมิยํ สุวณฺณผลเกหิ อตฺถตาฯ
910. Tattha uccanti accuggataṃ. Maṇithūṇanti padumarāgādimaṇimayathambhaṃ. Samantatoti catūsupi passesu. Rucakatthatāti tassaṃ tassaṃ bhūmiyaṃ suvaṇṇaphalakehi atthatā.
๙๑๑. ปิวสิ ขาทสิ จาติ กาเลน กาลํ อุปยุชฺชมานํ คนฺธปานํ สุธาโภชนญฺจ สนฺธาย วทติฯ ปวทนฺตีติ ปวชฺชนฺติฯ ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปญฺจาติ ทิพฺพา รสา อนปฺปกา ปญฺจ กามคุณา เอตฺถ เอตสฺมิํ ตว วิมาเน สํวิชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ สุวณฺณฉนฺนาติ เหมาภรณวิภูสิตาฯ
911.Pivasi khādasi cāti kālena kālaṃ upayujjamānaṃ gandhapānaṃ sudhābhojanañca sandhāya vadati. Pavadantīti pavajjanti. Dibbā rasā kāmaguṇettha pañcāti dibbā rasā anappakā pañca kāmaguṇā ettha etasmiṃ tava vimāne saṃvijjantīti attho. Suvaṇṇachannāti hemābharaṇavibhūsitā.
๙๑๕. สติสมุปฺปาทกโรติ สตุปฺปาทกโร, เยน ปุญฺญกเมฺมน อยํ ทิพฺพสมฺปตฺติ มยา ลทฺธา, ตตฺถ สตุปฺปาทสฺส การโก, ‘‘กกฺกฎกรสทาเนน อยํ ตยา สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ เอวํ สตุปฺปาทํ กโรโนฺตติ อโตฺถฯ นิฎฺฐิโต ชาตรูปสฺสาติ ชาตรูเปน สิโทฺธ ชาตรูปมโยฯ เอกเมกสฺมิํ ปเสฺส ปญฺจ ปญฺจ กตฺวา ทส ปาทา เอตสฺสาติ ทสปาทโก ทฺวาเร กกฺกฎโก ฐิโต โสภติฯ โส เอว มม ปุญฺญกมฺมํ ตาทิสานํ มเหสีนํ วิภาเวติ, น เอตฺถ มยา วตฺตพฺพํ อตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ’’ติอาทิฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
915.Satisamuppādakaroti satuppādakaro, yena puññakammena ayaṃ dibbasampatti mayā laddhā, tattha satuppādassa kārako, ‘‘kakkaṭakarasadānena ayaṃ tayā sampatti laddhā’’ti evaṃ satuppādaṃ karontoti attho. Niṭṭhito jātarūpassāti jātarūpena siddho jātarūpamayo. Ekamekasmiṃ passe pañca pañca katvā dasa pādā etassāti dasapādako dvāre kakkaṭako ṭhito sobhati. So eva mama puññakammaṃ tādisānaṃ mahesīnaṃ vibhāveti, na ettha mayā vattabbaṃ atthīti adhippāyo. Tenāha ‘‘tena metādiso vaṇṇo’’tiādi. Sesaṃ vuttanayameva.
กกฺกฎกรสทายกวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kakkaṭakarasadāyakavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๔. กกฺกฎกรสทายกวิมานวตฺถุ • 4. Kakkaṭakarasadāyakavimānavatthu