Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. กฬารสุตฺตวณฺณนา

    2. Kaḷārasuttavaṇṇanā

    ๓๒. ทุติเย กฬารขตฺติโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํฯ ทนฺตา ปนสฺส กฬารา วิสมสณฺฐานา, ตสฺมา ‘‘กฬาโร’’ติ วุจฺจติฯ หีนายาวโตฺตติ หีนสฺส คิหิภาวสฺส อตฺถาย นิวโตฺตฯ อสฺสาสมลตฺถาติ อสฺสาสํ อวสฺสยํ ปติฎฺฐํ น หิ นูน อลตฺถ, ตโย มเคฺค ตีณิ จ ผลานิ นูน นาลตฺถาติ ทีเปติฯ ยทิ หิ ตานิ ลเภยฺย, น สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวเตฺตยฺยาติ อยํ เถรสฺส อธิปฺปาโยฯ น ขฺวาหํ, อาวุโสติ อหํ โข, อาวุโส, ‘‘อสฺสาสํ ปโตฺต, น ปโตฺต’’ติ น กงฺขามิฯ เถรสฺส หิ สาวกปารมีญาณํ อวสฺสโย, ตสฺมา โส น กงฺขติฯ อายติํ ปนาวุโสติ อิมินา ‘‘อายติํ ปฎิสนฺธิ ตุมฺหากํ อุคฺฆาฎิตา, น อุคฺฆาฎิตา’’ติ อรหตฺตปฺปตฺติํ ปุจฺฉติฯ น ขฺวาหํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉามีติ อิมินา เถโร ตตฺถ วิจิกิจฺฉาภาวํ ทีเปติฯ

    32. Dutiye kaḷārakhattiyoti tassa therassa nāmaṃ. Dantā panassa kaḷārā visamasaṇṭhānā, tasmā ‘‘kaḷāro’’ti vuccati. Hīnāyāvattoti hīnassa gihibhāvassa atthāya nivatto. Assāsamalatthāti assāsaṃ avassayaṃ patiṭṭhaṃ na hi nūna alattha, tayo magge tīṇi ca phalāni nūna nālatthāti dīpeti. Yadi hi tāni labheyya, na sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatteyyāti ayaṃ therassa adhippāyo. Na khvāhaṃ, āvusoti ahaṃ kho, āvuso, ‘‘assāsaṃ patto, na patto’’ti na kaṅkhāmi. Therassa hi sāvakapāramīñāṇaṃ avassayo, tasmā so na kaṅkhati. Āyatiṃ panāvusoti iminā ‘‘āyatiṃ paṭisandhi tumhākaṃ ugghāṭitā, na ugghāṭitā’’ti arahattappattiṃ pucchati. Na khvāhaṃ, āvuso, vicikicchāmīti iminā thero tattha vicikicchābhāvaṃ dīpeti.

    เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ‘‘อิมํ สุตการณํ ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิฯ อญฺญา พฺยากตาติ อรหตฺตํ พฺยากตํฯ ขีณา ชาตีติ น เถเรน เอวํ พฺยากตา, อยํ ปน เถโร ตุโฎฺฐ ปสโนฺน เอวํ ปทพฺยญฺชนานิ อาโรเปตฺวา อาหฯ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสีติ ตํ สุตฺวา สตฺถา จิเนฺตสิ – ‘‘สาริปุโตฺต ธีโร คมฺภีโรฯ น โส เกนจิ การเณน เอวํ พฺยากริสฺสติฯ สํขิเตฺตน ปน ปโญฺห พฺยากโต ภวิสฺสติฯ ปโกฺกสาเปตฺวา นํ ปญฺหํ พฺยากราเปสฺสามี’’ติ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิฯ

    Yena bhagavā tenupasaṅkamīti ‘‘imaṃ sutakāraṇaṃ bhagavato ārocessāmī’’ti upasaṅkami. Aññā byākatāti arahattaṃ byākataṃ. Khīṇā jātīti na therena evaṃ byākatā, ayaṃ pana thero tuṭṭho pasanno evaṃ padabyañjanāni āropetvā āha. Aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesīti taṃ sutvā satthā cintesi – ‘‘sāriputto dhīro gambhīro. Na so kenaci kāraṇena evaṃ byākarissati. Saṃkhittena pana pañho byākato bhavissati. Pakkosāpetvā naṃ pañhaṃ byākarāpessāmī’’ti aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi.

    สเจ ตํ สาริปุตฺตาติ อิทํ ภควา ‘‘น เอส อตฺตโน ธมฺมตาย อญฺญํ พฺยากริสฺสติ, ปญฺหเมตํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ตํ กเถโนฺตว อญฺญํ พฺยากริสฺสตี’’ติ อญฺญํ พฺยากราเปตุํ เอวํ ปุจฺฉิฯ ยํนิทานาวุโส, ชาตีติ, อาวุโส, อยํ ชาติ นาม ยํปจฺจยา, ตสฺส ปจฺจยสฺส ขยา ขีณสฺมิํ ชาติยา ปจฺจเย ชาติสงฺขาตํ ผลํ ขีณนฺติ วิทิตํฯ อิธาปิ จ เถโร ปเญฺห อกงฺขิตฺวา อชฺฌาสเย กงฺขติฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อญฺญา นาม ตณฺหา ขีณา, อุปาทานํ ขีณํ, ภโว ขีโณ, ปจฺจโย ขีโณ, กิเลสา ขีณาติอาทีหิ พหูหิ การเณหิ สกฺกา พฺยากาตุํ, กถํ กเถโนฺต ปน สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติฯ

    Sace taṃ sāriputtāti idaṃ bhagavā ‘‘na esa attano dhammatāya aññaṃ byākarissati, pañhametaṃ pucchissāmi, taṃ kathentova aññaṃ byākarissatī’’ti aññaṃ byākarāpetuṃ evaṃ pucchi. Yaṃnidānāvuso, jātīti, āvuso, ayaṃ jāti nāma yaṃpaccayā, tassa paccayassa khayā khīṇasmiṃ jātiyā paccaye jātisaṅkhātaṃ phalaṃ khīṇanti viditaṃ. Idhāpi ca thero pañhe akaṅkhitvā ajjhāsaye kaṅkhati. Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘aññā nāma taṇhā khīṇā, upādānaṃ khīṇaṃ, bhavo khīṇo, paccayo khīṇo, kilesā khīṇātiādīhi bahūhi kāraṇehi sakkā byākātuṃ, kathaṃ kathento pana satthu ajjhāsayaṃ gahetuṃ sakkhissāmī’’ti.

    กิญฺจาปิ เอวํ อชฺฌาสเย กงฺขติ, ปญฺหํ ปน อฎฺฐเปตฺวาว ปจฺจยาการวเสน พฺยากาสิฯ สตฺถาปิ ปจฺจยาการวเสเนว พฺยากราเปตุกาโม, ตสฺมา เอส พฺยากโรโนฺตว อชฺฌาสยํ คณฺหิฯ ตาวเทว ‘‘คหิโต เม สตฺถุ อชฺฌาสโย’’ติ อญฺญาสิฯ อถสฺส นยสเตน นยสหเสฺสน ปญฺหพฺยากรณํ อุปฎฺฐาสิฯ ยสฺมา ปน ภควา อุตฺตริ ปญฺหํ ปุจฺฉติ, ตสฺมา เตน ตํ พฺยากรณํ อนุโมทิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Kiñcāpi evaṃ ajjhāsaye kaṅkhati, pañhaṃ pana aṭṭhapetvāva paccayākāravasena byākāsi. Satthāpi paccayākāravaseneva byākarāpetukāmo, tasmā esa byākarontova ajjhāsayaṃ gaṇhi. Tāvadeva ‘‘gahito me satthu ajjhāsayo’’ti aññāsi. Athassa nayasatena nayasahassena pañhabyākaraṇaṃ upaṭṭhāsi. Yasmā pana bhagavā uttari pañhaṃ pucchati, tasmā tena taṃ byākaraṇaṃ anumoditanti veditabbaṃ.

