Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๘. กาลิกนิเทฺทสวณฺณนา
8. Kālikaniddesavaṇṇanā
๘๔. กาลิกาติ มชฺฌนฺหิกปจฺฉิมยามสตฺตาหยาวชีวปฺปวตฺติสงฺขาโต กาโล เอเตสมตฺถีติ กาลิกา, สเพฺพปิ ขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยสงฺขาตา อตฺถาฯ เต ปน คณนปริเจฺฉทโต จตฺตาโร โหนฺติฯ กิํ เต อปฺปฎิคฺคหิตาปิ สภาเวเนว กาลิกโวหารํ ลภนฺติ, อุทาหุ อญฺญถาปีติ อาห ‘‘ปฎิคฺคหิตา’’ติ, ปฎิคฺคหิตาเยว เต ยาวกาลิกาทิ กาลิกโวหารลาภิโน, โน อญฺญถาติ อธิปฺปาโยฯ อิทานิ เต ทเสฺสติ ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติอาทินาฯ ตตฺถ อรุณุคฺคมนโต ยาว ฐิตมชฺฌนฺหิโก, ตาว ปริภุญฺชิตพฺพตฺตา ยาว มชฺฌนฺหิกสงฺขาโต กาโล อสฺสาติ ยาวกาลิกํ, ปิฎฺฐขาทนียาทิกํ วตฺถุ, ฐิตมชฺฌนฺหิกโต ปฎฺฐาย ตํ ปริภุญฺชิตุํ น สกฺกา, กาลปริเจฺฉทชานนตฺถํ กาลตฺถโมฺภ วา โยเชตโพฺพ, กาลนฺตเร วา ภตฺตกิจฺจํ กาตพฺพํฯ ยาว รตฺติยา ปจฺฉิมสงฺขาโต ยาโม, ตาว ปริภุญฺชิตพฺพโต ยาโม กาโล อสฺสาติ ยามกาลิกํฯ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ นิเธตพฺพโต สตฺตาโห กาโล อสฺสาติ สตฺตาหกาลิกํฯ ฐเปตฺวา อุทกํ อวเสสํ สพฺพมฺปิ ปฎิคฺคหิตํ ยาวชีวํ ปริหริตฺวา สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชิตพฺพโต ชีวสฺส ยตฺตโก ปริเจฺฉโท ยาวชีวํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ ยาวชีวิกํฯ
84.Kālikāti majjhanhikapacchimayāmasattāhayāvajīvappavattisaṅkhāto kālo etesamatthīti kālikā, sabbepi khajjabhojjaleyyapeyyasaṅkhātā atthā. Te pana gaṇanaparicchedato cattāro honti. Kiṃ te appaṭiggahitāpi sabhāveneva kālikavohāraṃ labhanti, udāhu aññathāpīti āha ‘‘paṭiggahitā’’ti, paṭiggahitāyeva te yāvakālikādi kālikavohāralābhino, no aññathāti adhippāyo. Idāni te dasseti ‘‘yāvakālika’’ntiādinā. Tattha aruṇuggamanato yāva ṭhitamajjhanhiko, tāva paribhuñjitabbattā yāva majjhanhikasaṅkhāto kālo assāti yāvakālikaṃ, piṭṭhakhādanīyādikaṃ vatthu, ṭhitamajjhanhikato paṭṭhāya taṃ paribhuñjituṃ na sakkā, kālaparicchedajānanatthaṃ kālatthambho vā yojetabbo, kālantare vā bhattakiccaṃ kātabbaṃ. Yāva rattiyā pacchimasaṅkhāto yāmo, tāva paribhuñjitabbato yāmo kālo assāti yāmakālikaṃ. Paṭiggahetvā sattāhaṃ nidhetabbato sattāho kālo assāti sattāhakālikaṃ. Ṭhapetvā udakaṃ avasesaṃ sabbampi paṭiggahitaṃ yāvajīvaṃ pariharitvā sati paccaye paribhuñjitabbato jīvassa yattako paricchedo yāvajīvaṃ, taṃ assa atthīti yāvajīvikaṃ.
นนุ จ อญฺญตฺถ วิย ‘‘ยาวชีวิก’’นฺติ เอตฺถ กาลสุติยา อภาเว กถํ ‘‘จตฺตาโร กาลิกา’’ติ ยุชฺชตีติ? ยุชฺชติ, โสคตานํ ขนฺธวินิมุตฺตเสฺสว กาลสฺสาภาวโต ชีวสงฺขาตสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส ขนฺธสงฺคหิตตฺตา โสปิ กาโลเยวาติฯ นนุ เจตฺถ ‘‘ยาวกาลิก’’นฺติอาทินา นิทฺทิฎฺฐาเนว ‘‘กาลิกา’’ติ วุตฺตานิ, ‘‘กาลิกานี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ? เนทเมวํ วิเญฺญยฺยํ, ‘‘กาลิก’’นฺติอาทีนิ วตฺถุสมฺพเนฺธน วุตฺตานิ, ‘‘กาลิกา’’ติ ปน สามญฺญนฺตรวเสน อตฺถสทฺทสมฺพเนฺธน วุตฺตนฺติ นตฺถิ วิโรโธติฯ
Nanu ca aññattha viya ‘‘yāvajīvika’’nti ettha kālasutiyā abhāve kathaṃ ‘‘cattāro kālikā’’ti yujjatīti? Yujjati, sogatānaṃ khandhavinimuttasseva kālassābhāvato jīvasaṅkhātassa jīvitindriyassa khandhasaṅgahitattā sopi kāloyevāti. Nanu cettha ‘‘yāvakālika’’ntiādinā niddiṭṭhāneva ‘‘kālikā’’ti vuttāni, ‘‘kālikānī’’ti vattabbaṃ siyāti? Nedamevaṃ viññeyyaṃ, ‘‘kālika’’ntiādīni vatthusambandhena vuttāni, ‘‘kālikā’’ti pana sāmaññantaravasena atthasaddasambandhena vuttanti natthi virodhoti.
๘๕. อิทานิ เตสุ ‘‘ปิฎฺฐ’’นฺติอาทินา ยาวกาลิกํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ปิฎฺฐํ มูลํ ผลนฺติ ปิฎฺฐขาทนียํ มูลขาทนียํ ผลขาทนียญฺจ ฯ ตตฺถ สตฺตนฺนํ ตาว ธญฺญานํ ธญฺญานุโลมานํ อปรณฺณานญฺจ ปิฎฺฐํ ปนสลพุชอมฺพาฎกโธตตาลปิฎฺฐาทิกเญฺจติ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน ๐๓ มนุสฺสานํ ขาทนียโภชนียกิจฺจสาธกํ ปิฎฺฐํ ปิฎฺฐขาทนียํฯ ‘‘อโธตํ ตาลปิฎฺฐํ ขีรวลฺลิปิฎฺฐ’’นฺติอาทินา คณิยมานานํ คณนาย อโนฺต นตฺถิ, ขาทนียโภชนียกิจฺจสาธกภาโวเยว ปเนเตสํ ลกฺขณํ, สุพหุํ วตฺวาปิ อิมสฺมิํเยว ลกฺขเณ ฐาตพฺพนฺติ น วิตฺถารยามฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ ตมฺพกตณฺฑุเลยฺยาทิมูลํ มูลขาทนียํฯ ปนสลพุชนาฬิเกราทิผลํ ผลขาทนียํฯ ขชฺชนฺติ สกฺขลิโมทกาทิปุพฺพณฺณาปรณฺณมยํ ขาทนียญฺจฯ โครโสติ ขีรทธิตกฺกสงฺขาโต คุนฺนํ รโส จฯ ธญฺญโภชนนฺติ สานุโลมานํ ธญฺญานํ โอทนสตฺตุกุมฺมาสสงฺขาตโภชนญฺจฯ ฎีกายํ ปน ‘‘สานุโลมานิ สตฺตธญฺญานิ จ ปญฺจวิธโภชนญฺจา’’ติ วุตฺตํ, ตํ น ยุตฺตํ, ธญฺญานํ วิสุํ คหเณ ปโยชนาภาวา, ปโยชนสมฺภเว จ ผลคฺคหเณเนว เตสํ คหณสมฺภวโตฯ
85. Idāni tesu ‘‘piṭṭha’’ntiādinā yāvakālikaṃ dasseti. Tattha piṭṭhaṃ mūlaṃ phalanti piṭṭhakhādanīyaṃ mūlakhādanīyaṃ phalakhādanīyañca . Tattha sattannaṃ tāva dhaññānaṃ dhaññānulomānaṃ aparaṇṇānañca piṭṭhaṃ panasalabujaambāṭakadhotatālapiṭṭhādikañceti tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena 03 manussānaṃ khādanīyabhojanīyakiccasādhakaṃ piṭṭhaṃ piṭṭhakhādanīyaṃ. ‘‘Adhotaṃ tālapiṭṭhaṃ khīravallipiṭṭha’’ntiādinā gaṇiyamānānaṃ gaṇanāya anto natthi, khādanīyabhojanīyakiccasādhakabhāvoyeva panetesaṃ lakkhaṇaṃ, subahuṃ vatvāpi imasmiṃyeva lakkhaṇe ṭhātabbanti na vitthārayāma. Evaṃ sabbattha. Tambakataṇḍuleyyādimūlaṃ mūlakhādanīyaṃ. Panasalabujanāḷikerādiphalaṃ phalakhādanīyaṃ. Khajjanti sakkhalimodakādipubbaṇṇāparaṇṇamayaṃ khādanīyañca. Gorasoti khīradadhitakkasaṅkhāto gunnaṃ raso ca. Dhaññabhojananti sānulomānaṃ dhaññānaṃ odanasattukummāsasaṅkhātabhojanañca. Ṭīkāyaṃ pana ‘‘sānulomāni sattadhaññāni ca pañcavidhabhojanañcā’’ti vuttaṃ, taṃ na yuttaṃ, dhaññānaṃ visuṃ gahaṇe payojanābhāvā, payojanasambhave ca phalaggahaṇeneva tesaṃ gahaṇasambhavato.
ยาคุสูปปฺปภุตโยติ ยาคุ จ สูปญฺจ, ตํ ปภุติ เยสํ เตติ เอเต ยาวกาลิกา โหนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถ จ ปภุติ-สเทฺทน มจฺฉมํสสงฺขาตํ ธญฺญโภชนโต อวสิฎฺฐํ โภชนญฺจ ปิฎฺฐมูลผลขาทนียโต อวสิฎฺฐํ กนฺทขาทนียํ, มุฬาลขาทนียาทิญฺจ สงฺคณฺหาติฯ เตสุ ทีโฆ จ ภิสกนฺทาทิ วโฎฺฎ จ อุปฺปลกณฺฑาทิ กนฺทขาทนียํ, ปทุมมูลาทิ จ ตํสทิสํ เอรกมูลาทิ จ มุฬาลขาทนียํ, ตาลาทีนํ กฬีรสงฺขาตา มตฺถกา มตฺถกขาทนียํ, อุจฺฉุกฺขนฺธาทโย นีลุปฺปลาทีนํ ทณฺฑกฺขนฺธกาทิ ขนฺธขาทนียํ, ตมฺพกตณฺฑุเลยฺยาทีนํ ปณฺณํ ปตฺตขาทนียํ, อุจฺฉุตโจว เอโก สรโส ตจขาทนียํ, ตมฺพกสิคฺคุปุปฺผาทิ ปุปฺผขาทนียํ, ลพุชฎฺฐิปนสฎฺฐิอาทิกํ อฎฺฐิขาทนียํฯ
Yāgusūpappabhutayoti yāgu ca sūpañca, taṃ pabhuti yesaṃ teti ete yāvakālikā hontīti sambandho. Ettha ca pabhuti-saddena macchamaṃsasaṅkhātaṃ dhaññabhojanato avasiṭṭhaṃ bhojanañca piṭṭhamūlaphalakhādanīyato avasiṭṭhaṃ kandakhādanīyaṃ, muḷālakhādanīyādiñca saṅgaṇhāti. Tesu dīgho ca bhisakandādi vaṭṭo ca uppalakaṇḍādi kandakhādanīyaṃ, padumamūlādi ca taṃsadisaṃ erakamūlādi ca muḷālakhādanīyaṃ, tālādīnaṃ kaḷīrasaṅkhātā matthakā matthakakhādanīyaṃ, ucchukkhandhādayo nīluppalādīnaṃ daṇḍakkhandhakādi khandhakhādanīyaṃ, tambakataṇḍuleyyādīnaṃ paṇṇaṃ pattakhādanīyaṃ, ucchutacova eko saraso tacakhādanīyaṃ, tambakasiggupupphādi pupphakhādanīyaṃ, labujaṭṭhipanasaṭṭhiādikaṃ aṭṭhikhādanīyaṃ.
๘๖. ‘‘มธู’’ติอาทินา ยามกาลิกํ ทเสฺสติฯ มธุ จ มุทฺทิกา จ สาลูกญฺจ โจจญฺจ โมจญฺจ อมฺพญฺจ ชมฺพุ จาติ ทฺวโนฺทฯ มุทฺทิกา ผเลปิ อิตฺถิยํ, ผเล เสสา นปุํสเก, ‘‘ชมฺพุ’’ อิติ ผลวาจี นปุํสกสทฺทนฺตรํ, ตโต ชาตํ มธุปานาทิ มธุ…เป.… ชมฺพุชํ, ตญฺจ ผารุสญฺจ ปานกนฺติ โยชนาฯ ตตฺถ มธุชํ ปานํ นาม มุทฺทิกานํ ชาติรสํ อุทกสมฺภินฺนํ กตฺวา กตปานํฯ ตํ อตฺตนา กตํ ปุเรภตฺตเมว สามิสํ นิรามิสมฺปิ วฎฺฎติฯ อนุปสมฺปเนฺนหิ กตํ ลภิตฺวา ปน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตํ ปน นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ เอส นโย สพฺพปาเนสุฯ มุทฺทิกชํ ปานํ นาม มุทฺทิกานํ อุทเก มทฺทิตฺวา กตปานํฯ ตถา เสสปานานิ ยถานุรูปํ เวทิตพฺพานิ, สาลูกํ รตฺตุปฺปลาทีนํ สาลูกํฯ โจจํ อฎฺฐิกกทลิผลํฯ โมจํ อนฎฺฐิกํฯ อิมานิ อฎฺฐ ปานานิ สีตานิปิ อาทิจฺจปากานิปิ วฎฺฎนฺติ, อคฺคิปากานิ ปน น วฎฺฎนฺติฯ เตนาห ‘‘นาคฺคิสนฺตตฺต’’นฺติฯ
86.‘‘Madhū’’tiādinā yāmakālikaṃ dasseti. Madhu ca muddikā ca sālūkañca cocañca mocañca ambañca jambu cāti dvando. Muddikā phalepi itthiyaṃ, phale sesā napuṃsake, ‘‘jambu’’ iti phalavācī napuṃsakasaddantaraṃ, tato jātaṃ madhupānādi madhu…pe… jambujaṃ, tañca phārusañca pānakanti yojanā. Tattha madhujaṃ pānaṃ nāma muddikānaṃ jātirasaṃ udakasambhinnaṃ katvā katapānaṃ. Taṃ attanā kataṃ purebhattameva sāmisaṃ nirāmisampi vaṭṭati. Anupasampannehi kataṃ labhitvā pana purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattaṃ pana nirāmisameva vaṭṭati. Esa nayo sabbapānesu. Muddikajaṃ pānaṃ nāma muddikānaṃ udake madditvā katapānaṃ. Tathā sesapānāni yathānurūpaṃ veditabbāni, sālūkaṃ rattuppalādīnaṃ sālūkaṃ. Cocaṃ aṭṭhikakadaliphalaṃ. Mocaṃ anaṭṭhikaṃ. Imāni aṭṭha pānāni sītānipi ādiccapākānipi vaṭṭanti, aggipākāni pana na vaṭṭanti. Tenāha ‘‘nāggisantatta’’nti.
๘๗-๘. อวเสสานิ ปน เวตฺตตินฺติณิกมาตุลุงฺคกปิตฺถกรมนฺทาทิขุทฺทกผลปานานิ อฎฺฐปานคติกาเนวฯ เตนาห ‘‘สานุโลมานิ ธญฺญานิ, ฐเปตฺวา ผลโช รโส’’ติฯ เอกสฺส ปน วกฺขมานานญฺจ ‘‘ปุปฺผรโส’’ติอาทีนํ ‘‘สีโตทมทฺทิตาทิจฺจปาโก วา ยามกาลิโก’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ตาลนาฬิเกรปนสลพุชอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลติปุสเอฬาลุกผลานีติ นว มหาผลานิ, สพฺพญฺจ อปรณฺณํ สตฺตธญฺญานิ อนุโลเมนฺตีติ สห อนุโลเมหีติ สานุโลมานิฯ สานุโลมธญฺญานํ ปน รโส ยาวกาลิโกฯ ‘‘สานุโลมานิ ธญฺญานี’’ติ ผลานิ วิญฺญายนฺติฯ ผลสุติยา ‘‘เสสผลโช’’ติ วตฺตเพฺพ คมฺยมานตฺตา น วุตฺตํฯ มธุกปุปฺผมญฺญตฺราติ มธุกปุปฺผํ ฐเปตฺวาฯ ปกฺกฑากชนฺติ ปเกฺกหิ ยาวกาลิเกหิ ฑาเกหิ ชาตํ รสํฯ สีตมุทกํ สีโตทํ, ขีโรเท วิย สีโตเท มทฺทิโตติ ตปฺปุริโสฯ อาทิจฺจ-สโทฺท อาตเป วตฺตติ อุปจารโตติ อาทิเจฺจ ปาโก ยสฺสาติ สมาโสฯ
87-8. Avasesāni pana vettatintiṇikamātuluṅgakapitthakaramandādikhuddakaphalapānāni aṭṭhapānagatikāneva. Tenāha ‘‘sānulomāni dhaññāni, ṭhapetvā phalajo raso’’ti. Ekassa pana vakkhamānānañca ‘‘puppharaso’’tiādīnaṃ ‘‘sītodamadditādiccapāko vā yāmakāliko’’ti iminā sambandho veditabbo. Tālanāḷikerapanasalabujaalābukumbhaṇḍapussaphalatipusaeḷālukaphalānīti nava mahāphalāni, sabbañca aparaṇṇaṃ sattadhaññāni anulomentīti saha anulomehīti sānulomāni. Sānulomadhaññānaṃ pana raso yāvakāliko. ‘‘Sānulomāni dhaññānī’’ti phalāni viññāyanti. Phalasutiyā ‘‘sesaphalajo’’ti vattabbe gamyamānattā na vuttaṃ. Madhukapupphamaññatrāti madhukapupphaṃ ṭhapetvā. Pakkaḍākajanti pakkehi yāvakālikehi ḍākehi jātaṃ rasaṃ. Sītamudakaṃ sītodaṃ, khīrode viya sītode madditoti tappuriso. Ādicca-saddo ātape vattati upacāratoti ādicce pāko yassāti samāso.
๘๙. สตฺตาหกาลิกํ ทเสฺสติ ‘‘สปฺปี’’ติอาทินาฯ ตตฺถ สตฺตาหกาลิกาติ ยถาวุตฺตานิ สปฺปิอาทีนิ สตฺตาหกาลิกานิฯ อิทานิ สปฺปิอาทีนิ วิภชติ ‘‘สปฺปี’’ติอาทินาฯ ตตฺถ เยสํ โคมหิํ สาทีนํ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปิ สปฺปิ นามาติ ‘‘สปฺปี’’ติอาทินา สปฺปิลกฺขณมาหฯ อกปฺปิยมํสสปฺปิโนปิ กปฺปิยสมฺภเว ตตฺถ สตฺตาหาติกฺกเม ทุกฺกฎสฺส วกฺขมานตฺตา นิสฺสคฺคิยวตฺถุเมว เจตฺถ ทเสฺสตุํ ‘‘เยสํ มํสมวาริต’’นฺติ วุตฺตํฯ ขีราทีสุ หิ เตสมกปฺปิยํ นาม นตฺถิฯ นวนีตสฺส สปฺปิสทิสตาย นวนีตลกฺขณํ วิสุํ น วุตฺตํฯ อุปริ สปฺปิปิณฺฑํ ฐเปตฺวา สีตลปายาสํ เทนฺติ, ยํ ปายาเสน อสํสฎฺฐํ, ตํ สตฺตาหกาลิกํ, มิสฺสิตํ ปน อาทิจฺจปากํ กตฺวา ปริสฺสาวิตํ, ตถา ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลมฺปิ, เตสุ นวนีตํ นาม นวุทฺธฎํฯ เตน กตํ ปน สปฺปิฯ
89. Sattāhakālikaṃ dasseti ‘‘sappī’’tiādinā. Tattha sattāhakālikāti yathāvuttāni sappiādīni sattāhakālikāni. Idāni sappiādīni vibhajati ‘‘sappī’’tiādinā. Tattha yesaṃ gomahiṃ sādīnaṃ maṃsaṃ kappati, tesaṃ sappi sappi nāmāti ‘‘sappī’’tiādinā sappilakkhaṇamāha. Akappiyamaṃsasappinopi kappiyasambhave tattha sattāhātikkame dukkaṭassa vakkhamānattā nissaggiyavatthumeva cettha dassetuṃ ‘‘yesaṃ maṃsamavārita’’nti vuttaṃ. Khīrādīsu hi tesamakappiyaṃ nāma natthi. Navanītassa sappisadisatāya navanītalakkhaṇaṃ visuṃ na vuttaṃ. Upari sappipiṇḍaṃ ṭhapetvā sītalapāyāsaṃ denti, yaṃ pāyāsena asaṃsaṭṭhaṃ, taṃ sattāhakālikaṃ, missitaṃ pana ādiccapākaṃ katvā parissāvitaṃ, tathā khīraṃ pakkhipitvā pakkatelampi, tesu navanītaṃ nāma navuddhaṭaṃ. Tena kataṃ pana sappi.
๙๐. ติลา จ วสา จ เอรณฺฑานิ จ มธุกานิ จ สาสปา จาติ ทฺวโนฺทฯ เตหิ สมฺภโว ยสฺสาติ พาหิรโตฺถ, ตํ เตลํ นามาติ อโตฺถฯ ขุทฺทา ขุทฺทมธุมกฺขิกา จ ภมรา จ ขุทฺทภมรํ, ขุทฺทชนฺตุกตฺตา นปุํสเกกวจนํฯ มธุํ กโรนฺตีติ มธุกริโย, ตา เอว มกฺขิกา มธุกริมกฺขิกา, ขุทฺทภมรเมว มธุกริมกฺขิกาติ กมฺมธารโยฯ ตาหิ กตํ มธุ มธุ นามาติ อโตฺถฯ ฎีกายํ ปน วิสุํ มธุกรี-สทฺทํ วิกเปฺปตฺวา ‘‘ทณฺฑเกสุ มธุกรา มธุกริมกฺขิกา นามา’’ติ วุตฺตํฯ มธุปฎลํ วา มธุสิตฺถกํ วา สเจ มธุนา มกฺขิตํ, มธุคติกเมวฯ ตุมฺพลกานํ จีริกานญฺจ นิยฺยาสสทิสํ มธุ ปน ยาวชีวิกํฯ รโส นิกฺกสโฎ อาทิ ยสฺสา สา รสาทิฯ อาทิ-สเทฺทน ผาณิตาทีนํ คหณํ, สา อุจฺฉุวิกติฯ ปกฺกาติ อวตฺถุกปกฺกา วา, ผาณิตํ ผาณิตํ นามาติ อโตฺถฯ สีตูทเกน กตมธุกปุปฺผผาณิตํ ปน ผาณิตคติกเมวฯ อมฺพผาณิตาทีนิ ยาวกาลิกานิฯ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ สปฺปิอาทีนิ ปุเรภตฺตํ สามิสปริโภเคนาปิ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย ปน ตานิ จ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตานิ จ สตฺตาหํ นิทหิตฺวา นิรามิสปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพานิฯ
90. Tilā ca vasā ca eraṇḍāni ca madhukāni ca sāsapā cāti dvando. Tehi sambhavo yassāti bāhirattho, taṃ telaṃ nāmāti attho. Khuddā khuddamadhumakkhikā ca bhamarā ca khuddabhamaraṃ, khuddajantukattā napuṃsakekavacanaṃ. Madhuṃ karontīti madhukariyo, tā eva makkhikā madhukarimakkhikā, khuddabhamarameva madhukarimakkhikāti kammadhārayo. Tāhi kataṃ madhu madhu nāmāti attho. Ṭīkāyaṃ pana visuṃ madhukarī-saddaṃ vikappetvā ‘‘daṇḍakesu madhukarā madhukarimakkhikā nāmā’’ti vuttaṃ. Madhupaṭalaṃ vā madhusitthakaṃ vā sace madhunā makkhitaṃ, madhugatikameva. Tumbalakānaṃ cīrikānañca niyyāsasadisaṃ madhu pana yāvajīvikaṃ. Raso nikkasaṭo ādi yassā sā rasādi. Ādi-saddena phāṇitādīnaṃ gahaṇaṃ, sā ucchuvikati. Pakkāti avatthukapakkā vā, phāṇitaṃ phāṇitaṃ nāmāti attho. Sītūdakena katamadhukapupphaphāṇitaṃ pana phāṇitagatikameva. Ambaphāṇitādīni yāvakālikāni. Etāni yathāvuttāni sappiādīni purebhattaṃ sāmisaparibhogenāpi, pacchābhattato paṭṭhāya pana tāni ca pacchābhattaṃ paṭiggahitāni ca sattāhaṃ nidahitvā nirāmisaparibhogena paribhuñjitabbāni.
๙๑. อิทานิ โอทิสฺส อนุญฺญาตวสาย ปากโต วิภาคํ ทเสฺสตฺวา ตโต สปฺปิอาทีนํ ทเสฺสตุํ ‘‘สวตฺถู’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุเรภตฺตํ สามํ วา อตฺตนา เอวฯ วา-สเทฺทน ปเรหิ วาฯ อมานุสา มนุสฺสวสารหิตาฯ วสา อจฺฉาทีนํ อกปฺปิยานํ, สูกราทีนํ กปฺปิยานญฺจ สตฺตานํ วสาฯ สวตฺถุปกฺกา สตฺตาหกาลิกา โหตีติ เสโสฯ สวตฺถุปกฺกาติ สวตฺถุกํ กตฺวา ปกฺกาฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – สเจ ปน วสํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปจิตฺวา เตลํ ปริสฺสาวิตํ สตฺตาหานิ นิรามิสปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อถ ปเรหิ กตํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ, ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมว, โน เจ, ทุกฺกฎํ โหตีติฯ การิเย การโณปจาเรน ปเนตฺถ ‘‘วสา’’ติ เตลเมว วุตฺตํ, วสา ปน ยาวกาลิกาวฯ
91. Idāni odissa anuññātavasāya pākato vibhāgaṃ dassetvā tato sappiādīnaṃ dassetuṃ ‘‘savatthū’’tiādimāha. Tattha purebhattaṃ sāmaṃ vā attanā eva. Vā-saddena parehi vā. Amānusā manussavasārahitā. Vasā acchādīnaṃ akappiyānaṃ, sūkarādīnaṃ kappiyānañca sattānaṃ vasā. Savatthupakkā sattāhakālikā hotīti seso. Savatthupakkāti savatthukaṃ katvā pakkā. Ayamettha adhippāyo – sace pana vasaṃ purebhattaṃ paṭiggahetvā pacitvā telaṃ parissāvitaṃ sattāhāni nirāmisaparibhogena paribhuñjitabbaṃ. Atha parehi kataṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ, purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva, no ce, dukkaṭaṃ hotīti. Kāriye kāraṇopacārena panettha ‘‘vasā’’ti telameva vuttaṃ, vasā pana yāvakālikāva.
ฎีกายํ ปน วสาย ‘‘สตฺตาหกาลิเก อาคตฎฺฐานํ นตฺถีติ วทนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘ตํ อุปปริกฺขิตพฺพ’’นฺติ วสาย สตฺตาหกาลิกตฺตมาสํกิยํ วุตฺตํฯ กิเมตฺถ อุปปริกฺขิตพฺพํ? เภสชฺชํ อนุชานตา ภควตา ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสายนียานิ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุญฺชิตพฺพานี’’ติ (ปารา. ๖๒๒) สปฺปิอาทีนเมว สตฺตาหกาลิกตฺตํ วุตฺตํฯ เภสชฺชกฺขนฺธเกปิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตานิ ปญฺจ เภสชฺชานิ ปฎิคฺคเหตฺวา กาเลปิ วิกาเลปิ ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๐) ตานิ ปเญฺจว ‘‘เภสชฺชานี’’ติ วตฺวา เตลํ นิยมโต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวสํ กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตํฯ เภสชฺชสิกฺขาปทฎฺฐกถายญฺจ (กงฺขา. อฎฺฐ. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ อญฺญํ ยํ กิญฺจิ วส’’นฺติอาทินา วสาเตลสฺส วิธานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘อเญฺญสํ ยาวกาลิกวตฺถูนํ วตฺถุํ ปจิตุํ น วฎฺฎติเยวา’’ติ วทตา อฎฺฐกถาจริเยน ยาวกาลิเกสุ วสํ ฐเปตฺวา อเญฺญสํ ยาวกาลิกวตฺถูนํ วตฺถุํ ปจิตุํ น วฎฺฎตีติ อยเมตฺถ อโตฺถ ทีปิโตติ วสา ‘‘ยาวกาลิกาเยวา’’ติ วิญฺญายตีติ โก เอตฺถ สุขุโม นโยติฯ
Ṭīkāyaṃ pana vasāya ‘‘sattāhakālike āgataṭṭhānaṃ natthīti vadantī’’ti vatvā ‘‘taṃ upaparikkhitabba’’nti vasāya sattāhakālikattamāsaṃkiyaṃ vuttaṃ. Kimettha upaparikkhitabbaṃ? Bhesajjaṃ anujānatā bhagavatā ‘‘yāni kho pana tāni gilānānaṃ bhikkhūnaṃ paṭisāyanīyāni bhesajjāni, seyyathidaṃ – sappi navanītaṃ telaṃ madhu phāṇitaṃ, tāni paṭiggahetvā sattāhaparamaṃ sannidhikārakaṃ paribhuñjitabbānī’’ti (pārā. 622) sappiādīnameva sattāhakālikattaṃ vuttaṃ. Bhesajjakkhandhakepi ‘‘anujānāmi, bhikkhave, tāni pañca bhesajjāni paṭiggahetvā kālepi vikālepi paribhuñjitu’’nti (mahāva. 260) tāni pañceva ‘‘bhesajjānī’’ti vatvā telaṃ niyamato ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vasāni bhesajjāni acchavasaṃ macchavasaṃ susukāvasaṃ sūkaravasaṃ gadrabhavasaṃ kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjitu’’nti (mahāva. 262) vuttaṃ. Bhesajjasikkhāpadaṭṭhakathāyañca (kaṅkhā. aṭṭha. bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā) ‘‘ṭhapetvā manussavasaṃ aññaṃ yaṃ kiñci vasa’’ntiādinā vasātelassa vidhānaṃ dassetvā ‘‘aññesaṃ yāvakālikavatthūnaṃ vatthuṃ pacituṃ na vaṭṭatiyevā’’ti vadatā aṭṭhakathācariyena yāvakālikesu vasaṃ ṭhapetvā aññesaṃ yāvakālikavatthūnaṃ vatthuṃ pacituṃ na vaṭṭatīti ayamettha attho dīpitoti vasā ‘‘yāvakālikāyevā’’ti viññāyatīti ko ettha sukhumo nayoti.
อเญฺญสํ วสาเตลโต ปเรสํ ยาวกาลิกวตฺถูนํ เยสํ เตสํ ยาวกาลิกวตฺถูนํ สปฺปิอาทีนํ วตฺถุํ ยาวกาลิกสงฺขาตํ ขีราทิกํ น ปเจติ สมฺพโนฺธฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา สตฺตาหปริโภคตฺถาย วสํ กาเล ปฎิคฺคเหตฺวา กาเล ปจิตุํ วฎฺฎติ, น เอวํ สปฺปิอาทีนํ วตฺถุภูตํ ขีราทิยาวกาลิกํ, ตํ ปน สตฺตาหปริโภคตฺถาย กาเลปิ น วฎฺฎติฯ ตานิ หิ ยทิ ตํ ปฎิคฺคเหตฺวา สยํ กตานิ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย น วฎฺฎนฺติ สวตฺถุกปฺปฎิคฺคหิตตฺตา, สามิสํ น วฎฺฎนฺติ สามํปกฺกตฺตา, ปุเรภตฺตมฺปิ น วฎฺฎนฺติ ยาวกาลิกวตฺถุโต วิเวจิตตฺตาฯ ปเรหิ กตานิ ปน ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎนฺติ อตฺตนา อปกฺกตฺตาฯ ยาวชีวิกานิ ตุ สาสปมธุกเอรณฺฑอฎฺฐีนิ เตลกรณตฺถํ ปฎิคฺคเหตฺวา ตทเหว กตํ เตลํ สตฺตาหกาลิกํ, ทุติยทิวเส กตํ ฉาหํ วฎฺฎติ, เอวํ ยาว สตฺตมทิวเส กตํ ตทเหว วฎฺฎติ, อุคฺคเต อรุเณ นิสฺสคฺคิยํ , อฎฺฐเม ทิวเส อนโชฺฌหรณียํ, อุคฺคหิเตน เยน เกนจิ วตฺถุนา กตสทิสํ โหติฯ เตลตฺถาย ปฎิคฺคหิตสาสปาทีนํ สตฺตาหาติกฺกเมน ทุกฺกฎํฯ นิพฺพตฺติตํ สปฺปิ วา นวนีตํ วา กาเลปิ วิกาเลปิ ปฎิคฺคเหตฺวา ปจิตุํ วฎฺฎติฯ ตํ ปน ตทหุ ปุเรภตฺตมฺปิ สามิสํ น วฎฺฎติ, สํสคฺคโต ยาวกาลิกมฺปิ สามํปกฺกํ สิยาติ นิรามิสํ ปน สตฺตาหมฺปิ วฎฺฎติฯ
Aññesaṃ vasātelato paresaṃ yāvakālikavatthūnaṃ yesaṃ tesaṃ yāvakālikavatthūnaṃ sappiādīnaṃ vatthuṃ yāvakālikasaṅkhātaṃ khīrādikaṃ na paceti sambandho. Ayamettha adhippāyo – yathā sattāhaparibhogatthāya vasaṃ kāle paṭiggahetvā kāle pacituṃ vaṭṭati, na evaṃ sappiādīnaṃ vatthubhūtaṃ khīrādiyāvakālikaṃ, taṃ pana sattāhaparibhogatthāya kālepi na vaṭṭati. Tāni hi yadi taṃ paṭiggahetvā sayaṃ katāni, pacchābhattato paṭṭhāya na vaṭṭanti savatthukappaṭiggahitattā, sāmisaṃ na vaṭṭanti sāmaṃpakkattā, purebhattampi na vaṭṭanti yāvakālikavatthuto vivecitattā. Parehi katāni pana purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭanti attanā apakkattā. Yāvajīvikāni tu sāsapamadhukaeraṇḍaaṭṭhīni telakaraṇatthaṃ paṭiggahetvā tadaheva kataṃ telaṃ sattāhakālikaṃ, dutiyadivase kataṃ chāhaṃ vaṭṭati, evaṃ yāva sattamadivase kataṃ tadaheva vaṭṭati, uggate aruṇe nissaggiyaṃ , aṭṭhame divase anajjhoharaṇīyaṃ, uggahitena yena kenaci vatthunā katasadisaṃ hoti. Telatthāya paṭiggahitasāsapādīnaṃ sattāhātikkamena dukkaṭaṃ. Nibbattitaṃ sappi vā navanītaṃ vā kālepi vikālepi paṭiggahetvā pacituṃ vaṭṭati. Taṃ pana tadahu purebhattampi sāmisaṃ na vaṭṭati, saṃsaggato yāvakālikampi sāmaṃpakkaṃ siyāti nirāmisaṃ pana sattāhampi vaṭṭati.
๙๒. อิทานิ ‘‘หลิทฺทิ’’นฺติอาทินา ยาวชีวิกํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ‘‘หลิทฺทิ นาม นิสา’’ติอาทินา วุจฺจมาเนปิ ปริยายวจเน สโมฺมโห สิยาติ น ตํวจเนน ภุสํ สโมฺมหยิสฺสาม, ตสฺมา ตานิ อุปเทสโตว เวทิตพฺพานิฯ ตตฺถ ‘‘หลิทฺทิ’’นฺติ พินฺทุอาคเมน วุตฺตํฯ อุปจาเรน ตุ มูลาทีนิ หลิทฺทาทิสเทฺทน วุตฺตานิฯ ตา หลิทฺทาทโย เกจิ อิตฺถิลิงฺคาเยวฯ มูลผเล วจตฺตญฺจ…เป.… ภทฺทมุตฺตญฺจ อติวิสาติ ปทเจฺฉโทฯ ปญฺจมูล-สเทฺทน จูฬปญฺจมูลมหาปญฺจมูลานิ คหิตานิฯ อาทิ-สเทฺทน วชกลิมูเล ชรฎฺฐนฺติ เอวมาทีนํ สงฺคโหฯ
92. Idāni ‘‘haliddi’’ntiādinā yāvajīvikaṃ dasseti. Tattha ‘‘haliddi nāma nisā’’tiādinā vuccamānepi pariyāyavacane sammoho siyāti na taṃvacanena bhusaṃ sammohayissāma, tasmā tāni upadesatova veditabbāni. Tattha ‘‘haliddi’’nti binduāgamena vuttaṃ. Upacārena tu mūlādīni haliddādisaddena vuttāni. Tā haliddādayo keci itthiliṅgāyeva. Mūlaphale vacattañca…pe… bhaddamuttañca ativisāti padacchedo. Pañcamūla-saddena cūḷapañcamūlamahāpañcamūlāni gahitāni. Ādi-saddena vajakalimūle jaraṭṭhanti evamādīnaṃ saṅgaho.
๙๓-๕. โคฎฺฐผลนฺติ มทนผลนฺติ วทนฺตีติฯ ตีณิ ผลานิ ยสฺสํ สงฺคหิตํ สา ติผลาฯ เอรณฺฑกาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน ชาติรุกฺขาทีนํ คหณํฯ สุลสาทีนํ ปณฺณนฺติ สมฺพโนฺธฯ อาทิ-สเทฺทน อโสกาทีนํ คหณํฯ สูเปยฺยปณฺณนฺติ ตมฺพกตณฺฑุเลยฺยาทิสูปโยคฺคปณฺณํฯ อุจฺฉุนิยฺยาสํ ฐเปตฺวา สโพฺพ นิยฺยาโส จ สรสํ อุจฺฉุชํ ตจญฺจ ฐเปตฺวา สโพฺพ ตโจ จาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ หิงฺคุกณิการนิยฺยาสาทิ สโพฺพ นิยฺยาโส นามฯ นิรสอุจฺฉุตจาทิ สโพฺพ ตโจ นามฯ โลณํ สามุทฺทาทิฯ โลหํ อยตมฺพาทิฯ สิลา กาฬสิลาทิฯ
93-5.Goṭṭhaphalanti madanaphalanti vadantīti. Tīṇi phalāni yassaṃ saṅgahitaṃ sā tiphalā. Eraṇḍakādīnanti ādi-saddena jātirukkhādīnaṃ gahaṇaṃ. Sulasādīnaṃ paṇṇanti sambandho. Ādi-saddena asokādīnaṃ gahaṇaṃ. Sūpeyyapaṇṇanti tambakataṇḍuleyyādisūpayoggapaṇṇaṃ. Ucchuniyyāsaṃ ṭhapetvā sabbo niyyāso ca sarasaṃ ucchujaṃ tacañca ṭhapetvā sabbo taco cāti sambandho. Tattha hiṅgukaṇikāraniyyāsādi sabbo niyyāso nāma. Nirasaucchutacādi sabbo taco nāma. Loṇaṃ sāmuddādi. Lohaṃ ayatambādi. Silā kāḷasilādi.
๙๖. สุทฺธสิตฺถนฺติ มธุนา อมกฺขิตํฯ มธุมกฺขิตํ ปน สตฺตาหกาลิกํฯ ยญฺจ กิญฺจิ สุฌาปิตนฺติ ทุชฺฌาปิตํ อกตฺวา สุชฺฌาปิตํ ยํ กิญฺจิ จฯ วิกฎาทิปฺปเภทนฺติ วิกฎํ คูถมตฺติกามุตฺตฉาริกาสงฺขาตํ อาทิ ยสฺส, โส ปเภโท ยสฺสาติ พาหิรโตฺถ, ตํฯ ยํ กิญฺจิ จาติ สมฺพโนฺธฯ เอตฺถ ปน อาทิ-สเทฺทน กนฺทขาทนีเย ขีรกาโกลาทโย, มุฬาลขาทนีเย หลิทฺทิสิงฺคิเวรมูลาทโย, มตฺถกขาทนีเย หลิทฺทิสิงฺคิเวรกฬีราทโย, ขนฺธขาทนีเย อุปฺปลปณฺณทณฺฑาทโย, ปุปฺผขาทนีเย จมฺปกปุปฺผาทโย, อฎฺฐิขาทนีเย มธุกฎฺฐิเอรณฺฑสาสปาทโย, ปิฎฺฐขาทนีเย อโธตตาลปิฎฺฐาทโย จ สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
96.Suddhasitthanti madhunā amakkhitaṃ. Madhumakkhitaṃ pana sattāhakālikaṃ. Yañca kiñci sujhāpitanti dujjhāpitaṃ akatvā sujjhāpitaṃ yaṃ kiñci ca. Vikaṭādippabhedanti vikaṭaṃ gūthamattikāmuttachārikāsaṅkhātaṃ ādi yassa, so pabhedo yassāti bāhirattho, taṃ. Yaṃ kiñci cāti sambandho. Ettha pana ādi-saddena kandakhādanīye khīrakākolādayo, muḷālakhādanīye haliddisiṅgiveramūlādayo, matthakakhādanīye haliddisiṅgiverakaḷīrādayo, khandhakhādanīye uppalapaṇṇadaṇḍādayo, pupphakhādanīye campakapupphādayo, aṭṭhikhādanīye madhukaṭṭhieraṇḍasāsapādayo, piṭṭhakhādanīye adhotatālapiṭṭhādayo ca saṅgahitāti daṭṭhabbā.
๙๗. อิทานิ สพฺพโส ยาวชีวิกํ ทเสฺสตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตานิ จ อวุตฺตานิ จ เอกโต สมฺปิเณฺฑตฺวา ตตฺถ ลกฺขณํ ฐเปโนฺต ‘‘มูล’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘สาโร’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘สาร’’นฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสนาหฯ ‘‘สาโร พเล ถิรํเส จา’’ติ หิ นิฆณฺฑุฯ อาหารฎฺฐนฺติ อาหาเรน ชาโต อโตฺถ ปโยชนํ อาหารโตฺถ, โสว อาหารโฎฺฐ, ตํ อาหารกิจฺจนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
97. Idāni sabbaso yāvajīvikaṃ dassetuṃ asakkuṇeyyattā vuttāni ca avuttāni ca ekato sampiṇḍetvā tattha lakkhaṇaṃ ṭhapento ‘‘mūla’’ntiādimāha. Tattha ‘‘sāro’’ti vattabbe ‘‘sāra’’nti liṅgavipallāsenāha. ‘‘Sāro bale thiraṃse cā’’ti hi nighaṇḍu. Āhāraṭṭhanti āhārena jāto attho payojanaṃ āhārattho, sova āhāraṭṭho, taṃ āhārakiccanti vuttaṃ hoti.
๙๘. อิทานิ จตูสุ กปฺปิยากปฺปิยาทิวิภาคํ ทเสฺสติ ‘‘สพฺพา’’ติอาทินาฯ ตตฺถ สเพฺพ กาลิกา, เตสํ สโมฺภโค อนุภโวติ สมาโสฯ กาเลติ ปุพฺพณฺหกาเลฯ สพฺพสฺสาติ คิลานาคิลานสฺสฯ สติ ปจฺจเยติ ตีสุ ยามกาลิกํ ปิปาสาทิการเณ สติ, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกญฺจ เคลญฺญการเณ สตีติ อโตฺถ, กาลโต วิคโต วิกาโล, ตสฺมิํ, ยามกาลิกํ วิกาเล อาหารตฺถาย อโชฺฌหรเณ, สตฺตาหกาลิกํ ปน ยาวชีวิกญฺจ ตทตฺถาย ปฎิคฺคหณมเตฺตปิ ทุกฺกฎํฯ
98. Idāni catūsu kappiyākappiyādivibhāgaṃ dasseti ‘‘sabbā’’tiādinā. Tattha sabbe kālikā, tesaṃ sambhogo anubhavoti samāso. Kāleti pubbaṇhakāle. Sabbassāti gilānāgilānassa. Sati paccayeti tīsu yāmakālikaṃ pipāsādikāraṇe sati, sattāhakālikaṃ yāvajīvikañca gelaññakāraṇe satīti attho, kālato vigato vikālo, tasmiṃ, yāmakālikaṃ vikāle āhāratthāya ajjhoharaṇe, sattāhakālikaṃ pana yāvajīvikañca tadatthāya paṭiggahaṇamattepi dukkaṭaṃ.
๙๙. อุโภติ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกญฺจฯ ตตฺถ ยาวกาลิกํ อตฺตโน กาลาติกฺกนฺตํ วิกาลโภชนภิกฺขาปเทน ปาจิตฺติยํ ชนยติ, ยามกาลิกํ ยามาติกฺกนฺตํ สนฺนิธิสิกฺขาปเทนฯ เอเต อุโภปิ อโนฺตวุตฺถญฺจ สนฺนิธิญฺจ ชนยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘อโนฺตวุตฺถํ สนฺนิธิ’’นฺติ ภาวปฺปธาโนยํ นิเทฺทโส, อโนฺตวุตฺถตฺตํ สนฺนิธิตฺตญฺจาติ อโตฺถฯ
99.Ubhoti yāvakālikaṃ yāmakālikañca. Tattha yāvakālikaṃ attano kālātikkantaṃ vikālabhojanabhikkhāpadena pācittiyaṃ janayati, yāmakālikaṃ yāmātikkantaṃ sannidhisikkhāpadena. Ete ubhopi antovutthañca sannidhiñca janayantīti sambandho. ‘‘Antovutthaṃ sannidhi’’nti bhāvappadhānoyaṃ niddeso, antovutthattaṃ sannidhittañcāti attho.
๑๐๐. อตินามิเตติ อติกฺกามิเตฯ ปาจิตฺตีติ สตฺตาหาติกฺกนฺตํ เภสชฺชสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยาปตฺติ จ โหตีติ อโตฺถฯ สเจ ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฎิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, สตฺตาหาติกฺกเม ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ, ปริภุญฺชิตุํ ปน น วฎฺฎติฯ ปาฬินารุเฬฺหติ ปาฬิยํ อนารุเฬฺห สปฺปิอาทิมฺหิ สตฺต อหานิ อตินามิเตติ สมฺพโนฺธฯ สปฺปีติ มนุสฺสาทีนํ สปฺปิฯ อาทิ-สเทฺทน เตสํเยว นวนีตํ, นาฬิเกราทิเตลํ, สีโตทเกน กตํ มธุกปุปฺผผาณิตญฺจ สงฺคหิตํฯ
100.Atināmiteti atikkāmite. Pācittīti sattāhātikkantaṃ bhesajjasikkhāpadena nissaggiyapācittiyāpatti ca hotīti attho. Sace dvinnaṃ santakaṃ ekena paṭiggahitaṃ avibhattaṃ hoti, sattāhātikkame dvinnampi anāpatti, paribhuñjituṃ pana na vaṭṭati. Pāḷināruḷheti pāḷiyaṃ anāruḷhe sappiādimhi satta ahāni atināmiteti sambandho. Sappīti manussādīnaṃ sappi. Ādi-saddena tesaṃyeva navanītaṃ, nāḷikerāditelaṃ, sītodakena kataṃ madhukapupphaphāṇitañca saṅgahitaṃ.
๑๐๑. นิสฺสฎฺฐลทฺธนฺติ นิสฺสฎฺฐํ วินยกมฺมวเสน นิสฺสชฺชิตญฺจ ตํ ลทฺธญฺจ ปุน ตเถวาติ นิสฺสฎฺฐลทฺธํฯ ตํ คเหตฺวาติ เสโสฯ นิสฺสชฺชนวิธานํ ปน วกฺขมานนเยน เวทิตพฺพํฯ ‘‘นงฺค’’นฺติอาทิ อุปลกฺขณมตฺตํฯ เตน มกฺขิตานิ กาสาวาทีนิ จ ปน อปริโภคานิเยว ฯ อญฺญสฺส ปน กายิกปริโภโค วฎฺฎติฯ วิกเปฺปนฺตสฺส สตฺตาเห สามเณรสฺสาติ เอตฺถ ฎีกายํ ‘‘อิทํ สปฺปิํ ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติอาทินา เตสํ เตสํ นามํ คเหตฺวา สมฺมุขาปรมฺมุขาวิกปฺปนวเสน อตฺถํ ทเสฺสตฺวา ตํ สาธยเนฺตหิ อวิกปฺปิเต วิกปฺปิตสญฺญี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ อาปตฺติวาเร ปาฬิ อาหฎาฯ ‘‘สเจ อุปสมฺปนฺนสฺส วิกเปฺปติ, อตฺตโน เอว สนฺตกํ โหติ, ปฎิคฺคหณมฺปิ น วิชหตี’’ติ โทสํ วตฺวา อนุปสมฺปนฺนสฺส วิกปฺปเน อตฺตสนฺตกตฺตาภาโว, ปฎิคฺคหณวิชหนญฺจ ปโยชนํ วุตฺตํฯ ตตฺถ วทาม – อาปตฺติวาเร ‘‘อวิกปฺปิเต’’ติอาทิปาฬิเยว นตฺถิ, ‘‘อนธิฎฺฐิเต อธิฎฺฐิตสญฺญี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, อวิสฺสชฺชิเต วิสฺสชฺชิตสญฺญี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติอาทินา (ปารา. ๖๒๔) ปาฬิยา อาคตตฺตา ตทนุรูปเมว อนาปตฺติวาเร ‘‘อธิเฎฺฐติ, วิสฺสเชฺชตี’’ติอาทินาว ปาฬิ อาคตาฯ ยทิ ภเวยฺย, วณฺณนียฎฺฐานตาย อฎฺฐกถาย ภวิตพฺพํ, น เจตฺถ อฎฺฐกถายํ วิชฺชติฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส วิกปฺปเน จ กถํ ปฎิคฺคหณํ วิชหติ สิกฺขาปจฺจกฺขานาทีสุ ฉสุ ปฎิคฺคหณวิชหนการเณสุ วิกปฺปนสฺส อนโนฺตคธตฺตา, ตสฺมา นายเมตฺถ อโตฺถติฯ
101.Nissaṭṭhaladdhanti nissaṭṭhaṃ vinayakammavasena nissajjitañca taṃ laddhañca puna tathevāti nissaṭṭhaladdhaṃ. Taṃ gahetvāti seso. Nissajjanavidhānaṃ pana vakkhamānanayena veditabbaṃ. ‘‘Naṅga’’ntiādi upalakkhaṇamattaṃ. Tena makkhitāni kāsāvādīni ca pana aparibhogāniyeva . Aññassa pana kāyikaparibhogo vaṭṭati. Vikappentassa sattāhe sāmaṇerassāti ettha ṭīkāyaṃ ‘‘idaṃ sappiṃ tuyhaṃ vikappemī’’tiādinā tesaṃ tesaṃ nāmaṃ gahetvā sammukhāparammukhāvikappanavasena atthaṃ dassetvā taṃ sādhayantehi avikappite vikappitasaññī nissaggiyaṃ pācittiya’’nti āpattivāre pāḷi āhaṭā. ‘‘Sace upasampannassa vikappeti, attano eva santakaṃ hoti, paṭiggahaṇampi na vijahatī’’ti dosaṃ vatvā anupasampannassa vikappane attasantakattābhāvo, paṭiggahaṇavijahanañca payojanaṃ vuttaṃ. Tattha vadāma – āpattivāre ‘‘avikappite’’tiādipāḷiyeva natthi, ‘‘anadhiṭṭhite adhiṭṭhitasaññī nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, avissajjite vissajjitasaññī nissaggiyaṃ pācittiya’’ntiādinā (pārā. 624) pāḷiyā āgatattā tadanurūpameva anāpattivāre ‘‘adhiṭṭheti, vissajjetī’’tiādināva pāḷi āgatā. Yadi bhaveyya, vaṇṇanīyaṭṭhānatāya aṭṭhakathāya bhavitabbaṃ, na cettha aṭṭhakathāyaṃ vijjati. Anupasampannassa vikappane ca kathaṃ paṭiggahaṇaṃ vijahati sikkhāpaccakkhānādīsu chasu paṭiggahaṇavijahanakāraṇesu vikappanassa anantogadhattā, tasmā nāyamettha atthoti.
มยเมตฺถ เอวมตฺถํ ภณาม – วิกเปฺปนฺตสฺสาติ เอตฺถ วิกปฺปนํ สํวิทหนํ ‘‘จิตฺตสงฺกโปฺป’’ติอาทีสุ วิย, อุภยตฺถ ปน อุปสเคฺคหิ นานตฺตมตฺตํ, ตสฺมา อโนฺตสตฺตาเห สามเณรสฺส ยสฺส กสฺสจิ วิกเปฺปนฺตสฺส สํวิทหนฺตสฺส ปริจฺจาคสญฺญํ ปริจฺจาคเจตนํ ปริจฺจาคาธิปฺปายํ อุปฺปาเทนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อโตฺถฯ อิทญฺจ มหาสุมเตฺถรวาทโมลุพฺภ วุตฺตํฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘เตน จิเตฺตนา’’ติอาทีสุ ปาฬิวจเนสุ อธิปฺปายํ ทเสฺสเนฺตน, ‘‘อิทํ กสฺมา วุตฺตํฯ เอวญฺหิ อโนฺตสตฺตาเห ทตฺวา ปจฺฉา ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติทสฺสนตฺถ’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๕)ฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห ‘‘สตฺตาหาติกฺกนฺตสฺส ปน ปริโภเค อนาปตฺติทสฺสนตฺถมิทํ วุตฺต’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๕)ฯ อยเมว วาโท เตสุ สุนฺทรตโรฯ สตฺตาเห มกฺขนาทิํ อธิฎฺฐโต จ อญฺญสฺส ททโตปิ จ อนาปตฺตีติ สมฺพโนฺธฯ อาทิ-สเทฺทน อพฺภญฺชนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อยเมตฺถาธิปฺปาโย – สปฺปิอาทิํ อพฺภญฺชนาทิํ มธุํ อรุมกฺขนํ, ผาณิตํ ฆรธูปนํ อธิฎฺฐโต อนาปตฺตีติฯ อญฺญสฺสาติ อุปสมฺปนฺนสฺส วา อนุปสมฺปนฺนสฺส วาฯ
Mayamettha evamatthaṃ bhaṇāma – vikappentassāti ettha vikappanaṃ saṃvidahanaṃ ‘‘cittasaṅkappo’’tiādīsu viya, ubhayattha pana upasaggehi nānattamattaṃ, tasmā antosattāhe sāmaṇerassa yassa kassaci vikappentassa saṃvidahantassa pariccāgasaññaṃ pariccāgacetanaṃ pariccāgādhippāyaṃ uppādentassa anāpattīti attho. Idañca mahāsumattheravādamolubbha vuttaṃ. Vuttañhi ‘‘tena cittenā’’tiādīsu pāḷivacanesu adhippāyaṃ dassentena, ‘‘idaṃ kasmā vuttaṃ. Evañhi antosattāhe datvā pacchā paṭilabhitvā paribhuñjantassa anāpattidassanattha’’nti (pārā. aṭṭha. 2.625). Mahāpadumatthero panāha ‘‘sattāhātikkantassa pana paribhoge anāpattidassanatthamidaṃ vutta’’nti (pārā. aṭṭha. 2.625). Ayameva vādo tesu sundarataro. Sattāhe makkhanādiṃ adhiṭṭhato ca aññassa dadatopi ca anāpattīti sambandho. Ādi-saddena abbhañjanādiṃ saṅgaṇhāti. Ayametthādhippāyo – sappiādiṃ abbhañjanādiṃ madhuṃ arumakkhanaṃ, phāṇitaṃ gharadhūpanaṃ adhiṭṭhato anāpattīti. Aññassāti upasampannassa vā anupasampannassa vā.
๑๐๒. ยาวกาลิกอาทีนิ อตฺตนา สห สํสฎฺฐานิ สพฺภาวํ คาหาปยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ สพฺภาวนฺติ สสฺส อตฺตโน ภาโว ทฺวิเตฺต สพฺภาโว, ตํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ, ตสฺมาฯ เอวมุทีริตนฺติ เอวํ ‘‘วิกเปฺปนฺตสฺส สตฺตาเห’’ติอาทินา วุตฺตํฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา อตฺตนา สํสฎฺฐานิ อตฺตโน ภาวํ คาหาปยนฺติ ยาวกาลิกาทีนิ, ตสฺมา สตฺตาหาติกฺกามิตานิ สตฺตาหกาลิกานิ ปาจิตฺติยชนกานิ สํสฎฺฐานิ อตฺตสํสฎฺฐานิปิ ปาจิตฺติยชนกานิ กโรนฺตีติ อวิกปฺปนาทิมฺหิ สติ พฺยติเรกโต ปาจิตฺติยาปตฺติปริทีปกํ ‘‘วิกเปฺปนฺตสฺสา’’ติอาทิกํ วากฺยตฺตยํ วุตฺตนฺติฯ ฎีกายํ ปน ‘‘อิทานิ วกฺขมานํ สนฺธาย เอวนฺติ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ วกฺขมานสฺส อตีตอุทีริตตฺตาโยคโต กถํ ยุชฺชตีติฯ เอวมุทีริตนฺติ วา ปาฬิยํ อฎฺฐกถายญฺจ เอวเมว วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ เอว-สโทฺท อวธารเณฯ
102. Yāvakālikaādīni attanā saha saṃsaṭṭhāni sabbhāvaṃ gāhāpayantīti sambandho. Sabbhāvanti sassa attano bhāvo dvitte sabbhāvo, taṃ. Tasmāti yasmā evaṃ, tasmā. Evamudīritanti evaṃ ‘‘vikappentassa sattāhe’’tiādinā vuttaṃ. Ayamettha adhippāyo – yasmā attanā saṃsaṭṭhāni attano bhāvaṃ gāhāpayanti yāvakālikādīni, tasmā sattāhātikkāmitāni sattāhakālikāni pācittiyajanakāni saṃsaṭṭhāni attasaṃsaṭṭhānipi pācittiyajanakāni karontīti avikappanādimhi sati byatirekato pācittiyāpattiparidīpakaṃ ‘‘vikappentassā’’tiādikaṃ vākyattayaṃ vuttanti. Ṭīkāyaṃ pana ‘‘idāni vakkhamānaṃ sandhāya evanti vutta’’nti vuttaṃ. Taṃ vakkhamānassa atītaudīritattāyogato kathaṃ yujjatīti. Evamudīritanti vā pāḷiyaṃ aṭṭhakathāyañca evameva vuttanti attho. Eva-saddo avadhāraṇe.
๑๐๓-๕. อิทานิ อตฺตสํสฎฺฐานํ ยาวกาลิกาทีนํ สพฺภาวคาหาปนํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ปุเร’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สตฺตาหนฺติ สตฺต อหานิ ยสฺส ตํ สตฺตาหํ, สตฺตาหกาลิกํฯ จ-สโทฺท อฎฺฐานปฺปยุโตฺต, โส สตฺตาหญฺจ ยาวชีวิกญฺจาติ โยเชตโพฺพฯ เสสกาลิกสมฺมิสฺสนฺติ เสเสหิ ตทหุ ปฎิคฺคหิเตหิ กาลิเกหิ ยาวกาลิกยามกาลิกสงฺขาเตหิ สมฺมิสฺสํฯ ปาจิตฺตีติ สนฺนิธิสิกฺขาปเทน ปาจิตฺติฯ ตทหุ ปฎิคฺคหิตนฺติ ตสฺมิํเยว ทิเน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํฯ ตทเหวาติ ตสฺมิํเยว ทิเน ปุเรภตฺตเมวฯ เสสนฺติ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกญฺจฯ เอวนฺติ ยาเม เอว ปริภุญฺชเยติ วิชานียนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิตรนฺติ สตฺตาหกาลิกโต อญฺญํ ยาวชีวิกํฯ
103-5. Idāni attasaṃsaṭṭhānaṃ yāvakālikādīnaṃ sabbhāvagāhāpanaṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘pure’’tiādimāha. Tattha sattāhanti satta ahāni yassa taṃ sattāhaṃ, sattāhakālikaṃ. Ca-saddo aṭṭhānappayutto, so sattāhañca yāvajīvikañcāti yojetabbo. Sesakālikasammissanti sesehi tadahu paṭiggahitehi kālikehi yāvakālikayāmakālikasaṅkhātehi sammissaṃ. Pācittīti sannidhisikkhāpadena pācitti. Tadahu paṭiggahitanti tasmiṃyeva dine purebhattaṃ paṭiggahitaṃ. Tadahevāti tasmiṃyeva dine purebhattameva. Sesanti sattāhakālikaṃ yāvajīvikañca. Evanti yāme eva paribhuñjayeti vijānīyanti sambandho. Itaranti sattāhakālikato aññaṃ yāvajīvikaṃ.
กาลิกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kālikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.