Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๘๓] ๓. กาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา
[83] 3. Kāḷakaṇṇijātakavaṇṇanā
มิโตฺต หเว สตฺตปเทน โหตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ อนาถปิณฺฑิกสฺส มิตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร อนาถปิณฺฑิเกน สทฺธิํ สหปํสุกีฬิโก เอกาจริยเสฺสว สนฺติเก อุคฺคหิตสิโปฺป นาเมน กาฬกณฺณี นามฯ โส คจฺฉเนฺต กาเล ทุคฺคโต หุตฺวา ชีวิตุํ อสโกฺกโนฺต เสฎฺฐิสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ โส ตํ สมสฺสาเสตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา อตฺตโน กุฎุมฺพํ ปฎิจฺฉาเปสิฯ โส เสฎฺฐิโน อุปการโก หุตฺวา สพฺพกิจฺจานิ กโรติฯ ตํ เสฎฺฐิสฺส สนฺติกํ อาคตกาเล ‘‘ติฎฺฐ, กาฬกณฺณิ, นิสีท, กาฬกณฺณิ, ภุญฺช กาฬกณฺณี’’ติ วทนฺติฯ อเถกทิวสํ เสฎฺฐิโน มิตฺตามจฺจา เสฎฺฐิํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ ‘‘มหาเสฎฺฐิ, มา เอตํ ตว สนฺติเก กริ, ‘ติฎฺฐ, กาฬกณฺณิ, นิสีท กาฬกณฺณิ, ภุญฺช กาฬกณฺณี’ติ หิ อิมินา สเทฺทน ยโกฺขปิ ปลาเยยฺย, น เจส ตยา สมาโน, ทุคฺคโต ทุรูเปโต, กิํ เต อิมินา’’ติฯ อนาถปิณฺฑิโก ‘‘นามํ นาม โวหารมตฺตํ, น ตํ ปณฺฑิตา ปมาณํ กโรนฺติ, สุตมงฺคลิเกน นาม ภวิตุํ น วฎฺฎติ, น สกฺกา มยา นามมตฺตํ นิสฺสาย สหปํสุกีฬิกํ สหายํ ปริจฺจชิตุ’’นฺติ เตสํ วจนํ อนาทาย เอกทิวสํ อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉโนฺต ตํ เคหรกฺขกํ กตฺวา อคมาสิฯ
Mittohave sattapadena hotīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ anāthapiṇḍikassa mittaṃ ārabbha kathesi. So kira anāthapiṇḍikena saddhiṃ sahapaṃsukīḷiko ekācariyasseva santike uggahitasippo nāmena kāḷakaṇṇī nāma. So gacchante kāle duggato hutvā jīvituṃ asakkonto seṭṭhissa santikaṃ agamāsi. So taṃ samassāsetvā paribbayaṃ datvā attano kuṭumbaṃ paṭicchāpesi. So seṭṭhino upakārako hutvā sabbakiccāni karoti. Taṃ seṭṭhissa santikaṃ āgatakāle ‘‘tiṭṭha, kāḷakaṇṇi, nisīda, kāḷakaṇṇi, bhuñja kāḷakaṇṇī’’ti vadanti. Athekadivasaṃ seṭṭhino mittāmaccā seṭṭhiṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu ‘‘mahāseṭṭhi, mā etaṃ tava santike kari, ‘tiṭṭha, kāḷakaṇṇi, nisīda kāḷakaṇṇi, bhuñja kāḷakaṇṇī’ti hi iminā saddena yakkhopi palāyeyya, na cesa tayā samāno, duggato durūpeto, kiṃ te iminā’’ti. Anāthapiṇḍiko ‘‘nāmaṃ nāma vohāramattaṃ, na taṃ paṇḍitā pamāṇaṃ karonti, sutamaṅgalikena nāma bhavituṃ na vaṭṭati, na sakkā mayā nāmamattaṃ nissāya sahapaṃsukīḷikaṃ sahāyaṃ pariccajitu’’nti tesaṃ vacanaṃ anādāya ekadivasaṃ attano bhogagāmaṃ gacchanto taṃ geharakkhakaṃ katvā agamāsi.
โจรา ‘‘เสฎฺฐิ กิร โภคคามํ คโต, เคหมสฺส วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ นานาวุธหตฺถา รตฺติภาเค อาคนฺตฺวา เคหํ ปริวาเรสุํฯ อิตโรปิ โจรานเญฺญว อาคมนํ อาสงฺกมาโน อนิทฺทายโนฺตว นิสีทิฯ โส โจรานํ อาคตภาวํ ญตฺวา มนุเสฺส ปโพเธตุํ ‘‘ตฺวํ สงฺขํ ธม, ตฺวํ มุทิงฺคํ วาเทหี’’ติ มหาสมชฺชํ กโรโนฺต วิย สกลนิเวสนํ เอกสทฺทํ กาเรสิฯ โจรา ‘‘สุญฺญํ เคหนฺติ ทุสฺสุตํ อเมฺหหิ, อเตฺถว อิธ มหาเสฎฺฐี’’ติ ปาสาณมุคฺคราทีนิ ตเตฺถว ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิํสุฯ
Corā ‘‘seṭṭhi kira bhogagāmaṃ gato, gehamassa vilumpissāmā’’ti nānāvudhahatthā rattibhāge āgantvā gehaṃ parivāresuṃ. Itaropi corānaññeva āgamanaṃ āsaṅkamāno aniddāyantova nisīdi. So corānaṃ āgatabhāvaṃ ñatvā manusse pabodhetuṃ ‘‘tvaṃ saṅkhaṃ dhama, tvaṃ mudiṅgaṃ vādehī’’ti mahāsamajjaṃ karonto viya sakalanivesanaṃ ekasaddaṃ kāresi. Corā ‘‘suññaṃ gehanti dussutaṃ amhehi, attheva idha mahāseṭṭhī’’ti pāsāṇamuggarādīni tattheva chaḍḍetvā palāyiṃsu.
ปุนทิวเส มนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺฑิเต ปาสาณมุคฺคราทโย ทิสฺวา สํเวคปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘สเจ อชฺช เอวรูโป พุทฺธิสมฺปโนฺน ฆรวิจารโก นาภวิสฺส, โจเรหิ ยถารุจิยา ปวิสิตฺวา สพฺพํ เคหํ วิลุตฺตํ อสฺส, อิมํ ทฬฺหมิตฺตํ นิสฺสาย เสฎฺฐิโน วุฑฺฒิ ชาตา’’ติ ตํ ปสํสิตฺวา เสฎฺฐิสฺส โภคคามโต อาคตกาเล สพฺพํ ตํ ปวตฺติํ อาโรจยิํสุฯ อถ เน เสฎฺฐิ อโวจ ‘‘ตุเมฺห เอวรูปํ มม เคหรกฺขกํ มิตฺตํ นิกฺกฑฺฒาเปถ, สจายํ ตุมฺหากํ วจเนน มยา นิกฺกฑฺฒิโต อสฺส, อชฺช เม กุฎุมฺพํ กิญฺจิ นาภวิสฺส, นามํ นาม อปฺปมาณํ, หิตจิตฺตเมว ปมาณ’’นฺติ ตสฺส อุตฺตริตรํ ปริพฺพยํ ทตฺวา ‘‘อตฺถิ ทานิ เม อิทํ กถาปาภต’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฎฺฐาย สพฺพํ ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘น โข, คหปติ, อิทาเนว กาฬกณฺณิมิโตฺต อตฺตโน มิตฺตสฺส ฆเร กุฎุมฺพํ รกฺขติ, ปุเพฺพปิ รกฺขิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Punadivase manussā tattha tattha chaḍḍite pāsāṇamuggarādayo disvā saṃvegappattā hutvā ‘‘sace ajja evarūpo buddhisampanno gharavicārako nābhavissa, corehi yathāruciyā pavisitvā sabbaṃ gehaṃ viluttaṃ assa, imaṃ daḷhamittaṃ nissāya seṭṭhino vuḍḍhi jātā’’ti taṃ pasaṃsitvā seṭṭhissa bhogagāmato āgatakāle sabbaṃ taṃ pavattiṃ ārocayiṃsu. Atha ne seṭṭhi avoca ‘‘tumhe evarūpaṃ mama geharakkhakaṃ mittaṃ nikkaḍḍhāpetha, sacāyaṃ tumhākaṃ vacanena mayā nikkaḍḍhito assa, ajja me kuṭumbaṃ kiñci nābhavissa, nāmaṃ nāma appamāṇaṃ, hitacittameva pamāṇa’’nti tassa uttaritaraṃ paribbayaṃ datvā ‘‘atthi dāni me idaṃ kathāpābhata’’nti satthu santikaṃ gantvā ādito paṭṭhāya sabbaṃ taṃ pavattiṃ ārocesi. Satthā ‘‘na kho, gahapati, idāneva kāḷakaṇṇimitto attano mittassa ghare kuṭumbaṃ rakkhati, pubbepi rakkhiyevā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต มหายโส เสฎฺฐิ อโหสิฯ ตสฺส กาฬกณฺณี นาม มิโตฺตติ สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมวฯ โพธิสโตฺต โภคคามโต อาคโต ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ‘‘สเจ มยา ตุมฺหากํ วจเนน เอวรูโป มิโตฺต นิกฺกฑฺฒิโต อสฺส, อชฺช เม กุฎุมฺพํ กิญฺจิ นาภวิสฺสา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto mahāyaso seṭṭhi ahosi. Tassa kāḷakaṇṇī nāma mittoti sabbaṃ paccuppannavatthusadisameva. Bodhisatto bhogagāmato āgato taṃ pavattiṃ sutvā ‘‘sace mayā tumhākaṃ vacanena evarūpo mitto nikkaḍḍhito assa, ajja me kuṭumbaṃ kiñci nābhavissā’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –
๘๓.
83.
‘‘มิโตฺต หเว สตฺตปเทน โหติ, สหาโย ปน ทฺวาทสเกน โหติ;
‘‘Mitto have sattapadena hoti, sahāyo pana dvādasakena hoti;
มาสฑฺฒมาเสน จ ญาติ โหติ, ตตุตฺตริํ อตฺตสโมปิ โหติ;
Māsaḍḍhamāsena ca ñāti hoti, tatuttariṃ attasamopi hoti;
โสหํ กถํ อตฺตสุขสฺส เหตุ, จิรสนฺถุตํ กาฬกณฺณิํ ชเหยฺย’’นฺติฯ
Sohaṃ kathaṃ attasukhassa hetu, cirasanthutaṃ kāḷakaṇṇiṃ jaheyya’’nti.
ตตฺถ หเวติ นิปาตมตฺตํฯ เมตฺตายตีติ มิโตฺต, เมตฺตํ ปจฺจุปฎฺฐาเปติ, สิเนหํ กโรตีติ อโตฺถฯ โส ปเนส สตฺตปเทน โหติ, เอกโต สตฺตปทวีติหารคมนมเตฺตน โหตีติ อโตฺถฯ สหาโย ปน ทฺวาทสเกน โหตีติ สพฺพกิจฺจานิ เอกโต กรณวเสน สพฺพิริยาปเถสุ สห คจฺฉตีติ สหาโยฯ โส ปเนส ทฺวาทสเกน โหติ, ทฺวาทสาหํ เอกโต นิวาเสน โหตีติ อโตฺถฯ มาสฑฺฒมาเสน จาติ มาเสน วา อฑฺฒมาเสน วาฯ ญาติ โหตีติ ญาติสโม โหติฯ ตตุตฺตรินฺติ ตโต อุตฺตริํ เอกโต วาเสน อตฺตสโมปิ โหติเยวฯ ชเหยฺยนฺติ ‘‘เอวรูปํ สหายํ กถํ ชเหยฺย’’นฺติ มิตฺตสฺส คุณํ กเถสิฯ ตโต ปฎฺฐาย ปุน โกจิ ตสฺส อนฺตเร วตฺตา นาม นาโหสีติฯ
Tattha haveti nipātamattaṃ. Mettāyatīti mitto, mettaṃ paccupaṭṭhāpeti, sinehaṃ karotīti attho. So panesa sattapadena hoti, ekato sattapadavītihāragamanamattena hotīti attho. Sahāyo pana dvādasakena hotīti sabbakiccāni ekato karaṇavasena sabbiriyāpathesu saha gacchatīti sahāyo. So panesa dvādasakena hoti, dvādasāhaṃ ekato nivāsena hotīti attho. Māsaḍḍhamāsena cāti māsena vā aḍḍhamāsena vā. Ñāti hotīti ñātisamo hoti. Tatuttarinti tato uttariṃ ekato vāsena attasamopi hotiyeva. Jaheyyanti ‘‘evarūpaṃ sahāyaṃ kathaṃ jaheyya’’nti mittassa guṇaṃ kathesi. Tato paṭṭhāya puna koci tassa antare vattā nāma nāhosīti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาฬกณฺณี อานโนฺท อโหสิ, พาราณสิเสฎฺฐิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kāḷakaṇṇī ānando ahosi, bārāṇasiseṭṭhi pana ahameva ahosi’’nti.
กาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Kāḷakaṇṇijātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๘๓. กาลกณฺณิชาตกํ • 83. Kālakaṇṇijātakaṃ