Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā

    ๔. กาฬุทายิเตฺถรอปทานวณฺณนา

    4. Kāḷudāyittheraapadānavaṇṇanā

    ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺสาติอาทิกํ อายสฺมโต กาฬุทายิเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพโตฺต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อภินีหารํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถสิฯ

    Padumuttarabuddhassātiādikaṃ āyasmato kāḷudāyittherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbatto satthu dhammadesanaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ kulappasādakānaṃ bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā tajjaṃ abhinīhāraṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthesi.

    โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเส กปิลวตฺถุสฺมิํเยว อมจฺจเคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, โพธิสเตฺตน สทฺธิํ เอกทิวสํเยว ชาโตติ ตํ ทิวสํเยว นํ ทุกูลจุมฺพฎเก นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฎฺฐานตฺถาย นยิํสุฯ โพธิสเตฺตน หิ สทฺธิํ โพธิรุโกฺข, ราหุลมาตา, จตฺตาโร นิธี, อาโรหนหตฺถี, อสฺสกณฺฑโก, อานโนฺท, ฉโนฺน, กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวเส ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํฯ อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาตตฺตา อุทายิเตฺวว นามํ อกํสุฯ โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายีติ ปญฺญายิตฺถฯ โส โพธิสเตฺตน สทฺธิํ กุมารกีฬํ กีฬโนฺต วุทฺธิํ อคมาสิฯ

    So yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bodhisattassa mātukucchiyaṃ paṭisandhiggahaṇadivase kapilavatthusmiṃyeva amaccagehe paṭisandhiṃ gaṇhi, bodhisattena saddhiṃ ekadivasaṃyeva jātoti taṃ divasaṃyeva naṃ dukūlacumbaṭake nipajjāpetvā bodhisattassa upaṭṭhānatthāya nayiṃsu. Bodhisattena hi saddhiṃ bodhirukkho, rāhulamātā, cattāro nidhī, ārohanahatthī, assakaṇḍako, ānando, channo, kāḷudāyīti ime satta ekadivase jātattā sahajātā nāma ahesuṃ. Athassa nāmaggahaṇadivase sakalanagarassa udaggacittadivase jātattā udāyitveva nāmaṃ akaṃsu. Thokaṃ kāḷadhātukattā pana kāḷudāyīti paññāyittha. So bodhisattena saddhiṃ kumārakīḷaṃ kīḷanto vuddhiṃ agamāsi.

    อปรภาเค โลกนาเถ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรเนฺต สุโทฺธทนมหาราชา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ปุริสสหสฺสปริวารํ เอกํ อมจฺจํ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธาเนหี’’ติ เปเสสิฯ โส ธมฺมเทสนาเวลายํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อถ เน สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิฯ สเพฺพ ตงฺขณเญฺญว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฎฺฐิกเตฺถรา วิย อเหสุํฯ อรหตฺตปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย ปน อริยา มชฺฌตฺตาว โหนฺติฯ ตสฺมา รญฺญา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิฯ ราชา ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ อปรํ อมจฺจํ ปุริสสหเสฺสหิ เปเสสิฯ ตสฺมิมฺปิ ตถา ปฎิปเนฺน อปรมฺปิ เปเสสีติ เอวํ นวหิ ปุริสสหเสฺสหิ สทฺธิํ นว อมเจฺจ เปเสสิฯ สเพฺพ อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อเหสุํฯ

    Aparabhāge lokanāthe mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā anukkamena sabbaññutaṃ patvā pavattitavaradhammacakke rājagahaṃ upanissāya veḷuvane viharante suddhodanamahārājā taṃ pavattiṃ sutvā purisasahassaparivāraṃ ekaṃ amaccaṃ ‘‘puttaṃ me idhānehī’’ti pesesi. So dhammadesanāvelāyaṃ satthu santikaṃ gantvā parisapariyante ṭhito dhammaṃ sutvā saparivāro arahattaṃ pāpuṇi. Atha ne satthā ‘‘etha, bhikkhavo’’ti hatthaṃ pasāresi. Sabbe taṅkhaṇaññeva iddhimayapattacīvaradharā vassasaṭṭhikattherā viya ahesuṃ. Arahattappattito paṭṭhāya pana ariyā majjhattāva honti. Tasmā raññā pahitasāsanaṃ dasabalassa na kathesi. Rājā ‘‘neva gato āgacchati, na sāsanaṃ suyyatī’’ti aparaṃ amaccaṃ purisasahassehi pesesi. Tasmimpi tathā paṭipanne aparampi pesesīti evaṃ navahi purisasahassehi saddhiṃ nava amacce pesesi. Sabbe arahattaṃ patvā tuṇhī ahesuṃ.

    อถ ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน ทสพลสฺส อิธาคมนตฺถาย น กิญฺจิ กถยิํสุ, อยํ โข อุทายิ ทสพเลน สมวโย, สหปํสุกีฬิโก, มยิ จ สิเนโห อตฺถิ, อิมํ เปเสสฺสามี’’ติ ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา ทสพลํ อิธาเนหี’’ติ วตฺวา เปเสสิฯ โส ปน คจฺฉโนฺต ‘‘สจาหํ, เทว, ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามิ, เอวาหํ ภควนฺตํ อิธาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยํ กิญฺจิ กตฺวา มม ปุตฺตํ ทเสฺสหี’’ติ วุโตฺต ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนเวลายํ ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฎฺฐาสิฯ อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘น ตาวายํ ทสพลสฺส กุลนครํ คนฺตุํ กาโล, วสเนฺต ปน อุปคเต ปุปฺผิเต วนสเณฺฑ หริตติณสญฺฉนฺนาย ภูมิยา คมนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ กาลํ ปฎิมาเนโนฺต วสเนฺต สมฺปเตฺต สตฺถุ กุลนครํ คนฺตุํ คมนมคฺควณฺณํ สํวเณฺณโนฺต –

    Atha rājā cintesi – ‘‘ettakā janā mayi sinehābhāvena dasabalassa idhāgamanatthāya na kiñci kathayiṃsu, ayaṃ kho udāyi dasabalena samavayo, sahapaṃsukīḷiko, mayi ca sineho atthi, imaṃ pesessāmī’’ti taṃ pakkosāpetvā, ‘‘tāta, tvaṃ purisasahassaparivāro rājagahaṃ gantvā dasabalaṃ idhānehī’’ti vatvā pesesi. So pana gacchanto ‘‘sacāhaṃ, deva, pabbajituṃ labhissāmi, evāhaṃ bhagavantaṃ idhānessāmī’’ti vatvā ‘‘yaṃ kiñci katvā mama puttaṃ dassehī’’ti vutto rājagahaṃ gantvā satthu dhammadesanavelāyaṃ parisapariyante ṭhito dhammaṃ sutvā saparivāro arahattaṃ patvā ehibhikkhubhāve patiṭṭhāsi. Arahattaṃ pana patvā ‘‘na tāvāyaṃ dasabalassa kulanagaraṃ gantuṃ kālo, vasante pana upagate pupphite vanasaṇḍe haritatiṇasañchannāya bhūmiyā gamanakālo bhavissatī’’ti kālaṃ paṭimānento vasante sampatte satthu kulanagaraṃ gantuṃ gamanamaggavaṇṇaṃ saṃvaṇṇento –

    ‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทเนฺต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

    ‘‘Aṅgārino dāni dumā bhadante, phalesino chadanaṃ vippahāya;

    เต อจฺจิมโนฺตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร ภาคี รถานํฯ

    Te accimantova pabhāsayanti, samayo mahāvīra bhāgī rathānaṃ.

    ‘‘ทุมานิ ผุลฺลานิ มโนรมานิ, สมนฺตโต สพฺพทิสา ปวนฺติ;

    ‘‘Dumāni phullāni manoramāni, samantato sabbadisā pavanti;

    ปตฺตํ ปหาย ผลมาสสานา, กาโล อิโต ปกฺกมนาย วีรฯ

    Pattaṃ pahāya phalamāsasānā, kālo ito pakkamanāya vīra.

    ‘‘เนวาติสีตํ น ปนาติอุณฺหํ, สุขา อุตุ อทฺธนิยา ภทเนฺต;

    ‘‘Nevātisītaṃ na panātiuṇhaṃ, sukhā utu addhaniyā bhadante;

    ปสฺสนฺตุ ตํ สากิยา โกฬิยา จ, ปจฺฉามุขํ โรหินิยํ ตรนฺตํฯ

    Passantu taṃ sākiyā koḷiyā ca, pacchāmukhaṃ rohiniyaṃ tarantaṃ.

    ‘‘อาสาย กสเต เขตฺตํ, พีชํ อาสาย วปฺปติ;

    ‘‘Āsāya kasate khettaṃ, bījaṃ āsāya vappati;

    อาสาย วาณิชา ยนฺติ, สมุทฺทํ ธนหารกา;

    Āsāya vāṇijā yanti, samuddaṃ dhanahārakā;

    ยาย อาสาย ติฎฺฐามิ, สา เม อาสา สมิชฺฌตุฯ (เถรคา. ๕๒๗-๕๓๐);

    Yāya āsāya tiṭṭhāmi, sā me āsā samijjhatu. (theragā. 527-530);

    ‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;

    ‘‘Nātisītaṃ nātiuṇhaṃ, nātidubbhikkhachātakaṃ;

    สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนิฯ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๒๕);

    Saddalā haritā bhūmi, esa kālo mahāmuni. (a. ni. aṭṭha. 1.1.225);

    ‘‘ปุนปฺปุนเญฺจว วปนฺติ พีชํ, ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา;

    ‘‘Punappunañceva vapanti bījaṃ, punappunaṃ vassati devarājā;

    ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา, ปุนปฺปุนํ ธญฺญมุเปติ รฎฺฐํฯ

    Punappunaṃ khettaṃ kasanti kassakā, punappunaṃ dhaññamupeti raṭṭhaṃ.

    ‘‘ปุนปฺปุนํ ยาจนกา จรนฺติ, ปุนปฺปุนํ ทานปฺปตี ททนฺติ;

    ‘‘Punappunaṃ yācanakā caranti, punappunaṃ dānappatī dadanti;

    ปุนปฺปุนํ ทานปฺปตี ททิตฺวา, ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ ฐานํฯ

    Punappunaṃ dānappatī daditvā, punappunaṃ saggamupenti ṭhānaṃ.

    ‘‘วีโร หเว สตฺตยุคํ ปุเนติ, ยสฺมิํ กุเล ชายติ ภูริปโญฺญ;

    ‘‘Vīro have sattayugaṃ puneti, yasmiṃ kule jāyati bhūripañño;

    มญฺญามหํ สกฺกติ เทวเทโว, ตยา หิ ชาโต มุนิ สจฺจนาโมฯ

    Maññāmahaṃ sakkati devadevo, tayā hi jāto muni saccanāmo.

    ‘‘สุโทฺธทโน นาม ปิตา มเหสิโน, พุทฺธสฺส มาตา ปน มายนามา;

    ‘‘Suddhodano nāma pitā mahesino, buddhassa mātā pana māyanāmā;

    ยา โพธิสตฺตํ ปริหริย กุจฺฉินา, กายสฺส เภทา ติทิวมฺหิ โมทติฯ

    Yā bodhisattaṃ parihariya kucchinā, kāyassa bhedā tidivamhi modati.

    ‘‘สา โคตมี กาลกตา อิโต จุตา, ทิเพฺพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูตา;

    ‘‘Sā gotamī kālakatā ito cutā, dibbehi kāmehi samaṅgibhūtā;

    สา โมทติ กามคุเณหิ ปญฺจหิ, ปริวาริตา เทวคเณหิ เตหี’’ติฯ (เถรคา. ๕๓๑-๕๓๕);

    Sā modati kāmaguṇehi pañcahi, parivāritā devagaṇehi tehī’’ti. (theragā. 531-535);

    อิมา คาถา อภาสิฯ ตตฺถ องฺคาริโนติ องฺคารานิ วิยาติ องฺคารานิฯ องฺคารานิ รตฺตปวาฬวณฺณานิ รุกฺขานํ ปุปฺผผลานิ, ตานิ เอเตสํ สนฺตีติ องฺคาริโน, อภิโลหิตกุสุมกิสลเยหิ องฺคารวุฎฺฐิสมฺปริกิณฺณา วิยาติ อโตฺถฯ ทานีติ อิมสฺมิํ กาเลฯ ทุมาติ รุกฺขาฯ ภทเนฺตติ ภทฺทํ อเนฺต เอตสฺสาติ, ‘‘ภทเนฺต’’ติ เอกสฺส ท-การสฺส โลปํ กตฺวา วุจฺจติฯ คุณวิเสสยุโตฺต, คุณวิเสสยุตฺตานญฺจ อคฺคภูโต สตฺถาฯ ตสฺมา, ภทเนฺตติ สตฺถุ อาลปนเมว, ปจฺจตฺตวจนเญฺจตํ เอการนฺตํ ‘‘สุคเต ปฎิกเมฺม สุเข ทุเกฺข ชีเว’’ติอาทีสุ วิยฯ อิธ ปน สโมฺพธนเฎฺฐ ทฎฺฐพฺพํฯ เตน วุตฺตํ, ‘‘ภทเนฺตติ อาลปน’’นฺติฯ ‘‘ภทฺทสเทฺทน สมานตฺถํ ปทนฺตรเมก’’นฺติ เกจิฯ ผลานิ เอสนฺตีติ ผเลสิโนฯ อเจตเนปิ หิ สเจตนกิริยํ อาหฯ เอวํ เถเรน ยาจิโต ภควา ตตฺถ คมเน พหูนํ วิเสสาธิคมนํ ทิสฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ราชคหโต อตุริตจาริกาวเสน กปิลวตฺถุคามิมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ เถโร อิทฺธิยา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา รโญฺญ ปุรโต อากาเส ฐิโตว อทิฎฺฐปุพฺพเวสํ ทิสฺวา รญฺญา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิโต ‘‘อมจฺจปุตฺตํ ตยา ภควโต สนฺติกํ เปสิตํ มํ น ชานาสิ, ตฺวํ เอวํ ปน ชานาหี’’ติ ทเสฺสโนฺต –

    Imā gāthā abhāsi. Tattha aṅgārinoti aṅgārāni viyāti aṅgārāni. Aṅgārāni rattapavāḷavaṇṇāni rukkhānaṃ pupphaphalāni, tāni etesaṃ santīti aṅgārino, abhilohitakusumakisalayehi aṅgāravuṭṭhisamparikiṇṇā viyāti attho. Dānīti imasmiṃ kāle. Dumāti rukkhā. Bhadanteti bhaddaṃ ante etassāti, ‘‘bhadante’’ti ekassa da-kārassa lopaṃ katvā vuccati. Guṇavisesayutto, guṇavisesayuttānañca aggabhūto satthā. Tasmā, bhadanteti satthu ālapanameva, paccattavacanañcetaṃ ekārantaṃ ‘‘sugate paṭikamme sukhe dukkhe jīve’’tiādīsu viya. Idha pana sambodhanaṭṭhe daṭṭhabbaṃ. Tena vuttaṃ, ‘‘bhadanteti ālapana’’nti. ‘‘Bhaddasaddena samānatthaṃ padantarameka’’nti keci. Phalāni esantīti phalesino. Acetanepi hi sacetanakiriyaṃ āha. Evaṃ therena yācito bhagavā tattha gamane bahūnaṃ visesādhigamanaṃ disvā vīsatisahassakhīṇāsavaparivuto rājagahato aturitacārikāvasena kapilavatthugāmimaggaṃ paṭipajji. Thero iddhiyā kapilavatthuṃ gantvā rañño purato ākāse ṭhitova adiṭṭhapubbavesaṃ disvā raññā ‘‘kosi tva’’nti pucchito ‘‘amaccaputtaṃ tayā bhagavato santikaṃ pesitaṃ maṃ na jānāsi, tvaṃ evaṃ pana jānāhī’’ti dassento –

