Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๑๑. กลหวิวาทสุตฺตวณฺณนา

    11. Kalahavivādasuttavaṇṇanā

    ๘๖๙. กุโต ปหูตา กลหา วิวาทาติ กลหวิวาทสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อิทมฺปิ ตสฺมิํเยว มหาสมเย ‘‘กุโต นุ, โข, กลหาทโย อฎฺฐ ธมฺมา ปวตฺตนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ เต ธเมฺม อาวิกาตุํ ปุริมนเยเนว นิมฺมิตพุเทฺธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํ ตตฺถ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนกฺกเมน ฐิตตฺตา สพฺพคาถา ปากฎสมฺพนฺธาเยวฯ

    869.Kutopahūtā kalahā vivādāti kalahavivādasuttaṃ. Kā uppatti? Idampi tasmiṃyeva mahāsamaye ‘‘kuto nu, kho, kalahādayo aṭṭha dhammā pavattantī’’ti uppannacittānaṃ ekaccānaṃ devatānaṃ te dhamme āvikātuṃ purimanayeneva nimmitabuddhena attānaṃ pucchāpetvā vuttaṃ tattha pucchāvissajjanakkamena ṭhitattā sabbagāthā pākaṭasambandhāyeva.

    อนุตฺตานปทวณฺณนา ปเนตาสํ เอวํ เวทิตพฺพา – กุโตปหูตา กลหา วิวาทาติ กลโห จ ตสฺส ปุพฺพภาโค วิวาโท จาติ อิเม กุโต ชาตาฯ ปริเทวโสกา สหมจฺฉรา จาติ ปริเทวโสกา จ มจฺฉรา จ กุโตปหูตาฯ มานาติมานา สหเปสุณา จาติ มานา จ อติมานา จ เปสุณา จ กุโตปหูตาฯ เตติ เต สเพฺพปิ อฎฺฐ กิเลสธมฺมาฯ ตทิงฺฆ พฺรูหีติ ตํ มยา ปุจฺฉิตมตฺถํ พฺรูหิ ยาจามิ ตํ อหนฺติฯ ยาจนโตฺถ หิ อิงฺฆาติ นิปาโตฯ

    Anuttānapadavaṇṇanā panetāsaṃ evaṃ veditabbā – kutopahūtā kalahā vivādāti kalaho ca tassa pubbabhāgo vivādo cāti ime kuto jātā. Paridevasokā sahamaccharā cāti paridevasokā ca maccharā ca kutopahūtā. Mānātimānā sahapesuṇā cāti mānā ca atimānā ca pesuṇā ca kutopahūtā. Teti te sabbepi aṭṭha kilesadhammā. Tadiṅgha brūhīti taṃ mayā pucchitamatthaṃ brūhi yācāmi taṃ ahanti. Yācanattho hi iṅghāti nipāto.

    ๘๗๐. ปิยปฺปหูตาติ ปิยวตฺถุโต ชาตาฯ ยุตฺติ ปเนตฺถ นิเทฺทเส (มหานิ. ๙๘) วุตฺตา เอวฯ มเจฺฉรยุตฺตา กลหา วิวาทาติ อิมินา กลหวิวาทาทีนํ น เกวลํ ปิยวตฺถุเมว, มจฺฉริยมฺปิ ปจฺจยํ ทเสฺสติฯ กลหวิวาทสีเสน เจตฺถ สเพฺพปิ เต ธมฺมา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ ยถา จ เอเตสํ มจฺฉริยํ, ตถา เปสุณานญฺจ วิวาทํฯ เตนาห – ‘‘วิวาทชาเตสุ จ เปสุณานี’’ติฯ

    870.Piyappahūtāti piyavatthuto jātā. Yutti panettha niddese (mahāni. 98) vuttā eva. Maccherayuttā kalahā vivādāti iminā kalahavivādādīnaṃ na kevalaṃ piyavatthumeva, macchariyampi paccayaṃ dasseti. Kalahavivādasīsena cettha sabbepi te dhammā vuttāti veditabbā. Yathā ca etesaṃ macchariyaṃ, tathā pesuṇānañca vivādaṃ. Tenāha – ‘‘vivādajātesu ca pesuṇānī’’ti.

    ๘๗๑. ปิยาสุ โลกสฺมิํ กุโตนิทานา เย จาปิ โลภา วิจรนฺติ โลเกติ ‘‘ปิยา ปหูตา กลหา’’ติ เย เอตฺถ วุตฺตาฯ เต ปิยา โลกสฺมิํ กุโตนิทานา, น เกวลญฺจ ปิยา, เย จาปิ ขตฺติยาทโย โลภา วิจรนฺติ โลภเหตุกา โลเภนาภิภูตา วิจรนฺติ, เตสํ โส โลโภ จ กุโตนิทาโนติ เทฺว อเตฺถ เอกาย ปุจฺฉาย ปุจฺฉติฯ อาสา จ นิฎฺฐา จาติ อาสา จ ตสฺสา อาสาย สมิทฺธิ จฯ เย สมฺปรายาย นรสฺส โหนฺตีติ เย นรสฺส สมฺปรายาย โหนฺติ, ปรายนา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอกา เอวายมฺปิ ปุจฺฉาฯ

    871.Piyāsu lokasmiṃ kutonidānā ye cāpi lobhā vicaranti loketi ‘‘piyā pahūtā kalahā’’ti ye ettha vuttā. Te piyā lokasmiṃ kutonidānā, na kevalañca piyā, ye cāpi khattiyādayo lobhā vicaranti lobhahetukā lobhenābhibhūtā vicaranti, tesaṃ so lobho ca kutonidānoti dve atthe ekāya pucchāya pucchati. Āsā ca niṭṭhā cāti āsā ca tassā āsāya samiddhi ca. Ye samparāyāya narassa hontīti ye narassa samparāyāya honti, parāyanā hontīti vuttaṃ hoti. Ekā evāyampi pucchā.

    ๘๗๒. ฉนฺทานิทานานีติ กามจฺฉนฺทาทิฉนฺทนิทานานิฯ เย จาปิ โลภา วิจรนฺตีติ เย จาปิ ขตฺติยาทโย โลภา วิจรนฺติ เตสํ โลโภปิ ฉนฺทนิทาโนติ เทฺวปิ อเตฺถ เอกโต วิสฺสเชฺชติฯ อิโตนิทานาติ ฉนฺทนิทานา เอวาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘กุโตนิทานา กุโตนิทานา’’ติ (สุ. นิ. ๒๗๓) เอเตสุ จ สทฺทสิทฺธิ สูจิโลมสุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ

    872.Chandānidānānīti kāmacchandādichandanidānāni. Ye cāpi lobhā vicarantīti ye cāpi khattiyādayo lobhā vicaranti tesaṃ lobhopi chandanidānoti dvepi atthe ekato vissajjeti. Itonidānāti chandanidānā evāti vuttaṃ hoti. ‘‘Kutonidānā kutonidānā’’ti (su. ni. 273) etesu ca saddasiddhi sūcilomasutte vuttanayeneva veditabbā.

    ๘๗๓. วินิจฺฉยาติ ตณฺหาทิฎฺฐิวินิจฺฉยาฯ เย วาปิ ธมฺมา สมเณน วุตฺตาติ เย จ อเญฺญปิ โกธาทีหิ สมฺปยุตฺตา, ตถารูปา วา อกุสลา ธมฺมา พุทฺธสมเณน วุตฺตา, เต กุโตปหูตาติฯ

    873.Vinicchayāti taṇhādiṭṭhivinicchayā. Ye vāpi dhammā samaṇena vuttāti ye ca aññepi kodhādīhi sampayuttā, tathārūpā vā akusalā dhammā buddhasamaṇena vuttā, te kutopahūtāti.

    ๘๗๔. ตมูปนิสฺสาย ปโหติ ฉโนฺทติ ตํ สุขทุกฺขเวทนํฯ ตทุภยวตฺถุสงฺขาตํ สาตาสาตํ อุปนิสฺสาย สํโยควิโยคปตฺถนาวเสน ฉโนฺท ปโหติฯ เอตฺตาวตา ‘‘ฉโนฺท นุ โลกสฺมิํ กุโตนิทาโน’’ติ อยํ ปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ รูเปสุ ทิสฺวา วิภวํ ภวญฺจาติ รูเปสุ วยญฺจ อุปฺปาทญฺจ ทิสฺวาฯ วินิจฺฉยํ กุพฺพติ ชนฺตุ โลเกติ อปายาทิเก โลเก อยํ ชนฺตุ โภคาธิคมนตฺถํ ตณฺหาวินิจฺฉยํ ‘‘อตฺตา เม อุปฺปโนฺน’’ติอาทินา นเยน ทิฎฺฐิวินิจฺฉยญฺจ กุรุเตฯ ยุตฺติ ปเนตฺถ นิเทฺทเส (มหานิ. ๑๐๒) วุตฺตา เอวฯ เอตฺตาวตา ‘‘วินิจฺฉยา จาปิ กุโตปหูตา’’ติ อยํ ปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ

    874.Tamūpanissāya pahoti chandoti taṃ sukhadukkhavedanaṃ. Tadubhayavatthusaṅkhātaṃ sātāsātaṃ upanissāya saṃyogaviyogapatthanāvasena chando pahoti. Ettāvatā ‘‘chando nu lokasmiṃ kutonidāno’’ti ayaṃ pañho vissajjito hoti. Rūpesu disvā vibhavaṃ bhavañcāti rūpesu vayañca uppādañca disvā. Vinicchayaṃ kubbati jantu loketi apāyādike loke ayaṃ jantu bhogādhigamanatthaṃ taṇhāvinicchayaṃ ‘‘attā me uppanno’’tiādinā nayena diṭṭhivinicchayañca kurute. Yutti panettha niddese (mahāni. 102) vuttā eva. Ettāvatā ‘‘vinicchayā cāpi kutopahūtā’’ti ayaṃ pañho vissajjito hoti.

    ๘๗๕. เอเตปิ ธมฺมา ทฺวยเมว สเนฺตติ เอเตปิ โกธาทโย ธมฺมา สาตาสาตทฺวเย สเนฺต เอว ปโหนฺติ อุปฺปชฺชนฺติฯ อุปฺปตฺติ จ เนสํ นิเทฺทเส (มหานิ. ๑๐๓) วุตฺตาเยวฯ เอตฺตาวตา ตติยปโญฺหปิ วิสฺสชฺชิโต โหติฯ อิทานิ โย เอวํ วิสฺสชฺชิเตสุ เอเตสุ ปเญฺหสุ กถํกถี ภเวยฺย, ตสฺส กถํกถาปหานูปายํ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘กถํกถี ญาณปถาย สิเกฺข’’ติ, ญาณทสฺสนญาณาธิคมนตฺถํ ติโสฺส สิกฺขา สิเกฺขยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ กิํ การณํ? ญตฺวา ปวุตฺตา สมเณน ธมฺมาฯ พุทฺธสมเณน หิ ญตฺวาว ธมฺมา วุตฺตา, นตฺถิ ตสฺส ธเมฺมสุ อญฺญาณํฯ อตฺตโน ปน ญาณาภาเวน เต อชานโนฺต น ชาเนยฺย, น เทสนา โทเสน, ตสฺมา กถํกถี ญาณปถาย สิเกฺข, ญตฺวา ปวุตฺตา สมเณน ธมฺมาติฯ

    875.Etepi dhammā dvayameva santeti etepi kodhādayo dhammā sātāsātadvaye sante eva pahonti uppajjanti. Uppatti ca nesaṃ niddese (mahāni. 103) vuttāyeva. Ettāvatā tatiyapañhopi vissajjito hoti. Idāni yo evaṃ vissajjitesu etesu pañhesu kathaṃkathī bhaveyya, tassa kathaṃkathāpahānūpāyaṃ dassento āha – ‘‘kathaṃkathī ñāṇapathāya sikkhe’’ti, ñāṇadassanañāṇādhigamanatthaṃ tisso sikkhā sikkheyyāti vuttaṃ hoti. Kiṃ kāraṇaṃ? Ñatvā pavuttā samaṇena dhammā. Buddhasamaṇena hi ñatvāva dhammā vuttā, natthi tassa dhammesu aññāṇaṃ. Attano pana ñāṇābhāvena te ajānanto na jāneyya, na desanā dosena, tasmā kathaṃkathī ñāṇapathāya sikkhe, ñatvā pavuttā samaṇena dhammāti.

    ๘๗๖-๗. สาตํ อสาตญฺจ กุโตนิทานาติ เอตฺถ สาตํ อสาตนฺติ สุขทุกฺขเวทนา เอว อธิเปฺปตาฯ น ภวนฺติ เหเตติ น ภวนฺติ เอเตฯ วิภวํ ภวญฺจาปิ ยเมตมตฺถํ เอตํ เม ปพฺรูหิ ยโตนิทานนฺติ สาตาสาตานํ วิภวํ ภวญฺจ เอตมฺปิ ยํ อตฺถํฯ ลิงฺคพฺยตฺตโย เอตฺถ กโตฯ อิทํ ปน วุตฺตํ โหติ – สาตาสาตานํ วิภโว ภโว จาติ โย เอส อโตฺถ, เอวํ เม ปพฺรูหิ ยโตนิทานนฺติฯ เอตฺถ จ สาตาสาตานํ วิภวภววตฺถุกา วิภวภวทิฎฺฐิโย เอว วิภวภวาติ อตฺถโต เวทิตพฺพาฯ ตถา หิ อิมสฺส ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชนปเกฺข ‘‘ภวทิฎฺฐิปิ ผสฺสนิทานา, วิภวทิฎฺฐิปิ ผสฺสนิทานา’’ติ นิเทฺทเส (มหานิ. ๑๐๕) วุตฺตํฯ อิโตนิทานนฺติ ผสฺสนิทานํฯ

    876-7.Sātaṃasātañca kutonidānāti ettha sātaṃ asātanti sukhadukkhavedanā eva adhippetā. Na bhavanti heteti na bhavanti ete. Vibhavaṃ bhavañcāpi yametamatthaṃ etaṃ me pabrūhi yatonidānanti sātāsātānaṃ vibhavaṃ bhavañca etampi yaṃ atthaṃ. Liṅgabyattayo ettha kato. Idaṃ pana vuttaṃ hoti – sātāsātānaṃ vibhavo bhavo cāti yo esa attho, evaṃ me pabrūhi yatonidānanti. Ettha ca sātāsātānaṃ vibhavabhavavatthukā vibhavabhavadiṭṭhiyo eva vibhavabhavāti atthato veditabbā. Tathā hi imassa pañhassa vissajjanapakkhe ‘‘bhavadiṭṭhipi phassanidānā, vibhavadiṭṭhipi phassanidānā’’ti niddese (mahāni. 105) vuttaṃ. Itonidānanti phassanidānaṃ.

    ๘๗๘. กิสฺมิํ วิภูเต น ผุสนฺติ ผสฺสาติ กิสฺมิํ วีติวเตฺต จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ปญฺจ ผสฺสา น ผุสนฺติฯ

    878.Kismiṃ vibhūte na phusanti phassāti kismiṃ vītivatte cakkhusamphassādayo pañca phassā na phusanti.

    ๘๗๙. นามญฺจ รูปญฺจ ปฎิจฺจาติ สมฺปยุตฺตกนามํ วตฺถารมฺมณรูปญฺจ ปฎิจฺจฯ รูเป วิภูเต น ผุสนฺติ ผสฺสาติ รูเป วีติวเตฺต ปญฺจ ผสฺสา น ผุสนฺติฯ

    879.Nāmañca rūpañca paṭiccāti sampayuttakanāmaṃ vatthārammaṇarūpañca paṭicca. Rūpe vibhūte na phusanti phassāti rūpe vītivatte pañca phassā na phusanti.

    ๘๘๐. กถํ สเมตสฺสาติ กถํ ปฎิปนฺนสฺสฯ วิโภติ รูปนฺติ รูป วิภวติ, น ภเวยฺย วาฯ สุขํ ทุขญฺจาติ อิฎฺฐานิฎฺฐํ รูปเมว ปุจฺฉติฯ

    880.Kathaṃ sametassāti kathaṃ paṭipannassa. Vibhoti rūpanti rūpa vibhavati, na bhaveyya vā. Sukhaṃ dukhañcāti iṭṭhāniṭṭhaṃ rūpameva pucchati.

    ๘๘๑. น สญฺญสญฺญีติ ยถา สเมตสฺส วิโภติ รูปํ, โส ปกติสญฺญาย สญฺญีปิ น โหติฯ น วิสญฺญสญฺญีติ วิสญฺญายปิ วิรูปาย สญฺญาย สญฺญี น โหติ อุมฺมตฺตโก วา ขิตฺตจิโตฺต วาฯ โนปิ อสญฺญีติ สญฺญาวิรหิโตปิ น โหติ นิโรธสมาปโนฺน วา อสญฺญสโตฺต วาฯ น วิภูตสญฺญีติ ‘‘สพฺพโส รูปสญฺญาน’’นฺติอาทินา (ธ ส. ๒๖๕; วิภ. ๖๐๒) นเยน สมติกฺกนฺตสญฺญีปิ น โหติ อรูปชฺฌานลาภีฯ เอวํ สเมตสฺส วิโภติ รูปนฺติ เอตสฺมิํ สญฺญสญฺญิตาทิภาเว อฎฺฐตฺวา ยเทตํ วุตฺตํ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต…เป.… อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติปฎิลาภตฺถาย จิตฺตํ อภินีหรตี’’ติฯ เอวํ สเมตสฺส อรูปมคฺคสมงฺคิโน วิโภติ รูปํฯ สญฺญานิทานา หิ ปปญฺจสงฺขาติ เอวํ ปฎิปนฺนสฺสาปิ ยา สญฺญา, ตนฺนิทานา ตณฺหาทิฎฺฐิปปญฺจา อปฺปหีนา เอว โหนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    881.Na saññasaññīti yathā sametassa vibhoti rūpaṃ, so pakatisaññāya saññīpi na hoti. Na visaññasaññīti visaññāyapi virūpāya saññāya saññī na hoti ummattako vā khittacitto vā. Nopi asaññīti saññāvirahitopi na hoti nirodhasamāpanno vā asaññasatto vā. Na vibhūtasaññīti ‘‘sabbaso rūpasaññāna’’ntiādinā (dha sa. 265; vibha. 602) nayena samatikkantasaññīpi na hoti arūpajjhānalābhī. Evaṃ sametassa vibhoti rūpanti etasmiṃ saññasaññitādibhāve aṭṭhatvā yadetaṃ vuttaṃ ‘‘so evaṃ samāhite citte…pe… ākāsānañcāyatanasamāpattipaṭilābhatthāya cittaṃ abhinīharatī’’ti. Evaṃ sametassa arūpamaggasamaṅgino vibhoti rūpaṃ. Saññānidānā hi papañcasaṅkhāti evaṃ paṭipannassāpi yā saññā, tannidānā taṇhādiṭṭhipapañcā appahīnā eva hontīti dasseti.

    ๘๘๒-๓. เอตฺตาวตคฺคํ นุ วทนฺติ, เหเก ยกฺขสฺส สุทฺธิํ อิธ ปณฺฑิตาเสอุทาหุ อญฺญมฺปิ วทนฺติ เอโตฺตติ เอตฺตาวตา นุ อิธ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อคฺคํ สุทฺธิํ สตฺตสฺส วทนฺติ, อุทาหุ อญฺญมฺปิ เอโตฺต อรูปสมาปตฺติโต อธิกํ วทนฺตีติ ปุจฺฉติฯ เอตฺตาวตคฺคมฺปิ วทนฺติ เหเกติ เอเก สสฺสตวาทา สมณพฺราหฺมณา ปณฺฑิตมานิโน เอตฺตาวตาปิ อคฺคํ สุทฺธิํ วทนฺติฯ เตสํ ปเนเก สมยํ วทนฺตีติ เตสํเยว เอเก อุเจฺฉทวาทา สมยํ อุเจฺฉทํ วทนฺติฯ อนุปาทิเสเส กุสลา วทานาติ อนุปาทิเสเส กุสลวาทา สมานาฯ

    882-3.Ettāvataggaṃnu vadanti, heke yakkhassa suddhiṃ idha paṇḍitāse. Udāhu aññampi vadantiettoti ettāvatā nu idha paṇḍitā samaṇabrāhmaṇā aggaṃ suddhiṃ sattassa vadanti, udāhu aññampi etto arūpasamāpattito adhikaṃ vadantīti pucchati. Ettāvataggampi vadanti heketi eke sassatavādā samaṇabrāhmaṇā paṇḍitamānino ettāvatāpi aggaṃ suddhiṃ vadanti. Tesaṃ paneke samayaṃ vadantīti tesaṃyeva eke ucchedavādā samayaṃ ucchedaṃ vadanti. Anupādisese kusalā vadānāti anupādisese kusalavādā samānā.

    ๘๘๔. เอเต จ ญตฺวา อุปนิสฺสิตาติ เอเต จ ทิฎฺฐิคติเก สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐิโย นิสฺสิตาติ ญตฺวาฯ ญตฺวา มุนี นิสฺสเย โส วิมํสีติ นิสฺสเย จ ญตฺวา โส วีมํสี ปณฺฑิโต พุทฺธมุนิฯ ญตฺวา วิมุโตฺตติ ทุกฺขานิจฺจาทิโต ธเมฺม ญตฺวา วิมุโตฺตฯ ภวาภวาย น สเมตีติ ปุนปฺปุนํ อุปปตฺติยา น สมาคจฺฉตีติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุเตฺต วุตฺตสทิโสเยวาภิสมโย อโหสีติฯ

    884.Eteca ñatvā upanissitāti ete ca diṭṭhigatike sassatucchedadiṭṭhiyo nissitāti ñatvā. Ñatvā munī nissaye so vimaṃsīti nissaye ca ñatvā so vīmaṃsī paṇḍito buddhamuni. Ñatvā vimuttoti dukkhāniccādito dhamme ñatvā vimutto. Bhavābhavāya na sametīti punappunaṃ upapattiyā na samāgacchatīti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne purābhedasutte vuttasadisoyevābhisamayo ahosīti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย กลหวิวาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya kalahavivādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑๑. กลหวิวาทสุตฺตํ • 11. Kalahavivādasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact