Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā |
๒๔. กกุสนฺธพุทฺธวํสวณฺณนา
24. Kakusandhabuddhavaṃsavaṇṇanā
เวสฺสภุมฺหิ สยมฺภุมฺหิ ปรินิพฺพุเต ตสฺมิํ ปน กเปฺป อติกฺกเนฺต เอกูนตฺติํสกเปฺปสุ ชินทิวสกรา นุปฺปชฺชิํสุฯ อิมสฺมิํ ปน ภทฺทกเปฺป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุฯ กตเม จตฺตาโร? กกุสโนฺธ โกณาคมโน กสฺสโป อมฺหากํ พุโทฺธติฯ เมเตฺตโยฺย ปน ภควา อุปฺปชฺชิสฺสติฯ เอวมยํ กโปฺป ปญฺจหิ พุทฺธุปฺปาเทหิ ปฎิมณฺฑิตตฺตา ภทฺทกโปฺปติ ภควตา วณฺณิโตฯ ตตฺถ กกุสโนฺธ นาม ภควา ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา เขมวตีนคเร เขมงฺกรสฺส นาม รโญฺญ อตฺถธมฺมานุสาสกสฺส อคฺคิทตฺตสฺส นาม ปุโรหิตสฺส อคฺคมเหสิยา วิสาขาย นาม พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ ยทา ปน ขตฺติยา พฺราหฺมเณ สกฺกโรนฺติ ครุกโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, ตทา โพธิสตฺตา พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺตนฺติฯ
Vessabhumhi sayambhumhi parinibbute tasmiṃ pana kappe atikkante ekūnattiṃsakappesu jinadivasakarā nuppajjiṃsu. Imasmiṃ pana bhaddakappe cattāro buddhā nibbattiṃsu. Katame cattāro? Kakusandho koṇāgamano kassapo amhākaṃ buddhoti. Metteyyo pana bhagavā uppajjissati. Evamayaṃ kappo pañcahi buddhuppādehi paṭimaṇḍitattā bhaddakappoti bhagavatā vaṇṇito. Tattha kakusandho nāma bhagavā pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā khemavatīnagare khemaṅkarassa nāma rañño atthadhammānusāsakassa aggidattassa nāma purohitassa aggamahesiyā visākhāya nāma brāhmaṇiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ aggahesi. Yadā pana khattiyā brāhmaṇe sakkaronti garukaronti mānenti pūjenti, tadā bodhisattā brāhmaṇakule nibbattanti.
ยทา ปน พฺราหฺมณา ขตฺติเย สกฺกโรนฺติ ครุกโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, ตทา ขตฺติยกุเล อุปฺปชฺชนฺติฯ ตทา กิร พฺราหฺมณา ขตฺติเยหิ สกฺกรียนฺติ ครุกรียนฺติ, ตสฺมา สจฺจสโนฺธ กกุสโนฺธ โพธิสโตฺต วิภวสิริสมุทเยนากุเล อนากุเล พฺราหฺมณกุเล ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทโนฺต กมฺปยโนฺต อุทปาทิฯ เหฎฺฐา วุตฺตปฺปการานิ ปาฎิหาริยานิ นิพฺพตฺติํสุฯ ตโต ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน เขมวตุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต สุวณฺณลตาโต อคฺคิชาโล วิย นิกฺขมิฯ โส จตฺตาริ วสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ ตสฺส กิร กามกามวณฺณกามสุทฺธินามกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ โรจินีพฺราหฺมณีปมุขานิ ติํส อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ
Yadā pana brāhmaṇā khattiye sakkaronti garukaronti mānenti pūjenti, tadā khattiyakule uppajjanti. Tadā kira brāhmaṇā khattiyehi sakkarīyanti garukarīyanti, tasmā saccasandho kakusandho bodhisatto vibhavasirisamudayenākule anākule brāhmaṇakule dasasahassilokadhātuṃ unnādento kampayanto udapādi. Heṭṭhā vuttappakārāni pāṭihāriyāni nibbattiṃsu. Tato dasannaṃ māsānaṃ accayena khemavatuyyāne mātukucchito suvaṇṇalatāto aggijālo viya nikkhami. So cattāri vassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Tassa kira kāmakāmavaṇṇakāmasuddhināmakā tayo pāsādā ahesuṃ. Rocinībrāhmaṇīpamukhāni tiṃsa itthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.
โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา โรจินิยา พฺราหฺมณิยา อนุตฺตเร อุตฺตเร นาม กุมาเร อุปฺปเนฺน ปยุเตฺตน อาชญฺญรเถน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ จตฺตาลีสสหสฺสานิ อนุปพฺพชิํสุฯ โส เตหิ ปริวุโต อฎฺฐ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย สุจิรินฺธนิคเม วชิรินฺธพฺราหฺมณสฺส ธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา ขทิรวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย สุภเทฺทน นาม ยวปาลเกน อุปนีตา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา สิรีสโพธิํ ปาฎลิยา วุตฺตปฺปมาณํ ทิพฺพคนฺธํ อุปวายมานํ อุปคนฺตฺวา จตุตฺติํสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา สโมฺพธิํ ปตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ จตฺตาลีสาย ภิกฺขุสหสฺสานํ สจฺจปฺปฎิเวธสมตฺถตํ ทิสฺวา เอกาเหเนว มกิลนครสมีเป สมฺภูตํ อิสิปตนํ นาม มิคทายํ ปวิสิตฺวา เตสํ มชฺฌคโต ภควา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา จตฺตาลีสาย โกฎิสหสฺสานํ ปฐโม ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ
So cattāri nimittāni disvā rociniyā brāhmaṇiyā anuttare uttare nāma kumāre uppanne payuttena ājaññarathena mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Taṃ cattālīsasahassāni anupabbajiṃsu. So tehi parivuto aṭṭha māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya sucirindhanigame vajirindhabrāhmaṇassa dhītāya dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā khadiravane divāvihāraṃ katvā sāyanhasamaye subhaddena nāma yavapālakena upanītā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā sirīsabodhiṃ pāṭaliyā vuttappamāṇaṃ dibbagandhaṃ upavāyamānaṃ upagantvā catuttiṃsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā sambodhiṃ patvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ vītināmetvā attanā saha pabbajitānaṃ cattālīsāya bhikkhusahassānaṃ saccappaṭivedhasamatthataṃ disvā ekāheneva makilanagarasamīpe sambhūtaṃ isipatanaṃ nāma migadāyaṃ pavisitvā tesaṃ majjhagato bhagavā dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā cattālīsāya koṭisahassānaṃ paṭhamo dhammābhisamayo ahosi.
ปุน กณฺณกุชฺชนครทฺวาเร มหาสาลรุกฺขมูเล ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา ติํสโกฎิสหสฺสานํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปาเทสิ, โส ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ ยทา ปน เขมวตีนครสฺสาวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ เทวายตเน อภิมตนรเทโว นรเทโว นาม ยโกฺข ทิสฺสมานมนุสฺสสรีโร หุตฺวา กนฺตารมเชฺฌ เอกสฺส กมลกุวลยุปฺปลสมลงฺกตสลิลสีตลสฺส ปรมมธุรสิสิรวาริโน สพฺพชนสุรภิรมสฺส สรสฺส สมีเป ฐตฺวา กมลกุวลยกลฺลหาราทีหิ สเตฺต อุปลาเปตฺวา มนุเสฺส ขาทติ ฯ ตสฺมิํ มเคฺค ปจฺฉิเนฺน ชนสมฺปาตรหิเต มหาอฎวิํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ สมฺปเตฺต สเตฺต ขาทติฯ โส โลกวิสฺสุโต มหากนฺตารมโคฺค อโหสิฯ อุภโตกนฺตารทฺวาเร กิร มหาชนกาโย สนฺนิปติตฺวา กนฺตารนิตฺถรณตฺถาย อฎฺฐาสิฯ อถ วิคตภวพโนฺธ กกุสโนฺธ สตฺถา เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต ญาณชาลสฺส อโนฺตคตํ ตํ มเหสกฺขํ นรเทวยกฺขํ ตญฺจ ชนสมูหมทฺทสฯ ทิสฺวา จ ปน คคนตเลน คนฺตฺวา ตสฺส ชนกายสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว ภควา อเนกวิหิตํ ปาฎิหาริยํ กโรโนฺต ตสฺส นรเทวยกฺขสฺส ภวเน โอตริตฺวา ตสฺส มงฺคลปลฺลเงฺก นิสีทิฯ
Puna kaṇṇakujjanagaradvāre mahāsālarukkhamūle yamakapāṭihāriyaṃ katvā tiṃsakoṭisahassānaṃ dhammacakkhuṃ uppādesi, so dutiyo abhisamayo ahosi. Yadā pana khemavatīnagarassāvidūre aññatarasmiṃ devāyatane abhimatanaradevo naradevo nāma yakkho dissamānamanussasarīro hutvā kantāramajjhe ekassa kamalakuvalayuppalasamalaṅkatasalilasītalassa paramamadhurasisiravārino sabbajanasurabhiramassa sarassa samīpe ṭhatvā kamalakuvalayakallahārādīhi satte upalāpetvā manusse khādati . Tasmiṃ magge pacchinne janasampātarahite mahāaṭaviṃ pavisitvā tattha sampatte satte khādati. So lokavissuto mahākantāramaggo ahosi. Ubhatokantāradvāre kira mahājanakāyo sannipatitvā kantāranittharaṇatthāya aṭṭhāsi. Atha vigatabhavabandho kakusandho satthā ekadivasaṃ paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento ñāṇajālassa antogataṃ taṃ mahesakkhaṃ naradevayakkhaṃ tañca janasamūhamaddasa. Disvā ca pana gaganatalena gantvā tassa janakāyassa passantasseva bhagavā anekavihitaṃ pāṭihāriyaṃ karonto tassa naradevayakkhassa bhavane otaritvā tassa maṅgalapallaṅke nisīdi.
อถ โข โส มนุสฺสภโกฺข ยโกฺข ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสเชฺชนฺตํ อินฺทธนุปริวุตมิว ทิวสกรํ มุนิทิวสกรํ ปวนปเถนาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘ทสพโล มมานุกมฺปาย อิธาคจฺฉตี’’ติ ปสนฺนหทโย อตฺตโน ปริวารยเกฺขหิ สทฺธิํ อเนกมิคคณวนฺตํ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา นานาวณฺณคนฺธานิ ชลชถลชานิ กุสุมานิ ปรมมโนรมานิ สุคนฺธคเนฺธ สมาหริตฺวา อตฺตโน ปลฺลเงฺก นิสินฺนํ วิคตรนฺธํ กกุสนฺธํ โลกนายกํ มาลาคนฺธวิเลปนาทีหิ ปูชยิตฺวา ถุติสงฺคีตานิ ปวเตฺตโนฺต สิรสิ อญฺชลิํ กตฺวา นมสฺสมาโน อฎฺฐาสิฯ ตโต มนุสฺสา ตํ ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา ปสนฺนหทยา สมาคมฺม ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นมสฺสมานา อฎฺฐํสุฯ อถ อปฺปฎิสโนฺธ กกุสโนฺธ ภควา อภิปูชิตนรเทวยกฺขํ นรเทวยกฺขํ กมฺมผลสมฺพนฺธทสฺสเนน สมุเตฺตเชตฺวา นิรยกถาย สนฺตาเสตฺวา จตุสจฺจกถํ กเถสิ, ตทา อปริมิตานํ สตฺตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Atha kho so manussabhakkho yakkho chabbaṇṇarasmiyo vissajjentaṃ indadhanuparivutamiva divasakaraṃ munidivasakaraṃ pavanapathenāgacchantaṃ disvā – ‘‘dasabalo mamānukampāya idhāgacchatī’’ti pasannahadayo attano parivārayakkhehi saddhiṃ anekamigagaṇavantaṃ himavantaṃ gantvā nānāvaṇṇagandhāni jalajathalajāni kusumāni paramamanoramāni sugandhagandhe samāharitvā attano pallaṅke nisinnaṃ vigatarandhaṃ kakusandhaṃ lokanāyakaṃ mālāgandhavilepanādīhi pūjayitvā thutisaṅgītāni pavattento sirasi añjaliṃ katvā namassamāno aṭṭhāsi. Tato manussā taṃ pāṭihāriyaṃ disvā pasannahadayā samāgamma bhagavantaṃ parivāretvā namassamānā aṭṭhaṃsu. Atha appaṭisandho kakusandho bhagavā abhipūjitanaradevayakkhaṃ naradevayakkhaṃ kammaphalasambandhadassanena samuttejetvā nirayakathāya santāsetvā catusaccakathaṃ kathesi, tadā aparimitānaṃ sattānaṃ dhammābhisamayo ahosi, ayaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๑.
1.
‘‘เวสฺสภุสฺส อปเรน, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;
‘‘Vessabhussa aparena, sambuddho dvipaduttamo;
กกุสโนฺธ นาม นาเมน, อปฺปเมโยฺย ทุราสโทฯ
Kakusandho nāma nāmena, appameyyo durāsado.
๒.
2.
‘‘อุคฺฆาเฎตฺวา สพฺพภวํ, จริยาย ปารมิํ คโต;
‘‘Ugghāṭetvā sabbabhavaṃ, cariyāya pāramiṃ gato;
สีโหว ปญฺชรํ เภตฺวา, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํฯ
Sīhova pañjaraṃ bhetvā, patto sambodhimuttamaṃ.
๓.
3.
‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตเนฺต, กกุสเนฺธ โลกนายเก;
‘‘Dhammacakkaṃ pavattente, kakusandhe lokanāyake;
จตฺตาลีสโกฎิสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุฯ
Cattālīsakoṭisahassānaṃ, dhammābhisamayo ahu.
๔.
4.
‘‘อนฺตลิกฺขมฺหิ อากาเส, ยมกํ กตฺวา วิกุพฺพนํ;
‘‘Antalikkhamhi ākāse, yamakaṃ katvā vikubbanaṃ;
ติํสโกฎิสหสฺสานํ, โพเธสิ เทวมานุเสฯ
Tiṃsakoṭisahassānaṃ, bodhesi devamānuse.
๕.
5.
‘‘นรเทวสฺส ยกฺขสฺส, จตุสจฺจปฺปกาสเน;
‘‘Naradevassa yakkhassa, catusaccappakāsane;
ธมฺมาภิสมโย ตสฺส, คณนาโต อสงฺขิโย’’ติฯ
Dhammābhisamayo tassa, gaṇanāto asaṅkhiyo’’ti.
ตตฺถ อุคฺฆาเฎตฺวาติ สมูหนิตฺวาฯ สพฺพภวนฺติ สพฺพํ นววิธํ ภวํ, ภวุปฺปตฺตินิมิตฺตํ กมฺมนฺติ อโตฺถฯ จริยาย ปารมิํ คโตติ สพฺพปารมีนํ ปูรณวเสน ปารํ คโตฯ สีโหว ปญฺชรํ เภตฺวาติ สีโห วิย ปญฺชรํ มุนิกุญฺชโร ภวปญฺชรํ วินาเสตฺวาติ อโตฺถฯ กกุสนฺธสฺส วิทฺธสฺตภวพนฺธนสฺส เอโกว สาวกสนฺนิปาโต อโหสิฯ กณฺณกุชฺชนคเร อิสิปตเน มิคทาเย อตฺตนา สห ปพฺพชิเตหิ จตฺตาลีสาย อรหนฺตสหเสฺสหิ ปริวุโต มาฆปุณฺณมายํ ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tattha ugghāṭetvāti samūhanitvā. Sabbabhavanti sabbaṃ navavidhaṃ bhavaṃ, bhavuppattinimittaṃ kammanti attho. Cariyāya pāramiṃ gatoti sabbapāramīnaṃ pūraṇavasena pāraṃ gato. Sīhova pañjaraṃ bhetvāti sīho viya pañjaraṃ munikuñjaro bhavapañjaraṃ vināsetvāti attho. Kakusandhassa viddhastabhavabandhanassa ekova sāvakasannipāto ahosi. Kaṇṇakujjanagare isipatane migadāye attanā saha pabbajitehi cattālīsāya arahantasahassehi parivuto māghapuṇṇamāyaṃ bhagavā pātimokkhaṃ uddisi. Tena vuttaṃ –
๖.
6.
‘‘กกุสนฺธสฺส ภควโต, เอโก อาสิ สมาคโม;
‘‘Kakusandhassa bhagavato, eko āsi samāgamo;
ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ
Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.
๗.
7.
‘‘จตฺตาลีสสหสฺสานํ, ตทา อาสิ สมาคโม;
‘‘Cattālīsasahassānaṃ, tadā āsi samāgamo;
ทนฺตภูมิมนุปฺปตฺตานํ, อาสวาริคณกฺขยา’’ติฯ
Dantabhūmimanuppattānaṃ, āsavārigaṇakkhayā’’ti.
ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต เขโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ปตฺตจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา อญฺชนาทีนิ สพฺพเภสชฺชานิ จ อทาสิฯ อญฺญญฺจ สมณปริกฺขารํ ทตฺวา ตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนหทโย หุตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิฯ โส ปน สตฺถา – ‘‘อนาคเต อิมสฺมิํเยว กเปฺป พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā amhākaṃ bodhisatto khemo nāma rājā hutvā buddhappamukhassa saṅghassa pattacīvaraṃ mahādānaṃ datvā añjanādīni sabbabhesajjāni ca adāsi. Aññañca samaṇaparikkhāraṃ datvā tassa dhammadesanaṃ sutvā pasannahadayo hutvā bhagavato santike pabbaji. So pana satthā – ‘‘anāgate imasmiṃyeva kappe buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –
๘.
8.
‘‘อหํ เตน สมเยน, เขโม นามาสิ ขตฺติโย;
‘‘Ahaṃ tena samayena, khemo nāmāsi khattiyo;
ตถาคเต ชินปุเตฺต, ทานํ ทตฺวา อนปฺปกํฯ
Tathāgate jinaputte, dānaṃ datvā anappakaṃ.
๙.
9.
‘‘ปตฺตญฺจ จีวรํ ทตฺวา, อญฺชนํ มธุลฎฺฐิกํ;
‘‘Pattañca cīvaraṃ datvā, añjanaṃ madhulaṭṭhikaṃ;
อิเมตํ ปตฺถิตํ สพฺพํ, ปฎิยาเทมิ วรํ วรํฯ
Imetaṃ patthitaṃ sabbaṃ, paṭiyādemi varaṃ varaṃ.
๑๐.
10.
‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, กกุสโนฺธ วินายโก;
‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, kakusandho vināyako;
อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ
Imamhi bhaddake kappe, ayaṃ buddho bhavissati.
๑๑.
11.
‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ
‘‘Ahu kapilavhayā rammā…pe… hessāma sammukhā imaṃ.
๑๓.
13.
‘‘นครํ เขมวตี นาม, เขโม นามาสหํ ตทา;
‘‘Nagaraṃ khemavatī nāma, khemo nāmāsahaṃ tadā;
สพฺพญฺญุตํ คเวสโนฺต, ปพฺพชิํ ตสฺส สนฺติเก’’ติฯ
Sabbaññutaṃ gavesanto, pabbajiṃ tassa santike’’ti.
ตตฺถ อญฺชนํ ปากฎเมวฯ มธุลฎฺฐิกนฺติ ยฎฺฐิมธุกํฯ อิเมตนฺติ อิมํ เอตํฯ ปตฺถิตนฺติ อิจฺฉิตํฯ ปฎิยาเทมีติ ทชฺชามิ, อทาสินฺติ อโตฺถฯ วรํ วรนฺติ เสฎฺฐํ เสฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ยเทตํ ปตฺถิต’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺส ยํ อิจฺฉติ, เอตํ สพฺพํ อทาสินฺติ อโตฺถฯ อยํ สุนฺทรตโรฯ
Tattha añjanaṃ pākaṭameva. Madhulaṭṭhikanti yaṭṭhimadhukaṃ. Imetanti imaṃ etaṃ. Patthitanti icchitaṃ. Paṭiyādemīti dajjāmi, adāsinti attho. Varaṃ varanti seṭṭhaṃ seṭṭhanti attho. ‘‘Yadetaṃ patthita’’ntipi pāṭho, tassa yaṃ icchati, etaṃ sabbaṃ adāsinti attho. Ayaṃ sundarataro.
ตสฺส ปน อทนฺธสฺส กกุสนฺธสฺส ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิฯ อคฺคิทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา, วิธุโร จ สญฺชีโว จ เทฺว อคฺคสาวกา, พุทฺธิโช นามุปฎฺฐาโก, สามา จ จมฺปา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหาสิรีสรุโกฺข โพธิ, สรีรํ จตฺตาลีสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, สมนฺตา ทสโยชนานิ สรีรปฺปภา นิจฺฉรติ , จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสานิ อายุ, ภริยา ปนสฺส โรจินี นาม พฺราหฺมณี, อุตฺตโร นาม ปุโตฺต, อาชญฺญรเถน นิกฺขมิฯ เตน วุตฺตํ –
Tassa pana adandhassa kakusandhassa bhagavato khemaṃ nāma nagaraṃ ahosi. Aggidatto nāma brāhmaṇo pitā, visākhā nāma brāhmaṇī mātā, vidhuro ca sañjīvo ca dve aggasāvakā, buddhijo nāmupaṭṭhāko, sāmā ca campā ca dve aggasāvikā, mahāsirīsarukkho bodhi, sarīraṃ cattālīsahatthubbedhaṃ ahosi, samantā dasayojanāni sarīrappabhā niccharati , cattālīsavassasahassāni āyu, bhariyā panassa rocinī nāma brāhmaṇī, uttaro nāma putto, ājaññarathena nikkhami. Tena vuttaṃ –
๑๔.
14.
‘‘พฺราหฺมโณ อคฺคิทโตฺต จ, อาสิ พุทฺธสฺส โส ปิตา;
‘‘Brāhmaṇo aggidatto ca, āsi buddhassa so pitā;
วิสาขา นาม ชนิกา, กกุสนฺธสฺส สตฺถุโนฯ
Visākhā nāma janikā, kakusandhassa satthuno.
๑๕.
15.
‘‘วสเต ตตฺถ เขเม ปุเร, สมฺพุทฺธสฺส มหากุลํ;
‘‘Vasate tattha kheme pure, sambuddhassa mahākulaṃ;
นรานํ ปวรํ เสฎฺฐํ, ชาติมนฺตํ มหายสํฯ
Narānaṃ pavaraṃ seṭṭhaṃ, jātimantaṃ mahāyasaṃ.
๒๐.
20.
‘‘วิธุโร จ สญฺชีโว จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
‘‘Vidhuro ca sañjīvo ca, ahesuṃ aggasāvakā;
พุทฺธิโช นามุปฎฺฐาโก, กกุสนฺธสฺส สตฺถุโนฯ
Buddhijo nāmupaṭṭhāko, kakusandhassa satthuno.
๒๑.
21.
‘‘สามา จ จมฺปานามา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
‘‘Sāmā ca campānāmā ca, ahesuṃ aggasāvikā;
โพธิ ตสฺส ภควโต, สิรีโสติ ปวุจฺจติฯ
Bodhi tassa bhagavato, sirīsoti pavuccati.
๒๓.
23.
‘‘จตฺตาลีสรตนานิ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;
‘‘Cattālīsaratanāni, accuggato mahāmuni;
กนกปฺปภา นิจฺฉรติ, สมนฺตา ทสโยชนํฯ
Kanakappabhā niccharati, samantā dasayojanaṃ.
๒๔.
24.
‘‘จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;
‘‘Cattālīsavassasahassāni, āyu tassa mahesino;
ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ
Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.
๒๕.
25.
‘‘ธมฺมาปณํ ปสาเรตฺวา, นรนารีนํ สเทวเก;
‘‘Dhammāpaṇaṃ pasāretvā, naranārīnaṃ sadevake;
นทิตฺวา สีหนาทํว, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ
Naditvā sīhanādaṃva, nibbuto so sasāvako.
๒๖.
26.
‘‘อฎฺฐงฺควจนสมฺปโนฺน, อจฺฉิทฺทานิ นิรนฺตรํ;
‘‘Aṭṭhaṅgavacanasampanno, acchiddāni nirantaraṃ;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ
Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.
ตตฺถ วสเต ตตฺถ เขเม ปุเรติ อยํ คาถา กกุสนฺธสฺส ชาตนครสนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ มหากุลนฺติ อุทิโตทิตํ ภควโต ปิตุกุลํฯ นรานํ ปวรํ เสฎฺฐนฺติ ชาติวเสน สพฺพมนุสฺสานํ ปวรํ เสฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ ชาติมนฺตนฺติ อภิชาติวนฺตํ, อุตฺตมาภิชาตํฯ มหายสนฺติ มหาปริวารํ, กิํ ตํ พุทฺธสฺส มหากุลํ? ตตฺถ มหากุลํ เขเม ปุเร วสเตติปเทน สมฺพโนฺธ ทฎฺฐโพฺพฯ
Tattha vasate tattha kheme pureti ayaṃ gāthā kakusandhassa jātanagarasandassanatthaṃ vuttāti veditabbā. Mahākulanti uditoditaṃ bhagavato pitukulaṃ. Narānaṃ pavaraṃ seṭṭhanti jātivasena sabbamanussānaṃ pavaraṃ seṭṭhanti attho. Jātimantanti abhijātivantaṃ, uttamābhijātaṃ. Mahāyasanti mahāparivāraṃ, kiṃ taṃ buddhassa mahākulaṃ? Tattha mahākulaṃ kheme pure vasatetipadena sambandho daṭṭhabbo.
สมนฺตา ทสโยชนนฺติ สมนฺตโต ทส โยชนานิ ผริตฺวา นิจฺจกาลํ สรีรโต นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณวณฺณา ปภา นิจฺฉรตีติ อโตฺถฯ ธมฺมาปณนฺติ ธมฺมสงฺขาตํ อาปณํฯ ปสาเรตฺวาติ ภณฺฑวิกฺกิณนตฺถํ นานาภณฺฑสมิทฺธมาปณํ วิย ธมฺมาปณํ ปสาเรตฺวาติ อโตฺถฯ นรนารีนนฺติ เวเนยฺยนรนารีนํ ฌานสมาปตฺติมคฺคผลรตนวิเสสาธิคมตฺถายฯ สีหนาทํ วาติ สีหนาทํ วิย, อภยนาทํ นทิตฺวาฯ อฎฺฐงฺควจนสมฺปโนฺนติ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตสโร สตฺถาฯ อจฺฉิทฺทานีติ ฉิทฺทาทิภาวรหิตานิ สีลานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิฯ อถ วา อจฺฉิทฺทานิ อวิวรานิ สาวกยุคฬาทีนิฯ นิรนฺตรนฺติ สตตํ สพฺพกาลํฯ สพฺพํ ตมนฺตรหิตนฺติ สตฺถา จ สาวกยุคฬาทีนิ จ ตํ สพฺพํ มุนิภาวมุปคนฺตฺวา อทสฺสนภาวมุปคตนฺติ อโตฺถฯ
Samantā dasayojananti samantato dasa yojanāni pharitvā niccakālaṃ sarīrato nikkhamitvā suvaṇṇavaṇṇā pabhā niccharatīti attho. Dhammāpaṇanti dhammasaṅkhātaṃ āpaṇaṃ. Pasāretvāti bhaṇḍavikkiṇanatthaṃ nānābhaṇḍasamiddhamāpaṇaṃ viya dhammāpaṇaṃ pasāretvāti attho. Naranārīnanti veneyyanaranārīnaṃ jhānasamāpattimaggaphalaratanavisesādhigamatthāya. Sīhanādaṃ vāti sīhanādaṃ viya, abhayanādaṃ naditvā. Aṭṭhaṅgavacanasampannoti aṭṭhaṅgasamannāgatasaro satthā. Acchiddānīti chiddādibhāvarahitāni sīlāni acchiddāni asabalāni akammāsāni. Atha vā acchiddāni avivarāni sāvakayugaḷādīni. Nirantaranti satataṃ sabbakālaṃ. Sabbaṃ tamantarahitanti satthā ca sāvakayugaḷādīni ca taṃ sabbaṃ munibhāvamupagantvā adassanabhāvamupagatanti attho.
‘‘อเปตพโนฺธ กกุสนฺธพุโทฺธ, อทนฺธปโญฺญ คตสพฺพรโนฺธ;
‘‘Apetabandho kakusandhabuddho, adandhapañño gatasabbarandho;
ติโลกสโนฺธ กิร สจฺจสโนฺธ, เขเม ปเน วาสมกปฺปยิตฺถ’’ฯ
Tilokasandho kira saccasandho, kheme pane vāsamakappayittha’’.
เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ ปากฎเมวาติฯ
Sesagāthāsu sabbattha pākaṭamevāti.
กกุสนฺธพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kakusandhabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต พาวีสติโม พุทฺธวํโสฯ
Niṭṭhito bāvīsatimo buddhavaṃso.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๒๔. กกุสนฺธพุทฺธวํโส • 24. Kakusandhabuddhavaṃso