    ‘‘พุทฺธสฺส ปุโตฺตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฎิมสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Buddhassa puttomhi asayhasāhino, aṅgīrasassappaṭimassa tādino;

    ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธเมฺมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติฯ (เถรคา. ๕๓๖) –

    Pitupitā mayhaṃ tuvaṃsi sakka, dhammena me gotama ayyakosī’’ti. (theragā. 536) –

    คาถมาหฯ

    Gāthamāha.

    ตตฺถ พุทฺธสฺส ปุโตฺตมฺหีติ สพฺพญฺญุพุทฺธสฺส โอรสฺส ปุโตฺต อมฺหิฯ อสยฺหสาหิโนติ อภิสโมฺพธิโต ปุเพฺพ ฐเปตฺวา มหาโพธิสตฺตํ อเญฺญหิ สหิตุํ วหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหสฺส สกลสฺส โพธิสมฺภารสฺส มหาการุณิกาธิการสฺส จ สหนโต วหนโต, ตโต ปรมฺปิ อเญฺญหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหานํ ปญฺจนฺนํ มารานํ สหนโต อภิภวนโต, อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพธเนน ยถารหํ เวเนยฺยานํ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ อนุสาสนีสงฺขาตสฺส อเญฺญหิ อสยฺหสฺส พุทฺธกิจฺจสฺส สหนโต, ตตฺถ วา สาธุการิภาวโต อสยฺหสาหิโนฯ องฺคีรสสฺสาติ องฺคีกตสีลาทิสมฺปตฺติกสฺสฯ องฺคมเงฺคหิ นิจฺฉรณกโอภาสสฺสาติ อปเรฯ เกจิ ปน ‘‘องฺคีรโส, สิทฺธโตฺถติ เทฺว นามานิ ปิตราเยว คหิตานี’’ติ วทนฺติฯ อปฺปฎิมสฺสาติ อนูปมสฺสฯ อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโนฯ ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสีติ อริยชาติวเสน มยฺหํ ปิตุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โลกโวหาเรน ตฺวํ ปิตา อสิฯ สกฺกาติ ชาติวเสน ราชานํ อาลปติฯ ธเมฺมนาติ สภาเวน อริยชาติ โลกิยชาตีติ ทฺวินฺนํ ชาตีนํ สภาวสโมธาเนนฯ โคตมาติ ราชานํ โคเตฺตน อาลปติฯ อยฺยโกสีติ ปิตามโห อสิฯ เอตฺถ จ ‘‘พุทฺธสฺส ปุโตฺตมฺหี’’ติอาทิํ วทโนฺต เถโร อญฺญํ พฺยากาสิฯ

    Tattha buddhassa puttomhīti sabbaññubuddhassa orassa putto amhi. Asayhasāhinoti abhisambodhito pubbe ṭhapetvā mahābodhisattaṃ aññehi sahituṃ vahituṃ asakkuṇeyyattā asayhassa sakalassa bodhisambhārassa mahākāruṇikādhikārassa ca sahanato vahanato, tato parampi aññehi sahituṃ abhibhavituṃ asakkuṇeyyattā asayhānaṃ pañcannaṃ mārānaṃ sahanato abhibhavanato, āsayānusayacaritādhimuttiādivibhāgāvabodhanena yathārahaṃ veneyyānaṃ diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi anusāsanīsaṅkhātassa aññehi asayhassa buddhakiccassa sahanato, tattha vā sādhukāribhāvato asayhasāhino. Aṅgīrasassāti aṅgīkatasīlādisampattikassa. Aṅgamaṅgehi niccharaṇakaobhāsassāti apare. Keci pana ‘‘aṅgīraso, siddhatthoti dve nāmāni pitarāyeva gahitānī’’ti vadanti. Appaṭimassāti anūpamassa. Iṭṭhāniṭṭhesu tādilakkhaṇappattiyā tādino. Pitupitā mayhaṃ tuvaṃsīti ariyajātivasena mayhaṃ pitu sammāsambuddhassa lokavohārena tvaṃ pitā asi. Sakkāti jātivasena rājānaṃ ālapati. Dhammenāti sabhāvena ariyajāti lokiyajātīti dvinnaṃ jātīnaṃ sabhāvasamodhānena. Gotamāti rājānaṃ gottena ālapati. Ayyakosīti pitāmaho asi. Ettha ca ‘‘buddhassa puttomhī’’tiādiṃ vadanto thero aññaṃ byākāsi.

    เอวํ ปน อตฺตานํ ชานาเปตฺวา หฎฺฐตุเฎฺฐน รญฺญา มหารเห ปลฺลเงฺก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฎิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทิเนฺน คมนาการํ ทเสฺสสิฯ ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, คนฺตุกามตฺถ, ภุญฺชถา’’ติ จ วุเตฺต, ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุญฺชิสฺสามี’’ติฯ ‘‘กหํ ปน สตฺถา’’ติ? ‘‘วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย มคฺคํ ปฎิปโนฺน’’ติฯ ‘‘ตุเมฺห อิมํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชถ, อญฺญํ ภควโต หริสฺสถฯ ยาว จ มม ปุโตฺต อิมํ นครํ สมฺปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโต ปิณฺฑปาตํ หรถา’’ติ วุเตฺต เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา รโญฺญ ปริสาย จ ธมฺมํ กเถตฺวา สตฺถุ อาคมนโต ปุเรตรเมว สกลราชนิเวสนํ รตนตฺตเย อภิปฺปสนฺนํ กโรโนฺต สเพฺพสํ ปสฺสนฺตานํเยว สตฺถุ อาหริตพฺพภตฺตปุณฺณํ ปตฺตํ อากาเส วิสฺสเชฺชตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อุปนาเมตฺวา สตฺถุ หเตฺถ ฐเปสิฯ สตฺถา ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิฯ เอวํ สฎฺฐิโยชนมเคฺค ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉนฺตสฺส ภควโต ราชเคหโตเยว ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา อทาสิฯ อถ นํ ภควา ‘‘อยํ มยฺหํ ปิตุโน สกลนิเวสนํ ปสาเทตี’’ติ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ กุลปฺปสาทกานํ ภิกฺขูนํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ

    Evaṃ pana attānaṃ jānāpetvā haṭṭhatuṭṭhena raññā mahārahe pallaṅke nisīdāpetvā attano paṭiyāditassa nānaggarasabhojanassa pattaṃ pūretvā dinne gamanākāraṃ dassesi. ‘‘Kasmā, bhante, gantukāmattha, bhuñjathā’’ti ca vutte, ‘‘satthu santikaṃ gantvā bhuñjissāmī’’ti. ‘‘Kahaṃ pana satthā’’ti? ‘‘Vīsatisahassabhikkhuparivāro tumhākaṃ dassanatthāya maggaṃ paṭipanno’’ti. ‘‘Tumhe imaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjatha, aññaṃ bhagavato harissatha. Yāva ca mama putto imaṃ nagaraṃ sampāpuṇāti, tāvassa ito piṇḍapātaṃ harathā’’ti vutte thero bhattakiccaṃ katvā rañño parisāya ca dhammaṃ kathetvā satthu āgamanato puretarameva sakalarājanivesanaṃ ratanattaye abhippasannaṃ karonto sabbesaṃ passantānaṃyeva satthu āharitabbabhattapuṇṇaṃ pattaṃ ākāse vissajjetvā sayampi vehāsaṃ abbhuggantvā piṇḍapātaṃ upanāmetvā satthu hatthe ṭhapesi. Satthā taṃ piṇḍapātaṃ paribhuñji. Evaṃ saṭṭhiyojanamagge divase divase yojanaṃ gacchantassa bhagavato rājagehatoyeva piṇḍapātaṃ āharitvā adāsi. Atha naṃ bhagavā ‘‘ayaṃ mayhaṃ pituno sakalanivesanaṃ pasādetī’’ti ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ kulappasādakānaṃ bhikkhūnaṃ yadidaṃ kāḷudāyī’’ti (a. ni. 1.219, 225) kulappasādakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi.

    ๔๘-๙. เอวํ โส กตปุญฺญสมฺภารานุรูเปน อรหตฺตํ ปตฺวา ปตฺตเอตทคฺคฎฺฐาโน อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส พุทฺธสฺสาติอาทิมาหฯ อทฺธานํ ปฎิปนฺนสฺสาติ อปรรฎฺฐํ คมนตฺถาย ทูรมคฺคํ ปฎิปชฺชนฺตสฺสฯ จรโต จาริกํ ตทาติ อโนฺตมณฺฑลํ มเชฺฌมณฺฑลํ พหิมณฺฑลนฺติ ตีณิ มณฺฑลานิ ตทา จาริกํ จรโต จรนฺตสฺส ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ภควโต สุผุลฺลํ สุฎฺฐุ ผุลฺลํ ปโพธิตํ คยฺห คเหตฺวา น เกวลเมว ปทุมํ, อุปฺปลญฺจ มลฺลิกํ วิกสิตํ อหํ คยฺห อุโภหิ หเตฺถหิ คเหตฺวา ปูเรสินฺติ สมฺพโนฺธฯ ปรมนฺนํ คเหตฺวานาติ ปรมํ อุตฺตมํ เสฎฺฐํ มธุรํ สพฺพสุปกฺกํ สาลิโอทนํ คเหตฺวา สตฺถุโน อทาสิํ โภเชสินฺติ อโตฺถฯ

    48-9. Evaṃ so katapuññasambhārānurūpena arahattaṃ patvā pattaetadaggaṭṭhāno attano pubbakammaṃ saritvā somanassavasena pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttarassa buddhassātiādimāha. Addhānaṃ paṭipannassāti apararaṭṭhaṃ gamanatthāya dūramaggaṃ paṭipajjantassa. Carato cārikaṃ tadāti antomaṇḍalaṃ majjhemaṇḍalaṃ bahimaṇḍalanti tīṇi maṇḍalāni tadā cārikaṃ carato carantassa padumuttarabuddhassa bhagavato suphullaṃ suṭṭhu phullaṃ pabodhitaṃ gayha gahetvā na kevalameva padumaṃ, uppalañca mallikaṃ vikasitaṃ ahaṃ gayha ubhohi hatthehi gahetvā pūresinti sambandho. Paramannaṃ gahetvānāti paramaṃ uttamaṃ seṭṭhaṃ madhuraṃ sabbasupakkaṃ sāliodanaṃ gahetvā satthuno adāsiṃ bhojesinti attho.

    ๙๗. สกฺยานํ นนฺทิชนโนติ สกฺยราชกุลานํ ภควโต ญาตีนํ อาโรหปริณาหรูปโยพฺพนวจนาลปนสมฺปตฺติยา นนฺทํ ตุฎฺฐิํ ชเนโนฺต อุปฺปาเทโนฺตฯ ญาติพนฺธุ ภวิสฺสตีติ ญาโต ปากโฎ พนฺธุ ภวิสฺสติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    97.Sakyānaṃnandijananoti sakyarājakulānaṃ bhagavato ñātīnaṃ ārohapariṇāharūpayobbanavacanālapanasampattiyā nandaṃ tuṭṭhiṃ janento uppādento. Ñātibandhu bhavissatīti ñāto pākaṭo bandhu bhavissati. Sesaṃ suviññeyyamevāti.

    กาฬุทายิเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Kāḷudāyittheraapadānavaṇṇanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi
    ๔. กาฬุทายิเตฺถรอปทานํ • 4. Kāḷudāyittheraapadānaṃ
    ๘. อายาคทายกเตฺถรอปทานํ • 8. Āyāgadāyakattheraapadānaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact