Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๘. กาลิกนิเทฺทสวณฺณนา
8. Kālikaniddesavaṇṇanā
๘๔. อิทานิ เย เต จตฺตาโร กาลิกา มุนินา วุตฺตา ‘‘ยาวกาลิกํ ยามกาลิกํ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิก’’นฺติ, เต ทเสฺสตุํ ‘‘กาลิกา จา’’ติ ปทํ อุทฺธฎํฯ ตตฺถ (ปาจิ. ๒๕๔-๒๕๖; ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๕๓-๒๕๖) กตเม เต กาลิกาติ เจ, เต ทเสฺสตุํ ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติอาทิมาหฯ เตสุ อรุณุคฺคมนโต ยาว ฐิตมชฺฌนฺหิกา ภุญฺชิตพฺพโต ยาวกาลิกํฯ อรุณุคฺคมนโต ยาว ยามาวสานา ปิปาสาย สติ ปิปาสเจฺฉทนตฺถํ ปาตพฺพโต ยาโม กาโล อสฺสาติ ยามกาลิกํฯ เตน อุปสเมตเพฺพ อาพาเธ สติ ยาว สตฺตาหา ปริภุญฺชิตพฺพโต สตฺตาหกาลิกํฯ อาพาเธ สติ ยาวชีวํ ปริหริตฺวา ภุญฺชิตพฺพโต ยาวชีวิกํฯ
84. Idāni ye te cattāro kālikā muninā vuttā ‘‘yāvakālikaṃ yāmakālikaṃ sattāhakālikaṃ yāvajīvika’’nti, te dassetuṃ ‘‘kālikā cā’’ti padaṃ uddhaṭaṃ. Tattha (pāci. 254-256; pāci. aṭṭha. 253-256) katame te kālikāti ce, te dassetuṃ ‘‘yāvakālika’’ntiādimāha. Tesu aruṇuggamanato yāva ṭhitamajjhanhikā bhuñjitabbato yāvakālikaṃ. Aruṇuggamanato yāva yāmāvasānā pipāsāya sati pipāsacchedanatthaṃ pātabbato yāmo kālo assāti yāmakālikaṃ. Tena upasametabbe ābādhe sati yāva sattāhā paribhuñjitabbato sattāhakālikaṃ. Ābādhe sati yāvajīvaṃ pariharitvā bhuñjitabbato yāvajīvikaṃ.
๘๕. เตสุ ยาวกาลิกํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปิฎฺฐํ มูลํ ผลํ ขชฺช’’นฺติอาทิมาหฯ เอตฺถ (ปาจิ. ๒๔๘-๒๕๐; ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๔๘-๒๔๙) ปิฎฺฐขาทนียํ นาม สตฺตนฺนํ ตาว ธญฺญานํ ธญฺญานุโลมานํ อปรณฺณานญฺจ ปิฎฺฐํ ปนสปิฎฺฐํ ลพุชปิฎฺฐํ อมฺพาฎกปิฎฺฐํ สาลปิฎฺฐํ โธตกตาลปิฎฺฐํ ขีรวลฺลิปิฎฺฐญฺจาติ เอวมาทีนิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถญฺจ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกานิ ปิฎฺฐานิ ยาวกาลิกานิฯ อิมินาว ลกฺขเณน มูลขาทนียาทีสุปิ ยาวกาลิกลกฺขณํ เวทิตพฺพํ, อติวิตฺถารภเยน สํขิตฺตํฯ โครโส นาม ขีรทธิตกฺกรโสฯ ธญฺญโภชนนฺติ สานุโลมานิ สตฺตธญฺญานิ จ ปญฺจวิธโภชนญฺจาติ อโตฺถฯ ยาคุสูปปฺปภุตโยติ เอตฺถ ปภุติ-สเทฺทน กนฺทขาทนียํ มุฬาลขาทนียํ มตฺถกขาทนียํ ขนฺธขาทนียํ ตจขาทนียํ ปตฺตขาทนียํ ปุปฺผขาทนียํ อฎฺฐิขาทนียํ นิยฺยาสขาทนียนฺติ อิมานิ สงฺคหิตานีติ เวทิตพฺพานิฯ
85. Tesu yāvakālikaṃ dassetuṃ ‘‘piṭṭhaṃ mūlaṃ phalaṃ khajja’’ntiādimāha. Ettha (pāci. 248-250; pāci. aṭṭha. 248-249) piṭṭhakhādanīyaṃ nāma sattannaṃ tāva dhaññānaṃ dhaññānulomānaṃ aparaṇṇānañca piṭṭhaṃ panasapiṭṭhaṃ labujapiṭṭhaṃ ambāṭakapiṭṭhaṃ sālapiṭṭhaṃ dhotakatālapiṭṭhaṃ khīravallipiṭṭhañcāti evamādīni tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthañca bhojanīyatthañca pharaṇakāni piṭṭhāni yāvakālikāni. Imināva lakkhaṇena mūlakhādanīyādīsupi yāvakālikalakkhaṇaṃ veditabbaṃ, ativitthārabhayena saṃkhittaṃ. Goraso nāma khīradadhitakkaraso. Dhaññabhojananti sānulomāni sattadhaññāni ca pañcavidhabhojanañcāti attho. Yāgusūpappabhutayoti ettha pabhuti-saddena kandakhādanīyaṃ muḷālakhādanīyaṃ matthakakhādanīyaṃ khandhakhādanīyaṃ tacakhādanīyaṃ pattakhādanīyaṃ pupphakhādanīyaṃ aṭṭhikhādanīyaṃ niyyāsakhādanīyanti imāni saṅgahitānīti veditabbāni.
ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – ภิสสงฺขาโต ปทุมปุณฺฑรีกกโนฺท ปิณฺฑาลุมสาลุกอาทโย วลฺลิกโนฺท อาลุวกโนฺท ตาลกโนฺทติ เอวมาทิ กนฺทขาทนียํฯ ปทุมมุฬาลาทโย มุฬาลขาทนียํฯ ตาลหินฺตาลกุนฺตาลเกตกนาฬิเกรปูครุกฺขขชฺชูรีอาทีนํ กฬีรสงฺขาตา มตฺถกา มตฺถกขาทนียํฯ อุจฺฉุขโนฺธ นีลุปฺปลรตฺตุปฺปลกุมุทโสคนฺธิกานํ ปุปฺผทณฺฑกานีติ เอวมาทิ ขนฺธขาทนียํฯ ตจขาทนียํ อุจฺฉุตโจ เอว เอโก ยาวกาลิโก, โสปิ สรโสฯ มูลกํ ขารโก จจฺจุ ตมฺพุโก ตณฺฑุเลยฺยโกติ เอวมาทิ ปตฺตขาทนียํฯ มูลกปุปฺผํ ขารกปุปฺผํ จจฺจุปุปฺผํ ตมฺพุกปุปฺผนฺติ เอวมาทิ ปุปฺผขาทนียํ, อโสกปุปฺผํ ปน ยาวชีวิกํฯ ลพุชปนสฎฺฐิอาทิ อฎฺฐิขาทนียํฯ นิยฺยาสขาทนีเย ยาวกาลิกํ นตฺถิฯ เอเต วุตฺตปฺปการา ยาวกาลิกา โหนฺตีติ อโตฺถฯ
Tatridaṃ mukhamattanidassanaṃ – bhisasaṅkhāto padumapuṇḍarīkakando piṇḍālumasālukaādayo vallikando āluvakando tālakandoti evamādi kandakhādanīyaṃ. Padumamuḷālādayo muḷālakhādanīyaṃ. Tālahintālakuntālaketakanāḷikerapūgarukkhakhajjūrīādīnaṃ kaḷīrasaṅkhātā matthakā matthakakhādanīyaṃ. Ucchukhandho nīluppalarattuppalakumudasogandhikānaṃ pupphadaṇḍakānīti evamādi khandhakhādanīyaṃ. Tacakhādanīyaṃ ucchutaco eva eko yāvakāliko, sopi saraso. Mūlakaṃ khārako caccu tambuko taṇḍuleyyakoti evamādi pattakhādanīyaṃ. Mūlakapupphaṃ khārakapupphaṃ caccupupphaṃ tambukapupphanti evamādi pupphakhādanīyaṃ, asokapupphaṃ pana yāvajīvikaṃ. Labujapanasaṭṭhiādi aṭṭhikhādanīyaṃ. Niyyāsakhādanīye yāvakālikaṃ natthi. Ete vuttappakārā yāvakālikā hontīti attho.
๘๖. อิทานิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฎฺฐ ปานานิ อมฺพปานํ ชมฺพุปานํ โจจปานํ โมจปานํ มธุกปานํ มุทฺทิกปานํ สาลูกปานํ ผารุสกปาน’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) เอวํ วุตฺตํ อฎฺฐวิธํ ปานกํ ยามกาลิกํ นามาติ ทเสฺสตุํ ‘‘มธู’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๐) มธุชํ มุทฺทิกชํ สาลูกชํ โจจชํ โมจชํ อมฺพุชํ ชมฺพุชญฺจาติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ เอตฺถ มธุชํ นาม มธุกานํ ชาติรเสน กตํ, ตํ ปน อุทกสมฺภินฺนเมว วฎฺฎติ, สุทฺธํ น วฎฺฎติฯ มุทฺทิกปานํ นาม มุทฺทิกา อุทเก มทฺทิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา คหิตํฯ สาลูกปานํ นาม รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทีนํ กิญฺชกฺขเรหิ กตํฯ เสสานิ ปากฎาเนวฯ เอตฺถ ปน สเจ สยํ เอตานิ ยาวกาลิกวตฺถูนิ ปฎิคฺคเหตฺวา อุทเก มทฺทิตฺวา อาตเป อาทิจฺจปาเกน ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ปานกํ กโรติ, ตํ ปุเรภตฺตเมว กปฺปติฯ สเจ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ ลภติ, ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตํ นิรามิสปริโภเคน ยาว อรุณุคฺคมนา วฎฺฎติฯ อิมานิ อฎฺฐ ปานานิ สีตานิปิ อาทิจฺจปากานิปิ วฎฺฎนฺติ, อคฺคิปากานิ ปน น วฎฺฎนฺติ, ตสฺมา ‘‘นคฺคิสนฺตตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ
86. Idāni ‘‘anujānāmi, bhikkhave, aṭṭha pānāni ambapānaṃ jambupānaṃ cocapānaṃ mocapānaṃ madhukapānaṃ muddikapānaṃ sālūkapānaṃ phārusakapāna’’nti (mahāva. 300) evaṃ vuttaṃ aṭṭhavidhaṃ pānakaṃ yāmakālikaṃ nāmāti dassetuṃ ‘‘madhū’’tiādimāha. Tattha (mahāva. aṭṭha. 300) madhujaṃ muddikajaṃ sālūkajaṃ cocajaṃ mocajaṃ ambujaṃ jambujañcāti evamattho gahetabbo. Ettha madhujaṃ nāma madhukānaṃ jātirasena kataṃ, taṃ pana udakasambhinnameva vaṭṭati, suddhaṃ na vaṭṭati. Muddikapānaṃ nāma muddikā udake madditvā parissāvetvā gahitaṃ. Sālūkapānaṃ nāma rattuppalanīluppalādīnaṃ kiñjakkharehi kataṃ. Sesāni pākaṭāneva. Ettha pana sace sayaṃ etāni yāvakālikavatthūni paṭiggahetvā udake madditvā ātape ādiccapākena pacitvā parissāvetvā pānakaṃ karoti, taṃ purebhattameva kappati. Sace anupasampannena kataṃ labhati, tadahupurebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattaṃ nirāmisaparibhogena yāva aruṇuggamanā vaṭṭati. Imāni aṭṭha pānāni sītānipi ādiccapākānipi vaṭṭanti, aggipākāni pana na vaṭṭanti, tasmā ‘‘naggisantatta’’nti vuttaṃ.
๘๗. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ผลรสํ ฐเปตฺวา ธญฺญผลรส’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) วุตฺตตฺตา ธญฺญผลรโส ปน น วฎฺฎติ, เตน วุตฺตํ ‘‘สานุโลมานิ ธญฺญานิ ฐเปตฺวา’’ติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปุปฺผรสํ ฐเปตฺวา มธุกปุปฺผรส’’นฺติ วุตฺตตฺตา มธุกปุปฺผรโส อาทิจฺจปาโก วา โหตุ อคฺคิปาโก วา, ปจฺฉาภตฺตํ น วฎฺฎติ, เตน วุตฺตํ ‘‘มธุกปุปฺผมญฺญตฺรา’’ติฯ
87. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ phalarasaṃ ṭhapetvā dhaññaphalarasa’’nti (mahāva. 300) vuttattā dhaññaphalaraso pana na vaṭṭati, tena vuttaṃ ‘‘sānulomāni dhaññāni ṭhapetvā’’ti. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ puppharasaṃ ṭhapetvā madhukapuppharasa’’nti vuttattā madhukapuppharaso ādiccapāko vā hotu aggipāko vā, pacchābhattaṃ na vaṭṭati, tena vuttaṃ ‘‘madhukapupphamaññatrā’’ti.
๘๘. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปตฺตรสํ ฐเปตฺวา ฑากรส’’นฺติ วุตฺตตฺตา อุทเกน ปกฺกานมฺปิ ยาวกาลิกปตฺตานํ รโส ปุเรภตฺตเมว วฎฺฎติ, สีโตทเกน มทฺทิตานํ รโส ยามกาลิกํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฐเปตฺวา ปกฺกฑากช’’นฺติฯ ยาวชีวิกปณฺณสฺส อุทเกน ปกฺกสฺส รโส ยาวชีวิโก โหติฯ
88. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ pattarasaṃ ṭhapetvā ḍākarasa’’nti vuttattā udakena pakkānampi yāvakālikapattānaṃ raso purebhattameva vaṭṭati, sītodakena madditānaṃ raso yāmakālikaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘ṭhapetvā pakkaḍākaja’’nti. Yāvajīvikapaṇṇassa udakena pakkassa raso yāvajīviko hoti.
๘๙. อิทานิ สตฺตาหกาลิเก ทเสฺสตุํ ‘‘สปฺปี’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ (มหาว. ๒๖๐) ปน –
89. Idāni sattāhakālike dassetuṃ ‘‘sappī’’tiādimāha. Ettha (mahāva. 260) pana –
‘‘สปฺปิโนนีตเตลานิ, มธุผาณิตเมว จ;
‘‘Sappinonītatelāni, madhuphāṇitameva ca;
สตฺตาหกาลิกา สปฺปิ, เยสํ มํสมวาริต’’นฺติฯ –
Sattāhakālikā sappi, yesaṃ maṃsamavārita’’nti. –
ปาโฐ คเหตโพฺพฯ เอวํ ปน คหิเต วสา เตลคฺคหเณน คหิตาว โหติ ‘‘เตลํ นาม ติลเตลํ สาสปเตลํ มธุกเตลํ เอรณฺฑเตลํ วสาเตล’’นฺติ (ปารา. ๖๒๓; ปาจิ. ๒๖๐) เอวํ ปาฬิยํ วิตฺถาริตตฺตาฯ เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา วสา จ ‘‘มธุผาณิต’’นฺติ ปาเฐ คหิเต ยาวกาลิกภูตา วสา สตฺตาหกาลิกาติ อาปเชฺชยฺย, ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสายนียานิ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิต’’นฺติ (ปารา. ๖๒๒) เอวํ ปเญฺจว ภควตา สตฺตาหกาลิกเภสชฺชานิ อนุญฺญาตานิ, ตโต อุตฺตริ ฉฎฺฐสฺส สตฺตาหกาลิกเภสชฺชสฺส อตฺถิตาปิ อาปชฺชติ, เภสชฺชกฺขนฺธเกปิ ภควตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวสํ กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) เอวํ สตฺตาหกาลิกวเสน วสํ อนนุชานิตฺวา ตโต นิพฺพตฺตเตลเมว อนุญฺญาตํ, ตสฺมา ‘‘มธุผาณิตเมว จา’’ติ ปาเฐ อคฺคหิเต ปาฬิยา อฎฺฐกถาย จ วิรุชฺฌติฯ เถเรน ปน อุตฺตรวิหารวาสีนํ ขุทฺทสิกฺขาย อาคตนเยน วุตฺตํฯ เตสํ ปน –
Pāṭho gahetabbo. Evaṃ pana gahite vasā telaggahaṇena gahitāva hoti ‘‘telaṃ nāma tilatelaṃ sāsapatelaṃ madhukatelaṃ eraṇḍatelaṃ vasātela’’nti (pārā. 623; pāci. 260) evaṃ pāḷiyaṃ vitthāritattā. Evaṃ pana aggahetvā vasā ca ‘‘madhuphāṇita’’nti pāṭhe gahite yāvakālikabhūtā vasā sattāhakālikāti āpajjeyya, ‘‘yāni kho pana tāni gilānānaṃ bhikkhūnaṃ paṭisāyanīyāni bhesajjāni, seyyathidaṃ – sappi navanītaṃ telaṃ madhu phāṇita’’nti (pārā. 622) evaṃ pañceva bhagavatā sattāhakālikabhesajjāni anuññātāni, tato uttari chaṭṭhassa sattāhakālikabhesajjassa atthitāpi āpajjati, bhesajjakkhandhakepi bhagavatā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vasāni bhesajjāni acchavasaṃ macchavasaṃ susukāvasaṃ sūkaravasaṃ gadrabhavasaṃ kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjitu’’nti (mahāva. 262) evaṃ sattāhakālikavasena vasaṃ ananujānitvā tato nibbattatelameva anuññātaṃ, tasmā ‘‘madhuphāṇitameva cā’’ti pāṭhe aggahite pāḷiyā aṭṭhakathāya ca virujjhati. Therena pana uttaravihāravāsīnaṃ khuddasikkhāya āgatanayena vuttaṃ. Tesaṃ pana –
‘‘สปฺปิ นวนีตํ เตลํ, มธุ ผาณิตปญฺจมํ;
‘‘Sappi navanītaṃ telaṃ, madhu phāṇitapañcamaṃ;
อจฺฉมจฺฉวสาทิ จ, โหนฺติ สตฺตาหกาลิกา’’ติฯ –
Acchamacchavasādi ca, honti sattāhakālikā’’ti. –
เอวมาคตํฯ อมฺหากํ ปน วิสุํ สตฺตาหกาลิเก อาคตฎฺฐานํ นตฺถีติ วทนฺติ, อุปปริกฺขิตพฺพํฯ
Evamāgataṃ. Amhākaṃ pana visuṃ sattāhakālike āgataṭṭhānaṃ natthīti vadanti, upaparikkhitabbaṃ.
อิทานิ เตสุ สปฺปิํ ทเสฺสตุํ ‘‘เยสํ มํสปวาริต’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘สปฺปินาม โคสปฺปิ วา อชิกาสปฺปิ วา มหิํ สสปฺปิ วาฯ เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปิ, นวนีตํ นาม เตสํเยว นวนีต’’นฺติ (ปารา. ๖๒๓; ปาจิ. ๒๖๐) ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา นวนีตํ ปน คหิตนฺติ น วิตฺถาริตํ , สปฺปิ ปน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ตทหุ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปินิรามิสมฺปิ วฎฺฎติฯ ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสํ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ สตฺตาหาติกฺกเม สเจ เอกภาชเน ฐปิตํ, เอกํ นิสฺสคฺคิยํฯ สเจ พหูสุ, วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยานิฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ สปฺปิ ตาเปนฺตสฺส สามํปาโก น โหติ, ‘‘นวนีตํ ปน ตาเปนฺตสฺส หิ สามํปาโก น โหติ, สามํปเกฺกน ปน เตน สทฺธิํ อามิสํ น วฎฺฎตี’’ติ จ ‘‘สเจ อนุปสมฺปโนฺน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตนวนีเตน สปฺปิํ กตฺวา เทติ, ปุเรภตฺตํ สามิสํ วฎฺฎติฯ สเจ สยํ กโรติ, สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎตี’’ติ จ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๒) นวนีตมฺหิเยว สามํปากตา วุตฺตา, น สปฺปิมฺหิฯ ยํ ปน กงฺขาวิตรณิยํ วุตฺตํ ‘‘นิพฺพตฺติตสปฺปิ วา นวนีตํ วา ปจิตุํ วฎฺฎตี’’ติ, ‘‘ตํ ปน ตทหุ ปุเรภตฺตมฺปิ สามิสํ ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) จ, ตตฺถ ยาวกาลิกวตฺถุนา อสมฺมิสฺสํ สุโธตํ นวนีตํ สนฺธาย ‘‘ปจิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ สยํปจิตสตฺตาหกาลิเกน สทฺธิํ ยทิ อามิสํ ภุญฺชติ, ตํ อามิสํ สยํปกฺกสตฺตาหกาลิเกน มิสฺสิตํ อตฺตโน ยาวกาลิกภาวํ สตฺตาหกาลิเกน คณฺหาเปติ, ตถา จ สติ ยาวกาลิกํ อปกฺกมฺปิ สยํปกฺกภาวํ อุปคจฺฉตีติ ‘‘สามิสํ ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ยถา สยํปกฺกสตฺตาหกาลิกวสาเตลํ สยํภชฺชิตสาสปาทิยาวชีวิกวตฺถูนํ เตลญฺจ สามิสํ ตทหุ ปุเรภตฺตมฺปิ น วฎฺฎติ, ตถา นวนีตสปฺปีติ เวทิตพฺพํฯ วกฺขติ จ อาจริโย –
Idāni tesu sappiṃ dassetuṃ ‘‘yesaṃ maṃsapavārita’’nti vuttaṃ. ‘‘Sappināma gosappi vā ajikāsappi vā mahiṃ sasappi vā. Yesaṃ maṃsaṃ kappati, tesaṃ sappi, navanītaṃ nāma tesaṃyeva navanīta’’nti (pārā. 623; pāci. 260) pāḷiyaṃ vuttattā navanītaṃ pana gahitanti na vitthāritaṃ , sappi pana purebhattaṃ paṭiggahitaṃ tadahu purebhattaṃ sāmisampinirāmisampi vaṭṭati. Pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisaṃ paribhuñjitabbaṃ. Sattāhātikkame sace ekabhājane ṭhapitaṃ, ekaṃ nissaggiyaṃ. Sace bahūsu, vatthugaṇanāya nissaggiyapācittiyāni. Pacchābhattaṃ paṭiggahitaṃ sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Sappi tāpentassa sāmaṃpāko na hoti, ‘‘navanītaṃ pana tāpentassa hi sāmaṃpāko na hoti, sāmaṃpakkena pana tena saddhiṃ āmisaṃ na vaṭṭatī’’ti ca ‘‘sace anupasampanno purebhattaṃ paṭiggahitanavanītena sappiṃ katvā deti, purebhattaṃ sāmisaṃ vaṭṭati. Sace sayaṃ karoti, sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭatī’’ti ca samantapāsādikāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.622) navanītamhiyeva sāmaṃpākatā vuttā, na sappimhi. Yaṃ pana kaṅkhāvitaraṇiyaṃ vuttaṃ ‘‘nibbattitasappi vā navanītaṃ vā pacituṃ vaṭṭatī’’ti, ‘‘taṃ pana tadahu purebhattampi sāmisaṃ paribhuñjituṃ na vaṭṭatī’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā) ca, tattha yāvakālikavatthunā asammissaṃ sudhotaṃ navanītaṃ sandhāya ‘‘pacituṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Sayaṃpacitasattāhakālikena saddhiṃ yadi āmisaṃ bhuñjati, taṃ āmisaṃ sayaṃpakkasattāhakālikena missitaṃ attano yāvakālikabhāvaṃ sattāhakālikena gaṇhāpeti, tathā ca sati yāvakālikaṃ apakkampi sayaṃpakkabhāvaṃ upagacchatīti ‘‘sāmisaṃ paribhuñjituṃ na vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Yathā sayaṃpakkasattāhakālikavasātelaṃ sayaṃbhajjitasāsapādiyāvajīvikavatthūnaṃ telañca sāmisaṃ tadahu purebhattampi na vaṭṭati, tathā navanītasappīti veditabbaṃ. Vakkhati ca ācariyo –
‘‘ยาวกาลิกอาทีนิ, สํสฎฺฐานิ สหตฺตนาฯ คาหาปยนฺติ สพฺภาว’’นฺติ จ,
‘‘Yāvakālikaādīni, saṃsaṭṭhāni sahattanā. Gāhāpayanti sabbhāva’’nti ca,
‘‘เตเหว ภิกฺขุนา ปกฺกํ, กปฺปเต ยาวชีวิกํ;
‘‘Teheva bhikkhunā pakkaṃ, kappate yāvajīvikaṃ;
นิรามิสญฺจ สตฺตาหํ, สามิเส สามปากตา’’ติ จฯ
Nirāmisañca sattāhaṃ, sāmise sāmapākatā’’ti ca.
ยา ปน สมนฺตปาสาทิกายํ นวนีตมฺหิ สามํปากตา วุตฺตา, สา ตกฺกาทิสมฺมิสฺสํ อโธตนวนีตํ สนฺธาย วุตฺตาฯ ตสฺมา วิญฺญูนํ สมนฺตปาสาทิกาปิ กงฺขาวิตรณีปิ สเมนฺติ, ตํ นวนีตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาจริยา วทนฺติฯ อิทเมว ยุตฺตํฯ ยทิ สปฺปิมฺหิ สามํปากตา โหติ, อวสฺสํเยว สมนฺตปาสาทิกายํ วุเจฺจยฺย, ตตฺถ ปน ‘‘สปฺปิ ตาว ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ, ตทหุ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ นิรามิสมฺปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๒) หิ วุตฺตํ, น ปจนวิธานํฯ มนุสฺสสปฺปินวนีตานํ, อเญฺญสมฺปิ หตฺถิอสฺสาทีนํ อกปฺปิยมํสสปฺปินวนีตานํ สตฺตาหาติกฺกเม ทุกฺกฎํฯ กิํ ปน ตํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตีติ? อาม วฎฺฎติฯ กสฺมา? ปฎิเกฺขปาภาวา จ สพฺพอฎฺฐกถาสุ อนุญฺญาตตฺตา จฯ ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปิ, นวนีต’’นฺติ (ปารา. ๖๒๓) อิทํ ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ, น อเญฺญสํ วารณตฺถายฯ
Yā pana samantapāsādikāyaṃ navanītamhi sāmaṃpākatā vuttā, sā takkādisammissaṃ adhotanavanītaṃ sandhāya vuttā. Tasmā viññūnaṃ samantapāsādikāpi kaṅkhāvitaraṇīpi samenti, taṃ navanītaṃ sandhāya vuttanti ācariyā vadanti. Idameva yuttaṃ. Yadi sappimhi sāmaṃpākatā hoti, avassaṃyeva samantapāsādikāyaṃ vucceyya, tattha pana ‘‘sappi tāva purebhattaṃ paṭiggahitaṃ, tadahu purebhattaṃ sāmisampi nirāmisampi paribhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.622) hi vuttaṃ, na pacanavidhānaṃ. Manussasappinavanītānaṃ, aññesampi hatthiassādīnaṃ akappiyamaṃsasappinavanītānaṃ sattāhātikkame dukkaṭaṃ. Kiṃ pana taṃ paribhuñjituṃ vaṭṭatīti? Āma vaṭṭati. Kasmā? Paṭikkhepābhāvā ca sabbaaṭṭhakathāsu anuññātattā ca. ‘‘Yesaṃ maṃsaṃ kappati, tesaṃ sappi, navanīta’’nti (pārā. 623) idaṃ pana nissaggiyavatthuṃ dassetuṃ vuttaṃ, na aññesaṃ vāraṇatthāya.
๙๐. อิทานิ เตลํ ทเสฺสตุํ ‘‘เตลํ ติลวเสรณฺฑมธุสาสปสมฺภว’’นฺติอาทิมาหฯ เอตฺถ ติลาทีหิ สมฺภวํ นิพฺพตฺตํ เตลนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๐) ปน ปุเรภตฺตํ ติเล ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สวตฺถุกปฺปฎิคฺคหิตตฺตา อนโชฺฌหรณียํฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลํ อนโชฺฌหรณียํ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ เอรณฺฑมธุกสาสปฎฺฐีนิ ปฎิคฺคเหตฺวา สเจ ตานิ ภชฺชิตฺวา เตลํ กโรติ, ตทหุ ปุเรภตฺตมฺปิ สามิสํ น วฎฺฎติ, สามํปากตา โหติฯ สเจ อภชฺชิตฺวา กโรติ, ตทหุ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมว วฎฺฎติ, ปริภุญฺชิตพฺพวตฺถูนํ ยาวชีวิกตฺตา สวตฺถุกปฺปฎิคฺคหเณ โทโส นตฺถีติฯ เตลคฺคหณตฺถาย เอรณฺฑกฎฺฐิอาทีนิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ อติกฺกามยโต ทุกฺกฎํฯ ตถา ปาฬิยํ อนาคตานิ อทสฺสิตานิ โกสมฺพกกุสุมฺภาทีนํ เตลานิฯ
90. Idāni telaṃ dassetuṃ ‘‘telaṃ tilavaseraṇḍamadhusāsapasambhava’’ntiādimāha. Ettha tilādīhi sambhavaṃ nibbattaṃ telanti sambandho. Ettha (pārā. aṭṭha. 1.100) pana purebhattaṃ tile paṭiggahetvā katatelaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya savatthukappaṭiggahitattā anajjhoharaṇīyaṃ. Pacchābhattaṃ paṭiggahetvā katatelaṃ anajjhoharaṇīyaṃ, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ. Eraṇḍamadhukasāsapaṭṭhīni paṭiggahetvā sace tāni bhajjitvā telaṃ karoti, tadahu purebhattampi sāmisaṃ na vaṭṭati, sāmaṃpākatā hoti. Sace abhajjitvā karoti, tadahu purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva vaṭṭati, paribhuñjitabbavatthūnaṃ yāvajīvikattā savatthukappaṭiggahaṇe doso natthīti. Telaggahaṇatthāya eraṇḍakaṭṭhiādīni paṭiggahetvā sattāhaṃ atikkāmayato dukkaṭaṃ. Tathā pāḷiyaṃ anāgatāni adassitāni kosambakakusumbhādīnaṃ telāni.
อิทานิ มธุวิกติํ ทเสฺสตุํ ‘‘ขุทฺทาภมรมธุกริ-มกฺขิกาหิ กต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๓) ขุทฺทาติ ขุทฺทมกฺขิกาฯ ภมราติ มหาภมรมกฺขิกา ฯ ทณฺฑเกสุ มธุกรา มธุกริมกฺขิกา นามฯ เอตาหิ ตีหิ มกฺขิกาหิ กตํ มธุ นามาติ อโตฺถฯ ‘‘มธุ นาม มกฺขิกามธู’’ติ ปาฬิยํ (ปารา. ๖๒๓; ปาจิ. ๒๖๐) วุตฺตตฺตา อเญฺญหิ ตุมฺพฎกาทีหิ กตํ สตฺตาหกาลิกํ น โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Idāni madhuvikatiṃ dassetuṃ ‘‘khuddābhamaramadhukari-makkhikāhi kata’’nti vuttaṃ. Tattha (pārā. aṭṭha. 2.623) khuddāti khuddamakkhikā. Bhamarāti mahābhamaramakkhikā . Daṇḍakesu madhukarā madhukarimakkhikā nāma. Etāhi tīhi makkhikāhi kataṃ madhu nāmāti attho. ‘‘Madhu nāma makkhikāmadhū’’ti pāḷiyaṃ (pārā. 623; pāci. 260) vuttattā aññehi tumbaṭakādīhi kataṃ sattāhakālikaṃ na hotīti veditabbaṃ.
อิทานิ ผาณิตํ ทเสฺสตุํ ‘‘รสาทิอุจฺฉุวิกติ, ปกฺกาปกฺกา จ ผาณิต’’นฺติ อาหฯ ปกฺกา จ อปกฺกา จ รสาทิอุจฺฉุวิกติ ผาณิตนฺติ อโตฺถฯ มธุกปุปฺผผาณิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสํ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ตสฺส สตฺตาหาติกฺกเม ทุกฺกฎํฯ จิญฺจผาณิตญฺจ อมฺพผาณิตญฺจ ยาวกาลิกเมวฯ
Idāni phāṇitaṃ dassetuṃ ‘‘rasādiucchuvikati, pakkāpakkā ca phāṇita’’nti āha. Pakkā ca apakkā ca rasādiucchuvikati phāṇitanti attho. Madhukapupphaphāṇitaṃ purebhattaṃ sāmisaṃ vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Tassa sattāhātikkame dukkaṭaṃ. Ciñcaphāṇitañca ambaphāṇitañca yāvakālikameva.
๙๑. อิทานิ เอเตสุ วสาเตลสฺส โอทิสฺส อนุญฺญาตตฺตา ตํ วิสุํ อุทฺธริตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สวตฺถุปกฺกา สามํ วา’’ติอาทิมาหฯ สตฺตวิธญฺหิ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๓) โอทิสฺสํ นาม พฺยาโธทิสฺสํ ปุคฺคโลทิสฺสํ กาโลทิสฺสํ สมโยทิสฺสํ เทโสทิสฺสํ วโสทิสฺสํ เภสโชฺชทิสฺสนฺติฯ
91. Idāni etesu vasātelassa odissa anuññātattā taṃ visuṃ uddharitvā dassetuṃ ‘‘savatthupakkā sāmaṃ vā’’tiādimāha. Sattavidhañhi (pārā. aṭṭha. 2.623) odissaṃ nāma byādhodissaṃ puggalodissaṃ kālodissaṃ samayodissaṃ desodissaṃ vasodissaṃ bhesajjodissanti.
ตตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํสํ อามกโลหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) วุตฺตํ, อิทํ พฺยาโธทิสฺสํ นามฯ เอตฺถ ปน กาเลปิ วิกาเลปิ กปฺปิยากปฺปิยมํสโลหิตํ วฎฺฎติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โรมนฺถกสฺส โรมนฺถน’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๓) เอวํ อนุญฺญาตํ ปุคฺคโลทิสฺสํ นามฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตฺตาริ มหาวิกฎานิ ทาตุํ คูถํ มุตฺตํ ฉาริกํ มตฺติก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๘) เอวํ สปฺปทฎฺฐกาเล อปฺปฎิคฺคหิตกํ อนุญฺญาตํ กาโลทิสฺสํ นามฯ คณโภชนาทิ สมโยทิสฺสํ นามฯ คณงฺคณูปาหนานิ เทโสทิสฺสํ นามฯ วโสทิสฺสํ นาม ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๒) เอวํ วสานาเมน อนุญฺญาตํฯ ตํ ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ สเพฺพสํ กปฺปิยากปฺปิยวสานํ เตลํ ตํตทตฺถิกานํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ เภสโชฺชทิสฺสํ นาม ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปญฺจ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๑) เอวํ เภสชฺชนาเมน วุตฺตานิ สปฺปิอาทีนิ ปญฺจฯ
Tattha ‘‘anujānāmi, bhikkhave, amanussikābādhe āmakamaṃsaṃ āmakalohita’’nti (mahāva. 264) vuttaṃ, idaṃ byādhodissaṃ nāma. Ettha pana kālepi vikālepi kappiyākappiyamaṃsalohitaṃ vaṭṭati. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, romanthakassa romanthana’’nti (cūḷava. 273) evaṃ anuññātaṃ puggalodissaṃ nāma. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, cattāri mahāvikaṭāni dātuṃ gūthaṃ muttaṃ chārikaṃ mattika’’nti (mahāva. 268) evaṃ sappadaṭṭhakāle appaṭiggahitakaṃ anuññātaṃ kālodissaṃ nāma. Gaṇabhojanādi samayodissaṃ nāma. Gaṇaṅgaṇūpāhanāni desodissaṃ nāma. Vasodissaṃ nāma ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vasāni bhesajjānī’’ti (mahāva. 262) evaṃ vasānāmena anuññātaṃ. Taṃ ṭhapetvā manussavasaṃ sabbesaṃ kappiyākappiyavasānaṃ telaṃ taṃtadatthikānaṃ telaparibhogena paribhuñjituṃ vaṭṭati. Bhesajjodissaṃ nāma ‘‘anujānāmi, bhikkhave, tāni pañca bhesajjānī’’ti (mahāva. 261) evaṃ bhesajjanāmena vuttāni sappiādīni pañca.
ยถา ปน ขีรทธิอาทีหิ ปกฺกเตลํ ปจฺฉาภตฺตํ น วฎฺฎติ, น เอวมิทํฯ อิทํ ปน เตลํ สวตฺถุกปกฺกมฺปิ วฎฺฎติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สวตฺถุปกฺกา สามํ วา’’ติ วุตฺตํฯ วสํ โอโลเกตฺวา ‘‘สวตฺถุปกฺกา’’ติ วุตฺตํฯ สามํ ปกฺกา วาติ อโตฺถฯ ยถา สวตฺถุกปฺปฎิคฺคหิตตฺตา สามํปกฺกตฺตา ทธิอาทีหิ ปกฺกเตลํ อตฺตนา กตํ ปุเรภตฺตมฺปิ น วฎฺฎติ, น เอวมิทํฯ อิทํ ปน อตฺตนา สวตฺถุกปกฺกมฺปิ ปุเรภตฺตมฺปิ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ ปน การณูปจาเรน วสาเตลํ ‘‘วสา’’ติ วุตฺตํฯ
Yathā pana khīradadhiādīhi pakkatelaṃ pacchābhattaṃ na vaṭṭati, na evamidaṃ. Idaṃ pana telaṃ savatthukapakkampi vaṭṭati, taṃ dassetuṃ ‘‘savatthupakkā sāmaṃ vā’’ti vuttaṃ. Vasaṃ oloketvā ‘‘savatthupakkā’’ti vuttaṃ. Sāmaṃ pakkā vāti attho. Yathā savatthukappaṭiggahitattā sāmaṃpakkattā dadhiādīhi pakkatelaṃ attanā kataṃ purebhattampi na vaṭṭati, na evamidaṃ. Idaṃ pana attanā savatthukapakkampi purebhattampi pacchābhattampi vaṭṭatīti attho. Ettha pana kāraṇūpacārena vasātelaṃ ‘‘vasā’’ti vuttaṃ.
กาเลติ ปุเรภตฺตกาเล ปเรหิ วา อตฺตนา วา ปกฺกาติ อโตฺถฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปน ปจิตุํ น วฎฺฎติ ‘‘กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตาฯ ตสฺมา ‘‘กาเล’’ติ วุตฺตํฯ โย ปน วิกาเล ปฎิคฺคเหตฺวา วิกาเล ปจิตฺวา วิกาเล ปริสฺสาเวตฺวา ปริภุญฺชติ, โส ตีณิ ทุกฺกฎานิ อาปชฺชติฯ
Kāleti purebhattakāle parehi vā attanā vā pakkāti attho. Pacchābhattaṃ pana pacituṃ na vaṭṭati ‘‘kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭha’’nti (mahāva. 262) vuttattā. Tasmā ‘‘kāle’’ti vuttaṃ. Yo pana vikāle paṭiggahetvā vikāle pacitvā vikāle parissāvetvā paribhuñjati, so tīṇi dukkaṭāni āpajjati.
อมานุสาติ เอตฺถ (มหาว. ๒๖๒) ปน อจฺฉวสาทีนํ อนุญฺญาตตฺตา ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ สเพฺพสํ อกปฺปิยมํสานํ วสา อนุญฺญาตาติ เวทิตพฺพาฯ มํเสสุ หิ มนุสฺสหตฺถิมํสาทีนิ ทส มํสานิ ปฎิกฺขิตฺตานิ, วสา ปน เอกา มนุสฺสวสา เอวฯ
Amānusāti ettha (mahāva. 262) pana acchavasādīnaṃ anuññātattā ṭhapetvā manussavasaṃ sabbesaṃ akappiyamaṃsānaṃ vasā anuññātāti veditabbā. Maṃsesu hi manussahatthimaṃsādīni dasa maṃsāni paṭikkhittāni, vasā pana ekā manussavasā eva.
อนุปสมฺปเนฺนน (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๓) กตนิพฺพฎฺฎิตวสาเตลํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ยํ ปเนตฺถ สุขุมรชสทิสํ มํสํ วา นฺหารุ วา อฎฺฐิ วา โลหิตํ วา, ตํ อโพฺพหาริกํฯ สเจ สยํ กโรติ, ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา สตฺตาหํ นิรามิสเมว ปริภุญฺชิตพฺพํฯ นิรามิสปริโภคญฺหิ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒)ฯ อเญฺญสนฺติ สปฺปิอาทีนํฯ วตฺถุนฺติ ยาวกาลิกภูตํ วตฺถุํฯ ยาวกาลิกวตฺถูนํ วตฺถุํ น ปเจติ สมฺพโนฺธฯ
Anupasampannena (pārā. aṭṭha. 2.623) katanibbaṭṭitavasātelaṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Yaṃ panettha sukhumarajasadisaṃ maṃsaṃ vā nhāru vā aṭṭhi vā lohitaṃ vā, taṃ abbohārikaṃ. Sace sayaṃ karoti, purebhattaṃ paṭiggahetvā pacitvā parissāvetvā sattāhaṃ nirāmisameva paribhuñjitabbaṃ. Nirāmisaparibhogañhi sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjitu’’nti (mahāva. 262). Aññesanti sappiādīnaṃ. Vatthunti yāvakālikabhūtaṃ vatthuṃ. Yāvakālikavatthūnaṃ vatthuṃ na paceti sambandho.
๙๒. อิทานิ ยาวชีวิกวิกติํ ทเสฺสตุํ ‘‘หลิทฺที’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถายมนุตฺตานปทโตฺถ (มหาว. ๒๖๓; ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๔๘-๒๔๙) – ปญฺจมูลาทิกญฺจาปีติ เอตฺถ ทฺวิปญฺจมูเลน สทฺธิํ อญฺญานิปิ ตคฺคติกานิ มูลเภสชฺชานิ คหิตานีติ ญาตพฺพํฯ
92. Idāni yāvajīvikavikatiṃ dassetuṃ ‘‘haliddī’’tiādi vuttaṃ. Tatthāyamanuttānapadattho (mahāva. 263; pāci. aṭṭha. 248-249) – pañcamūlādikañcāpīti ettha dvipañcamūlena saddhiṃ aññānipi taggatikāni mūlabhesajjāni gahitānīti ñātabbaṃ.
๙๓-๕. พิฬงฺคาทีนิ ผลเภสชฺชานิฯ ตตฺถ (มหาว. ๒๖๓) โคฎฺฐผลนฺติ มทนผลนฺติ วทนฺติฯ กปฺปาสาทีนํ ปณฺณนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิเม ปน วุตฺตปฺปการา มูลเภสชฺชผลเภสชฺชปณฺณเภสชฺชวเสน วุตฺตา สเพฺพ กปฺปิยาฯ อิเมสํ ปุปฺผผลปณฺณมูลา สเพฺพปิ กปฺปิยา ยาวชีวิกาเยวฯ ฐเปตฺวา อุจฺฉุนิยฺยาสํ สโพฺพ จ นิยฺยาโส สรสญฺจ อุจฺฉุชํ ตจํ ฐเปตฺวา สโพฺพ จ ตโจติ สมฺพโนฺธฯ
93-5. Biḷaṅgādīni phalabhesajjāni. Tattha (mahāva. 263) goṭṭhaphalanti madanaphalanti vadanti. Kappāsādīnaṃ paṇṇanti sambandho. Ime pana vuttappakārā mūlabhesajjaphalabhesajjapaṇṇabhesajjavasena vuttā sabbe kappiyā. Imesaṃ pupphaphalapaṇṇamūlā sabbepi kappiyā yāvajīvikāyeva. Ṭhapetvā ucchuniyyāsaṃ sabbo ca niyyāso sarasañca ucchujaṃ tacaṃ ṭhapetvā sabbo ca tacoti sambandho.
๙๖. มธุนา (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๓) อมกฺขิตํ สุทฺธสิตฺถญฺจฯ มธุมกฺขิตํ ปน สตฺตาหกาลิกเมวฯ ยญฺจ กิญฺจีติ โอทนํ มํสํ อฎฺฐิอาทีนีติ อโตฺถฯ
96. Madhunā (pārā. aṭṭha. 2.623) amakkhitaṃ suddhasitthañca. Madhumakkhitaṃ pana sattāhakālikameva. Yañca kiñcīti odanaṃ maṃsaṃ aṭṭhiādīnīti attho.
๙๗. ‘‘ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺติ, ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริหริตุํ, สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชิตุํ , อสติ ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺตสฺส อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๓) วุตฺตตฺตา ‘‘อาหารตฺถมสาเธนฺตํ, สพฺพํ ตํ ยาวชีวิก’’นฺติ วุตฺตํฯ
97. ‘‘Yāni vā panaññānipi atthi neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti, na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharanti, tāni paṭiggahetvā yāvajīvaṃ pariharituṃ, sati paccaye paribhuñjituṃ , asati paccaye paribhuñjantassa āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 263) vuttattā ‘‘āhāratthamasādhentaṃ, sabbaṃ taṃ yāvajīvika’’nti vuttaṃ.
๙๘. สพฺพสฺสาติ คิลานสฺสาปิ อคิลานสฺสปีติ อโตฺถฯ กาลิกตฺตยนฺติ ยาวกาลิกํ วเชฺชตฺวา อวเสสํ สติ ปจฺจเย วิกาเล กปฺปตีติ อโตฺถฯ
98.Sabbassāti gilānassāpi agilānassapīti attho. Kālikattayanti yāvakālikaṃ vajjetvā avasesaṃ sati paccaye vikāle kappatīti attho.
๙๙. ชนยนฺตุโภติ ชนยนฺติ อุโภฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยาวกาลิกยามกาลิกสงฺขาตา อุโภ กาลิกา อตฺตโน กาลมติกฺกมิตฺวา ปริภุตฺตา ปาจิตฺติํ ชนยนฺตีติ อโตฺถฯ กิญฺจ ภิโยฺย (มหาว. ๒๗๔; มหาว. อฎฺฐ. ๒๗๔; กงฺขา. อฎฺฐ. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา) – อุโภปิ ปเนเต อกปฺปิยกุฎิยํ วุตฺตา อโนฺตวุตฺถํ ทุกฺกฎญฺจ, ปุนทิวเส ปริภุญฺชโต สนฺนิธิํ ปาจิตฺติยญฺจ ชนยนฺตีติ อโตฺถฯ
99.Janayantubhoti janayanti ubho. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yāvakālikayāmakālikasaṅkhātā ubho kālikā attano kālamatikkamitvā paribhuttā pācittiṃ janayantīti attho. Kiñca bhiyyo (mahāva. 274; mahāva. aṭṭha. 274; kaṅkhā. aṭṭha. sannidhikārakasikkhāpadavaṇṇanā) – ubhopi panete akappiyakuṭiyaṃ vuttā antovutthaṃ dukkaṭañca, punadivase paribhuñjato sannidhiṃ pācittiyañca janayantīti attho.
๑๐๐. อนารุเฬฺหติ ปาฬิยํ อนาคเต มนุสฺสสปฺปิอาทิมฺหีติ อโตฺถฯ
100.Anāruḷheti pāḷiyaṃ anāgate manussasappiādimhīti attho.
๑๐๑. นิสฺสฎฺฐลทฺธนฺติ (ปารา. ๖๒๔) วินยกมฺมํ กตฺวา ปุน ลทฺธนฺติ อโตฺถฯ วิกเปฺปนฺตสฺส สตฺตาเหติ สตฺตาหพฺภนฺตเร สามเณรสฺส ‘‘อิทํ สปฺปิํ เตล’’นฺติอาทินา นเยน นามํ คเหตฺวา ‘‘ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติ วา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส วิกเปฺปมี’’ติ วา สมฺมุขาปิ วา ปรมฺมุขาปิ วา วิกเปฺปนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สมฺพโนฺธฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาปตฺติ อโนฺตสตฺตาเห อธิเฎฺฐติ, วิสฺสเชฺชติ, นสฺสติ, วินสฺสติ, ฑยฺหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺติ, วิสฺสาสํ คณฺหนฺตี’’ติ (ปารา. ๖๒๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ‘‘วิกเปฺปมี’’ติ อิทํ ปน นตฺถิฯ กิญฺจาปิ นตฺถิ, อถ โข ‘‘อนธิฎฺฐิเต อธิฎฺฐิตสญฺญี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, อวิกปฺปิเต วิกปฺปิตสญฺญี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. ๖๒๔) อาปตฺติวาเร อาคตตฺตา เถเรน ทสฺสิตํฯ ตํ ทเสฺสเนฺตนาปิ สเจ อุปสมฺปนฺนสฺส วิกเปฺปติ, อตฺตโน เอว สนฺตกํ โหติ, ปฎิคฺคหณมฺปิ น วิชหติ, ตสฺมา อุปสมฺปนฺนวเสน อทเสฺสตฺวา อนุปสมฺปนฺนวเสน ทสฺสิตํฯ ตสฺส หิ วิกปฺปิเต ปฎิคฺคหณมฺปิ วิชหติ, อาปตฺติปิ น โหตีติฯ อธิฎฺฐโตติ อพฺภญฺชนาทีนิ อธิฎฺฐหนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อโตฺถฯ สเจ ปน สตฺตาหพฺภนฺตเร นิรเปโกฺข หุตฺวา อนุปสมฺปนฺนสฺส ปริจฺจชติ, ปริจฺจตฺตตฺตา อนาปตฺติ, อิตรสฺส จ อปฺปฎิคฺคหิตตฺตา อุภินฺนมฺปิ กายิกปริโภโค วฎฺฎติฯ อนิสฺสคฺคิยตฺตา ปน พาหิรปริโภเคน วฎฺฎติฯ ‘‘ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุญฺชิตพฺพานี’’ติ (ปารา. ๖๒๓) เอวํ นิยเมตฺวา อนุญฺญาตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อญฺญสฺส ททโตปิ จ อนาปตฺตี’’ติฯ
101.Nissaṭṭhaladdhanti (pārā. 624) vinayakammaṃ katvā puna laddhanti attho. Vikappentassa sattāheti sattāhabbhantare sāmaṇerassa ‘‘idaṃ sappiṃ tela’’ntiādinā nayena nāmaṃ gahetvā ‘‘tuyhaṃ vikappemī’’ti vā ‘‘itthannāmassa vikappemī’’ti vā sammukhāpi vā parammukhāpi vā vikappentassa anāpattīti sambandho. Pāḷiyaṃ pana ‘‘anāpatti antosattāhe adhiṭṭheti, vissajjeti, nassati, vinassati, ḍayhati, acchinditvā gaṇhanti, vissāsaṃ gaṇhantī’’ti (pārā. 625) ettakameva vuttaṃ, ‘‘vikappemī’’ti idaṃ pana natthi. Kiñcāpi natthi, atha kho ‘‘anadhiṭṭhite adhiṭṭhitasaññī nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, avikappite vikappitasaññī nissaggiyaṃ pācittiya’’nti (pārā. 624) āpattivāre āgatattā therena dassitaṃ. Taṃ dassentenāpi sace upasampannassa vikappeti, attano eva santakaṃ hoti, paṭiggahaṇampi na vijahati, tasmā upasampannavasena adassetvā anupasampannavasena dassitaṃ. Tassa hi vikappite paṭiggahaṇampi vijahati, āpattipi na hotīti. Adhiṭṭhatoti abbhañjanādīni adhiṭṭhahantassa anāpattīti attho. Sace pana sattāhabbhantare nirapekkho hutvā anupasampannassa pariccajati, pariccattattā anāpatti, itarassa ca appaṭiggahitattā ubhinnampi kāyikaparibhogo vaṭṭati. Anissaggiyattā pana bāhiraparibhogena vaṭṭati. ‘‘Tāni paṭiggahetvā sattāhaparamaṃ sannidhikārakaṃ paribhuñjitabbānī’’ti (pārā. 623) evaṃ niyametvā anuññātattā vuttaṃ ‘‘aññassa dadatopi ca anāpattī’’ti.
๑๐๒. สพฺภาวนฺติ อตฺตโน สภาวํฯ ยสฺมา คาหาปยนฺติ, ตสฺมา เอวมุทีริตนฺติ วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ อิทานิ วกฺขมานํ สนฺธาย ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํฯ
102.Sabbhāvanti attano sabhāvaṃ. Yasmā gāhāpayanti, tasmā evamudīritanti vuttanti attho. Idāni vakkhamānaṃ sandhāya ‘‘eva’’nti vuttaṃ.
๑๐๓-๕. สตฺตาหํ ยาวชีวิกนฺติ (มหาว. ๓๐๕; มหาว. อฎฺฐ. กงฺขา. อฎฺฐ. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา) สตฺตาหกาลิกญฺจ ยาวชีวิกญฺจาติ อโตฺถฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกทฺวยํ เสสกาลิกสมฺมิสฺสํ สมฺภินฺนรสํ กตฺวา ปริภุญฺชโต สนฺนิธิปาจิตฺติ โหตีติ อุทีริตนฺติฯ ตทหุ ปฎิคฺคหิตํ ตทเหวาติ อโตฺถฯ เสสนฺติ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกทฺวยํฯ อิตรนฺติ ยาวชีวิกํฯ ปุเร ปฎิคฺคหิตํ วา โหตุ, ตทหุ วา ปฎิคฺคหิตํ, ยาวชีวิกํ สตฺตาหกาลิเกน สตฺตาหํ กปฺปตีติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยามกาลิกํ, สตฺตาหกาลิกํ, ยาวชีวิกํ ตทหุ ปฎิคฺคหิตํ กาเล กปฺปติ, โน วิกาเลฯ ยามกาลิเกน, ภิกฺขเว, สตฺตาหกาลิกํ, ยาวชีวิกํ ตทหุ ปฎิคฺคหิตํ ยาเม กปฺปติ, ยามาติกฺกเนฺต น กปฺปติฯ สตฺตาหกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยาวชีวิกํ ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปติ, สตฺตาหาติกฺกเนฺต น กปฺปตี’’ติ หิ เภสชฺชกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๕) วุตฺตํฯ เอตฺถ ปน ‘‘ตทหุ ปฎิคฺคหิต’’นฺติ วิเสสวจนสฺส นตฺถิตาย ปุเร ปฎิคฺคหิตมฺปิ วฎฺฎตีติ สิทฺธนฺติฯ กาลิกวินิจฺฉโยฯ
103-5.Sattāhaṃ yāvajīvikanti (mahāva. 305; mahāva. aṭṭha. kaṅkhā. aṭṭha. sannidhikārakasikkhāpadavaṇṇanā) sattāhakālikañca yāvajīvikañcāti attho. Kiṃ vuttaṃ hoti? Sattāhakālikayāvajīvikadvayaṃ sesakālikasammissaṃ sambhinnarasaṃ katvā paribhuñjato sannidhipācitti hotīti udīritanti. Tadahu paṭiggahitaṃ tadahevāti attho. Sesanti sattāhakālikayāvajīvikadvayaṃ. Itaranti yāvajīvikaṃ. Pure paṭiggahitaṃ vā hotu, tadahu vā paṭiggahitaṃ, yāvajīvikaṃ sattāhakālikena sattāhaṃ kappatīti veditabbaṃ. ‘‘Yāvakālikena, bhikkhave, yāmakālikaṃ, sattāhakālikaṃ, yāvajīvikaṃ tadahu paṭiggahitaṃ kāle kappati, no vikāle. Yāmakālikena, bhikkhave, sattāhakālikaṃ, yāvajīvikaṃ tadahu paṭiggahitaṃ yāme kappati, yāmātikkante na kappati. Sattāhakālikena, bhikkhave, yāvajīvikaṃ paṭiggahitaṃ sattāhaṃ kappati, sattāhātikkante na kappatī’’ti hi bhesajjakkhandhake (mahāva. 305) vuttaṃ. Ettha pana ‘‘tadahu paṭiggahita’’nti visesavacanassa natthitāya pure paṭiggahitampi vaṭṭatīti siddhanti. Kālikavinicchayo.
กาลิกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kālikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.