    กถํ ชานโต ปน เตติ อิทํ กสฺมา อารภิ? สวิสเย สีหนาทํ นทาเปตุํฯ เถโร กิร สูกรนิขาตเลณทฺวาเร ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุเตฺต กถิยมาเน ตาลวณฺฎํ คเหตฺวา สตฺถารํ พีชยมาโน ฐิโต ติโสฺส เวทนา ปริคฺคเหตฺวา สาวกปารมีญาณํ อธิคโต, อยมสฺส สวิสโยฯ อิมสฺมิํ สวิสเย ฐิโต สีหนาทํ นทิสฺสตีติ นํ สนฺธาย สตฺถา อิทํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ อนิจฺจาติ หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจาฯ ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขนฺติ เอตฺถ กิญฺจาปิ สุขา เวทนา ฐิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา เวทนา ฐิติทุกฺขา วิปริณามสุขา, อทุกฺขมสุขา ญาณสุขา อญฺญาณทุกฺขา, วิปริณามโกฎิยา ปน สพฺพาว ทุกฺขา นาม ชาตาฯ วิทิตนฺติ ยสฺมา เอวํ เวทนาตฺตยํ ทุกฺขนฺติ วิทิตํ, ตสฺมา ยา ตตฺถ ตณฺหา, สา น อุปฎฺฐาสีติ ทเสฺสติฯ

    Kathaṃjānato pana teti idaṃ kasmā ārabhi? Savisaye sīhanādaṃ nadāpetuṃ. Thero kira sūkaranikhātaleṇadvāre dīghanakhaparibbājakassa vedanāpariggahasutte kathiyamāne tālavaṇṭaṃ gahetvā satthāraṃ bījayamāno ṭhito tisso vedanā pariggahetvā sāvakapāramīñāṇaṃ adhigato, ayamassa savisayo. Imasmiṃ savisaye ṭhito sīhanādaṃ nadissatīti naṃ sandhāya satthā idaṃ pañhaṃ pucchi. Aniccāti hutvā abhāvaṭṭhena aniccā. Yadaniccaṃ taṃ dukkhanti ettha kiñcāpi sukhā vedanā ṭhitisukhā vipariṇāmadukkhā, dukkhā vedanā ṭhitidukkhā vipariṇāmasukhā, adukkhamasukhā ñāṇasukhā aññāṇadukkhā, vipariṇāmakoṭiyā pana sabbāva dukkhā nāma jātā. Viditanti yasmā evaṃ vedanāttayaṃ dukkhanti viditaṃ, tasmā yā tattha taṇhā, sā na upaṭṭhāsīti dasseti.

    สาธุ สาธูติ เถรสฺส เวทนาปริเจฺฉทชานเน สมฺปหํสนํฯ เถโร หิ เวทนา เอกาติ วา เทฺว ติโสฺส จตโสฺสติ วา อวุเตฺตปิ วุตฺตนเยน ตาสํ ติโสฺสติ ปริเจฺฉทํ อญฺญาสิ, เตน ตํ ภควา สมฺปหํสโนฺต เอวมาหฯ ทุกฺขสฺมินฺติ อิทํ ภควา อิมินา อธิปฺปาเยน อาห – ‘‘สาริปุตฺต, ยํ ตยา ‘อิมินา การเณน เวทนาสุ ตณฺหา น อุปฎฺฐาสี’ติ พฺยากตํ, ตํ สุพฺยากตํฯ ‘ติโสฺส เวทนา’ติ วิภชเนฺตน ปน เต อติปฺปปโญฺจ กโต, ตํ ‘ทุกฺขสฺมิ’นฺติ พฺยากโรเนฺตนปิ หิ เต สุพฺยากตเมว ภเวยฺยฯ ยํกิญฺจิ เวทยิตํ, ตํ ทุกฺขนฺติ ญาตมเตฺตปิ หิ เวทนาสุ ตณฺหา น ติฎฺฐติ’’ฯ

    Sādhusādhūti therassa vedanāparicchedajānane sampahaṃsanaṃ. Thero hi vedanā ekāti vā dve tisso catassoti vā avuttepi vuttanayena tāsaṃ tissoti paricchedaṃ aññāsi, tena taṃ bhagavā sampahaṃsanto evamāha. Dukkhasminti idaṃ bhagavā iminā adhippāyena āha – ‘‘sāriputta, yaṃ tayā ‘iminā kāraṇena vedanāsu taṇhā na upaṭṭhāsī’ti byākataṃ, taṃ subyākataṃ. ‘Tisso vedanā’ti vibhajantena pana te atippapañco kato, taṃ ‘dukkhasmi’nti byākarontenapi hi te subyākatameva bhaveyya. Yaṃkiñci vedayitaṃ, taṃ dukkhanti ñātamattepi hi vedanāsu taṇhā na tiṭṭhati’’.

    กถํ วิโมกฺขาติ กตรา วิโมกฺขา, กตเรน วิโมเกฺขน ตยา อญฺญา พฺยากตาติ อโตฺถ? อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขาติ อชฺฌตฺตวิโมเกฺขน, อชฺฌตฺตสงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา ปตฺตอรหเตฺตนาติ อโตฺถฯ ตตฺถ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐานํ, อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส พหิทฺธา วุฎฺฐานํ, พหิทฺธา อภินิเวโส พหิทฺธา วุฎฺฐานํ, พหิทฺธา อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐานนฺติฯ อชฺฌตฺตญฺหิ อภินิเวสิตฺวา พหิทฺธาธมฺมาปิ ทฎฺฐพฺพาเยว, พหิทฺธา อภินิเวสิตฺวา อชฺฌตฺตธมฺมาปิฯ ตสฺมา โกจิ ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ สงฺขาเรสุ ญาณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา พหิทฺธา โอตาเรติ, พหิทฺธาปิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, ตสฺส อชฺฌตฺต สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฎฺฐานํ โหติฯ อิติ อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐานํ นามฯ โกจิ อชฺฌตฺตํ สงฺขาเรสุ ญาณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา พหิทฺธา โอตาเรติ, ตสฺส พหิทฺธา สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฎฺฐานํ โหติฯ อิติ อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส พหิทฺธา วุฎฺฐานํ นามฯ โกจิ พหิทฺธา สงฺขาเรสุ ญาณํ โอตาเรตฺวา, เต ววตฺถเปตฺวา อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, อชฺฌตฺตมฺปิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน พหิทฺธา โอตาเรติ, ตสฺส พหิทฺธา สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฎฺฐานํ โหติฯ อิติ พหิทฺธา อภินิเวโส พหิทฺธา วุฎฺฐานํ นามฯ โกจิ พหิทฺธา สงฺขาเรสุ ญาณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, ตสฺส อชฺฌตฺตสงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฎฺฐานํ โหติฯ อิติ พหิทฺธา อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฎฺฐานํ นามฯ ตตฺร เถโร ‘‘อชฺฌตฺตสงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา เตสํ ววตฺถานกาเล มคฺควุฎฺฐาเนน อรหตฺตํ ปโตฺตสฺมี’’ติ ทเสฺสโนฺต อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขา ขฺวาหํ, อาวุโสติ อาหฯ

    Kathaṃ vimokkhāti katarā vimokkhā, katarena vimokkhena tayā aññā byākatāti attho? Ajjhattaṃ vimokkhāti ajjhattavimokkhena, ajjhattasaṅkhāre pariggahetvā pattaarahattenāti attho. Tattha catukkaṃ veditabbaṃ – ajjhattaṃ abhiniveso ajjhattaṃ vuṭṭhānaṃ, ajjhattaṃ abhiniveso bahiddhā vuṭṭhānaṃ, bahiddhā abhiniveso bahiddhā vuṭṭhānaṃ, bahiddhā abhiniveso ajjhattaṃ vuṭṭhānanti. Ajjhattañhi abhinivesitvā bahiddhādhammāpi daṭṭhabbāyeva, bahiddhā abhinivesitvā ajjhattadhammāpi. Tasmā koci bhikkhu ajjhattaṃ saṅkhāresu ñāṇaṃ otāretvā te vavatthapetvā bahiddhā otāreti, bahiddhāpi pariggahetvā puna ajjhattaṃ otāreti, tassa ajjhatta saṅkhāre sammasanakāle maggavuṭṭhānaṃ hoti. Iti ajjhattaṃ abhiniveso ajjhattaṃ vuṭṭhānaṃ nāma. Koci ajjhattaṃ saṅkhāresu ñāṇaṃ otāretvā te vavatthapetvā bahiddhā otāreti, tassa bahiddhā saṅkhāre sammasanakāle maggavuṭṭhānaṃ hoti. Iti ajjhattaṃ abhiniveso bahiddhā vuṭṭhānaṃ nāma. Koci bahiddhā saṅkhāresu ñāṇaṃ otāretvā, te vavatthapetvā ajjhattaṃ otāreti, ajjhattampi pariggahetvā puna bahiddhā otāreti, tassa bahiddhā saṅkhāre sammasanakāle maggavuṭṭhānaṃ hoti. Iti bahiddhā abhiniveso bahiddhā vuṭṭhānaṃ nāma. Koci bahiddhā saṅkhāresu ñāṇaṃ otāretvā te vavatthapetvā ajjhattaṃ otāreti, tassa ajjhattasaṅkhāre sammasanakāle maggavuṭṭhānaṃ hoti. Iti bahiddhā abhiniveso ajjhattaṃ vuṭṭhānaṃ nāma. Tatra thero ‘‘ajjhattasaṅkhāre pariggahetvā tesaṃ vavatthānakāle maggavuṭṭhānena arahattaṃ pattosmī’’ti dassento ajjhattaṃ vimokkhā khvāhaṃ, āvusoti āha.

    สพฺพุปาทานกฺขยาติ สเพฺพสํ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ ขเยนฯ ตถา สโต วิหรามีติ เตนากาเรน สติยา สมนฺนาคโต วิหรามิฯ ยถา สตํ วิหรนฺตนฺติ เยนากาเรน มํ สติยา สมนฺนาคตํ วิหรนฺตํฯ อาสวา นานุสฺสวนฺตีติ จกฺขุโต รูเป สวนฺติ อาสวนฺติ สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ ฉหิ ทฺวาเรหิ ฉสุ อารมฺมเณสุ สวนธมฺมา กามาสวาทโย อาสวา นานุสฺสวนฺติ นานุปฺปวฑฺฒนฺติ, ยถา เม น อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ อตฺตานญฺจ นาวชานามีติ อตฺตานญฺจ น อวชานามิฯ อิมินา โอมานปหานํ กถิตํฯ เอวญฺหิ สติ ปชานนา ปสนฺนา โหติฯ

    Sabbupādānakkhayāti sabbesaṃ catunnampi upādānānaṃ khayena. Tathā sato viharāmīti tenākārena satiyā samannāgato viharāmi. Yathā sataṃ viharantanti yenākārena maṃ satiyā samannāgataṃ viharantaṃ. Āsavā nānussavantīti cakkhuto rūpe savanti āsavanti sandanti pavattantīti evaṃ chahi dvārehi chasu ārammaṇesu savanadhammā kāmāsavādayo āsavā nānussavanti nānuppavaḍḍhanti, yathā me na uppajjantīti attho. Attānañca nāvajānāmīti attānañca na avajānāmi. Iminā omānapahānaṃ kathitaṃ. Evañhi sati pajānanā pasannā hoti.

    สมเณนาติ พุทฺธสมเณนฯ เตสฺวาหํ น กงฺขามีติ เตสุ อหํ ‘‘กตโร กามาสโว, กตโร ภวาสโว, กตโร ทิฎฺฐาสโว, กตโร อวิชฺชาสโว’’ติ เอวํ สรูปเภทโตปิ, ‘‘จตฺตาโร อาสวา’’ติ เอวํ คณนปริเจฺฉทโตปิ น กงฺขามิฯ เต เม ปหีนาติ น วิจิกิจฺฉามีติ เต มยฺหํ ปหีนาติ วิจิกิจฺฉํ น อุปฺปาเทมิฯ อิทํ ภควา ‘‘เอวํ พฺยากโรเนฺตนปิ ตยา สุพฺยากตํ ภเวยฺย ‘อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขา ขฺวาหํ, อาวุโส’ติอาทีนิ ปน เต วทเนฺตน อติปฺปปโญฺจ กโต’’ติ ทเสฺสโนฺต อาหฯ

    Samaṇenāti buddhasamaṇena. Tesvāhaṃ na kaṅkhāmīti tesu ahaṃ ‘‘kataro kāmāsavo, kataro bhavāsavo, kataro diṭṭhāsavo, kataro avijjāsavo’’ti evaṃ sarūpabhedatopi, ‘‘cattāro āsavā’’ti evaṃ gaṇanaparicchedatopi na kaṅkhāmi. Te me pahīnāti na vicikicchāmīti te mayhaṃ pahīnāti vicikicchaṃ na uppādemi. Idaṃ bhagavā ‘‘evaṃ byākarontenapi tayā subyākataṃ bhaveyya ‘ajjhattaṃ vimokkhā khvāhaṃ, āvuso’tiādīni pana te vadantena atippapañco kato’’ti dassento āha.

    อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสีติ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสนโต อุฎฺฐหิตฺวา วิหารํ อโนฺตมหาคนฺธกุฎิํ ปาวิสิ อสมฺภินฺนาย เอว ปริสายฯ กสฺมา? พุทฺธา หิ อนิฎฺฐิตาย เทสนาย อสมฺภินฺนาย ปริสาย อุฎฺฐายาสนา คนฺธกุฎิํ ปวิสนฺตา ปุคฺคลโถมนตฺถํ วา ปวิสนฺติ ธมฺมโถมนตฺถํ วาฯ ตตฺถ ปุคฺคลโถมนตฺถํ ปวิสโนฺต สตฺถา เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘อิมํ มยา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิฎฺฐํ วิตฺถาเรน จ อวิภตฺตํ ธมฺมปฎิคฺคาหกา ภิกฺขู อุคฺคเหตฺวา อานนฺทํ วา กจฺจายนํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เต มยฺหํ ญาเณน สํสเนฺทตฺวา กเถสฺสนฺติ, ตโตปิ ธมฺมปฎิคฺคาหกา ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติฯ เตสมหํ ‘สุกถิตํ, ภิกฺขเว, อานเนฺทน, สุกถิตํ กจฺจายเนน, มํ เจปิ ตุเมฺห เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยาถ, อหมฺปิ นํ เอวเมว พฺยากเรยฺย’นฺติ เอวํ เต ปุคฺคเล โถเมสฺสามิฯ ตโต เตสุ คารวํ ชเนตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิสฺสนฺติ, เตปิ ภิกฺขู อเตฺถ จ ธเมฺม จ นิโยเชสฺสนฺติ, เต เตหิ นิโยชิตา ติโสฺส สิกฺขา ปริปูเรตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติฯ

    Uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisīti paññattavarabuddhāsanato uṭṭhahitvā vihāraṃ antomahāgandhakuṭiṃ pāvisi asambhinnāya eva parisāya. Kasmā? Buddhā hi aniṭṭhitāya desanāya asambhinnāya parisāya uṭṭhāyāsanā gandhakuṭiṃ pavisantā puggalathomanatthaṃ vā pavisanti dhammathomanatthaṃ vā. Tattha puggalathomanatthaṃ pavisanto satthā evaṃ cintesi – ‘‘imaṃ mayā saṃkhittena uddesaṃ uddiṭṭhaṃ vitthārena ca avibhattaṃ dhammapaṭiggāhakā bhikkhū uggahetvā ānandaṃ vā kaccāyanaṃ vā upasaṅkamitvā pucchissanti, te mayhaṃ ñāṇena saṃsandetvā kathessanti, tatopi dhammapaṭiggāhakā puna maṃ pucchissanti. Tesamahaṃ ‘sukathitaṃ, bhikkhave, ānandena, sukathitaṃ kaccāyanena, maṃ cepi tumhe etamatthaṃ puccheyyātha, ahampi naṃ evameva byākareyya’nti evaṃ te puggale thomessāmi. Tato tesu gāravaṃ janetvā bhikkhū upasaṅkamissanti, tepi bhikkhū atthe ca dhamme ca niyojessanti, te tehi niyojitā tisso sikkhā paripūretvā dukkhassantaṃ karissantī’’ti.

    อถ วา ปนสฺส เอวํ โหติ – ‘‘เอส มยิ ปกฺกเนฺต อตฺตโน อานุภาวํ กริสฺสติ, อถ นํ อหมฺปิ ตเถว โถเมสฺสามิ, ตํ มม โถมนํ สุตฺวา คารวชาตา ภิกฺขู อิมํ อุปสงฺกมิตพฺพํ, วจนญฺจสฺส โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มญฺญิสฺสนฺติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ ธมฺมโถมนตฺถํ ปวิสโนฺต เอวํ จิเนฺตสิ ยถา ธมฺมทายาทสุเตฺต จิเนฺตสิฯ ตตฺร หิสฺส เอวํ อโหสิ – ‘‘มยิ วิหารํ ปวิเฎฺฐ อามิสทายาทํ ครหโนฺต ธมฺมทายาทญฺจ โถเมโนฺต อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสิโนฺน สาริปุโตฺต ธมฺมํ เทเสสฺสติ, เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ เอกชฺฌาสยาย มติยา เทสิตา อยํ เทสนา อคฺคา จ ครุกา จ ภวิสฺสติ ปาสาณจฺฉตฺตสทิสา’’ติฯ

    Atha vā panassa evaṃ hoti – ‘‘esa mayi pakkante attano ānubhāvaṃ karissati, atha naṃ ahampi tatheva thomessāmi, taṃ mama thomanaṃ sutvā gāravajātā bhikkhū imaṃ upasaṅkamitabbaṃ, vacanañcassa sotabbaṃ saddhātabbaṃ maññissanti, taṃ tesaṃ bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti dhammathomanatthaṃ pavisanto evaṃ cintesi yathā dhammadāyādasutte cintesi. Tatra hissa evaṃ ahosi – ‘‘mayi vihāraṃ paviṭṭhe āmisadāyādaṃ garahanto dhammadāyādañca thomento imissaṃyeva parisati nisinno sāriputto dhammaṃ desessati, evaṃ dvinnampi amhākaṃ ekajjhāsayāya matiyā desitā ayaṃ desanā aggā ca garukā ca bhavissati pāsāṇacchattasadisā’’ti.

    อิธ ปน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุกฺกํเสตฺวา ปกาเสตฺวา ฐเปตุกาโม ปุคฺคลโถมนตฺถํ อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ อีทิเสสุ ฐาเนสุ ภควา นิสินฺนาสเนเยว อนฺตรหิโต จิตฺตคติยา วิหารํ ปวิสตีติ เวทิตโพฺพฯ ยทิ หิ กายคติยา คเจฺฉยฺย, สพฺพา ปริสา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา คเจฺฉยฺย, สา เอกวารํ ภินฺนา ปุน ทุสฺสนฺนิปาตา ภเวยฺยาติ ภควา อทิสฺสมาเนน กาเยน จิตฺตคติยา เอว ปาวิสิฯ

    Idha pana āyasmantaṃ sāriputtaṃ ukkaṃsetvā pakāsetvā ṭhapetukāmo puggalathomanatthaṃ uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi. Īdisesu ṭhānesu bhagavā nisinnāsaneyeva antarahito cittagatiyā vihāraṃ pavisatīti veditabbo. Yadi hi kāyagatiyā gaccheyya, sabbā parisā bhagavantaṃ parivāretvā gaccheyya, sā ekavāraṃ bhinnā puna dussannipātā bhaveyyāti bhagavā adissamānena kāyena cittagatiyā eva pāvisi.

    เอวํ ปวิเฎฺฐ ปน ภควติ ภควโต อธิปฺปายานุรูปเมว สีหนาทํ นทิตุกาโม ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามเนฺตสิฯ ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิตนฺติ อิทํ นาม ปุจฺฉิสฺสตีติ ปุเพฺพ มยา อวิทิตํ อญฺญาตํฯ ปฐมํ ปญฺหนฺติ, ‘‘สเจ ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ กถํ ชานตา ปน ตยา, อาวุโส สาริปุตฺต, กถํ ปสฺสตา อญฺญา พฺยากตา ขีณา ชาตี’’ติ อิมํ ปฐมํ ปญฺหํฯ ทนฺธายิตตฺตนฺติ สตฺถุ อาสยชานนตฺถํ ทนฺธภาโว อสีฆตาฯ ปฐมํ ปญฺหํ อนุโมทีติ, ‘‘ชาติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, กิํนิทานา’’ติ อิมํ ทุติยํ ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต, ‘‘ยํนิทานาวุโส, ชาตี’’ติ เอวํ วิสฺสชฺชิตํ ปฐมํ ปญฺหํ อนุโมทิฯ

    Evaṃ paviṭṭhe pana bhagavati bhagavato adhippāyānurūpameva sīhanādaṃ naditukāmo tatra kho āyasmā sāriputto acirapakkantassa bhagavato bhikkhū āmantesi. Pubbe appaṭisaṃviditanti idaṃ nāma pucchissatīti pubbe mayā aviditaṃ aññātaṃ. Paṭhamaṃ pañhanti, ‘‘sace taṃ, sāriputta, evaṃ puccheyyuṃ kathaṃ jānatā pana tayā, āvuso sāriputta, kathaṃ passatā aññā byākatā khīṇā jātī’’ti imaṃ paṭhamaṃ pañhaṃ. Dandhāyitattanti satthu āsayajānanatthaṃ dandhabhāvo asīghatā. Paṭhamaṃ pañhaṃ anumodīti, ‘‘jāti panāvuso sāriputta, kiṃnidānā’’ti imaṃ dutiyaṃ pañhaṃ pucchanto, ‘‘yaṃnidānāvuso, jātī’’ti evaṃ vissajjitaṃ paṭhamaṃ pañhaṃ anumodi.

    เอตทโหสีติ ภควตา อนุโมทิเต นยสเตน นยสหเสฺสน ปญฺหสฺส เอกงฺคณิกภาเวน ปากฎีภูตตฺตา เอตํ อโหสิฯ ทิวสมฺปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยนฺติ สกลทิวสมฺปิ อหํ ภควโต เอตํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทตฺถํ ปุโฎฺฐ สกลทิวสมฺปิ อญฺญมเญฺญหิ ปทพฺยญฺชเนหิ พฺยากเรยฺยํฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘เถโร อุฬารสีหนาทํ นทติ, สุการณํ เอตํ, ทสพลสฺส นํ อาโรเจสฺสามี’’ติฯ ตสฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ

    Etadahosīti bhagavatā anumodite nayasatena nayasahassena pañhassa ekaṅgaṇikabhāvena pākaṭībhūtattā etaṃ ahosi. Divasampāhaṃ bhagavato etamatthaṃ byākareyyanti sakaladivasampi ahaṃ bhagavato etaṃ paṭiccasamuppādatthaṃ puṭṭho sakaladivasampi aññamaññehi padabyañjanehi byākareyyaṃ. Yena bhagavā tenupasaṅkamīti evaṃ kirassa ahosi – ‘‘thero uḷārasīhanādaṃ nadati, sukāraṇaṃ etaṃ, dasabalassa naṃ ārocessāmī’’ti. Tasmā yena bhagavā tenupasaṅkami.

    สา หิ ภิกฺขุ สาริปุตฺตสฺส ธมฺมธาตูติ เอตฺถ ธมฺมธาตูติ ปจฺจยาการสฺส วิวฎภาวทสฺสนสมตฺถํ สาวกปารมีญาณํฯ สาวกานญฺหิ สาวกปารมีญาณํ สพฺพญฺญุตญฺญาณคติกเมว โหติฯ ยถา พุทฺธานํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปากฎา โหนฺติ, เอวํ เถรสฺส สาวกปารมีญาณํ สเพฺพปิ สาวกญาณสฺส โคจรธเมฺม ชานาตีติฯ ทุติยํฯ

    Sā hi bhikkhu sāriputtassa dhammadhātūti ettha dhammadhātūti paccayākārassa vivaṭabhāvadassanasamatthaṃ sāvakapāramīñāṇaṃ. Sāvakānañhi sāvakapāramīñāṇaṃ sabbaññutaññāṇagatikameva hoti. Yathā buddhānaṃ atītānāgatapaccuppannā dhammā sabbaññutaññāṇassa pākaṭā honti, evaṃ therassa sāvakapāramīñāṇaṃ sabbepi sāvakañāṇassa gocaradhamme jānātīti. Dutiyaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. กฬารสุตฺตํ • 2. Kaḷārasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. กฬารสุตฺตวณฺณนา • 2. Kaḷārasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact