Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā

    ๑๘. กาลิกวินิจฺฉยกถา

    18. Kālikavinicchayakathā

    ๘๙. กาลิกานิปิ จตฺตารีติ เอตฺถ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๕๕-๒๕๖) ยาวกาลิกํ ยามกาลิกํ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกนฺติ อิมานิ จตฺตาริ กาลิกานิ เวทิตพฺพานิฯ ตตฺถ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํ ยํ กิญฺจิ ขาทนียโภชนียํ ยาว มชฺฌนฺหิกสงฺขโต กาโล, ตาว ปริภุญฺชิตพฺพโต ยาวกาลิกํฯ สทฺธิํ อนุโลมปาเนหิ อฎฺฐวิธํ ปานํ ยาว รตฺติยา ปจฺฉิมยามสงฺขาโต ยาโม, ตาว ปริภุญฺชิตพฺพโต ยาโม กาโล อสฺสาติ ยามกาลิกํฯ สปฺปิอาทิ ปญฺจวิธํ เภสชฺชํ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ นิเธตพฺพโต สตฺตาโห กาโล อสฺสาติ สตฺตาหกาลิกํฯ ฐเปตฺวา อุทกํ อวเสสํ สพฺพมฺปิ ปฎิคฺคหิตํ ยาวชีวํ ปริหริตฺวา สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชิตพฺพโต ยาวชีวิกนฺติ วุจฺจติฯ

    89.Kālikānipicattārīti ettha (pāci. aṭṭha. 255-256) yāvakālikaṃ yāmakālikaṃ sattāhakālikaṃ yāvajīvikanti imāni cattāri kālikāni veditabbāni. Tattha purebhattaṃ paṭiggahetvā paribhuñjitabbaṃ yaṃ kiñci khādanīyabhojanīyaṃ yāva majjhanhikasaṅkhato kālo, tāva paribhuñjitabbato yāvakālikaṃ. Saddhiṃ anulomapānehi aṭṭhavidhaṃ pānaṃ yāva rattiyā pacchimayāmasaṅkhāto yāmo, tāva paribhuñjitabbato yāmo kālo assāti yāmakālikaṃ. Sappiādi pañcavidhaṃ bhesajjaṃ paṭiggahetvā sattāhaṃ nidhetabbato sattāho kālo assāti sattāhakālikaṃ. Ṭhapetvā udakaṃ avasesaṃ sabbampi paṭiggahitaṃ yāvajīvaṃ pariharitvā sati paccaye paribhuñjitabbato yāvajīvikanti vuccati.

    ๙๐. ตตฺถ ยาวกาลิเกสุ โภชนียํ นาม โอทโน กุมฺมาโส สตฺตุ มโจฺฉ มํสนฺติฯ ปญฺจ โภชนานิ ยามกาลิกํ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกญฺจ ฐเปตฺวา อวเสสํ ขาทนียํ นามฯ เอตฺถ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๔๘-๙) ปน ยํ ตาว สกฺขลิโมทกาทิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณมยํ ขาทนียํ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ยมฺปิ วนมูลาทิปฺปเภทํ อามิสคติกํ โหติฯ เสยฺยถิทํ – มูลขาทนียํ กนฺทขาทนียํ มุฬาลขาทนียํ มตฺถกขาทนียํ ขนฺธขาทนียํ ตจขาทนียํ ปตฺตขาทนียํ ปุปฺผขาทนียํ ผลขาทนียํ อฎฺฐิขาทนียํ ปิฎฺฐขาทนียํ นิยฺยาสขาทนียนฺติ, อิทมฺปิ ขาทนียสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ

    90. Tattha yāvakālikesu bhojanīyaṃ nāma odano kummāso sattu maccho maṃsanti. Pañca bhojanāni yāmakālikaṃ sattāhakālikaṃ yāvajīvikañca ṭhapetvā avasesaṃ khādanīyaṃ nāma. Ettha (pāci. aṭṭha. 248-9) pana yaṃ tāva sakkhalimodakādi pubbaṇṇāparaṇṇamayaṃ khādanīyaṃ, tattha vattabbameva natthi. Yampi vanamūlādippabhedaṃ āmisagatikaṃ hoti. Seyyathidaṃ – mūlakhādanīyaṃ kandakhādanīyaṃ muḷālakhādanīyaṃ matthakakhādanīyaṃ khandhakhādanīyaṃ tacakhādanīyaṃ pattakhādanīyaṃ pupphakhādanīyaṃ phalakhādanīyaṃ aṭṭhikhādanīyaṃ piṭṭhakhādanīyaṃ niyyāsakhādanīyanti, idampi khādanīyasaṅkhyameva gacchati.

    ตตฺถ ปน อามิสคติกสลฺลกฺขณตฺถํ อิทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – มูลขาทนีเย ตาว มูลกมูลํ ขารกมูลํ จจฺจุมูลํ ตมฺพกมูลํ ตณฺฑุเลยฺยกมูลํ วตฺถุเลยฺยกมูลํ วชกลิมูลํ ชชฺฌริมูลนฺติ เอวมาทีนิ สูเปยฺยปณฺณมูลานิ อามิสคติกานิฯ เอตฺถ จ วชกลิมูเล ชรฎฺฐํ ฉินฺทิตฺวา ฉเฑฺฑนฺติ, ตํ ยาวชีวิกํ โหติฯ อญฺญมฺปิ เอวรูปํ เอเตเนว นเยน เวทิตพฺพํฯ มูลกขารกชชฺฌริมูลานํ ปน ชรฎฺฐานิปิ อามิสคติกาเนวาติ วุตฺตํฯ ยานิ ปน ปาฬิยํ –

    Tattha pana āmisagatikasallakkhaṇatthaṃ idaṃ mukhamattanidassanaṃ – mūlakhādanīye tāva mūlakamūlaṃ khārakamūlaṃ caccumūlaṃ tambakamūlaṃ taṇḍuleyyakamūlaṃ vatthuleyyakamūlaṃ vajakalimūlaṃ jajjharimūlanti evamādīni sūpeyyapaṇṇamūlāni āmisagatikāni. Ettha ca vajakalimūle jaraṭṭhaṃ chinditvā chaḍḍenti, taṃ yāvajīvikaṃ hoti. Aññampi evarūpaṃ eteneva nayena veditabbaṃ. Mūlakakhārakajajjharimūlānaṃ pana jaraṭṭhānipi āmisagatikānevāti vuttaṃ. Yāni pana pāḷiyaṃ –

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มูลานิ เภสชฺชานิ หลิทฺทิํ สิงฺคิเวรํ วจํ วจตฺตํ อติวิสํ กฎุกโรหิณิํ อุสีรํ ภทฺทมุตฺตกํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) –

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, mūlāni bhesajjāni haliddiṃ siṅgiveraṃ vacaṃ vacattaṃ ativisaṃ kaṭukarohiṇiṃ usīraṃ bhaddamuttakaṃ, yāni vā panaññānipi atthi mūlāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti, na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263) –

    วุตฺตานิ, ตานิ ยาวชีวิกานิฯ เตสํ จูฬปญฺจมูลํ มหาปญฺจมูลนฺติอาทินา นเยน คณิยมานานํ คณนาย อโนฺต นตฺถิ, ขาทนียตฺถญฺจ โภชนียตฺถญฺจ อผรณภาโวเยว ปเนเตสํ ลกฺขณํฯ ตสฺมา ยํ กิญฺจิ มูลํ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรติ, ตํ ยาวกาลิกํ, อิตรํ ยาวชีวิกนฺติ เวทิตพฺพํ ฯ สุพหุํ วตฺวาปิ หิ อิมสฺมิํเยว ลกฺขเณ ฐาตพฺพํฯ นามสญฺญาสุ ปน วุจฺจมานาสุ ตํ ตํ นามํ อชานนฺตานํ สโมฺมโหเยว โหติ, ตสฺมา นามสญฺญาย อาทรํ อกตฺวา ลกฺขณเมว ทสฺสิตํฯ ยถา จ มูเล, เอวํ กนฺทาทีสุปิ ลกฺขณํ ทสฺสยิสฺสาม, ตเสฺสว วเสน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ยญฺจ ตํ ปาฬิยํ หลิทฺทาทิ อฎฺฐวิธํ วุตฺตํ, ตสฺส ขนฺธตจปุปฺผผลาทิ สพฺพํ ยาวชีวิกนฺติ วุตฺตํฯ

    Vuttāni, tāni yāvajīvikāni. Tesaṃ cūḷapañcamūlaṃ mahāpañcamūlantiādinā nayena gaṇiyamānānaṃ gaṇanāya anto natthi, khādanīyatthañca bhojanīyatthañca apharaṇabhāvoyeva panetesaṃ lakkhaṇaṃ. Tasmā yaṃ kiñci mūlaṃ tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharati, taṃ yāvakālikaṃ, itaraṃ yāvajīvikanti veditabbaṃ . Subahuṃ vatvāpi hi imasmiṃyeva lakkhaṇe ṭhātabbaṃ. Nāmasaññāsu pana vuccamānāsu taṃ taṃ nāmaṃ ajānantānaṃ sammohoyeva hoti, tasmā nāmasaññāya ādaraṃ akatvā lakkhaṇameva dassitaṃ. Yathā ca mūle, evaṃ kandādīsupi lakkhaṇaṃ dassayissāma, tasseva vasena vinicchayo veditabbo. Yañca taṃ pāḷiyaṃ haliddādi aṭṭhavidhaṃ vuttaṃ, tassa khandhatacapupphaphalādi sabbaṃ yāvajīvikanti vuttaṃ.

    กนฺทขาทนีเย ทุวิโธ กโนฺท ทีโฆ จ ภิสกิํสุกกนฺทาทิ, วโฎฺฎ จ อุปฺปลกเสรุกกนฺทาทิ, ยํ คณฺฐีติปิ วทนฺติฯ ตตฺถ สเพฺพสํ กนฺทานํ ชิณฺณชรฎฺฐฎฺฐานญฺจ ฉลฺลิ จ สุขุมมูลานิ จ ยาวชีวิกานิ, ตรุโณ ปน สุขขาทนีโย สาลกลฺยาณิโปตกกโนฺท กิํสุกโปตกกโนฺท อมฺพาฎกกโนฺท เกตกกโนฺท มาลุวกโนฺท ภิสสงฺขาโต ปทุมปุณฺฑรีกกโนฺท ปิณฺฑาลุมสาลุอาทโย จ ขีรวลฺลิกโนฺท อาลุวกโนฺท สิคฺคุกโนฺท ตาลกโนฺท นีลุปฺปลรตฺตุปฺปลกุมุทโสคนฺธิกานํ กนฺทา กทลิกโนฺท เวฬุกโนฺท กเสรุกกโนฺทติ เอวมาทโย เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถญฺจ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกกนฺทา ยาวกาลิกาฯ ขีรวลฺลิกโนฺท อโธโต ยาวชีวิโก, โธโต ยาวกาลิโกฯ ขีรกาโกลิชีวิกอุสภกลสุณาทิกนฺทา ปน ยาวชีวิกาฯ เต ปาฬิยํ ‘‘ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานี’’ติ เอวํ (มหาว. ๒๖๓) มูลเภสชฺชสงฺคเหเนว สงฺคหิตาฯ

    Kandakhādanīye duvidho kando dīgho ca bhisakiṃsukakandādi, vaṭṭo ca uppalakaserukakandādi, yaṃ gaṇṭhītipi vadanti. Tattha sabbesaṃ kandānaṃ jiṇṇajaraṭṭhaṭṭhānañca challi ca sukhumamūlāni ca yāvajīvikāni, taruṇo pana sukhakhādanīyo sālakalyāṇipotakakando kiṃsukapotakakando ambāṭakakando ketakakando māluvakando bhisasaṅkhāto padumapuṇḍarīkakando piṇḍālumasāluādayo ca khīravallikando āluvakando siggukando tālakando nīluppalarattuppalakumudasogandhikānaṃ kandā kadalikando veḷukando kaserukakandoti evamādayo tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthañca bhojanīyatthañca pharaṇakakandā yāvakālikā. Khīravallikando adhoto yāvajīviko, dhoto yāvakāliko. Khīrakākolijīvikausabhakalasuṇādikandā pana yāvajīvikā. Te pāḷiyaṃ ‘‘yāni vā panaññānipi atthi mūlāni bhesajjānī’’ti evaṃ (mahāva. 263) mūlabhesajjasaṅgaheneva saṅgahitā.

    มุฬาลขาทนีเย ปทุมมุฬาลํ ปุณฺฑรีกมุฬาลํ มูลสทิสํเยวฯ เอรกมุฬาลํ กนฺทุลมุฬาลนฺติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกมุฬาลํ ยาวกาลิกํ, หลิทฺทิสิงฺคิเวรมกจิจตุรสฺสวลฺลิเกตกตาลหินฺตาลกุนฺตาลนาฬิเกรปูครุกฺขาทิมุฬาลํ ปน ยาวชีวิกํฯ ตํ สพฺพมฺปิ ปาฬิยํ ‘‘ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานี’’ติ เอวํ มูลเภสชฺชสงฺคเหเนว สงฺคหิตํฯ

    Muḷālakhādanīye padumamuḷālaṃ puṇḍarīkamuḷālaṃ mūlasadisaṃyeva. Erakamuḷālaṃ kandulamuḷālanti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇakamuḷālaṃ yāvakālikaṃ, haliddisiṅgiveramakacicaturassavalliketakatālahintālakuntālanāḷikerapūgarukkhādimuḷālaṃ pana yāvajīvikaṃ. Taṃ sabbampi pāḷiyaṃ ‘‘yāni vā panaññānipi atthi mūlāni bhesajjānī’’ti evaṃ mūlabhesajjasaṅgaheneva saṅgahitaṃ.

    มตฺถกขาทนีเย ตาลหินฺตาลกุนฺตาลเกตกนาฬิเกรปูครุกฺขขชฺชูริเวตฺตเอรกกทลีนํ กฬีรสงฺขาตา มตฺถกา, เวณุกฬีโร นฬกฬีโร อุจฺฉุกฬีโร มูลกกฬีโร สาสปกฬีโร สตาวริกฬีโร สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ กฬีราติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณโก รุกฺขวลฺลิอาทีนํ มตฺถโก ยาวกาลิโก, หลิทฺทิสิงฺคิเวรวจมกจิลสุณานํ กฬีรา, ตาลหินฺตาลกุนฺตาลนาฬิเกรกฬีรานญฺจ ฉินฺทิตฺวา ปาติโต ชรฎฺฐพุโนฺท ยาวชีวิโกฯ

    Matthakakhādanīye tālahintālakuntālaketakanāḷikerapūgarukkhakhajjūrivettaerakakadalīnaṃ kaḷīrasaṅkhātā matthakā, veṇukaḷīro naḷakaḷīro ucchukaḷīro mūlakakaḷīro sāsapakaḷīro satāvarikaḷīro sattannaṃ dhaññānaṃ kaḷīrāti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇako rukkhavalliādīnaṃ matthako yāvakāliko, haliddisiṅgiveravacamakacilasuṇānaṃ kaḷīrā, tālahintālakuntālanāḷikerakaḷīrānañca chinditvā pātito jaraṭṭhabundo yāvajīviko.

    ขนฺธขาทนีเย อโนฺตปถวีคโต สาลกลฺยาณีขโนฺธ อุจฺฉุขโนฺธ นีลุปฺปลรตฺตุปฺปลกุมุทโสคนฺธิกานํ ทณฺฑกขนฺธาติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณโก ขโนฺธ ยาวกาลิโก, อุปฺปลชาตีนํ ปณฺณทณฺฑโก ปทุมชาตีนํ สโพฺพปิ ทณฺฑโก กรวินฺททณฺฑาทโย จ อวเสสสพฺพขนฺธา ยาวชีวิกาฯ

    Khandhakhādanīye antopathavīgato sālakalyāṇīkhandho ucchukhandho nīluppalarattuppalakumudasogandhikānaṃ daṇḍakakhandhāti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇako khandho yāvakāliko, uppalajātīnaṃ paṇṇadaṇḍako padumajātīnaṃ sabbopi daṇḍako karavindadaṇḍādayo ca avasesasabbakhandhā yāvajīvikā.

    ตจขาทนีเย อุจฺฉุตโจว เอโก ยาวกาลิโก, โสปิ สรโส, เสโส สโพฺพ ยาวชีวิโกฯ เตสํ ปน มตฺถกขนฺธตจานํ ติณฺณมฺปิ ปาฬิยํ กสาวเภสเชฺชน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Tacakhādanīye ucchutacova eko yāvakāliko, sopi saraso, seso sabbo yāvajīviko. Tesaṃ pana matthakakhandhatacānaṃ tiṇṇampi pāḷiyaṃ kasāvabhesajjena saṅgaho veditabbo. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กสาวานิ เภสชฺชานิ นิมฺพกสาวํ กุฎชกสาวํ ปโฎลกสาวํ ผคฺควกสาวํ นตฺตมาลกสาวํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ กสาวานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓)ฯ

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, kasāvāni bhesajjāni nimbakasāvaṃ kuṭajakasāvaṃ paṭolakasāvaṃ phaggavakasāvaṃ nattamālakasāvaṃ, yāni vā panaññānipi atthi kasāvāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti, na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263).

    เอตฺถ หิ เอเตสมฺปิ สงฺคโห สิชฺฌติฯ วุตฺตกสาวานิ จ สพฺพกปฺปิยานีติ เวทิตพฺพานิฯ

    Ettha hi etesampi saṅgaho sijjhati. Vuttakasāvāni ca sabbakappiyānīti veditabbāni.

    ปตฺตขาทนีเย มูลกํ ขารโก จจฺจุ ตมฺพโก ตณฺฑุเลยฺยโก ปปุนฺนาโค วตฺถุเลยฺยโก วชกลิ ชชฺฌริ เสลฺลุ สิคฺคุ กาสมทฺทโก อุมฺมาจีนมุโคฺค มาโส ราชมาโส ฐเปตฺวา มหานิปฺผาวํ อวเสสนิปฺผาโว อคฺคิมโนฺถ สุนิสนฺนโก เสตวรโณ นาฬิกา ภูมิยํ ชาตโลณีติ เอเตสํ ปตฺตานิ, อญฺญานิ จ เอวรูปานิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถญฺจ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกานิ ปตฺตานิ เอกํเสน ยาวกาลิกานิ , ยา ปนญฺญา มหานขปิฎฺฐิมตฺตปณฺณา โลณิรุเกฺข จ คเจฺฉ จ อาโรหติ, ตสฺสา ปตฺตํ ยาวชีวิกํฯ พฺรหฺมิปตฺตญฺจ ยาวกาลิกนฺติ ทีปวาสิโน วทนฺติฯ อมฺพปลฺลวํ ยาวกาลิกํ, อโสกปลฺลวํ ปน ยาวชีวิกํฯ ยานิ จญฺญานิ ปาฬิยํ –

    Pattakhādanīye mūlakaṃ khārako caccu tambako taṇḍuleyyako papunnāgo vatthuleyyako vajakali jajjhari sellu siggu kāsamaddako ummācīnamuggo māso rājamāso ṭhapetvā mahānipphāvaṃ avasesanipphāvo aggimantho sunisannako setavaraṇo nāḷikā bhūmiyaṃ jātaloṇīti etesaṃ pattāni, aññāni ca evarūpāni tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthañca bhojanīyatthañca pharaṇakāni pattāni ekaṃsena yāvakālikāni , yā panaññā mahānakhapiṭṭhimattapaṇṇā loṇirukkhe ca gacche ca ārohati, tassā pattaṃ yāvajīvikaṃ. Brahmipattañca yāvakālikanti dīpavāsino vadanti. Ambapallavaṃ yāvakālikaṃ, asokapallavaṃ pana yāvajīvikaṃ. Yāni caññāni pāḷiyaṃ –

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปณฺณานิ เภสชฺชานิ นิมฺพปณฺณํ กุฎชปณฺณํ ปโฎลปณฺณํ สุลสิปณฺณํ กปฺปาสปณฺณํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ ปณฺณานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) –

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, paṇṇāni bhesajjāni nimbapaṇṇaṃ kuṭajapaṇṇaṃ paṭolapaṇṇaṃ sulasipaṇṇaṃ kappāsapaṇṇaṃ, yāni vā panaññānipi atthi paṇṇāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti, na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263) –

    วุตฺตานิ, ตานิ ยาวชีวิกานิฯ น เกวลญฺจ ปณฺณานิ, เตสํ ปุปฺผผลานิปิฯ ยาวชีวิกปณฺณานํ ปน ผคฺควปณฺณํ อชฺชุกปณฺณํ ผณิชฺชกปณฺณํ ตมฺพูลปณฺณํ ปทุมินิปณฺณนฺติ เอวํ คณนวเสน อโนฺต นตฺถิฯ

    Vuttāni, tāni yāvajīvikāni. Na kevalañca paṇṇāni, tesaṃ pupphaphalānipi. Yāvajīvikapaṇṇānaṃ pana phaggavapaṇṇaṃ ajjukapaṇṇaṃ phaṇijjakapaṇṇaṃ tambūlapaṇṇaṃ paduminipaṇṇanti evaṃ gaṇanavasena anto natthi.

    ปุปฺผขาทนีเย มูลกปุปฺผํ ขารกปุปฺผํ จจฺจุปุปฺผํ ตมฺพกปุปฺผํ วชกลิปุปฺผํ ชชฺฌริปุปฺผํ จูฬนิปฺผาวปุปฺผํ มหานิปฺผาวปุปฺผํ กเสรุกปุปฺผํ นาฬิเกรตาลเกตกานํ ตรุณปุปฺผานิ เสตวรณปุปฺผํ สิคฺคุปุปฺผํ อุปฺปลปทุมชาติกานํ ปุปฺผานํ กณฺณิกามตฺตํ อคนฺธิปุปฺผํ กรีรปุปฺผํ ชีวนฺตี ปุปฺผนฺติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณปุปฺผํ ยาวกาลิกํ, อโสกพกุลกุยฺยกปุนฺนาคจมฺปกชาติกรวีรกณิการกุนฺทนวมาลิกมลฺลิกาทีนํ ปน ปุปฺผํ ยาวชีวิกํ, ตสฺส คณนาย อโนฺต นตฺถิฯ ปาฬิยํ ปนสฺส กสาวเภสเชฺชน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ

    Pupphakhādanīye mūlakapupphaṃ khārakapupphaṃ caccupupphaṃ tambakapupphaṃ vajakalipupphaṃ jajjharipupphaṃ cūḷanipphāvapupphaṃ mahānipphāvapupphaṃ kaserukapupphaṃ nāḷikeratālaketakānaṃ taruṇapupphāni setavaraṇapupphaṃ siggupupphaṃ uppalapadumajātikānaṃ pupphānaṃ kaṇṇikāmattaṃ agandhipupphaṃ karīrapupphaṃ jīvantī pupphanti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇapupphaṃ yāvakālikaṃ, asokabakulakuyyakapunnāgacampakajātikaravīrakaṇikārakundanavamālikamallikādīnaṃ pana pupphaṃ yāvajīvikaṃ, tassa gaṇanāya anto natthi. Pāḷiyaṃ panassa kasāvabhesajjena saṅgaho veditabbo.

    ผลขาทนีเย ปนสลพุชตาลนาฬิเกรอมฺพชมฺพุอมฺพาฎกตินฺติณิกมาตุลุงฺคกปิตฺถลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลติมฺพรูสกติปุสวาติงฺคณโจจโมจมธุกาทีนํ ผลานิ, ยานิ โลเก เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรนฺติ, สพฺพานิ ตานิ ยาวกาลิกานิ, นามคณนวเสน เตสํ น สกฺกา ปริยนฺตํ ทเสฺสตุํฯ ยานิ ปน ปาฬิยํ –

    Phalakhādanīye panasalabujatālanāḷikeraambajambuambāṭakatintiṇikamātuluṅgakapitthalābukumbhaṇḍapussaphalatimbarūsakatipusavātiṅgaṇacocamocamadhukādīnaṃ phalāni, yāni loke tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharanti, sabbāni tāni yāvakālikāni, nāmagaṇanavasena tesaṃ na sakkā pariyantaṃ dassetuṃ. Yāni pana pāḷiyaṃ –

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ผลานิ เภสชฺชานิ พิลงฺคํ ปิปฺปลิํ มรีจํ หรีตกํ วิภีตกํ อามลกํ โคฎฺฐผลํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ ผลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) –

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, phalāni bhesajjāni bilaṅgaṃ pippaliṃ marīcaṃ harītakaṃ vibhītakaṃ āmalakaṃ goṭṭhaphalaṃ, yāni vā panaññānipi atthi phalāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti, na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263) –

    วุตฺตานิ , ตานิ ยาวชีวิกานิฯ เตสมฺปิ อปริปกฺกานิ อจฺฉิวพิมฺพวรณเกตกกาสฺมรีอาทีนํ ผลานิ ชาติผลํ กฎุกผลํ เอฬา ตโกฺกลนฺติ เอวํ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทเสฺสตุํฯ

    Vuttāni , tāni yāvajīvikāni. Tesampi aparipakkāni acchivabimbavaraṇaketakakāsmarīādīnaṃ phalāni jātiphalaṃ kaṭukaphalaṃ eḷā takkolanti evaṃ nāmavasena na sakkā pariyantaṃ dassetuṃ.

    อฎฺฐิขาทนีเย ลพุชฎฺฐิ ปนสฎฺฐิ อมฺพาฎกฎฺฐิ สาลฎฺฐิ ขชฺชูรีเกตกติมฺพรูสกานํ ตรุณผลฎฺฐิ ตินฺติณิกฎฺฐิ พิมฺพผลฎฺฐิ อุปฺปลปทุมชาตีนํ โปกฺขรฎฺฐีติ เอวมาทีนิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ มนุสฺสานํ ปกติอาหารวเสน ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกานิ อฎฺฐีนิ ยาวกาลิกานิ, มธุกฎฺฐิ ปุนฺนาคฎฺฐิ หรีตกาทีนํ อฎฺฐีนิ สิทฺธตฺถกฎฺฐิ ราชิกฎฺฐีติ เอวมาทีนิ อฎฺฐีนิ ยาวชีวิกานิฯ เตสํ ปาฬิยํ ผลเภสเชฺชเนว สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ

    Aṭṭhikhādanīye labujaṭṭhi panasaṭṭhi ambāṭakaṭṭhi sālaṭṭhi khajjūrīketakatimbarūsakānaṃ taruṇaphalaṭṭhi tintiṇikaṭṭhi bimbaphalaṭṭhi uppalapadumajātīnaṃ pokkharaṭṭhīti evamādīni tesu tesu janapadesu manussānaṃ pakatiāhāravasena khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇakāni aṭṭhīni yāvakālikāni, madhukaṭṭhi punnāgaṭṭhi harītakādīnaṃ aṭṭhīni siddhatthakaṭṭhi rājikaṭṭhīti evamādīni aṭṭhīni yāvajīvikāni. Tesaṃ pāḷiyaṃ phalabhesajjeneva saṅgaho veditabbo.

    ปิฎฺฐขาทนีเย สตฺตนฺนํ ตาว ธญฺญานํ ธญฺญานุโลมานํ อปรณฺณานญฺจ ปิฎฺฐํ ปนสปิฎฺฐํ ลพุชปิฎฺฐํ อมฺพาฎกปิฎฺฐํ สาลปิฎฺฐํ โธตกตาลปิฎฺฐํ ขีรวลฺลิปิฎฺฐญฺจาติ เอวมาทีนิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกานิ ปิฎฺฐานิ ยาวกาลิกานิ, อโธตกํ ตาลปิฎฺฐํ ขีรวลฺลิปิฎฺฐํ อสฺสคนฺธาทิปิฎฺฐานิ จ ยาวชีวิกานิฯ เตสํ ปาฬิยํ กสาเวหิ มูลผเลหิ จ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ

    Piṭṭhakhādanīye sattannaṃ tāva dhaññānaṃ dhaññānulomānaṃ aparaṇṇānañca piṭṭhaṃ panasapiṭṭhaṃ labujapiṭṭhaṃ ambāṭakapiṭṭhaṃ sālapiṭṭhaṃ dhotakatālapiṭṭhaṃ khīravallipiṭṭhañcāti evamādīni tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇakāni piṭṭhāni yāvakālikāni, adhotakaṃ tālapiṭṭhaṃ khīravallipiṭṭhaṃ assagandhādipiṭṭhāni ca yāvajīvikāni. Tesaṃ pāḷiyaṃ kasāvehi mūlaphalehi ca saṅgaho veditabbo.

    นิยฺยาสขาทนีเย – เอโก อุจฺฉุนิยฺยาโสว สตฺตาหกาลิโก, เสสา –

    Niyyāsakhādanīye – eko ucchuniyyāsova sattāhakāliko, sesā –

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ชตูนิ เภสชฺชานิ หิงฺคุํ หิงฺคุชตุํ หิงฺคุสิปาฎิกํ ตกํ ตกปตฺติํ ตกปณฺณิํ สชฺชุลสํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ ชตูนิ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) –

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, jatūni bhesajjāni hiṅguṃ hiṅgujatuṃ hiṅgusipāṭikaṃ takaṃ takapattiṃ takapaṇṇiṃ sajjulasaṃ, yāni vā panaññānipi atthi jatūni bhesajjānī’’ti (mahāva. 263) –

    เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตา นิยฺยาสา ยาวชีวิกาฯ ตตฺถ เยวาปนกวเสน สงฺคหิตานํ อมฺพนิยฺยาโส กณิการนิยฺยาโสติ เอวํ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทเสฺสตุํฯ เอวํ อิเมสุ มูลขาทนียาทีสุ ยํ กิญฺจิ ยาวกาลิกํ, สพฺพมฺปิ อิมสฺมิํ อเตฺถ อวเสสํ ขาทนียํ นามาติ สงฺคหิตํฯ

    Evaṃ pāḷiyaṃ vuttā niyyāsā yāvajīvikā. Tattha yevāpanakavasena saṅgahitānaṃ ambaniyyāso kaṇikāraniyyāsoti evaṃ nāmavasena na sakkā pariyantaṃ dassetuṃ. Evaṃ imesu mūlakhādanīyādīsu yaṃ kiñci yāvakālikaṃ, sabbampi imasmiṃ atthe avasesaṃ khādanīyaṃ nāmāti saṅgahitaṃ.

    ๙๑. ยามกาลิเกสุ ปน อฎฺฐ ปานานิ นาม อมฺพปานํ ชมฺพุปานํ โจจปานํ โมจปานํ มธุกปานํ มุทฺทิกปานํ สาลูกปานํ ผารุสกปานนฺติ อิมานิ อฎฺฐ ปานานิฯ ตตฺถ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๐) อมฺพปานนฺติ อาเมหิ วา ปเกฺกหิ วา อเมฺพหิ กตปานํฯ ตตฺถ อาเมหิ กโรเนฺตน อมฺพตรุณานิ ภินฺทิตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา อาตเป อาทิจฺจปาเกน ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ตทหุปฎิคฺคหิตเกหิ มธุสกฺการกปฺปูราทีหิ โยเชตฺวา กาตพฺพํ, เอวํ กตํ ปุเรภตฺตเมว กปฺปติฯ อนุปสมฺปเนฺนหิ กตํ ลภิตฺวา ปน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสปริโภเคนปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตํ นิรามิสปริโภเคน ยาว อรุณุคฺคมนา วฎฺฎติฯ เอส นโย สพฺพปาเนสุฯ ชมฺพุปานนฺติ ชมฺพุผเลหิ กตปานํฯ โจจปานนฺติ อฎฺฐิกกทลิผเลหิ กตปานํฯ โมจปานนฺติ อนฎฺฐิเกหิ กทลิผเลหิ กตปานํฯ มธุกปานนฺติ มธุกานํ ชาติรเสน กตปานํฯ ตํ ปน อุทกสมฺภินฺนํ วฎฺฎติ, สุทฺธํ น วฎฺฎติฯ มุทฺทิกปานนฺติ มุทฺทิกา อุทเก มทฺทิตฺวา อมฺพปานํ วิย กตปานํฯ สาลูกปานนฺติ รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทีนํ สาลูเก มทฺทิตฺวา กตปานํฯ ผารุสกปานนฺติ ผารุสกผเลหิ อมฺพปานํ วิย กตปานํฯ อิมานิ อฎฺฐ ปานานิ สีตานิปิ อาทิจฺจปากานิปิ วฎฺฎนฺติ, อคฺคิปากานิ น วฎฺฎนฺติฯ

    91. Yāmakālikesu pana aṭṭha pānāni nāma ambapānaṃ jambupānaṃ cocapānaṃ mocapānaṃ madhukapānaṃ muddikapānaṃ sālūkapānaṃ phārusakapānanti imāni aṭṭha pānāni. Tattha (mahāva. aṭṭha. 300) ambapānanti āmehi vā pakkehi vā ambehi katapānaṃ. Tattha āmehi karontena ambataruṇāni bhinditvā udake pakkhipitvā ātape ādiccapākena pacitvā parissāvetvā tadahupaṭiggahitakehi madhusakkārakappūrādīhi yojetvā kātabbaṃ, evaṃ kataṃ purebhattameva kappati. Anupasampannehi kataṃ labhitvā pana purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisaparibhogenapi vaṭṭati, pacchābhattaṃ nirāmisaparibhogena yāva aruṇuggamanā vaṭṭati. Esa nayo sabbapānesu. Jambupānanti jambuphalehi katapānaṃ. Cocapānanti aṭṭhikakadaliphalehi katapānaṃ. Mocapānanti anaṭṭhikehi kadaliphalehi katapānaṃ. Madhukapānanti madhukānaṃ jātirasena katapānaṃ. Taṃ pana udakasambhinnaṃ vaṭṭati, suddhaṃ na vaṭṭati. Muddikapānanti muddikā udake madditvā ambapānaṃ viya katapānaṃ. Sālūkapānanti rattuppalanīluppalādīnaṃ sālūke madditvā katapānaṃ. Phārusakapānanti phārusakaphalehi ambapānaṃ viya katapānaṃ. Imāni aṭṭha pānāni sītānipi ādiccapākānipi vaṭṭanti, aggipākāni na vaṭṭanti.

    อวเสสานิ เวตฺตตินฺติณิกมาตุลุงฺคกปิตฺถโกสมฺพกรมนฺทาทิขุทฺทกผลปานานิ อฎฺฐปานคอกาเนวฯ ตานิ กิญฺจาปิ ปาฬิยํ น วุตฺตานิ, อถ โข กปฺปิยํ อนุโลเมนฺติ, ตสฺมา กปฺปนฺติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ผลรสํ ฐเปตฺวา ธญฺญผลรส’’นฺติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๐) วุตฺตตฺตา ฐเปตฺวา สานุโลมธญฺญผลรสํ อญฺญํ ผลปานํ นาม อกปฺปิยํ นตฺถิ, สพฺพํ ยามกาลิกเมวฯ ตตฺถ สานุโลมธญฺญผลรโส นาม สตฺตนฺนเญฺจว ธญฺญานํ ตาลนาฬิเกรปนสลพุชอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลติปุสเอฬาลุกาติ นวนฺนญฺจ มหาผลานํ สเพฺพสญฺจ ปุพฺพณฺณาปรณฺณานํ อนุโลมธญฺญานํ รโส ยาวกาลิโก, ตสฺมา ปจฺฉาภตฺตํ น วฎฺฎติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปตฺตรสํ ฐเปตฺวา ฑากรส’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) วุตฺตตฺตา ปกฺกฑากรสํ ฐเปตฺวา ยาวกาลิกปตฺตานมฺปิ สีโตทเกน มทฺทิตฺวา กตรโส วา อาทิจฺจปาโก วา วฎฺฎติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปุปฺผรสํ ฐเปตฺวา มธุกปุปฺผรส’’นฺติ วุตฺตตฺตา มธุกปุปฺผรสํ ฐเปตฺวา สโพฺพปิ ปุปฺผรโส วฎฺฎติฯ

    Avasesāni vettatintiṇikamātuluṅgakapitthakosambakaramandādikhuddakaphalapānāni aṭṭhapānagaakāneva. Tāni kiñcāpi pāḷiyaṃ na vuttāni, atha kho kappiyaṃ anulomenti, tasmā kappanti. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ phalarasaṃ ṭhapetvā dhaññaphalarasa’’nti (mahāva. aṭṭha. 300) vuttattā ṭhapetvā sānulomadhaññaphalarasaṃ aññaṃ phalapānaṃ nāma akappiyaṃ natthi, sabbaṃ yāmakālikameva. Tattha sānulomadhaññaphalaraso nāma sattannañceva dhaññānaṃ tālanāḷikerapanasalabujaalābukumbhaṇḍapussaphalatipusaeḷālukāti navannañca mahāphalānaṃ sabbesañca pubbaṇṇāparaṇṇānaṃ anulomadhaññānaṃ raso yāvakāliko, tasmā pacchābhattaṃ na vaṭṭati. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ pattarasaṃ ṭhapetvā ḍākarasa’’nti (mahāva. 300) vuttattā pakkaḍākarasaṃ ṭhapetvā yāvakālikapattānampi sītodakena madditvā kataraso vā ādiccapāko vā vaṭṭati. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ puppharasaṃ ṭhapetvā madhukapuppharasa’’nti vuttattā madhukapuppharasaṃ ṭhapetvā sabbopi puppharaso vaṭṭati.

    ๙๒. สตฺตาหกาลิกํ นาม สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตนฺติ อิมานิ ปญฺจ เภสชฺชานิฯ ตตฺถ สปฺปิ นาม โคสปฺปิ วา อชิกาสปฺปิ วา มหิํสสปฺปิ วา เยสํ มํสํ กปฺปติ, เตสํ สปฺปิฯ นวนีตํ นาม เตสํเยว นวนีตํฯ เตลํ นาม ติลเตลํ สาสปเตลํ มธุกเตลํ เอรณฺฑเตลํ วสาเตลํฯ มธุ นาม มกฺขิกามธุฯ ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตํ (ปจิ. ๒๖๐)ฯ ยาวชีวิกํ ปน เหฎฺฐา ยาวกาลิเก มูลขาทนียาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    92. Sattāhakālikaṃ nāma sappi navanītaṃ telaṃ madhu phāṇitanti imāni pañca bhesajjāni. Tattha sappi nāma gosappi vā ajikāsappi vā mahiṃsasappi vā yesaṃ maṃsaṃ kappati, tesaṃ sappi. Navanītaṃ nāma tesaṃyeva navanītaṃ. Telaṃ nāma tilatelaṃ sāsapatelaṃ madhukatelaṃ eraṇḍatelaṃ vasātelaṃ. Madhu nāma makkhikāmadhu. Phāṇitaṃ nāma ucchumhā nibbattaṃ (paci. 260). Yāvajīvikaṃ pana heṭṭhā yāvakālike mūlakhādanīyādīsu vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ๙๓. ตตฺถ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๕๖) อรุโณทเย ปฎิคฺคหิตํ ยาวกาลิกํ สตกฺขตฺตุมฺปิ นิทหิตฺวา ยาว กาโล นาติกฺกมติ, ตาว ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, ยามกาลิกํ เอกํ อโหรตฺตํ, สตฺตาหกาลิกํ สตฺตรตฺตํ, อิตรํ สติ ปจฺจเย ยาวชีวมฺปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ปฎิคฺคเหตฺวา เอกรตฺตํ วีตินามิตํ ปน ยํ กิญฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา อโชฺฌหริตุกามตาย คณฺหนฺตสฺส ปฎิคฺคหเณ ตาว ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหรโต ปน เอกเมกสฺมิํ อโชฺฌหาเร สนฺนิธิปจฺจยา ปาจิตฺติยํฯ สเจปิ ปโตฺต ทุโทฺธโต โหติ, ยํ องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส เลขา ปญฺญายติ, คณฺฐิกปตฺตสฺส วา คณฺฐิกนฺตเร เสฺนโห ปวิโฎฺฐ โหติ, โส อุเณฺห โอตาเปนฺตสฺส ปคฺฆรติ, อุณฺหยาคุยา วา คหิตาย สนฺทิสฺสติ, ตาทิเส ปเตฺตปิ ปุนทิวเส ภุญฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, ตสฺมา ปตฺตํ โธวิตฺวา ปุน ตตฺถ อโจฺฉทกํ วา อาสิญฺจิตฺวา องฺคุลิยา วา ฆํสิตฺวา นิเสฺนหภาโว ชานิตโพฺพฯ สเจ หิ อุทเก วา เสฺนหภาโว, ปเตฺต วา องฺคุลิเลขา ปญฺญายติ, ทุโทฺธโต โหติ, เตลวณฺณปเตฺต ปน องฺคุลิเลขา ปญฺญายติ, สา อโพฺพหาริกาฯ ยมฺปิ ภิกฺขู นิรเปกฺขา สามเณรานํ ปริจฺจชนฺติ, ตเญฺจ สามเณรา นิทหิตฺวา เทนฺติ, สพฺพํ วฎฺฎติฯ สยํ ปฎิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมว หิ ทุติยทิวเส น วฎฺฎติฯ ตโต หิ เอกสิตฺถมฺปิ อโชฺฌหรโต ปาจิตฺติยเมวฯ อกปฺปิยมํเสสุ มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจเยน สทฺธิํ ปาจิตฺติยํ, อวเสเสสุ ทุกฺกเฎน สทฺธิํฯ

    93. Tattha (pāci. aṭṭha. 256) aruṇodaye paṭiggahitaṃ yāvakālikaṃ satakkhattumpi nidahitvā yāva kālo nātikkamati, tāva paribhuñjituṃ vaṭṭati, yāmakālikaṃ ekaṃ ahorattaṃ, sattāhakālikaṃ sattarattaṃ, itaraṃ sati paccaye yāvajīvampi paribhuñjituṃ vaṭṭati. Paṭiggahetvā ekarattaṃ vītināmitaṃ pana yaṃ kiñci yāvakālikaṃ vā yāmakālikaṃ vā ajjhoharitukāmatāya gaṇhantassa paṭiggahaṇe tāva dukkaṭaṃ, ajjhoharato pana ekamekasmiṃ ajjhohāre sannidhipaccayā pācittiyaṃ. Sacepi patto duddhoto hoti, yaṃ aṅguliyā ghaṃsantassa lekhā paññāyati, gaṇṭhikapattassa vā gaṇṭhikantare sneho paviṭṭho hoti, so uṇhe otāpentassa paggharati, uṇhayāguyā vā gahitāya sandissati, tādise pattepi punadivase bhuñjantassa pācittiyaṃ, tasmā pattaṃ dhovitvā puna tattha acchodakaṃ vā āsiñcitvā aṅguliyā vā ghaṃsitvā nisnehabhāvo jānitabbo. Sace hi udake vā snehabhāvo, patte vā aṅgulilekhā paññāyati, duddhoto hoti, telavaṇṇapatte pana aṅgulilekhā paññāyati, sā abbohārikā. Yampi bhikkhū nirapekkhā sāmaṇerānaṃ pariccajanti, tañce sāmaṇerā nidahitvā denti, sabbaṃ vaṭṭati. Sayaṃ paṭiggahetvā apariccattameva hi dutiyadivase na vaṭṭati. Tato hi ekasitthampi ajjhoharato pācittiyameva. Akappiyamaṃsesu manussamaṃse thullaccayena saddhiṃ pācittiyaṃ, avasesesu dukkaṭena saddhiṃ.

    ยามกาลิกํ สติ ปจฺจเย อโชฺฌหรโต ปาจิตฺติยํ, อาหารตฺถาย อโชฺฌหรโต ทุกฺกเฎน สทฺธิํ ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปวาริโต หุตฺวา อนติริตฺตกตํ อโชฺฌหรติ, ปกติอามิเส เทฺว ปาจิตฺติยานิ, มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจเยน สทฺธิํ เทฺว, เสสอกปฺปิยมํเส ทุกฺกเฎน สทฺธิํฯ ยามกาลิกํ สติ ปจฺจเย สามิเสน มุเขน อโชฺฌหรโต เทฺว, นิรามิเสน เอกเมวฯ อาหารตฺถาย อโชฺฌหรโต วิกปฺปทฺวเยปิ ทุกฺกฎํ วฑฺฒติฯ สเจ วิกาเล อโชฺฌหรติ, ปกติโภชเน สนฺนิธิปจฺจยา จ วิกาลโภชนปจฺจยา จ เทฺว ปาจิตฺติยานิ, อกปฺปิยมํเส ถุลฺลจฺจยํ ทุกฺกฎญฺจ วฑฺฒติฯ ยามกาลิเก วิกาลปจฺจยา อนาปตฺติฯ อนติริตฺตปจฺจยา ปน วิกาเล สพฺพวิกเปฺปสุ อนาปตฺติฯ

    Yāmakālikaṃ sati paccaye ajjhoharato pācittiyaṃ, āhāratthāya ajjhoharato dukkaṭena saddhiṃ pācittiyaṃ. Sace pavārito hutvā anatirittakataṃ ajjhoharati, pakatiāmise dve pācittiyāni, manussamaṃse thullaccayena saddhiṃ dve, sesaakappiyamaṃse dukkaṭena saddhiṃ. Yāmakālikaṃ sati paccaye sāmisena mukhena ajjhoharato dve, nirāmisena ekameva. Āhāratthāya ajjhoharato vikappadvayepi dukkaṭaṃ vaḍḍhati. Sace vikāle ajjhoharati, pakatibhojane sannidhipaccayā ca vikālabhojanapaccayā ca dve pācittiyāni, akappiyamaṃse thullaccayaṃ dukkaṭañca vaḍḍhati. Yāmakālike vikālapaccayā anāpatti. Anatirittapaccayā pana vikāle sabbavikappesu anāpatti.

    สตฺตาหกาลิกํ ปน ยาวชีวิกญฺจ อาหารตฺถาย ปฎิคฺคณฺหโต ปฎิคฺคณฺหนปจฺจยา ตาว ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหรโต ปน สเจ นิรามิสํ โหติ, อโชฺฌหาเร ทุกฺกฎํฯ อถ อามิสสํสฎฺฐํ ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตํ โหติ, ยถาวตฺถุกํ ปาจิตฺติยเมวฯ

    Sattāhakālikaṃ pana yāvajīvikañca āhāratthāya paṭiggaṇhato paṭiggaṇhanapaccayā tāva dukkaṭaṃ, ajjhoharato pana sace nirāmisaṃ hoti, ajjhohāre dukkaṭaṃ. Atha āmisasaṃsaṭṭhaṃ paṭiggahetvā ṭhapitaṃ hoti, yathāvatthukaṃ pācittiyameva.

    ๙๔. สตฺตาหกาลิเกสุ ปน สปฺปิอาทีสุ อยํ วินิจฺฉโย (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๒) – สปฺปิ ตาว ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ นิรามิสมฺปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสํ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ สตฺตาหาติกฺกเม สเจ เอกภาชเน ฐปิตํ, เอกํ นิสฺสคฺคิยํฯ สเจ พหูสุ, วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยานิฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ นิรามิสเมว วฎฺฎติ, ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตํ อโชฺฌหริตุํ น วฎฺฎติ, อพฺภญฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ อนโชฺฌหรณียตํ อาปนฺนตฺตาฯ สเจ อนุปสมฺปโนฺน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตนวนีเตน สปฺปิํ กตฺวา เทติ, ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, สเจ สยํ กโรติ, สตฺตาหมฺปิ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตนวนีเตน เยน เกนจิ กตสปฺปิ สตฺตาหมฺปิ นิรามิสเมว วฎฺฎติ, อุคฺคหิตเกน กเต ปุเพฺพ วุตฺตสุทฺธสปฺปินเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตขีเรน วา ทธินา วา กตสปฺปิ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ สามิสมฺปิ ตทหุปุเรภตฺตํ วฎฺฎติ, สยํกตํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ

    94. Sattāhakālikesu pana sappiādīsu ayaṃ vinicchayo (pārā. aṭṭha. 2.622) – sappi tāva purebhattaṃ paṭiggahitaṃ tadahupurebhattaṃ sāmisampi nirāmisampi paribhuñjituṃ vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisaṃ paribhuñjitabbaṃ. Sattāhātikkame sace ekabhājane ṭhapitaṃ, ekaṃ nissaggiyaṃ. Sace bahūsu, vatthugaṇanāya nissaggiyāni. Pacchābhattaṃ paṭiggahitaṃ nirāmisameva vaṭṭati, purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā uggahitakaṃ katvā nikkhittaṃ ajjhoharituṃ na vaṭṭati, abbhañjanādīsu upanetabbaṃ. Sattāhātikkamepi anāpatti anajjhoharaṇīyataṃ āpannattā. Sace anupasampanno purebhattaṃ paṭiggahitanavanītena sappiṃ katvā deti, purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, sace sayaṃ karoti, sattāhampi nirāmisameva vaṭṭati. Pacchābhattaṃ paṭiggahitanavanītena yena kenaci katasappi sattāhampi nirāmisameva vaṭṭati, uggahitakena kate pubbe vuttasuddhasappinayeneva vinicchayo veditabbo. Purebhattaṃ paṭiggahitakhīrena vā dadhinā vā katasappi anupasampannena kataṃ sāmisampi tadahupurebhattaṃ vaṭṭati, sayaṃkataṃ nirāmisameva vaṭṭati.

    ๙๕. นวนีตํ ตาเปนฺตสฺส หิ สามํปาโก น โหติ, สามํปเกฺกน ปน เตน สทฺธิํ อามิสํ น วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย จ น วฎฺฎติเยวฯ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ สวตฺถุกสฺส ปฎิคฺคหิตตฺตาฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตเกหิ กตํ ปน อพฺภญฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ ปุเรภตฺตมฺปิ จ อุคฺคหิตเกหิ กตํ, อุภเยสมฺปิ สตฺตาหาติกฺกเม อนาปตฺติฯ เอส นโย อกปฺปิยมํสสปฺปิมฺหิฯ อยํ ปน วิเสโส – ยตฺถ ปาฬิยํ อาคตสปฺปินา นิสฺสคฺคิยํ, ตตฺถ อิมินา ทุกฺกฎํฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ การณปติรูปกํ วตฺวา มนุสฺสสปฺปิ จ นวนีตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตํ, ตํ ทุปฺปฎิกฺขิตฺตํ สพฺพอฎฺฐกถาสุ อนุญฺญาตตฺตาฯ ปรโต จสฺส วินิจฺฉโยปิ อาคจฺฉิสฺสติฯ ปาฬิยํ อาคตนวนีตมฺปิ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมวฯ สตฺตาหาติกฺกเม นานาภาชเนสุ ฐปิเต ภาชนคณนาย, เอกภาชเนปิ อมิเสฺสตฺวา ปิณฺฑปิณฺฑวเสน ฐปิเต ปิณฺฑคณนาย นิสฺสคฺคิยานิฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ สปฺปินเยน เวทิตพฺพํฯ เอตฺถ ปน ทธิคุฬิกาโยปิ ตกฺกพินฺทูนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา โธตํ วฎฺฎตีติ อุปฑฺฒเตฺถรา อาหํสุฯ มหาสิวเตฺถโร ปน ‘‘ภควตา อนุญฺญาตกาลโต ปฎฺฐาย ตกฺกโต อุทฺธฎมตฺตเมว ขาทิํสู’’ติ อาหฯ ตสฺมา นวนีตํ ปริภุญฺชเนฺตน โธวิตฺวา ทธิตกฺกมกฺขิกากิปิลฺลิกาทีนิ อปเนตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ ปจิตฺวา สปฺปิํ กตฺวา ปริภุญฺชิตุกาเมน อโธตมฺปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ยํ ตตฺถ ทธิคตํ วา ตกฺกคตํ วา, ตํ ขยํ คมิสฺสติฯ เอตฺตาวตา หิ สวตฺถุกปฎิคฺคหิตํ นาม น โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ อามิเสน สทฺธิํ ปกฺกตฺตา ปน ตสฺมิมฺปิ กุกฺกุจฺจายนฺติ กุกฺกุจฺจกาฯ อิทานิ อุคฺคเหตฺวา ฐปิตนวนีเต จ ปุเรภตฺตํ ขีรทธีนิ ปฎิคฺคเหตฺวา กตนวนีเต จ ปจฺฉาภตฺตํ ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา กตนวนีเต จ อุคฺคหิตเกหิ กตนวนีเต จ อกปฺปิยมํสนวนีเต จ สโพฺพ อาปตฺตานาปตฺติปริโภคาปริโภคนโย สปฺปิมฺหิ วุตฺตกฺกเมเนว คเหตโพฺพฯ เตลภิกฺขาย ปวิฎฺฐานํ ปน ภิกฺขูนํ ตเตฺถว สปฺปิมฺปิ นวนีตมฺปิ ปกฺกเตลมฺปิ อปกฺกเตลมฺปิ อากิรนฺติฯ ตตฺถ ตกฺกทธิพินฺทูนิปิ ภตฺตสิตฺถานิปิ ตณฺฑุลกณาปิ มกฺขิกาทโยปิ โหนฺติ, อาทิจฺจปากํ กตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา คหิตํ สตฺตาหกาลิกํ โหติฯ ปฎิคฺคเหตฺวา จ ฐปิตเภสเชฺชหิ สทฺธิํ ปจิตฺวา นตฺถุปานมฺปิ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ วทฺทลิสมเย ลชฺชี สามเณโร ยถา ตตฺถ ปติตตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ปุน ปจิตฺวา เทติ, ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ วฎฺฎติฯ

    95.Navanītaṃ tāpentassa hi sāmaṃpāko na hoti, sāmaṃpakkena pana tena saddhiṃ āmisaṃ na vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya ca na vaṭṭatiyeva. Sattāhātikkamepi anāpatti savatthukassa paṭiggahitattā. Pacchābhattaṃ paṭiggahitakehi kataṃ pana abbhañjanādīsu upanetabbaṃ. Purebhattampi ca uggahitakehi kataṃ, ubhayesampi sattāhātikkame anāpatti. Esa nayo akappiyamaṃsasappimhi. Ayaṃ pana viseso – yattha pāḷiyaṃ āgatasappinā nissaggiyaṃ, tattha iminā dukkaṭaṃ. Andhakaṭṭhakathāyaṃ kāraṇapatirūpakaṃ vatvā manussasappi ca navanītañca paṭikkhittaṃ, taṃ duppaṭikkhittaṃ sabbaaṭṭhakathāsu anuññātattā. Parato cassa vinicchayopi āgacchissati. Pāḷiyaṃ āgatanavanītampi purebhattaṃ paṭiggahitaṃ tadahupurebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva. Sattāhātikkame nānābhājanesu ṭhapite bhājanagaṇanāya, ekabhājanepi amissetvā piṇḍapiṇḍavasena ṭhapite piṇḍagaṇanāya nissaggiyāni. Pacchābhattaṃ paṭiggahitaṃ sappinayena veditabbaṃ. Ettha pana dadhiguḷikāyopi takkabindūnipi honti, tasmā dhotaṃ vaṭṭatīti upaḍḍhattherā āhaṃsu. Mahāsivatthero pana ‘‘bhagavatā anuññātakālato paṭṭhāya takkato uddhaṭamattameva khādiṃsū’’ti āha. Tasmā navanītaṃ paribhuñjantena dhovitvā dadhitakkamakkhikākipillikādīni apanetvā paribhuñjitabbaṃ. Pacitvā sappiṃ katvā paribhuñjitukāmena adhotampi paribhuñjituṃ vaṭṭati. Yaṃ tattha dadhigataṃ vā takkagataṃ vā, taṃ khayaṃ gamissati. Ettāvatā hi savatthukapaṭiggahitaṃ nāma na hotīti ayamettha adhippāyo. Āmisena saddhiṃ pakkattā pana tasmimpi kukkuccāyanti kukkuccakā. Idāni uggahetvā ṭhapitanavanīte ca purebhattaṃ khīradadhīni paṭiggahetvā katanavanīte ca pacchābhattaṃ tāni paṭiggahetvā katanavanīte ca uggahitakehi katanavanīte ca akappiyamaṃsanavanīte ca sabbo āpattānāpattiparibhogāparibhoganayo sappimhi vuttakkameneva gahetabbo. Telabhikkhāya paviṭṭhānaṃ pana bhikkhūnaṃ tattheva sappimpi navanītampi pakkatelampi apakkatelampi ākiranti. Tattha takkadadhibindūnipi bhattasitthānipi taṇḍulakaṇāpi makkhikādayopi honti, ādiccapākaṃ katvā parissāvetvā gahitaṃ sattāhakālikaṃ hoti. Paṭiggahetvā ca ṭhapitabhesajjehi saddhiṃ pacitvā natthupānampi kātuṃ vaṭṭati. Sace vaddalisamaye lajjī sāmaṇero yathā tattha patitataṇḍulakaṇādayo na paccanti, evaṃ aggimhi vilīyāpetvā parissāvetvā puna pacitvā deti, purimanayeneva sattāhaṃ vaṭṭati.

    ๙๖. เตเลสุ ติลเตลํ ตาว ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ สตฺตาหาติกฺกเม ตสฺส ภาชนคณนาย นิสฺสคฺคิยภาโว เวทิตโพฺพฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติ, อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตํ อโชฺฌหริตุํ น วฎฺฎติ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ปุเรภตฺตํ ติเล ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย อนโชฺฌหรณียํ โหติ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ปจฺฉาภตฺตํ ติเล ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลํ อนโชฺฌหรณียเมว สวตฺถุกปฎิคฺคหิตตฺตาฯ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา อุคฺคหิตกติเลหิ กตเตเลปิ เอเสว นโยฯ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตติเล ภชฺชิตฺวา วา ติลปิฎฺฐํ วา เสเทตฺวา อุโณฺหทเกน วา เตเมตฺวา กตเตลํ สเจ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ, ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, อตฺตนา กตํ นิพฺพฎฺฎิตตฺตา ปุเรภตฺตํ นิรามิสํ วฎฺฎติ, สามํปกฺกตฺตา สามิสํ น วฎฺฎติฯ สวตฺถุกปฎิคฺคหิตตฺตา ปน ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย อุภยมฺปิ อนโชฺฌหรณียํ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ยทิ ปน อปฺปํ อุโณฺหทกํ โหติ อพฺภุกฺกิรณมตฺตํ, อโพฺพหาริกํ โหติ สามํปากคณนํ น คจฺฉติฯ สาสปเตลาทีสุปิ อวตฺถุกปฎิคฺคหิเตสุ อวตฺถุกติลเตเล วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยฯ

    96.Telesu tilatelaṃ tāva purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva vaṭṭati. Sattāhātikkame tassa bhājanagaṇanāya nissaggiyabhāvo veditabbo. Pacchābhattaṃ paṭiggahitaṃ sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati, uggahitakaṃ katvā nikkhittaṃ ajjhoharituṃ na vaṭṭati, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Purebhattaṃ tile paṭiggahetvā katatelaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya anajjhoharaṇīyaṃ hoti, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Pacchābhattaṃ tile paṭiggahetvā katatelaṃ anajjhoharaṇīyameva savatthukapaṭiggahitattā. Sattāhātikkamepi anāpatti, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ. Purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā uggahitakatilehi katatelepi eseva nayo. Purebhattaṃ paṭiggahitatile bhajjitvā vā tilapiṭṭhaṃ vā sedetvā uṇhodakena vā temetvā katatelaṃ sace anupasampannena kataṃ, purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, attanā kataṃ nibbaṭṭitattā purebhattaṃ nirāmisaṃ vaṭṭati, sāmaṃpakkattā sāmisaṃ na vaṭṭati. Savatthukapaṭiggahitattā pana pacchābhattato paṭṭhāya ubhayampi anajjhoharaṇīyaṃ, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Yadi pana appaṃ uṇhodakaṃ hoti abbhukkiraṇamattaṃ, abbohārikaṃ hoti sāmaṃpākagaṇanaṃ na gacchati. Sāsapatelādīsupi avatthukapaṭiggahitesu avatthukatilatele vuttasadisova vinicchayo.

    สเจ ปน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตานํ สาสปาทีนํ จุเณฺณหิ อาทิจฺจปาเกน สกฺกา เตลํ กาตุํ, ตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมว วฎฺฎติ, สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํฯ ยสฺมา ปน สาสปมธุกจุณฺณานิ เสเทตฺวา เอรณฺฑกฎฺฐีนิ จ ภชฺชิตฺวา เอว เตลํ กโรนฺติ, ตสฺมา เอเตสํ เตลํ อนุปสมฺปเนฺนหิ กตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, วตฺถูนํ ยาวชีวิกตฺตา ปน สวตฺถุกปฎิคฺคหเณ โทโส นตฺถิฯ อตฺตนา กตํ สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคเนว ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อุคฺคหิตเกหิ กตํ อนโชฺฌหรณียํ, พาหิรปริโภเค วฎฺฎติ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ เตลกรณตฺถาย สาสปมธุกเอรณฺฑกฎฺฐีนิ ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลํ สตฺตาหกาลิกํ, ทุติยทิวเส กตํ ฉาหํ วฎฺฎติ, ตติยทิวเส กตํ ปญฺจาหํ วฎฺฎติ, จตุตฺถ, ปญฺจม, ฉฎฺฐ, สตฺตมทิวเส กตํ ตทเหว วฎฺฎติฯ สเจ ยาว อรุณสฺส อุคฺคมนา ติฎฺฐติ, นิสฺสคฺคิยํ, อฎฺฐมทิวเส กตํ อนโชฺฌหรณียํ, อนิสฺสคฺคิยตฺตา ปน พาหิรปริโภเค วฎฺฎติฯ สเจปิ น กโรติ, เตลตฺถาย คหิตสาสปาทีนํ สตฺตาหาติกฺกเม ทุกฺกฎเมวฯ ปาฬิยํ ปน อนาคตานิ อญฺญานิปิ นาฬิเกรนิมฺพโกสมฺพกรมนฺทาทีนํ เตลานิ อตฺถิ, ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ อติกฺกามยโต ทุกฺกฎํ โหติฯ อยเมเตสุ วิเสโส – เสสํ ยาวกาลิกวตฺถุํ ยาวชีวิกวตฺถุญฺจ สลฺลเกฺขตฺวา สามํปากสวตฺถุกปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปฎิคฺคหิตอุคฺคหิตวตฺถุวิธานํ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Sace pana purebhattaṃ paṭiggahitānaṃ sāsapādīnaṃ cuṇṇehi ādiccapākena sakkā telaṃ kātuṃ, taṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva vaṭṭati, sattāhātikkame nissaggiyaṃ. Yasmā pana sāsapamadhukacuṇṇāni sedetvā eraṇḍakaṭṭhīni ca bhajjitvā eva telaṃ karonti, tasmā etesaṃ telaṃ anupasampannehi kataṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, vatthūnaṃ yāvajīvikattā pana savatthukapaṭiggahaṇe doso natthi. Attanā kataṃ sattāhaṃ nirāmisaparibhogeneva paribhuñjitabbaṃ. Uggahitakehi kataṃ anajjhoharaṇīyaṃ, bāhiraparibhoge vaṭṭati, sattāhātikkamepi anāpatti. Telakaraṇatthāya sāsapamadhukaeraṇḍakaṭṭhīni paṭiggahetvā katatelaṃ sattāhakālikaṃ, dutiyadivase kataṃ chāhaṃ vaṭṭati, tatiyadivase kataṃ pañcāhaṃ vaṭṭati, catuttha, pañcama, chaṭṭha, sattamadivase kataṃ tadaheva vaṭṭati. Sace yāva aruṇassa uggamanā tiṭṭhati, nissaggiyaṃ, aṭṭhamadivase kataṃ anajjhoharaṇīyaṃ, anissaggiyattā pana bāhiraparibhoge vaṭṭati. Sacepi na karoti, telatthāya gahitasāsapādīnaṃ sattāhātikkame dukkaṭameva. Pāḷiyaṃ pana anāgatāni aññānipi nāḷikeranimbakosambakaramandādīnaṃ telāni atthi, tāni paṭiggahetvā sattāhaṃ atikkāmayato dukkaṭaṃ hoti. Ayametesu viseso – sesaṃ yāvakālikavatthuṃ yāvajīvikavatthuñca sallakkhetvā sāmaṃpākasavatthukapurebhattapacchābhattapaṭiggahitauggahitavatthuvidhānaṃ sabbaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ.

    วสาเตลํ นาม ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจ วสานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) เอวํ อนุญฺญาตวสานํ เตลํฯ เอตฺถ จ ‘‘อจฺฉวส’’นฺติ วจเนน ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ สเพฺพสํ อกปฺปิยมํสานํ วสา อนุญฺญาตาฯ มจฺฉคฺคหเณน จ สุสุกาปิ คหิตา โหนฺติ, วาฬมจฺฉตฺตา ปน วิสุํ วุตฺตํฯ มจฺฉาทิคฺคหเณน เจตฺถ สเพฺพสมฺปิ กปฺปิยมํสานํ วสา อนุญฺญาตาฯ มํเสสุ หิ ทส มนุสฺสหตฺถิอสฺสสุนขอหิสีหพฺยคฺฆทีปิอจฺฉตรจฺฉานํ มํสานิ อกปฺปิยานิ, วสาสุ เอกา มนุสฺสวสาฯ ขีราทีสุ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิฯ อนุปสมฺปเนฺนหิ กตํ นิพฺพฎฺฎิตํ วสาเตลํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ยํ ปน ตตฺถ สุขุมรชสทิสํ มํสํ วา นฺหารุ วา อฎฺฐิ วา โลหิตํ วา โหติ, ตํ อโพฺพหาริกํฯ สเจ ปน วสํ ปฎิคฺคเหตฺวา สยํ กโรติ, ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํฯ นิรามิสปริโภคญฺหิ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒)ฯ ตตฺราปิ อโพฺพหาริกํ อโพฺพหาริกเมว, ปจฺฉาภตฺตํ ปน ปฎิคฺคเหตุํ วา กาตุํ วา น วฎฺฎติเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Vasātelaṃ nāma ‘‘anujānāmi, bhikkhave, pañca vasāni acchavasaṃ macchavasaṃ susukāvasaṃ sūkaravasaṃ gadrabhavasa’’nti (mahāva. 262) evaṃ anuññātavasānaṃ telaṃ. Ettha ca ‘‘acchavasa’’nti vacanena ṭhapetvā manussavasaṃ sabbesaṃ akappiyamaṃsānaṃ vasā anuññātā. Macchaggahaṇena ca susukāpi gahitā honti, vāḷamacchattā pana visuṃ vuttaṃ. Macchādiggahaṇena cettha sabbesampi kappiyamaṃsānaṃ vasā anuññātā. Maṃsesu hi dasa manussahatthiassasunakhaahisīhabyagghadīpiacchataracchānaṃ maṃsāni akappiyāni, vasāsu ekā manussavasā. Khīrādīsu akappiyaṃ nāma natthi. Anupasampannehi kataṃ nibbaṭṭitaṃ vasātelaṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Yaṃ pana tattha sukhumarajasadisaṃ maṃsaṃ vā nhāru vā aṭṭhi vā lohitaṃ vā hoti, taṃ abbohārikaṃ. Sace pana vasaṃ paṭiggahetvā sayaṃ karoti, purebhattaṃ paṭiggahetvā pacitvā parissāvetvā sattāhaṃ nirāmisaparibhogena paribhuñjitabbaṃ. Nirāmisaparibhogañhi sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjitu’’nti (mahāva. 262). Tatrāpi abbohārikaṃ abbohārikameva, pacchābhattaṃ pana paṭiggahetuṃ vā kātuṃ vā na vaṭṭatiyeva. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘วิกาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฎานํฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อนาปตฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๒)ฯ

    ‘‘Vikāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ vikāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti tiṇṇaṃ dukkaṭānaṃ. Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ vikāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti dvinnaṃ dukkaṭānaṃ. Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti dukkaṭassa . Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, anāpattī’’ti (mahāva. 262).

    อุปติสฺสเตฺถรํ ปน อเนฺตวาสิกา ปุจฺฉิํสุ ‘‘ภเนฺต, สปฺปินวนีตวสานิ เอกโต ปจิตฺวา นิพฺพฎฺฎิตานิ วฎฺฎนฺติ, น วฎฺฎนฺตี’’ติ? ‘‘น วฎฺฎนฺติ, อาวุโส’’ติฯ เถโร กิเรตฺถ ปกฺกเตลกสเฎ วิย กุกฺกุจฺจายติฯ ตโต นํ อุตฺตริ ปุจฺฉิํสุ ‘‘ภเนฺต, นวนีเต ทธิคุฬิกา วา ตกฺกพินฺทุ วา โหติ, เอตํ วฎฺฎตี’’ติ? ‘‘เอตมฺปิ, อาวุโส, น วฎฺฎตี’’ติฯ ตโต นํ อาหํสุ ‘‘ภเนฺต, เอกโต ปจิตฺวา เอกโต สํสฎฺฐานิ เตชวนฺตานิ โหนฺติ, โรคํ นิคฺคณฺหนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธาวุโส’’ติ เถโร สมฺปฎิจฺฉิฯ มหาสุมเตฺถโร ปนาห ‘‘กปฺปิยมํสวสาว สามิสปริโภเค วฎฺฎติ, อิตรา นิรามิสปริโภเค วฎฺฎตี’’ติฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ‘‘อิทํ กิ’’นฺติ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘นนุ วาตาพาธิกา ภิกฺขู ปญฺจมูลกสาวยาคุยํ อจฺฉสูกรเตลาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ยาคุํ ปิวนฺติ, สา เตชุสฺสทตฺตา โรคํ นิคฺคณฺหาตี’’ติ วตฺวา ‘‘วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ

    Upatissattheraṃ pana antevāsikā pucchiṃsu ‘‘bhante, sappinavanītavasāni ekato pacitvā nibbaṭṭitāni vaṭṭanti, na vaṭṭantī’’ti? ‘‘Na vaṭṭanti, āvuso’’ti. Thero kirettha pakkatelakasaṭe viya kukkuccāyati. Tato naṃ uttari pucchiṃsu ‘‘bhante, navanīte dadhiguḷikā vā takkabindu vā hoti, etaṃ vaṭṭatī’’ti? ‘‘Etampi, āvuso, na vaṭṭatī’’ti. Tato naṃ āhaṃsu ‘‘bhante, ekato pacitvā ekato saṃsaṭṭhāni tejavantāni honti, rogaṃ niggaṇhantī’’ti. ‘‘Sādhāvuso’’ti thero sampaṭicchi. Mahāsumatthero panāha ‘‘kappiyamaṃsavasāva sāmisaparibhoge vaṭṭati, itarā nirāmisaparibhoge vaṭṭatī’’ti. Mahāpadumatthero pana ‘‘idaṃ ki’’nti paṭikkhipitvā ‘‘nanu vātābādhikā bhikkhū pañcamūlakasāvayāguyaṃ acchasūkaratelādīni pakkhipitvā yāguṃ pivanti, sā tejussadattā rogaṃ niggaṇhātī’’ti vatvā ‘‘vaṭṭatī’’ti āha.

    ๙๗. มธุ นาม มธุกรีหิ มธุมกฺขิกาหิ ขุทฺทกมกฺขิกาหิ ภมรมกฺขิกาหิ จ กตํ มธุฯ ตํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสปริโภคมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสปริโภคเมว วฎฺฎติ, สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํฯ สเจ สิเลสสทิสํ มหามธุํ ขณฺฑํ กตฺวา ฐปิตํ, อิตรํ วา นานาภาชเนสุ, วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยานิฯ สเจ เอกเมว ขณฺฑํ, เอกภาชเน วา อิตรํ, เอกเมว นิสฺสคฺคิยํฯ อุคฺคหิตกํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อรุมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ มธุปฎลํ วา มธุสิตฺถกํ วา สเจ มธุนา อมกฺขิตํ ปริสุทฺธํ, ยาวชีวิกํ, มธุมกฺขิตํ ปน มธุคติกเมวฯ จีริกา นาม สปกฺขา ทีฆมกฺขิกา ตุมฺพฬนามิกา จ อฎฺฐิปกฺขิกา กาฬมหาภมรา โหนฺติ, เตสํ อาสเยสุ นิยฺยาสสทิสํ มธุ โหติ, ตํ ยาวชีวิกํฯ

    97.Madhu nāma madhukarīhi madhumakkhikāhi khuddakamakkhikāhi bhamaramakkhikāhi ca kataṃ madhu. Taṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisaparibhogampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisaparibhogameva vaṭṭati, sattāhātikkame nissaggiyaṃ. Sace silesasadisaṃ mahāmadhuṃ khaṇḍaṃ katvā ṭhapitaṃ, itaraṃ vā nānābhājanesu, vatthugaṇanāya nissaggiyāni. Sace ekameva khaṇḍaṃ, ekabhājane vā itaraṃ, ekameva nissaggiyaṃ. Uggahitakaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ, arumakkhanādīsu upanetabbaṃ. Madhupaṭalaṃ vā madhusitthakaṃ vā sace madhunā amakkhitaṃ parisuddhaṃ, yāvajīvikaṃ, madhumakkhitaṃ pana madhugatikameva. Cīrikā nāma sapakkhā dīghamakkhikā tumbaḷanāmikā ca aṭṭhipakkhikā kāḷamahābhamarā honti, tesaṃ āsayesu niyyāsasadisaṃ madhu hoti, taṃ yāvajīvikaṃ.

    ๙๘. ผาณิตํ นาม อุจฺฉุรสํ อุปาทาย อปกฺกา วา อวตฺถุกปกฺกา วา สพฺพาปิ อวตฺถุกา อุจฺฉุวิกติฯ ตํ ผาณิตํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติ, สตฺตาหาติกฺกเม วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยํฯ พหู ปิณฺฑา จุเณฺณ กตฺวา เอกภาชเน ปกฺขิตฺตา โหนฺติ ฆนสนฺนิเวสา, เอกเมว นิสฺสคฺคิยํฯ อุคฺคหิตกํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, ฆรธูปนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิเตน อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสน กตผาณิตํ สเจ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ, สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, สยํกตํ นิรามิสเมว วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย ปน สวตฺถุกปฎิคฺคหิตตฺตา อนโชฺฌหรณียํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ปจฺฉาภตฺตํ อปริสฺสาวิตปฎิคฺคหิเตน กตมฺปิ อนโชฺฌหรณียเมว, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ เอส นโย อุจฺฉุํ ปฎิคฺคเหตฺวา กตผาณิเตปิฯ ปุเรภตฺตํ ปน ปริสฺสาวิตปฎิคฺคหิเตน กตํ สเจ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ, ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมวฯ สยํกตํ ปุเรภตฺตมฺปิ นิรามิสเมว, ปจฺฉาภตฺตํ ปริสฺสาวิตปฎิคฺคหิเตน กตํ ปน นิรามิสเมว สตฺตาหํ วฎฺฎติฯ อุคฺคหิตกตํ วุตฺตนยเมวฯ ‘‘ฌามอุจฺฉุผาณิตํ วา โกฎฺฎิตอุจฺฉุผาณิตํ วา ปุเรภตฺตเมว วฎฺฎตี’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘เอตํ สวตฺถุกปกฺกํ วฎฺฎติ, โน วฎฺฎตี’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อุจฺฉุผาณิตํ ปจฺฉาภตฺตํ โน วฎฺฎนกํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํฯ สีโตทเกน กตํ มธุกปุปฺผผาณิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติ, สตฺตาหาติกฺกเม วตฺถุคณนาย ทุกฺกฎํ, ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ มธุกผาณิตํ ยาวกาลิกํฯ ขณฺฑสกฺขรํ ปน ขีรชลฺลิกํ อปเนตฺวา โสเธนฺติ, ตสฺมา วฎฺฎติฯ

    98.Phāṇitaṃ nāma ucchurasaṃ upādāya apakkā vā avatthukapakkā vā sabbāpi avatthukā ucchuvikati. Taṃ phāṇitaṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati, sattāhātikkame vatthugaṇanāya nissaggiyaṃ. Bahū piṇḍā cuṇṇe katvā ekabhājane pakkhittā honti ghanasannivesā, ekameva nissaggiyaṃ. Uggahitakaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ, gharadhūpanādīsu upanetabbaṃ. Purebhattaṃ paṭiggahitena aparissāvitaucchurasena kataphāṇitaṃ sace anupasampannena kataṃ, sāmisampi vaṭṭati, sayaṃkataṃ nirāmisameva vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya pana savatthukapaṭiggahitattā anajjhoharaṇīyaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Pacchābhattaṃ aparissāvitapaṭiggahitena katampi anajjhoharaṇīyameva, sattāhātikkamepi anāpatti. Esa nayo ucchuṃ paṭiggahetvā kataphāṇitepi. Purebhattaṃ pana parissāvitapaṭiggahitena kataṃ sace anupasampannena kataṃ, purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva. Sayaṃkataṃ purebhattampi nirāmisameva, pacchābhattaṃ parissāvitapaṭiggahitena kataṃ pana nirāmisameva sattāhaṃ vaṭṭati. Uggahitakataṃ vuttanayameva. ‘‘Jhāmaucchuphāṇitaṃ vā koṭṭitaucchuphāṇitaṃ vā purebhattameva vaṭṭatī’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘etaṃ savatthukapakkaṃ vaṭṭati, no vaṭṭatī’’ti pucchaṃ katvā ‘‘ucchuphāṇitaṃ pacchābhattaṃ no vaṭṭanakaṃ nāma natthī’’ti vuttaṃ, taṃ yuttaṃ. Sītodakena kataṃ madhukapupphaphāṇitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati, sattāhātikkame vatthugaṇanāya dukkaṭaṃ, khīraṃ pakkhipitvā kataṃ madhukaphāṇitaṃ yāvakālikaṃ. Khaṇḍasakkharaṃ pana khīrajallikaṃ apanetvā sodhenti, tasmā vaṭṭati.

    ๙๙. มธุกปุปฺผํ ปน ปุเรภตฺตมฺปิ อลฺลํ วฎฺฎติฯ ภชฺชิตมฺปิ วฎฺฎติ, ภชฺชิตฺวา ติลาทีหิ มิสฺสํ วา อมิสฺสํ วา กตฺวา โกฎฺฎิตํ วฎฺฎติฯ ยทิ ปน ตํ คเหตฺวา เมรยตฺถาย โยเชนฺติ, โยชิตํ พีชโต ปฎฺฐาย น วฎฺฎติฯ กทลีขชฺชูรีอมฺพลพุชปนสจิญฺจาทีนํ สเพฺพสํ ยาวกาลิกผลานํ ผาณิตํ ยาวกาลิกเมวฯ มริจปเกฺกหิ ผาณิตํ กโรนฺติ, ตํ ยาวชีวิกํฯ เอวํ ยถาวุตฺตานิ สตฺตาหกาลิกานิ สปฺปิอาทีนิ ปญฺจ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๐) เภสชฺชนาเมน อนุญฺญาตตฺตา เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา มา วา, อาหารตฺถํ ผริตุํ สมตฺถานิปิ ปฎิคฺคเหตฺวา ตทหุปุเรภตฺตํ ยถาสุขํ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สติ ปจฺจเย วุตฺตนเยน สตฺตาหํ ปริภุญฺชิตพฺพานิ, สตฺตาหาติกฺกเม ปน เภสชฺชสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ สเจปิ สาสปมตฺตํ โหติ, สกิํ วา องฺคุลิยา คเหตฺวา ชิวฺหาย สายนมตฺตํ, นิสฺสชฺชิตพฺพเมว ปาจิตฺติยญฺจ เทเสตพฺพํฯ นิสฺสฎฺฐํ ปฎิลภิตฺวา น อโชฺฌหริตพฺพํ, น กายิเกน ปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํ , กาโย วา กาเย อรุ วา น มเกฺขตพฺพํฯ เตหิ มกฺขิตานิ กาสาวกตฺตรยฎฺฐิอุปาหนปาทกฐลิกมญฺจปีฐาทีนิปิ อปริโภคานิฯ ‘‘ทฺวารวาตปานกวาเฎสุปิ หเตฺถน คหณฎฺฐานํ น มเกฺขตพฺพ’’นฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ ‘‘กสาเว ปน ปกฺขิปิตฺวา ทฺวารวาตปานกวาฎานิ มเกฺขตพฺพานี’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ปทีเป วา กาฬวเณฺณ วา อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ อเญฺญน ปน ภิกฺขุนา กายิเกน ปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํ, น อโชฺฌหริตพฺพํฯ ‘‘อนาปตฺติ อโนฺตสตฺตาหํ อธิเฎฺฐตี’’ติ (ปารา. ๖๒๕) วจนโต ปน สตฺตาหพฺภนฺตเร สปฺปิญฺจ เตลญฺจ วสญฺจ มุทฺธนิ เตลํ วา อพฺภญฺชนํ วา มธุํ อรุมกฺขนํ ผาณิตํ ฆรธูปนํ อธิเฎฺฐติ อนาปตฺติ, เนว นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ สเจ อธิฎฺฐิตเตลํ อนธิฎฺฐิตเตลภาชเน อากิริตุกาโม โหติ, ภาชเน เจ สุขุมํ ฉิทฺทํ, ปวิฎฺฐํ ปวิฎฺฐํ เตลํ ปุราณเตเลน อโชฺฌตฺถรียติ, ปุน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ อถ มหามุขํ โหติ, สหสาว พหุ เตลํ ปวิสิตฺวา ปุราณเตลํ อโชฺฌตฺถรติ, ปุน อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถิฯ อธิฎฺฐิตคติกเมว หิ ตํ โหติฯ เอเตน นเยน อธิฎฺฐิตเตลภาชเน อนธิฎฺฐิตเตลอากิรณมฺปิ เวทิตพฺพํฯ

    99. Madhukapupphaṃ pana purebhattampi allaṃ vaṭṭati. Bhajjitampi vaṭṭati, bhajjitvā tilādīhi missaṃ vā amissaṃ vā katvā koṭṭitaṃ vaṭṭati. Yadi pana taṃ gahetvā merayatthāya yojenti, yojitaṃ bījato paṭṭhāya na vaṭṭati. Kadalīkhajjūrīambalabujapanasaciñcādīnaṃ sabbesaṃ yāvakālikaphalānaṃ phāṇitaṃ yāvakālikameva. Maricapakkehi phāṇitaṃ karonti, taṃ yāvajīvikaṃ. Evaṃ yathāvuttāni sattāhakālikāni sappiādīni pañca ‘‘anujānāmi, bhikkhave, pañca bhesajjānī’’ti (mahāva. 260) bhesajjanāmena anuññātattā bhesajjakiccaṃ karontu vā mā vā, āhāratthaṃ pharituṃ samatthānipi paṭiggahetvā tadahupurebhattaṃ yathāsukhaṃ, pacchābhattato paṭṭhāya sati paccaye vuttanayena sattāhaṃ paribhuñjitabbāni, sattāhātikkame pana bhesajjasikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Sacepi sāsapamattaṃ hoti, sakiṃ vā aṅguliyā gahetvā jivhāya sāyanamattaṃ, nissajjitabbameva pācittiyañca desetabbaṃ. Nissaṭṭhaṃ paṭilabhitvā na ajjhoharitabbaṃ, na kāyikena paribhogena paribhuñjitabbaṃ , kāyo vā kāye aru vā na makkhetabbaṃ. Tehi makkhitāni kāsāvakattarayaṭṭhiupāhanapādakaṭhalikamañcapīṭhādīnipi aparibhogāni. ‘‘Dvāravātapānakavāṭesupi hatthena gahaṇaṭṭhānaṃ na makkhetabba’’nti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. ‘‘Kasāve pana pakkhipitvā dvāravātapānakavāṭāni makkhetabbānī’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Padīpe vā kāḷavaṇṇe vā upanetuṃ vaṭṭati. Aññena pana bhikkhunā kāyikena paribhogena paribhuñjitabbaṃ, na ajjhoharitabbaṃ. ‘‘Anāpatti antosattāhaṃ adhiṭṭhetī’’ti (pārā. 625) vacanato pana sattāhabbhantare sappiñca telañca vasañca muddhani telaṃ vā abbhañjanaṃ vā madhuṃ arumakkhanaṃ phāṇitaṃ gharadhūpanaṃ adhiṭṭheti anāpatti, neva nissaggiyaṃ hoti. Sace adhiṭṭhitatelaṃ anadhiṭṭhitatelabhājane ākiritukāmo hoti, bhājane ce sukhumaṃ chiddaṃ, paviṭṭhaṃ paviṭṭhaṃ telaṃ purāṇatelena ajjhottharīyati, puna adhiṭṭhātabbaṃ. Atha mahāmukhaṃ hoti, sahasāva bahu telaṃ pavisitvā purāṇatelaṃ ajjhottharati, puna adhiṭṭhānakiccaṃ natthi. Adhiṭṭhitagatikameva hi taṃ hoti. Etena nayena adhiṭṭhitatelabhājane anadhiṭṭhitatelaākiraṇampi veditabbaṃ.

    สเจ ปน สตฺตาหาติกฺกนฺตํ อนุปสมฺปนฺนสฺส ปริจฺจชิตฺวา เทติ, ปุน เตน อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ทินฺนํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ หิ โส อภิสงฺขริตฺวา วา อนภิสงฺขริตฺวา วา ตสฺส ภิกฺขุโน นตฺถุกมฺมตฺถํ ทเทยฺย, คเหตฺวา นตฺถุกมฺมํ กาตพฺพํฯ สเจ พาโล โหติ, ทาตุํ น ชานาติ, อเญฺญน ภิกฺขุนา วตฺตโพฺพ ‘‘อตฺถิ เต สามเณร เตล’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, อตฺถี’’ติฯ อาหร เถรสฺส เภสชฺชํ กริสฺสามาติฯ เอวมฺปิ วฎฺฎติฯ สเจ ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฎิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, สตฺตาหาติกฺกเม ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ, ปริภุญฺชิตุํ ปน น วฎฺฎติฯ สเจ เยน ปฎิคฺคหิตํ, โส อิตรํ ภณติ ‘‘อาวุโส, อิมํ เตลํ สตฺตาหมตฺตํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ, โส จ ปริโภคํ น กโรติ, กสฺส อาปตฺติ? น กสฺสจิฯ กสฺมา? เยน ปฎิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา, อิตรสฺส อปฺปฎิคฺคหิตตฺตาฯ

    Sace pana sattāhātikkantaṃ anupasampannassa pariccajitvā deti, puna tena attano santakaṃ katvā dinnaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati. Sace hi so abhisaṅkharitvā vā anabhisaṅkharitvā vā tassa bhikkhuno natthukammatthaṃ dadeyya, gahetvā natthukammaṃ kātabbaṃ. Sace bālo hoti, dātuṃ na jānāti, aññena bhikkhunā vattabbo ‘‘atthi te sāmaṇera tela’’nti? ‘‘Āma, bhante, atthī’’ti. Āhara therassa bhesajjaṃ karissāmāti. Evampi vaṭṭati. Sace dvinnaṃ santakaṃ ekena paṭiggahitaṃ avibhattaṃ hoti, sattāhātikkame dvinnampi anāpatti, paribhuñjituṃ pana na vaṭṭati. Sace yena paṭiggahitaṃ, so itaraṃ bhaṇati ‘‘āvuso, imaṃ telaṃ sattāhamattaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti, so ca paribhogaṃ na karoti, kassa āpatti? Na kassaci. Kasmā? Yena paṭiggahitaṃ, tena vissajjitattā, itarassa appaṭiggahitattā.

    ๑๐๐. อิเมสุ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๕) ปน จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกนฺติ อิทเมว ทฺวยํ อโนฺตวุตฺถกเญฺจว สนฺนิธิการกญฺจ โหติ, สตฺตาหกาลิกญฺจ ยาวชีวิกญฺจ อกปฺปิยกุฎิยํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฎฺฎติ, สนฺนิธิมฺปิ น ชเนติฯ ยาวกาลิกํ ปน อตฺตนา สทฺธิํ สมฺภินฺนรสานิ ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติฯ ยามกาลิกํ เทฺวปิ สตฺตาหกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ, สตฺตาหกาลิกมฺปิ อตฺตนา สทฺธิํ สํสฎฺฐํ ยาวชีวิกํ อตฺตโน สภาวเญฺญว อุปเนติ, ตสฺมา ยาวกาลิเกน ตทหุปฎิคฺคหิเตน สทฺธิํ สํสฎฺฐํ สมฺภินฺนรสํ เสสกาลิกตฺตยํ ตทหุปุเรภตฺตเมว วฎฺฎติฯ ยามกาลิเกน สํสฎฺฐํ ปน อิตรทฺวยํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ ยาว อรุณุคฺคมนา วฎฺฎติฯ สตฺตาหกาลิเกน ปน ตทหุปฎิคฺคหิเตน สทฺธิํ สํสฎฺฐํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ วา ปุเรปฎิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปติฯ ทฺวีหปฎิคฺคหิเตน ฉาหํฯ ตีหปฎิคฺคหิเตน ปญฺจาหํ…เป.… สตฺตาหปฎิคฺคหิเตน ตทเหว กปฺปตีติ เวทิตพฺพํฯ กาลยามสตฺตาหาติกฺกเมสุ เจตฺถ วิกาลโภชนสนฺนิธิเภสชฺชสิกฺขาปทานํ วเสน อาปตฺติโย เวทิตพฺพาฯ

    100. Imesu (mahāva. aṭṭha. 305) pana catūsu kālikesu yāvakālikaṃ yāmakālikanti idameva dvayaṃ antovutthakañceva sannidhikārakañca hoti, sattāhakālikañca yāvajīvikañca akappiyakuṭiyaṃ nikkhipitumpi vaṭṭati, sannidhimpi na janeti. Yāvakālikaṃ pana attanā saddhiṃ sambhinnarasāni tīṇipi yāmakālikādīni attano sabhāvaṃ upaneti. Yāmakālikaṃ dvepi sattāhakālikādīni attano sabhāvaṃ upaneti, sattāhakālikampi attanā saddhiṃ saṃsaṭṭhaṃ yāvajīvikaṃ attano sabhāvaññeva upaneti, tasmā yāvakālikena tadahupaṭiggahitena saddhiṃ saṃsaṭṭhaṃ sambhinnarasaṃ sesakālikattayaṃ tadahupurebhattameva vaṭṭati. Yāmakālikena saṃsaṭṭhaṃ pana itaradvayaṃ tadahupaṭiggahitaṃ yāva aruṇuggamanā vaṭṭati. Sattāhakālikena pana tadahupaṭiggahitena saddhiṃ saṃsaṭṭhaṃ tadahupaṭiggahitaṃ vā purepaṭiggahitaṃ vā yāvajīvikaṃ sattāhaṃ kappati. Dvīhapaṭiggahitena chāhaṃ. Tīhapaṭiggahitena pañcāhaṃ…pe… sattāhapaṭiggahitena tadaheva kappatīti veditabbaṃ. Kālayāmasattāhātikkamesu cettha vikālabhojanasannidhibhesajjasikkhāpadānaṃ vasena āpattiyo veditabbā.

    สเจ ปน เอกโต ปฎิคฺคหิตานิปิ จตฺตาริ กาลิกานิ สมฺภินฺนรสานิ น โหนฺติ, ตสฺส ตเสฺสว กาลสฺส วเสน ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎนฺติฯ สเจ หิ ฉลฺลิมฺปิ อนปเนตฺวา สกเลเนว นาฬิเกรผเลน สทฺธิํ อมฺพปานาทิปานกํ ปฎิคฺคหิตํ โหติ, นาฬิเกรํ อปเนตฺวา ตํ วิกาเลปิ กปฺปติฯ อุปริ สปฺปิปิณฺฑํ ฐเปตฺวา สีตลปายาสํ เทนฺติ, ยํ ปายาเสน อสํสฎฺฐํ สปฺปิ, ตํ อปเนตฺวา สตฺตาหํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ถทฺธมธุผาณิตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตโกฺกลชาติผลาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, ตานิ อุทฺธริตฺวา โธวิตฺวา ยาวชีวํ ปริภุญฺชิตพฺพานิฯ ยาคุยํ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนสิงฺคิเวราทีสุปิ เตลาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา ทินฺนลฎฺฐิมธุกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ยํ ยํ อสมฺภินฺนรสํ โหติ, ตํ ตํ เอกโต ปฎิคฺคหิตมฺปิ ยถา สุทฺธํ โหติ, ตถา โธวิตฺวา ตเจฺฉตฺวา วา ตสฺส ตสฺส กาลสฺส วเสน ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ สมฺภินฺนรสํ โหติ สํสฎฺฐํ, น วฎฺฎติฯ

    Sace pana ekato paṭiggahitānipi cattāri kālikāni sambhinnarasāni na honti, tassa tasseva kālassa vasena paribhuñjituṃ vaṭṭanti. Sace hi challimpi anapanetvā sakaleneva nāḷikeraphalena saddhiṃ ambapānādipānakaṃ paṭiggahitaṃ hoti, nāḷikeraṃ apanetvā taṃ vikālepi kappati. Upari sappipiṇḍaṃ ṭhapetvā sītalapāyāsaṃ denti, yaṃ pāyāsena asaṃsaṭṭhaṃ sappi, taṃ apanetvā sattāhaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati. Thaddhamadhuphāṇitādīsupi eseva nayo. Takkolajātiphalādīhi alaṅkaritvā piṇḍapātaṃ denti, tāni uddharitvā dhovitvā yāvajīvaṃ paribhuñjitabbāni. Yāguyaṃ pakkhipitvā dinnasiṅgiverādīsupi telādīsu pakkhipitvā dinnalaṭṭhimadhukādīsupi eseva nayo. Evaṃ yaṃ yaṃ asambhinnarasaṃ hoti, taṃ taṃ ekato paṭiggahitampi yathā suddhaṃ hoti, tathā dhovitvā tacchetvā vā tassa tassa kālassa vasena paribhuñjituṃ vaṭṭati. Sace sambhinnarasaṃ hoti saṃsaṭṭhaṃ, na vaṭṭati.

    อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

    Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe

    กาลิกวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ

    Kālikavinicchayakathā samattā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact