Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๒. กฬารสุตฺตํ
2. Kaḷārasuttaṃ
๓๒. สาวตฺถิยํ วิหรติฯ อถ โข กฬารขตฺติโย ภิกฺขุ เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุเตฺตน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข กฬารขตฺติโย ภิกฺขุ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โมฬิยผคฺคุโน, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตติฯ น หิ นูน โส อายสฺมา อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อสฺสาสมลตฺถาติฯ เตน หายสฺมา สาริปุโตฺต อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อสฺสาสํ ปโตฺต’’ติ?
32. Sāvatthiyaṃ viharati. Atha kho kaḷārakhattiyo bhikkhu yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā sāriputtena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho kaḷārakhattiyo bhikkhu āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavoca – ‘‘moḷiyaphagguno, āvuso sāriputta, bhikkhu sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattoti. Na hi nūna so āyasmā imasmiṃ dhammavinaye assāsamalatthāti. Tena hāyasmā sāriputto imasmiṃ dhammavinaye assāsaṃ patto’’ti?
‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, กงฺขามี’’ติฯ ‘‘อายติํ, ปนาวุโส’’ติ?
‘‘Na khvāhaṃ, āvuso, kaṅkhāmī’’ti. ‘‘Āyatiṃ, panāvuso’’ti?
‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Na khvāhaṃ, āvuso, vicikicchāmī’’ti.
อถ โข กฬารขตฺติโย ภิกฺขุ อุฎฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข กฬารขตฺติโย ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมตา, ภเนฺต, สาริปุเตฺตน อญฺญา พฺยากตา – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานามี’’ติฯ
Atha kho kaḷārakhattiyo bhikkhu uṭṭhāyāsanā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi . Ekamantaṃ nisinno kho kaḷārakhattiyo bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmatā, bhante, sāriputtena aññā byākatā – ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāmī’’ti.
อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อามเนฺตตี’’’ติ ฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวํ, อาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตยา, สาริปุตฺต, อญฺญา พฺยากตา – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานามี’’ติ? ‘‘น โข, ภเนฺต, เอเตหิ ปเทหิ เอเตหิ พฺยญฺชเนหิ อโตฺถ 1 วุโตฺต’’ติฯ ‘‘เยน เกนจิปิ, สาริปุตฺต, ปริยาเยน กุลปุโตฺต อญฺญํ พฺยากโรติ, อถ โข พฺยากตํ พฺยากตโต ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ ‘‘นนุ อหมฺปิ , ภเนฺต, เอวํ วทามิ – ‘น โข, ภเนฺต, เอเตหิ ปเทหิ เอเตหิ พฺยญฺชเนหิ อโตฺถ วุโตฺต’’’ติฯ
Atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, mama vacanena sāriputtaṃ āmantehi – ‘satthā taṃ, āvuso sāriputta, āmantetī’’’ti . ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavoca – ‘‘satthā taṃ, āvuso sāriputta, āmantetī’’ti. ‘‘Evaṃ, āvuso’’ti kho āyasmā sāriputto tassa bhikkhuno paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ sāriputtaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘saccaṃ kira tayā, sāriputta, aññā byākatā – ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāmī’’ti? ‘‘Na kho, bhante, etehi padehi etehi byañjanehi attho 2 vutto’’ti. ‘‘Yena kenacipi, sāriputta, pariyāyena kulaputto aññaṃ byākaroti, atha kho byākataṃ byākatato daṭṭhabba’’nti. ‘‘Nanu ahampi , bhante, evaṃ vadāmi – ‘na kho, bhante, etehi padehi etehi byañjanehi attho vutto’’’ti.
‘‘สเจ ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กถํ ชานตา ปน ตยา, อาวุโส สาริปุตฺต, กถํ ปสฺสตา อญฺญา พฺยากตา – ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ?
‘‘Sace taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘kathaṃ jānatā pana tayā, āvuso sāriputta, kathaṃ passatā aññā byākatā – khīṇā jāti vusitaṃ brahmacariyaṃ kataṃ karaṇīyaṃ nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti. Evaṃ puṭṭho tvaṃ, sāriputta, kinti byākareyyāsī’’ti?
‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กถํ ชานตา ปน ตยา, อาวุโส สาริปุตฺต, กถํ ปสฺสตา อญฺญา พฺยากตา – ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติ; เอวํ ปุโฎฺฐหํ 3, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ยํนิทานา, อาวุโส, ชาติ, ตสฺส นิทานสฺส ขยา ขีณสฺมิํ ขีณามฺหีติ วิทิตํฯ ขีณามฺหีติ วิทิตฺวา – ขีณาชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘kathaṃ jānatā pana tayā, āvuso sāriputta, kathaṃ passatā aññā byākatā – khīṇā jāti vusitaṃ brahmacariyaṃ kataṃ karaṇīyaṃ nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti; evaṃ puṭṭhohaṃ 4, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘yaṃnidānā, āvuso, jāti, tassa nidānassa khayā khīṇasmiṃ khīṇāmhīti viditaṃ. Khīṇāmhīti viditvā – khīṇājāti vusitaṃ brahmacariyaṃ kataṃ karaṇīyaṃ nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
‘‘สเจ ปน ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ชาติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, กิํนิทานา กิํสมุทยา กิํชาติกา กิํปภวา’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐ ตํ, สาริปุตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ชาติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, กิํนิทานา กิํสมุทยา กิํชาติกา กิํปภวา’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ชาติ โข, อาวุโส, ภวนิทานา ภวสมุทยา ภวชาติกา ภวปฺปภวา’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace pana taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘jāti panāvuso sāriputta, kiṃnidānā kiṃsamudayā kiṃjātikā kiṃpabhavā’ti? Evaṃ puṭṭho taṃ, sāriputta, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘jāti panāvuso sāriputta, kiṃnidānā kiṃsamudayā kiṃjātikā kiṃpabhavā’ti? Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘jāti kho, āvuso, bhavanidānā bhavasamudayā bhavajātikā bhavappabhavā’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
‘‘สเจ ปน ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ภโว ปนาวุโส สาริปุตฺต, กิํนิทาโน กิํสมุทโย กิํชาติโก กิํปภโว’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ภโว ปนาวุโส สาริปุตฺต, กิํนิทาโน กิํสมุทโย กิํชาติโก กิํปภโว’ติ ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ภโว โข, อาวุโส, อุปาทานนิทาโน อุปาทานสมุทโย อุปาทานชาติโก อุปาทานปฺปภโว’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace pana taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘bhavo panāvuso sāriputta, kiṃnidāno kiṃsamudayo kiṃjātiko kiṃpabhavo’ti? Evaṃ puṭṭho tvaṃ, sāriputta, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘bhavo panāvuso sāriputta, kiṃnidāno kiṃsamudayo kiṃjātiko kiṃpabhavo’ti ? Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘bhavo kho, āvuso, upādānanidāno upādānasamudayo upādānajātiko upādānappabhavo’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
‘‘สเจ ปน ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘อุปาทานํ ปนาวุโส…เป.… สเจ ปน ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ตณฺหา ปนาวุโส สาริปุตฺต, กิํนิทานา กิํสมุทยา กิํชาติกา กิํปภวา’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ตณฺหา ปนาวุโส สาริปุตฺต, กิํนิทานา กิํสมุทยา กิํชาติกา กิํปภวา’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ตณฺหา โข, อาวุโส, เวทนานิทานา เวทนาสมุทยา เวทนาชาติกา เวทนาปภวา’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace pana taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘upādānaṃ panāvuso…pe… sace pana taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ – taṇhā panāvuso sāriputta, kiṃnidānā kiṃsamudayā kiṃjātikā kiṃpabhavā’ti? Evaṃ puṭṭho tvaṃ, sāriputta, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – taṇhā panāvuso sāriputta, kiṃnidānā kiṃsamudayā kiṃjātikā kiṃpabhavā’ti? Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘taṇhā kho, āvuso, vedanānidānā vedanāsamudayā vedanājātikā vedanāpabhavā’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
‘‘สเจ ปน ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กถํ ชานโต ปน เต, อาวุโส สาริปุตฺต, กถํ ปสฺสโต ยา เวทนาสุ นนฺที สา น อุปฎฺฐาสี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กถํ ชานโต ปน เต, อาวุโส สาริปุตฺต, กถํ ปสฺสโต ยา เวทนาสุ นนฺที สา น อุปฎฺฐาสี’ติ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ติโสฺส โข อิมา, อาวุโส, เวทนาฯ กตมา ติโสฺส? สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ อิมา โข, อาวุโส, ติโสฺส เวทนา อนิจฺจาฯ ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขนฺติ วิทิตํ 5, ยา เวทนาสุ นนฺที สา น อุปฎฺฐาสี’ติฯ เอวํ, ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace pana taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘kathaṃ jānato pana te, āvuso sāriputta, kathaṃ passato yā vedanāsu nandī sā na upaṭṭhāsī’ti. Evaṃ puṭṭho tvaṃ, sāriputta, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘kathaṃ jānato pana te, āvuso sāriputta, kathaṃ passato yā vedanāsu nandī sā na upaṭṭhāsī’ti evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘tisso kho imā, āvuso, vedanā. Katamā tisso? Sukhā vedanā, dukkhā vedanā, adukkhamasukhā vedanā. Imā kho, āvuso, tisso vedanā aniccā. Yadaniccaṃ taṃ dukkhanti viditaṃ 6, yā vedanāsu nandī sā na upaṭṭhāsī’ti. Evaṃ, puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺตฯ อยมฺปิ โข, สาริปุตฺต, ปริยาโย, เอตเสฺสว อตฺถสฺส สํขิเตฺตน เวยฺยากรณาย – ‘ยํ กิญฺจิ เวทยิตํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’’นฺติฯ
‘‘Sādhu sādhu, sāriputta. Ayampi kho, sāriputta, pariyāyo, etasseva atthassa saṃkhittena veyyākaraṇāya – ‘yaṃ kiñci vedayitaṃ taṃ dukkhasmi’’’nti.
‘‘สเจ ปน ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กถํ วิโมกฺขา ปน ตยา, อาวุโส สาริปุตฺต, อญฺญา พฺยากตา – ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘กถํ วิโมกฺขา ปน ตยา, อาวุโส สาริปุตฺต, อญฺญา พฺยากตา – ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขา ขฺวาหํ, อาวุโส, สพฺพุปาทานกฺขยา ตถา สโต วิหรามิ ยถา สตํ วิหรนฺตํ อาสวา นานุสฺสวนฺติ, อตฺตานญฺจ นาวชานามี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ
‘‘Sace pana taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ – ‘kathaṃ vimokkhā pana tayā, āvuso sāriputta, aññā byākatā – khīṇā jāti vusitaṃ brahmacariyaṃ kataṃ karaṇīyaṃ nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti? Evaṃ puṭṭho tvaṃ, sāriputta, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘kathaṃ vimokkhā pana tayā, āvuso sāriputta, aññā byākatā – khīṇā jāti vusitaṃ brahmacariyaṃ kataṃ karaṇīyaṃ nāparaṃ itthattāyāti pajānāmī’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘ajjhattaṃ vimokkhā khvāhaṃ, āvuso, sabbupādānakkhayā tathā sato viharāmi yathā sataṃ viharantaṃ āsavā nānussavanti, attānañca nāvajānāmī’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti.
‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺตฯ อยมฺปิ โข สาริปุตฺต, ปริยาโย เอตเสฺสว อตฺถสฺส สํขิเตฺตน เวยฺยากรณาย – เย อาสวา สมเณน วุตฺตา เตสฺวาหํ น กงฺขามิ, เต เม ปหีนาติ น วิจิกิจฺฉามี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวา สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ
‘‘Sādhu sādhu, sāriputta. Ayampi kho sāriputta, pariyāyo etasseva atthassa saṃkhittena veyyākaraṇāya – ye āsavā samaṇena vuttā tesvāhaṃ na kaṅkhāmi, te me pahīnāti na vicikicchāmī’’ti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvā sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.
ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิตํ มํ, อาวุโส, ภควา ปฐมํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ, ตสฺส เม อโหสิ ทนฺธายิตตฺตํฯ ยโต จ โข เม, อาวุโส, ภควา ปฐมํ ปญฺหํ อนุโมทิ, ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, เอตทโหสิ – ทิวสํ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, ทิวสมฺปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิฯ รตฺติํ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, รตฺติมฺปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิฯ รตฺตินฺทิวํ 7 เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ , รตฺตินฺทิวมฺปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิฯ เทฺว รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย…เป.… เทฺว รตฺตินฺทิวานิปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ…เป.… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย…เป.… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ…เป.… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย…เป.… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ…เป.… ปญฺจ รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย…เป.… ปญฺจ รตฺตินฺทิวานิปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ…เป.… ฉ รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย…เป.… ฉ รตฺตินฺทิวานิปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ…เป.… สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหี’’ติฯ
Tatra kho āyasmā sāriputto acirapakkantassa bhagavato bhikkhū āmantesi – ‘‘pubbe appaṭisaṃviditaṃ maṃ, āvuso, bhagavā paṭhamaṃ pañhaṃ apucchi, tassa me ahosi dandhāyitattaṃ. Yato ca kho me, āvuso, bhagavā paṭhamaṃ pañhaṃ anumodi, tassa mayhaṃ, āvuso, etadahosi – divasaṃ cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, divasampāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi. Rattiṃ cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, rattimpāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi. Rattindivaṃ 8 cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi , rattindivampāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi. Dve rattindivāni cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya…pe… dve rattindivānipāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ…pe… tīṇi rattindivāni cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya…pe… tīṇi rattindivānipāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ…pe… cattāri rattindivāni cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya…pe… cattāri rattindivānipāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ…pe… pañca rattindivāni cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya…pe… pañca rattindivānipāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ…pe… cha rattindivāni cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya…pe… cha rattindivānipāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ…pe… satta rattindivāni cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, satta rattindivānipāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehī’’ti.
อถ โข กฬารขตฺติโย ภิกฺขุ อุฎฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข กฬารขตฺติโย ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมตา, ภเนฺต, สาริปุเตฺตน สีหนาโท นทิโต – ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิตํ มํ, อาวุโส, ภควา ปฐมํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ, ตสฺส เม อโหสิ ทนฺธายิตตฺตํฯ ยโต จ โข เม, อาวุโส, ภควา ปฐมํ ปญฺหํ อนุโมทิ , ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, เอตทโหสิ – ทิวสํ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, ทิวสมฺปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ; รตฺติํ เจปิ…เป.… รตฺตินฺทิวํ เจปิ มํ ภควา…เป.… เทฺว รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา…เป.… ตีณิ… จตฺตาริ… ปญฺจ… ฉ… สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เจปิ มํ ภควา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหี’’ติฯ
Atha kho kaḷārakhattiyo bhikkhu uṭṭhāyāsanā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho kaḷārakhattiyo bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmatā, bhante, sāriputtena sīhanādo nadito – pubbe appaṭisaṃviditaṃ maṃ, āvuso, bhagavā paṭhamaṃ pañhaṃ apucchi, tassa me ahosi dandhāyitattaṃ. Yato ca kho me, āvuso, bhagavā paṭhamaṃ pañhaṃ anumodi , tassa mayhaṃ, āvuso, etadahosi – divasaṃ cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, divasampāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi; rattiṃ cepi…pe… rattindivaṃ cepi maṃ bhagavā…pe… dve rattindivāni cepi maṃ bhagavā…pe… tīṇi… cattāri… pañca… cha… satta rattindivāni cepi maṃ bhagavā etamatthaṃ puccheyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, satta rattindivānipāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehī’’ti.
‘‘สา หิ, ภิกฺขุ, สาริปุตฺตสฺส ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา, ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา ทิวสํ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, ทิวสมฺปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิฯ รตฺติํ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, รตฺติมฺปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย…เป.… รตฺตินฺทิวํ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ, รตฺตินฺทิวมฺปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย… เทฺว รตฺตินฺทิวานิ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ, เทฺว รตฺตินฺทิวานิปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ, ตีณิ รตฺตินฺทิวานิปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ, จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย… ปญฺจ รตฺตินฺทิวานิ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ, ปญฺจ รตฺตินฺทิวานิปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย… ฉ รตฺตินฺทิวานิ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ, ฉ รตฺตินฺทิวานิปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย… สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เจปาหํ สาริปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยํ อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหิ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิปิ เม สาริปุโตฺต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺย อญฺญมเญฺญหิ ปเทหิ อญฺญมเญฺญหิ ปริยาเยหี’’ติฯ ทุติยํฯ
‘‘Sā hi, bhikkhu, sāriputtassa dhammadhātu suppaṭividdhā, yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā divasaṃ cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, divasampi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi. Rattiṃ cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, rattimpi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya…pe… rattindivaṃ cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ, rattindivampi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya… dve rattindivāni cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ, dve rattindivānipi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya… tīṇi rattindivāni cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ, tīṇi rattindivānipi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya… cattāri rattindivāni cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ, cattāri rattindivānipi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya… pañca rattindivāni cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ, pañca rattindivānipi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya… cha rattindivāni cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ, cha rattindivānipi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya… satta rattindivāni cepāhaṃ sāriputtaṃ etamatthaṃ puccheyyaṃ aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehi, satta rattindivānipi me sāriputto etamatthaṃ byākareyya aññamaññehi padehi aññamaññehi pariyāyehī’’ti. Dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. กฬารสุตฺตวณฺณนา • 2. Kaḷārasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. กฬารสุตฺตวณฺณนา • 2. Kaḷārasuttavaṇṇanā