Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๔. กาฬการามสุตฺตวณฺณนา

    4. Kāḷakārāmasuttavaṇṇanā

    ๒๔. จตุตฺถํ อตฺถุปฺปตฺติยํ นิกฺขิตฺตํฯ กตราย อตฺถุปฺปตฺติยนฺติ? ทสพลคุณกถายฯ อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ธีตา จูฬสุภทฺทา ‘‘สาเกตนคเร กาฬกเสฎฺฐิปุตฺตสฺส เคหํ คจฺฉิสฺสามี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภเนฺต, อหํ มิจฺฉาทิฎฺฐิกกุลํ คจฺฉามิฯ สเจ ตตฺถ สกฺการํ ลภิสฺสามิ, เอกสฺมิํ ปุริเส เปสิยมาเน ปปโญฺจ ภวิสฺสติ, มํ อาวเชฺชยฺยาถ ภควา’’ติ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา อคมาสิฯ เสฎฺฐิ ‘‘สุณิสา เม อาคตา’’ติ มงฺคลํ กโรโนฺตว พหุํ ขาทนียโภชนียํ ปฎิยาเทตฺวา ปญฺจ อเจลกสตานิ นิมเนฺตสิฯ โส เตสุ นิสิเนฺนสุ ‘‘ธีตา เม อาคนฺตฺวา อรหเนฺต วนฺทตู’’ติ จูฬสุภทฺทาย เปเสสิฯ อาคตผลา อริยสาวิกา อรหเนฺตติ วุตฺตมเตฺตเยว ‘‘ลาภา วต เม’’ติ อุฎฺฐหิตฺวา คตา เต นิสฺสิริกทสฺสเน อเจลเก ทิสฺวาว ‘‘สมณา นาม น เอวรูปา โหนฺติ, ตาต, เยสํ เนว อชฺฌตฺตํ หิรี, น พหิทฺธา โอตฺตปฺปํ อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘น อิเม สมณา, ธีธี’’ติ เขฬํ ปาเตตฺวา นิวตฺติตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานเมว คตาฯ

    24. Catutthaṃ atthuppattiyaṃ nikkhittaṃ. Katarāya atthuppattiyanti? Dasabalaguṇakathāya. Anāthapiṇḍikassa kira dhītā cūḷasubhaddā ‘‘sāketanagare kāḷakaseṭṭhiputtassa gehaṃ gacchissāmī’’ti satthāraṃ upasaṅkamitvā, ‘‘bhante, ahaṃ micchādiṭṭhikakulaṃ gacchāmi. Sace tattha sakkāraṃ labhissāmi, ekasmiṃ purise pesiyamāne papañco bhavissati, maṃ āvajjeyyātha bhagavā’’ti paṭiññaṃ gahetvā agamāsi. Seṭṭhi ‘‘suṇisā me āgatā’’ti maṅgalaṃ karontova bahuṃ khādanīyabhojanīyaṃ paṭiyādetvā pañca acelakasatāni nimantesi. So tesu nisinnesu ‘‘dhītā me āgantvā arahante vandatū’’ti cūḷasubhaddāya pesesi. Āgataphalā ariyasāvikā arahanteti vuttamatteyeva ‘‘lābhā vata me’’ti uṭṭhahitvā gatā te nissirikadassane acelake disvāva ‘‘samaṇā nāma na evarūpā honti, tāta, yesaṃ neva ajjhattaṃ hirī, na bahiddhā ottappaṃ atthī’’ti vatvā ‘‘na ime samaṇā, dhīdhī’’ti kheḷaṃ pātetvā nivattitvā attano vasanaṭṭhānameva gatā.

    ตโต อเจลกา ‘‘มหาเสฎฺฐิ กุโต เต เอวรูปา กาลกณฺณี ลทฺธา, กิํ สกลชมฺพุทีเป อญฺญา ทาริกา นตฺถี’’ติ เสฎฺฐิํ ปริภาสิํสุฯ โส ‘‘อาจริยา ชานิตฺวา วา กตํ โหตุ อชานิตฺวา วา, อหเมตฺถ ชานิสฺสามี’’ติ อเจลเก อุโยฺยเชตฺวา สุภทฺทาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, กสฺมา เอวรูปํ อกาสิ, กสฺมา อรหเนฺต ลชฺชาเปสี’’ติ อาหฯ ตาต, อรหนฺตา นาม เอวรูปา น โหนฺตีติฯ อถ นํ โส อาห –

    Tato acelakā ‘‘mahāseṭṭhi kuto te evarūpā kālakaṇṇī laddhā, kiṃ sakalajambudīpe aññā dārikā natthī’’ti seṭṭhiṃ paribhāsiṃsu. So ‘‘ācariyā jānitvā vā kataṃ hotu ajānitvā vā, ahamettha jānissāmī’’ti acelake uyyojetvā subhaddāya santikaṃ gantvā ‘‘amma, kasmā evarūpaṃ akāsi, kasmā arahante lajjāpesī’’ti āha. Tāta, arahantā nāma evarūpā na hontīti. Atha naṃ so āha –

    ‘‘กีทิสา สมณา ตุยฺหํ, พาฬฺหํ โข เน ปสํสสิ;

    ‘‘Kīdisā samaṇā tuyhaṃ, bāḷhaṃ kho ne pasaṃsasi;

    กิํสีลา กิํสมาจารา, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติฯ

    Kiṃsīlā kiṃsamācārā, taṃ me akkhāhi pucchitā’’ti.

    สา อาห –

    Sā āha –

    ‘‘สนฺตินฺทฺริยา สนฺตมนา, สนฺตเตชา คุณมคฺคสณฺฐิตา;

    ‘‘Santindriyā santamanā, santatejā guṇamaggasaṇṭhitā;

    โอกฺขิตฺตจกฺขู มิตภาณี, ตาทิสา สมณา มมฯ

    Okkhittacakkhū mitabhāṇī, tādisā samaṇā mama.

    ‘‘วสนฺติ วนโมคยฺห, นาโค เฉตฺวาว พนฺธนํ;

    ‘‘Vasanti vanamogayha, nāgo chetvāva bandhanaṃ;

    เอกกิยา อทุติยา, ตาทิสา สมณา มมา’’ติฯ

    Ekakiyā adutiyā, tādisā samaṇā mamā’’ti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา เสฎฺฐิสฺส ปุเร ฐตฺวา ติณฺณํ รตนานํ คุณํ กเถสิฯ เสฎฺฐิ ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ยทิ เอวํ, ตว สมเณ อาเนตฺวา มงฺคลํ กโรมา’’ติฯ สา ปุจฺฉิ ‘‘กทา กริสฺสถ, ตาตา’’ติฯ เสฎฺฐิ จิเนฺตสิ – ‘‘กติปาหจฺจเยนาติ วุเตฺต เปเสตฺวา ปโกฺกสาเปยฺยา’’ติฯ อถ นํ ‘‘เสฺว อมฺมา’’ติ อาหฯ สา สายนฺหสมเย อุปริปาสาทํ อารุยฺห มหนฺตํ ปุปฺผสมุคฺคํ คเหตฺวา สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริตฺวา อฎฺฐ ปุปฺผมุฎฺฐิโย ทสพลสฺส วิสฺสเชฺชตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห นมสฺสมานา อฎฺฐาสิฯ เอวญฺจ อวจ – ‘‘ภควา เสฺว ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติฯ ตานิ ปุปฺผานิ คนฺตฺวา ทสพลสฺส มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฎฺฐํสุฯ สตฺถา อาวเชฺชโนฺต ตํ การณํ อทฺทสฯ ธมฺมเทสนาปริโยสาเน อนาถปิณฺฑิกมหาเสฎฺฐิ ทสพลํ วนฺทิตฺวา ‘‘เสฺว, ภเนฺต, ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ มม เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาหฯ จูฬสุภทฺทาย นิมนฺติตมฺห เสฎฺฐีติฯ น, ภเนฺต, กญฺจิ อาคตํ ปสฺสามาติฯ อาม, เสฎฺฐิ, สทฺธา ปน อุปาสิกา ทูเร โยชนสตมตฺถเกปิ โยชนสหสฺสมตฺถเกปิ ฐิตา หิมวโนฺต วิย ปญฺญายตีติ วตฺวา –

    Evañca pana vatvā seṭṭhissa pure ṭhatvā tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇaṃ kathesi. Seṭṭhi tassā vacanaṃ sutvā ‘‘yadi evaṃ, tava samaṇe ānetvā maṅgalaṃ karomā’’ti. Sā pucchi ‘‘kadā karissatha, tātā’’ti. Seṭṭhi cintesi – ‘‘katipāhaccayenāti vutte pesetvā pakkosāpeyyā’’ti. Atha naṃ ‘‘sve ammā’’ti āha. Sā sāyanhasamaye uparipāsādaṃ āruyha mahantaṃ pupphasamuggaṃ gahetvā satthu guṇe anussaritvā aṭṭha pupphamuṭṭhiyo dasabalassa vissajjetvā añjaliṃ paggayha namassamānā aṭṭhāsi. Evañca avaca – ‘‘bhagavā sve pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ mayhaṃ bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti. Tāni pupphāni gantvā dasabalassa matthake vitānaṃ hutvā aṭṭhaṃsu. Satthā āvajjento taṃ kāraṇaṃ addasa. Dhammadesanāpariyosāne anāthapiṇḍikamahāseṭṭhi dasabalaṃ vanditvā ‘‘sve, bhante, pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ mama gehe bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti āha. Cūḷasubhaddāya nimantitamha seṭṭhīti. Na, bhante, kañci āgataṃ passāmāti. Āma, seṭṭhi, saddhā pana upāsikā dūre yojanasatamatthakepi yojanasahassamatthakepi ṭhitā himavanto viya paññāyatīti vatvā –

    ‘‘ทูเร สโนฺต ปกาเสนฺติ, หิมวโนฺตว ปพฺพโต;

    ‘‘Dūre santo pakāsenti, himavantova pabbato;

    อสเนฺตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติฯ (ธ. ป. ๓๐๔) –

    Asantettha na dissanti, rattiṃ khittā yathā sarā’’ti. (dha. pa. 304) –

    อิมํ คาถมาหฯ อนาถปิณฺฑิโก ‘‘ภเนฺต, มม, ธีตุ สงฺคหํ กโรถา’’ติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิฯ

    Imaṃ gāthamāha. Anāthapiṇḍiko ‘‘bhante, mama, dhītu saṅgahaṃ karothā’’ti vanditvā pakkāmi.

    สตฺถา อานนฺทเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘อหํ, อานนฺท, สาเกตํ คมิสฺสามิ, ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สลากํ เทหิฯ ททโนฺต จ ฉฬภิญฺญานํเยว ทเทยฺยาสี’’ติฯ เถโร ตถา อกาสิฯ จูฬสุภทฺทา รตฺติภาคสมนนฺตเร จิเนฺตสิ – ‘‘พุทฺธา นาม พหุกิจฺจา พหุกรณียา, มํ สลฺลเกฺขยฺย วา น วา, กิํ นุ โข กริสฺสามี’’ติฯ ตสฺมิํ ขเณ เวสฺสวโณ มหาราชา จูฬสุภทฺทาย กเถสิ – ‘‘ภเทฺท, มา โข ตฺวํ วิมนา อโหสิ, มา ทุมฺมนาฯ อธิวุตฺถํ เต ภควตา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ สา ตุฎฺฐปหฎฺฐา ทานเมว สํวิทหิฯ สโกฺกปิ โข เทวราชา วิสฺสกมฺมํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตาต, ทสพโล จูฬสุภทฺทาย สนฺติกํ สาเกตนครํ คจฺฉิสฺสติ, ปญฺจ กูฎาคารสตานิ มาเปหี’’ติฯ โส ตถา อกาสิฯ สตฺถา ปญฺจหิ ฉฬภิญฺญสเตหิ ปริวุโต กูฎาคารยาเนน มณิวณฺณํ อากาสํ วิลิขโนฺต วิย สาเกตนครํ อคมาสิฯ

    Satthā ānandattheraṃ āmantesi – ‘‘ahaṃ, ānanda, sāketaṃ gamissāmi, pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ salākaṃ dehi. Dadanto ca chaḷabhiññānaṃyeva dadeyyāsī’’ti. Thero tathā akāsi. Cūḷasubhaddā rattibhāgasamanantare cintesi – ‘‘buddhā nāma bahukiccā bahukaraṇīyā, maṃ sallakkheyya vā na vā, kiṃ nu kho karissāmī’’ti. Tasmiṃ khaṇe vessavaṇo mahārājā cūḷasubhaddāya kathesi – ‘‘bhadde, mā kho tvaṃ vimanā ahosi, mā dummanā. Adhivutthaṃ te bhagavatā svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Sā tuṭṭhapahaṭṭhā dānameva saṃvidahi. Sakkopi kho devarājā vissakammaṃ āmantesi – ‘‘tāta, dasabalo cūḷasubhaddāya santikaṃ sāketanagaraṃ gacchissati, pañca kūṭāgārasatāni māpehī’’ti. So tathā akāsi. Satthā pañcahi chaḷabhiññasatehi parivuto kūṭāgārayānena maṇivaṇṇaṃ ākāsaṃ vilikhanto viya sāketanagaraṃ agamāsi.

    สุภทฺทา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ สสุรปโกฺข มิจฺฉาทิฎฺฐิโก, สาธุ เตสํ อนุจฺฉวิกธมฺมํ กเถถา’’ติฯ สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิฯ กาฬกเสฎฺฐิ โสตาปโนฺน หุตฺวา อตฺตโน อุยฺยานํ ทสพลสฺส อทาสิฯ อเจลกา ‘‘อมฺหากํ ปฐมํ ทินฺน’’นฺติ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉนฺติฯ ‘‘คจฺฉถ นีหริตพฺพนิยาเมน เต นีหรถา’’ติ สเพฺพ นีหราเปตฺวา ตเตฺถว สตฺถุ วิหารํ กาเรตฺวา พฺรหฺมเทยฺยํ กตฺวา อุทกํ ปาเตสิ ฯ โส กาฬเกน การิตตาย กาฬการาโม นาม ชาโตฯ ภควา ตสฺมิํ สมเย ตตฺถ วิหรติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สาเกเต วิหรติ กาฬการาเม’’ติฯ

    Subhaddā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa dānaṃ datvā satthāraṃ vanditvā āha – ‘‘bhante, mayhaṃ sasurapakkho micchādiṭṭhiko, sādhu tesaṃ anucchavikadhammaṃ kathethā’’ti. Satthā dhammaṃ desesi. Kāḷakaseṭṭhi sotāpanno hutvā attano uyyānaṃ dasabalassa adāsi. Acelakā ‘‘amhākaṃ paṭhamaṃ dinna’’nti nikkhamituṃ na icchanti. ‘‘Gacchatha nīharitabbaniyāmena te nīharathā’’ti sabbe nīharāpetvā tattheva satthu vihāraṃ kāretvā brahmadeyyaṃ katvā udakaṃ pātesi . So kāḷakena kāritatāya kāḷakārāmo nāma jāto. Bhagavā tasmiṃ samaye tattha viharati. Tena vuttaṃ – ‘‘sākete viharati kāḷakārāme’’ti.

    ภิกฺขู อามเนฺตสีติ ปญฺจสเต ภิกฺขู อามเนฺตสิฯ เต กิร สาเกตนครวาสิโน กุลปุตฺตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อุปฎฺฐานสาลาย นิสินฺนา ‘‘อโห พุทฺธคุณา นาม มหนฺตา, เอวรูปํ นาม มิจฺฉาทิฎฺฐิกํ กาฬกเสฎฺฐิํ ทิฎฺฐิโต โมเจตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาเปตฺวา สกลนครํ สตฺถารา เทวโลกสทิสํ กต’’นฺติ ทสพลสฺส คุณํ กเถนฺติฯ สตฺถา เตสํ คุณํ กเถนฺตานํ จิตฺตํ อุปปริกฺขิตฺวา – ‘‘มยิ คเต มหตี เทสนา สมุฎฺฐิสฺสติ, เทสนาปริโยสาเน จ อิเม ปญฺจสตา ภิกฺขู อรหเตฺต ปติฎฺฐหิสฺสนฺติ, มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิสฺสตี’’ติ ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน เต ภิกฺขู อาทิํ กตฺวา ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺสาติ อิมํ เทสนํ อารภิฯ เอวมิทํ สุตฺตํ คุณกถาย นิกฺขิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Bhikkhū āmantesīti pañcasate bhikkhū āmantesi. Te kira sāketanagaravāsino kulaputtā satthu dhammadesanaṃ sutvā satthu santike pabbajitvā upaṭṭhānasālāya nisinnā ‘‘aho buddhaguṇā nāma mahantā, evarūpaṃ nāma micchādiṭṭhikaṃ kāḷakaseṭṭhiṃ diṭṭhito mocetvā sotāpattiphalaṃ pāpetvā sakalanagaraṃ satthārā devalokasadisaṃ kata’’nti dasabalassa guṇaṃ kathenti. Satthā tesaṃ guṇaṃ kathentānaṃ cittaṃ upaparikkhitvā – ‘‘mayi gate mahatī desanā samuṭṭhissati, desanāpariyosāne ca ime pañcasatā bhikkhū arahatte patiṭṭhahissanti, mahāpathavī udakapariyantaṃ katvā kampissatī’’ti dhammasabhaṃ gantvā paññattavarabuddhāsane nisinno te bhikkhū ādiṃ katvā yaṃ, bhikkhave, sadevakassa lokassāti imaṃ desanaṃ ārabhi. Evamidaṃ suttaṃ guṇakathāya nikkhittanti veditabbaṃ.

    ตตฺถ ‘‘ตมหํ ชานามี’’ติ ปทปริโยสาเน มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิตฺถฯ อพฺภญฺญาสินฺติ อภิอญฺญาสิํ, ชานินฺติ อโตฺถฯ วิทิตนฺติ ปากฎํ กตฺวา ญาตํฯ อิมินา เอตํ ทเสฺสติ – อเญฺญ ชานนฺติเยว, มยา ปน ปากฎํ กตฺวา วิทิตนฺติฯ อิเมหิ ตีหิ ปเทหิ สพฺพญฺญุตภูมิ นาม กถิตาฯ ตํ ตถาคโต น อุปฎฺฐาสีติ ตํ ฉทฺวาริกํ อารมฺมณํ ตถาคโต ตณฺหาย วา ทิฎฺฐิยา วา น อุปฎฺฐาสิ น อุปคญฺฉิฯ อยญฺหิ ปสฺสติ ภควา จกฺขุนา รูปํ, ฉนฺทราโค ภควโต นตฺถิ, สุวิมุตฺตจิโตฺต โส ภควาฯ สุณาติ ภควา โสเตน สทฺทํฯ ฆายติ ภควา ฆาเนน คนฺธํฯ สายติ ภควา ชิวฺหาย รสํฯ ผุสติ ภควา กาเยน โผฎฺฐพฺพํฯ วิชานาติ ภควา มนสา ธมฺมํ, ฉนฺทราโค ภควโต นตฺถิ, สุวิมุตฺตจิโตฺต โส ภควาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตํ ตถาคโต น อุปฎฺฐาสี’’ติฯ อิมินา ปเทน ขีณาสวภูมิ กถิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Tattha ‘‘tamahaṃ jānāmī’’ti padapariyosāne mahāpathavī udakapariyantaṃ katvā akampittha. Abbhaññāsinti abhiaññāsiṃ, jāninti attho. Viditanti pākaṭaṃ katvā ñātaṃ. Iminā etaṃ dasseti – aññe jānantiyeva, mayā pana pākaṭaṃ katvā viditanti. Imehi tīhi padehi sabbaññutabhūmi nāma kathitā. Taṃ tathāgato na upaṭṭhāsīti taṃ chadvārikaṃ ārammaṇaṃ tathāgato taṇhāya vā diṭṭhiyā vā na upaṭṭhāsi na upagañchi. Ayañhi passati bhagavā cakkhunā rūpaṃ, chandarāgo bhagavato natthi, suvimuttacitto so bhagavā. Suṇāti bhagavā sotena saddaṃ. Ghāyati bhagavā ghānena gandhaṃ. Sāyati bhagavā jivhāya rasaṃ. Phusati bhagavā kāyena phoṭṭhabbaṃ. Vijānāti bhagavā manasā dhammaṃ, chandarāgo bhagavato natthi, suvimuttacitto so bhagavā. Tena vuttaṃ – ‘‘taṃ tathāgato na upaṭṭhāsī’’ti. Iminā padena khīṇāsavabhūmi kathitāti veditabbā.

    ตํ มมสฺส มุสาติ ตํ เม วจนํ มุสาวาโท นาม ภเวยฺยฯ ตํ ปสฺส ตาทิสเมวาติ ตมฺปิ มุสาวาโท ภเวยฺยฯ ตํ มมสฺส กลีติ ตํ วจนํ มยฺหํ โทโส ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา สจฺจภูมิ นาม กถิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Taṃ mamassa musāti taṃ me vacanaṃ musāvādo nāma bhaveyya. Taṃ passa tādisamevāti tampi musāvādo bhaveyya. Taṃ mamassa kalīti taṃ vacanaṃ mayhaṃ doso bhaveyyāti attho. Ettāvatā saccabhūmi nāma kathitāti veditabbā.

    ทฎฺฐา ทฎฺฐพฺพนฺติ ทิสฺวา ทฎฺฐพฺพํฯ ทิฎฺฐํ น มญฺญตีติ ตํ ทิฎฺฐํ รูปายตนํ ‘‘อหํ มหาชเนน ทิฎฺฐเมว ปสฺสามี’’ติ ตณฺหามานทิฎฺฐีหิ น มญฺญติฯ อทิฎฺฐํ น มญฺญตีติ ‘‘อหํ มหาชเนน อทิฎฺฐเมว เอตํ ปสฺสามี’’ติ เอวมฺปิ ตณฺหาทีหิ มญฺญนาหิ น มญฺญติฯ ทฎฺฐพฺพํ น มญฺญตีติ ‘‘มหาชเนน ทิฎฺฐํ ปสฺสามี’’ติ เอวมฺปิ ตาหิ มญฺญนาหิ น มญฺญติฯ ทฎฺฐพฺพญฺหิ อทิฎฺฐมฺปิ โหติเยวฯ เอวรูปานิ หิ วจนานิ ตีสุปิ กาเลสุ ลพฺภนฺติ, เตนสฺส อโตฺถ วุโตฺตฯ ทฎฺฐารํ น มญฺญตีติ ปสฺสิตารํ เอกสตฺตํ นาม ตาหิ มญฺญนาหิ น มญฺญตีติ อโตฺถฯ เสสฎฺฐาเนสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิมินา เอตฺตเกน ฐาเนน สุญฺญตาภูมิ นาม กถิตาฯ

    Daṭṭhādaṭṭhabbanti disvā daṭṭhabbaṃ. Diṭṭhaṃ na maññatīti taṃ diṭṭhaṃ rūpāyatanaṃ ‘‘ahaṃ mahājanena diṭṭhameva passāmī’’ti taṇhāmānadiṭṭhīhi na maññati. Adiṭṭhaṃ na maññatīti ‘‘ahaṃ mahājanena adiṭṭhameva etaṃ passāmī’’ti evampi taṇhādīhi maññanāhi na maññati. Daṭṭhabbaṃ na maññatīti ‘‘mahājanena diṭṭhaṃ passāmī’’ti evampi tāhi maññanāhi na maññati. Daṭṭhabbañhi adiṭṭhampi hotiyeva. Evarūpāni hi vacanāni tīsupi kālesu labbhanti, tenassa attho vutto. Daṭṭhāraṃna maññatīti passitāraṃ ekasattaṃ nāma tāhi maññanāhi na maññatīti attho. Sesaṭṭhānesupi imināva nayena attho veditabbo. Iminā ettakena ṭhānena suññatābhūmi nāma kathitā.

    อิติ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ โข, ภิกฺขเวฯ ตาทีเยว ตาทีติ ตาทิตา นาม เอกสทิสตาฯ ตถาคโต จ ยาทิโส ลาภาทีสุ, ตาทิโสว อลาภาทีสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ลาเภปิ ตาที, อลาเภปิ ตาทีฯ ยเสปิ ตาที, อยเสปิ ตาทีฯ นินฺทายปิ ตาที, ปสํสายปิ ตาทีฯ สุเขปิ ตาที, ทุเกฺขปิ ตาที’’ติ (มหานิ. ๓๘, ๑๙๒)ฯ อิมาย ตาทิตาย ตาทีฯ ตมฺหา จ ปน ตาทิมฺหาติ ตโต ตถาคตตาทิโต อโญฺญ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา ตาที นตฺถีติ เอตฺตาวตา ตาทิภูมิ นาม กถิตาฯ อิมาหิ ปญฺจภูมีหิ เทสนํ นิฎฺฐาเปนฺตสฺส ปญฺจสุปิ ฐาเนสุ มหาปถวี สกฺขิภาเวน อกมฺปิตฺถฯ เทสนาปริโยสาเน เต ปญฺจสเต อธุนาปพฺพชิเต กุลปุเตฺต อาทิํ กตฺวา ตํ ฐานํ ปตฺตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวิํสุฯ

    Iti kho, bhikkhaveti evaṃ kho, bhikkhave. Tādīyeva tādīti tāditā nāma ekasadisatā. Tathāgato ca yādiso lābhādīsu, tādisova alābhādīsu. Tena vuttaṃ – ‘‘lābhepi tādī, alābhepi tādī. Yasepi tādī, ayasepi tādī. Nindāyapi tādī, pasaṃsāyapi tādī. Sukhepi tādī, dukkhepi tādī’’ti (mahāni. 38, 192). Imāya tāditāya tādī. Tamhā ca pana tādimhāti tato tathāgatatādito añño uttaritaro vā paṇītataro vā tādī natthīti ettāvatā tādibhūmi nāma kathitā. Imāhi pañcabhūmīhi desanaṃ niṭṭhāpentassa pañcasupi ṭhānesu mahāpathavī sakkhibhāvena akampittha. Desanāpariyosāne te pañcasate adhunāpabbajite kulaputte ādiṃ katvā taṃ ṭhānaṃ pattānaṃ devamanussānaṃ caturāsīti pāṇasahassāni amatapānaṃ piviṃsu.

    ภควาปิ สุตฺตํ นิฎฺฐาเปตฺวา คาถาหิ กูฎํ คณฺหโนฺต ยํกิญฺจีติอาทิมาหฯ ตตฺถ อโชฺฌสิตํ สจฺจมุตํ ปเรสนฺติ ปเรสํ สทฺธาย ปรปตฺติยายนาย สจฺจมุตนฺติ มญฺญิตฺวา อโชฺฌสิตํ คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาเปตฺวา คหิตํฯ สยสํวุเตสูติ สยเมว สํวริตฺวา ปิยายิตฺวา คหิตคหเณสุ, ทิฎฺฐิคติเกสูติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐิคติกา หิ สยํ สํวุตาติ วุจฺจนฺติฯ สจฺจํ มุสา วาปิ ปรํ ทเหยฺยาติ เตสุ สยํ สํวุตสงฺขาเตสุ ทิฎฺฐิคติเกสุ ตถาคโต ตาที เตสํ เอกมฺปิ วจนํ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ เอวํ สจฺจํ มุสา วาปิ ปรํ อุตฺตมํ กตฺวา น โอทเหยฺย, น สทฺทเหยฺย, น ปตฺติยาเยยฺยฯ เอตญฺจ สลฺลนฺติ เอตํ ทิฎฺฐิสลฺลํฯ ปฎิกจฺจ ทิสฺวาติ ปุเรตรํ โพธิมูเลเยว ทิสฺวาฯ วิสตฺตาติ ลคฺคา ลคิตา ปลิพุทฺธาฯ ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอตนฺติ ยถายํ ปชา อโชฺฌสิตา คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาเปตฺวา วิสตฺตา ลคฺคา ลคิตา, เอวํ อหมฺปิ ชานามิ ปสฺสามิฯ ตถา เอวํ ยถา เอตาย ปชาย คหิตนฺติ เอวํ อโชฺฌสิตํ นตฺถิ ตถาคตานนฺติ อโตฺถฯ

    Bhagavāpi suttaṃ niṭṭhāpetvā gāthāhi kūṭaṃ gaṇhanto yaṃkiñcītiādimāha. Tattha ajjhositaṃ saccamutaṃ paresanti paresaṃ saddhāya parapattiyāyanāya saccamutanti maññitvā ajjhositaṃ gilitvā pariniṭṭhāpetvā gahitaṃ. Sayasaṃvutesūti sayameva saṃvaritvā piyāyitvā gahitagahaṇesu, diṭṭhigatikesūti attho. Diṭṭhigatikā hi sayaṃ saṃvutāti vuccanti. Saccaṃ musā vāpi paraṃ daheyyāti tesu sayaṃ saṃvutasaṅkhātesu diṭṭhigatikesu tathāgato tādī tesaṃ ekampi vacanaṃ ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti evaṃ saccaṃ musā vāpi paraṃ uttamaṃ katvā na odaheyya, na saddaheyya, na pattiyāyeyya. Etañca sallanti etaṃ diṭṭhisallaṃ. Paṭikacca disvāti puretaraṃ bodhimūleyeva disvā. Visattāti laggā lagitā palibuddhā. Jānāmi passāmi tatheva etanti yathāyaṃ pajā ajjhositā gilitvā pariniṭṭhāpetvā visattā laggā lagitā, evaṃ ahampi jānāmi passāmi. Tathā evaṃ yathā etāya pajāya gahitanti evaṃ ajjhositaṃ natthi tathāgatānanti attho.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. กาฬการามสุตฺตํ • 4. Kāḷakārāmasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. กาฬการามสุตฺตวณฺณนา • 4. Kāḷakārāmasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact