Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๒๙] ๙. กาฬพาหุชาตกวณฺณนา
[329] 9. Kāḷabāhujātakavaṇṇanā
ยํ อนฺนปานสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต หตลาภสกฺการํ เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เทวทเตฺตน หิ ตถาคเต อฎฺฐานโกปํ พนฺธิตฺวา ธนุคฺคเหสุ ปโยชิเตสุ นาฬาคิริวิสฺสชฺชเนน ตสฺส โทโส ปากโฎ ชาโตฯ อถสฺส ปฎฺฐปิตานิ ธุวภตฺตาทีนิ มนุสฺสฺสา น กริํสุ, ราชาปิ นํ น โอโลเกสิฯ โส หตลาภสกฺกาโร กุเลสุ วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชโนฺต วิจริฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต ‘ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทสฺสามี’ติ อุปฺปนฺนมฺปิ ถิรํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส หตลาภสกฺกาโร อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yaṃ annapānassāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto hatalābhasakkāraṃ devadattaṃ ārabbha kathesi. Devadattena hi tathāgate aṭṭhānakopaṃ bandhitvā dhanuggahesu payojitesu nāḷāgirivissajjanena tassa doso pākaṭo jāto. Athassa paṭṭhapitāni dhuvabhattādīni manusssā na kariṃsu, rājāpi naṃ na olokesi. So hatalābhasakkāro kulesu viññāpetvā bhuñjanto vicari. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, devadatto ‘lābhasakkāraṃ uppādessāmī’ti uppannampi thiraṃ kātuṃ nāsakkhī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa hatalābhasakkāro ahosī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ ธนญฺชเย รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ราโธ นาม สุโก อโหสิ มหาสรีโร ปริปุณฺณคโตฺต, กนิโฎฺฐ ปนสฺส โปฎฺฐปาโท นามฯ เอโก ลุทฺทโก เต เทฺวปิ ชเน พนฺธิตฺวา เนตฺวา พาราณสิรโญฺญ อทาสิฯ ราชา อุโภปิ เต สุวณฺณปญฺชเร ปกฺขิปิตฺวา สุวณฺณตฎฺฎเกน มธุลาเช ขาทาเปโนฺต สกฺขโรทกํ ปาเยโนฺต ปฎิชคฺคิฯ สกฺกาโร จ มหา อโหสิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา อเหสุํฯ อเถโก วนจรโก กาฬพาหุํ นาเมกํ มหากาฬมกฺกฎํ อาเนตฺวา พาราณสิรโญฺญ อทาสิฯ ตสฺส ปจฺฉา อาคตตฺตา มหนฺตตโร ลาภสกฺกาโร อโหสิ, สุกานํ ปริหายิฯ โพธิสโตฺต ตาทิลกฺขณโยคโต น กิญฺจิ อาห, กนิโฎฺฐ ปนสฺสฺส ตาทิลกฺขณาภาวา ตํ มกฺกฎสฺส สกฺการํ อสหโนฺต ‘‘ภาติก, ปุเพฺพ อิมสฺมิํ ราชกุเล สาธุรสขาทนียาทีนิ อมฺหากเมว เทนฺติ, อิทานิ ปน มยํ น ลภาม, กาฬพาหุมกฺกฎเสฺสว เทนฺติฯ มยํ ธนญฺชยรโญฺญ สนฺติกา ลาภสกฺการํ อลภนฺตา อิมสฺมิํ ฐาเน กิํ กริสฺสาม, เอหิ อรญฺญเมว คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ dhanañjaye rajjaṃ kārente bodhisatto rādho nāma suko ahosi mahāsarīro paripuṇṇagatto, kaniṭṭho panassa poṭṭhapādo nāma. Eko luddako te dvepi jane bandhitvā netvā bārāṇasirañño adāsi. Rājā ubhopi te suvaṇṇapañjare pakkhipitvā suvaṇṇataṭṭakena madhulāje khādāpento sakkharodakaṃ pāyento paṭijaggi. Sakkāro ca mahā ahosi, lābhaggayasaggappattā ahesuṃ. Atheko vanacarako kāḷabāhuṃ nāmekaṃ mahākāḷamakkaṭaṃ ānetvā bārāṇasirañño adāsi. Tassa pacchā āgatattā mahantataro lābhasakkāro ahosi, sukānaṃ parihāyi. Bodhisatto tādilakkhaṇayogato na kiñci āha, kaniṭṭho panasssa tādilakkhaṇābhāvā taṃ makkaṭassa sakkāraṃ asahanto ‘‘bhātika, pubbe imasmiṃ rājakule sādhurasakhādanīyādīni amhākameva denti, idāni pana mayaṃ na labhāma, kāḷabāhumakkaṭasseva denti. Mayaṃ dhanañjayarañño santikā lābhasakkāraṃ alabhantā imasmiṃ ṭhāne kiṃ karissāma, ehi araññameva gantvā vasissāmā’’ti tena saddhiṃ sallapanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๑๓.
113.
‘‘ยํ อนฺนปานสฺส ปุเร ลภาม, ตํ ทานิ สาขมิคเมว คจฺฉติ;
‘‘Yaṃ annapānassa pure labhāma, taṃ dāni sākhamigameva gacchati;
คจฺฉาม ทานิ วนเมว ราธ, อสกฺกตา จสฺม ธนญฺชยายา’’ติฯ
Gacchāma dāni vanameva rādha, asakkatā casma dhanañjayāyā’’ti.
ตตฺถ ยํ อนฺนปานสฺสาติ ยํ อนฺนปานํ อสฺส รโญฺญ สนฺติกาฯ อุปโยคเตฺถ วา สามิวจนํฯ ธนญฺชยายาติ กรณเตฺถ สมฺปทานวจนํ, ธนญฺชเยนฯ อสกฺกตา จสฺมาติ อนฺนปานํ น ลภาม, อิมินา จ น สกฺกตมฺหาติ อโตฺถฯ
Tattha yaṃ annapānassāti yaṃ annapānaṃ assa rañño santikā. Upayogatthe vā sāmivacanaṃ. Dhanañjayāyāti karaṇatthe sampadānavacanaṃ, dhanañjayena. Asakkatā casmāti annapānaṃ na labhāma, iminā ca na sakkatamhāti attho.
ตํ สุตฺวา ราโธ ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā rādho dutiyaṃ gāthamāha –
๑๑๔.
114.
‘‘ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ, นินฺทา ปสํสา จ สุขญฺจ ทุกฺขํ;
‘‘Lābho alābho yaso ayaso ca, nindā pasaṃsā ca sukhañca dukkhaṃ;
เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา, มา โสจิ กิํ โสจสิ โปฎฺฐปาทา’’ติฯ
Ete aniccā manujesu dhammā, mā soci kiṃ socasi poṭṭhapādā’’ti.
ตตฺถ ยโสติ อิสฺสริยปริวาโรฯ อยโสติ ตสฺสาภาโวฯ เอเตติ เอเต อฎฺฐ โลกธมฺมา มนุเชสุ อนิจฺจา, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา หุตฺวาปิ อปเรน สมเยน อปฺปลาภา อปฺปสกฺการา โหนฺติ, นิจฺจลาภิโน นาม น โหนฺติฯ ยสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Tattha yasoti issariyaparivāro. Ayasoti tassābhāvo. Eteti ete aṭṭha lokadhammā manujesu aniccā, lābhaggayasaggappattā hutvāpi aparena samayena appalābhā appasakkārā honti, niccalābhino nāma na honti. Yasādīsupi eseva nayo.
ตํ สุตฺวา โปฎฺฐปาโท มกฺกเฎ อุสูยํ อปเนตุํ อสโกฺกโนฺต ตติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā poṭṭhapādo makkaṭe usūyaṃ apanetuṃ asakkonto tatiyaṃ gāthamāha –
๑๑๕.
115.
‘‘อทฺธา ตุวํ ปณฺฑิตโกสิ ราธ, ชานาสิ อตฺถานิ อนาคตานิ;
‘‘Addhā tuvaṃ paṇḍitakosi rādha, jānāsi atthāni anāgatāni;
กถํ นุ สาขามิคํ ทกฺขิสาม, นิทฺธาวิตํ ราชกุลโตว ชมฺม’’นฺติฯ
Kathaṃ nu sākhāmigaṃ dakkhisāma, niddhāvitaṃ rājakulatova jamma’’nti.
ตตฺถ กถํ นูติ เกน นุ โข อุปาเยนฯ ทกฺขิสามาติ ทกฺขิสฺสามฯ นิทฺธาวิตนฺติ นิวุฎฺฐาปิตํ นิกฺกฑฺฒาปิตํฯ ชมฺมนฺติ ลามกํฯ
Tattha kathaṃ nūti kena nu kho upāyena. Dakkhisāmāti dakkhissāma. Niddhāvitanti nivuṭṭhāpitaṃ nikkaḍḍhāpitaṃ. Jammanti lāmakaṃ.
ตํ สุตฺวา ราโธ จตุตฺถํ คาถมาห –
Taṃ sutvā rādho catutthaṃ gāthamāha –
๑๑๖.
116.
‘‘จาเลติ กณฺณํ ภกุฎิํ กโรติ, มุหุํ มุหุํ ภายยเต กุมาเร;
‘‘Cāleti kaṇṇaṃ bhakuṭiṃ karoti, muhuṃ muhuṃ bhāyayate kumāre;
สยเมว ตํ กาหติ กาฬพาหุ, เยนารกา ฐสฺสติ อนฺนปานา’’ติฯ
Sayameva taṃ kāhati kāḷabāhu, yenārakā ṭhassati annapānā’’ti.
ตตฺถ ภายยเต กุมาเรติ ราชกุมาเร อุตฺราเสติฯ เยนารกา ฐสฺสติ อนฺนปานาติ เยน การเณน อิมมฺหา อนฺนปานา ทูเร ฐสฺสติ, สยเมว ตํ การณํ กริสฺสติ, มา ตฺวํ เอตสฺส จินฺตยีติ อโตฺถฯ
Tattha bhāyayate kumāreti rājakumāre utrāseti. Yenārakā ṭhassati annapānāti yena kāraṇena imamhā annapānā dūre ṭhassati, sayameva taṃ kāraṇaṃ karissati, mā tvaṃ etassa cintayīti attho.
กาฬพาหุปิ กติปาเหเนว ราชกุมารานํ ปุรโต ฐตฺวา กณฺณจลนาทีนิ กโรโนฺต กุมาเร ภายาเปสิฯ เต ภีตตสิตา วิสฺสรมกํสุฯ ราชา ‘‘กิํ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นิกฺกฑฺฒถ น’’นฺติ มกฺกฎํ นิกฺกฑฺฒาเปสิฯ สุกานํ ลาภสกฺกาโร ปุน ปากติโก อโหสิฯ
Kāḷabāhupi katipāheneva rājakumārānaṃ purato ṭhatvā kaṇṇacalanādīni karonto kumāre bhāyāpesi. Te bhītatasitā vissaramakaṃsu. Rājā ‘‘kiṃ eta’’nti pucchitvā tamatthaṃ sutvā ‘‘nikkaḍḍhatha na’’nti makkaṭaṃ nikkaḍḍhāpesi. Sukānaṃ lābhasakkāro puna pākatiko ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาฬพาหุ เทวทโตฺต อโหสิ, โปฎฺฐปาโท อานโนฺท, ราโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kāḷabāhu devadatto ahosi, poṭṭhapādo ānando, rādho pana ahameva ahosi’’nti.
กาฬพาหุชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Kāḷabāhujātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๒๙. กาฬพาหุชาตกํ • 329. Kāḷabāhujātakaṃ