Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā

    ๖. กาฬุทายิเตฺถรอปทานวณฺณนา

    6. Kāḷudāyittheraapadānavaṇṇanā

    ฉฎฺฐาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต กาฬุทายิเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพโตฺต วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อภินีหารกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถสิฯ สตฺถาปิ พฺยากาสิฯ โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเส เทวโลกโต จวิตฺวา กปิลวตฺถุสฺมิํเยว อมจฺจกุเล ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ โพธิสเตฺตน สห เอกทิวเสเยว ชาโต, ตํทิวสํเยว นํ ทุกูลจุมฺพฎเกน นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฎฺฐานํ นยิํสุฯ โพธิสเตฺตน หิ สทฺธิํ โพธิรุโกฺข, ราหุลมาตา, จตฺตาโร นิธี , อาโรหนิยหตฺถี, กณฺฑโก, ฉโนฺน, กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวเส ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํฯ อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาตตฺตา อุทายีเตฺวว นามํ กริํสุฯ โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายีติ ปญฺญายิตฺถฯ โส โพธิสเตฺตน สทฺธิํ กุมารกีฬํ กีฬโนฺต วุทฺธิํ อคมาสิฯ

    Chaṭṭhāpadāne padumuttaro nāma jinotiādikaṃ āyasmato kāḷudāyittherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbatto viññutaṃ patto satthu dhammadesanaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ kulappasādakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā tajjaṃ abhinīhārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthesi. Satthāpi byākāsi. So yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bodhisattassa mātukucchiyaṃ paṭisandhiggahaṇadivase devalokato cavitvā kapilavatthusmiṃyeva amaccakule paṭisandhiṃ gaṇhi. Bodhisattena saha ekadivaseyeva jāto, taṃdivasaṃyeva naṃ dukūlacumbaṭakena nipajjāpetvā bodhisattassa upaṭṭhānaṃ nayiṃsu. Bodhisattena hi saddhiṃ bodhirukkho, rāhulamātā, cattāro nidhī , ārohaniyahatthī, kaṇḍako, channo, kāḷudāyīti ime satta ekadivase jātattā sahajātā nāma ahesuṃ. Athassa nāmaggahaṇadivase sakalanagarassa udaggacittadivase jātattā udāyītveva nāmaṃ kariṃsu. Thokaṃ kāḷadhātukattā pana kāḷudāyīti paññāyittha. So bodhisattena saddhiṃ kumārakīḷaṃ kīḷanto vuddhiṃ agamāsi.

    อปรภาเค โลกนาเถ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรเนฺต สุโทฺธทนมหาราชา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ปุริสสหสฺสปริวารํ เอกํ อมจฺจํ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธาเนหี’’ติ เปเสสิฯ โส สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลายํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อถ เน สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิฯ สเพฺพ ตํขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฎฺฐิกเตฺถรา วิย อเหสุํฯ อรหตฺตปฺปตฺตโต ปฎฺฐาย อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺติ, ตสฺมา รญฺญา เปสิตสาสนํ ทสพลสฺส นาโรเจสิฯ ราชา เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตีติ อปรมฺปิ อมจฺจํ ปุริสสหสฺสปริวารํ เปเสสิฯ ตสฺมิมฺปิ ตถา ปฎิปเนฺน อปรมฺปีติ เอเตน นเยน นวปุริสสหสฺสปริวาเร นว อมเจฺจ เปเสสิฯ สเพฺพ คนฺตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหีภูตา อเหสุํฯ

    Aparabhāge lokanāthe mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā anukkamena sabbaññutaṃ patvā pavattitavaradhammacakke rājagahaṃ upanissāya veḷuvane viharante suddhodanamahārājā taṃ pavattiṃ sutvā purisasahassaparivāraṃ ekaṃ amaccaṃ ‘‘puttaṃ me idhānehī’’ti pesesi. So satthu dhammadesanāvelāyaṃ satthu santikaṃ gantvā parisapariyante ṭhito dhammaṃ sutvā saparivāro arahattaṃ pāpuṇi. Atha ne satthā ‘‘etha, bhikkhavo’’ti hatthaṃ pasāresi. Sabbe taṃkhaṇaṃyeva iddhimayapattacīvaradharā vassasaṭṭhikattherā viya ahesuṃ. Arahattappattato paṭṭhāya ariyā nāma majjhattāva honti, tasmā raññā pesitasāsanaṃ dasabalassa nārocesi. Rājā neva gato āgacchati, na sāsanaṃ suyyatīti aparampi amaccaṃ purisasahassaparivāraṃ pesesi. Tasmimpi tathā paṭipanne aparampīti etena nayena navapurisasahassaparivāre nava amacce pesesi. Sabbe gantvā arahattaṃ patvā tuṇhībhūtā ahesuṃ.

    อถ ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน ทสพลสฺส อิธาคมนตฺถาย น กิญฺจิ กถยิํสุ, อยํ โข ปน อุทายี ทสพเลน สมวโย สหปํสุกีฬิโก, มยิ จ สิเนหวา, อิมํ เปเสสฺสามี’’ติฯ อถ ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุริสสหสฺสปริวาโร คนฺตฺวา ทสพลํ อิธาเนหี’’ติ วตฺวา เปเสสิฯ โส ปน คจฺฉโนฺต ‘‘สจาหํ, เทว, ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามิ, เอวาหํ ภควนฺตํ อิธาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา รญฺญา ‘‘ปพฺพชิโตปิ มม ปุตฺตํ ทเสฺสหี’’ติ วุโตฺต ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฎฺฐาสิฯ โส อรหตฺตํ ปตฺวา – ‘‘น ตาวายํ ทสพลสฺส กุลนครํ คนฺตุํ กาโล, วสฺสเนฺต ปน อุปคเต ปพฺพเตสุ วนสเณฺฑสุ หริตติณสญฺฉนฺนาย ภูมิยา คมนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ คมนกาลํ อาคเมโนฺต วสฺสเนฺต สมฺปเตฺต สตฺถุ กุลนครํ คนฺตุํ คมนวณฺณํ สํวเณฺณสิฯ วุตฺตเญฺจตํ เถรคาถาย (เถรคา. ๕๒๗-๕๓๐) –

    Atha rājā cintesi – ‘‘ettakā janā mayi sinehābhāvena dasabalassa idhāgamanatthāya na kiñci kathayiṃsu, ayaṃ kho pana udāyī dasabalena samavayo sahapaṃsukīḷiko, mayi ca sinehavā, imaṃ pesessāmī’’ti. Atha taṃ pakkosāpetvā, ‘‘tāta, tvaṃ purisasahassaparivāro gantvā dasabalaṃ idhānehī’’ti vatvā pesesi. So pana gacchanto ‘‘sacāhaṃ, deva, pabbajituṃ labhissāmi, evāhaṃ bhagavantaṃ idhānessāmī’’ti vatvā raññā ‘‘pabbajitopi mama puttaṃ dassehī’’ti vutto rājagahaṃ gantvā satthu dhammadesanāvelāya parisapariyante ṭhito dhammaṃ sutvā saparivāro arahattaṃ patvā ehibhikkhubhāve patiṭṭhāsi. So arahattaṃ patvā – ‘‘na tāvāyaṃ dasabalassa kulanagaraṃ gantuṃ kālo, vassante pana upagate pabbatesu vanasaṇḍesu haritatiṇasañchannāya bhūmiyā gamanakālo bhavissatī’’ti gamanakālaṃ āgamento vassante sampatte satthu kulanagaraṃ gantuṃ gamanavaṇṇaṃ saṃvaṇṇesi. Vuttañcetaṃ theragāthāya (theragā. 527-530) –

    ‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทเนฺต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

    ‘‘Aṅgārino dāni dumā bhadante, phalesino chadanaṃ vippahāya;

    เต อจฺจิมโนฺตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร ภาคี รสานํฯ

    Te accimantova pabhāsayanti, samayo mahāvīra bhāgī rasānaṃ.

    ‘‘ทุมานิ ผุลฺลานิ มโนรมานิ, สมนฺตโต สพฺพทิสา ปวนฺติ;

    ‘‘Dumāni phullāni manoramāni, samantato sabbadisā pavanti;

    ปตฺตํ ปหาย ผลมาสสานา, กาโล อิโต ปกฺกมนาย วีรฯ

    Pattaṃ pahāya phalamāsasānā, kālo ito pakkamanāya vīra.

    ‘‘เนวาติสีตํ น ปนาติอุณฺหํ, สุขา อุตุ อทฺธนิยา ภทเนฺต;

    ‘‘Nevātisītaṃ na panātiuṇhaṃ, sukhā utu addhaniyā bhadante;

    ปสฺสนฺตุ ตํ สากิยา โกฬิยา จ, ปจฺฉามุขํ โรหินิยํ ตรนฺตํฯ

    Passantu taṃ sākiyā koḷiyā ca, pacchāmukhaṃ rohiniyaṃ tarantaṃ.

    ‘‘อาสาย กสเต เขตฺตํ, พีชํ อาสาย วปฺปติ;

    ‘‘Āsāya kasate khettaṃ, bījaṃ āsāya vappati;

    อาสาย วาณิชา ยนฺติ, สมุทฺทํ ธนหารกา;

    Āsāya vāṇijā yanti, samuddaṃ dhanahārakā;

    ยาย อาสาย ติฎฺฐามิ, สา เม อาสา สมิชฺฌตุฯ

    Yāya āsāya tiṭṭhāmi, sā me āsā samijjhatu.

    ‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;

    ‘‘Nātisītaṃ nātiuṇhaṃ, nātidubbhikkhachātakaṃ;

    สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนิฯ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๒๕);

    Saddalā haritā bhūmi, esa kālo mahāmuni. (a. ni. aṭṭha. 1.1.225);

    ‘‘ปุนปฺปุนเญฺจว วปนฺติ พีชํ, ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา;

    ‘‘Punappunañceva vapanti bījaṃ, punappunaṃ vassati devarājā;

    ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา, ปุนปฺปุนํ ธญฺญมุเปติ รฎฺฐํฯ

    Punappunaṃ khettaṃ kasanti kassakā, punappunaṃ dhaññamupeti raṭṭhaṃ.

    ‘‘ปุนปฺปุนํ ยาจนกา จรนฺติ, ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ;

    ‘‘Punappunaṃ yācanakā caranti, punappunaṃ dānapatī dadanti;

    ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา, ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ ฐานํฯ

    Punappunaṃ dānapatī daditvā, punappunaṃ saggamupenti ṭhānaṃ.

    ‘‘วีโร หเว สตฺตยุคํ ปุเนติ; ยสฺมิํ กุเล ชายติ ภูริปโญฺญ;

    ‘‘Vīro have sattayugaṃ puneti; Yasmiṃ kule jāyati bhūripañño;

    มญฺญามหํ สกฺกติ เทวเทโว, ตยา หิ ชาโต มุนิ สจฺจนาโมฯ

    Maññāmahaṃ sakkati devadevo, tayā hi jāto muni saccanāmo.

    ‘‘สุโทฺธทโน นาม ปิตา มเหสิโน, พุทฺธสฺส มาตา ปน มายนามา;

    ‘‘Suddhodano nāma pitā mahesino, buddhassa mātā pana māyanāmā;

    ยา โพธิสตฺตํ ปริหริย กุจฺฉินา, กายสฺส เภทา ติทิวมฺหิ โมทติฯ

    Yā bodhisattaṃ parihariya kucchinā, kāyassa bhedā tidivamhi modati.

    ‘‘สา โคตมี กาลกตา อิโต จุตา, ทิเพฺพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูตา;

    ‘‘Sā gotamī kālakatā ito cutā, dibbehi kāmehi samaṅgibhūtā;

    สา โมทติ กามคุเณหิ ปญฺจหิ, ปริวาริตา เทวคเณหิ เตหิฯ

    Sā modati kāmaguṇehi pañcahi, parivāritā devagaṇehi tehi.

    ‘‘พุทฺธสฺส ปุโตฺตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฎิมสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Buddhassa puttomhi asayhasāhino, aṅgīrasassappaṭimassa tādino;

    ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธเมฺมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติฯ (เถรคา. ๕๓๑-๕๓๖);

    Pitupitā mayhaṃ tuvaṃsi sakka, dhammena me gotama ayyakosī’’ti. (theragā. 531-536);

    ‘‘อมฺพา ปนสา กปิฎฺฐา จ, ปุปฺผปลฺลวลงฺกตา;

    ‘‘Ambā panasā kapiṭṭhā ca, pupphapallavalaṅkatā;

    ธุวปฺผลานิ สวนฺติ, ขุทฺทามธุกกูปมา;

    Dhuvapphalāni savanti, khuddāmadhukakūpamā;

    เสวมาโน อุโภ ปเสฺส, คนฺตุกาโล มหายสฺสฯ

    Sevamāno ubho passe, gantukālo mahāyassa.

    ‘‘ชมฺพู สุมธุรา นีปา, มธุคณฺฑิทิวปฺผลา;

    ‘‘Jambū sumadhurā nīpā, madhugaṇḍidivapphalā;

    ตา อุโภสุ ปโชฺชตนฺติ, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Tā ubhosu pajjotanti, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘ติณฺฑุกานิ ปิยาลานิ, โสณฺณวณฺณา มโนรมา;

    ‘‘Tiṇḍukāni piyālāni, soṇṇavaṇṇā manoramā;

    ขุทฺทกปฺปผลา นิจฺจํ, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Khuddakappaphalā niccaṃ, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘กทลี ปญฺจโมจฺจิ จ, สุปกฺกผลภูสิตา;

    ‘‘Kadalī pañcamocci ca, supakkaphalabhūsitā;

    อุโภปเสฺสสุ ลมฺพนฺติ, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Ubhopassesu lambanti, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘มธุปฺผลธรา นิจฺจํ, โมรรุกฺขา มโนรมา;

    ‘‘Madhupphaladharā niccaṃ, morarukkhā manoramā;

    ขุทฺทกปฺปผลา นิจฺจํ, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Khuddakappaphalā niccaṃ, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘หินฺตาลตาลปนฺตี จ, รชตกฺขโนฺธว โชตเร;

    ‘‘Hintālatālapantī ca, rajatakkhandhova jotare;

    สุปกฺกผลสญฺฉนฺนา, ขุทฺทกปฺปา มธุสฺสวา;

    Supakkaphalasañchannā, khuddakappā madhussavā;

    ผลานิ ตานิ ขาทเนฺต, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Phalāni tāni khādante, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘อุทุมฺพรารุณาวณฺณา , สทาสุมธุรปฺผลา;

    ‘‘Udumbarāruṇāvaṇṇā , sadāsumadhurapphalā;

    อุโภปเสฺสสุ ลมฺพนฺติ, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Ubhopassesu lambanti, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘อิตฺถมฺภูตา อเนกา เต, นานาผลธรา ทุมา;

    ‘‘Itthambhūtā anekā te, nānāphaladharā dumā;

    อุโภปเสฺสสุ ลมฺพนฺติ, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Ubhopassesu lambanti, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘จมฺปกา สลฬา นาคา, สุคนฺธา มาลุเตริตา;

    ‘‘Campakā salaḷā nāgā, sugandhā māluteritā;

    สุปุปฺผิตคฺคา โชตนฺติ, สุคเนฺธนาภิปูชยุํ;

    Supupphitaggā jotanti, sugandhenābhipūjayuṃ;

    สาทรา วินตาเนว, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Sādarā vinatāneva, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘ปุนฺนาคา คิริปุนฺนาคา, ปุปฺผิตา ธรณีรุหา;

    ‘‘Punnāgā giripunnāgā, pupphitā dharaṇīruhā;

    สุปุปฺผิตคฺคา โชตนฺติ, สุคเนฺธนาภิปูชยุํ;

    Supupphitaggā jotanti, sugandhenābhipūjayuṃ;

    สาทรา วินตุคฺคคฺคา, คนฺตุกาโล มหายสฯ

    Sādarā vinatuggaggā, gantukālo mahāyasa.

    ‘‘อโสกา โกวิฬารา จ, โสมนสฺสกรา วรา;

    ‘‘Asokā koviḷārā ca, somanassakarā varā;

    สุคนฺธา กณฺณิกา พนฺธา, รตฺตวเณฺณหิ ภูสิตา;

    Sugandhā kaṇṇikā bandhā, rattavaṇṇehi bhūsitā;

    สาทรา วินตุคฺคคฺคา, สมโย เต มหายสฯ

    Sādarā vinatuggaggā, samayo te mahāyasa.

    ‘‘กณฺณิการา ผุลฺลิตา นิจฺจํ, โสวณฺณรํสิโชตกา;

    ‘‘Kaṇṇikārā phullitā niccaṃ, sovaṇṇaraṃsijotakā;

    ทิพฺพคนฺธา ปวายนฺติ, ทิสา สพฺพานิ โสภยํ;

    Dibbagandhā pavāyanti, disā sabbāni sobhayaṃ;

    สาทรา วินตาเนว, สมโย เต มหายสฯ

    Sādarā vinatāneva, samayo te mahāyasa.

    ‘‘สุปตฺตา คนฺธสมฺปนฺนา, เกตกี ธนุเกตกี;

    ‘‘Supattā gandhasampannā, ketakī dhanuketakī;

    สุคนฺธา สมฺปวายนฺติ, ทิสา สพฺพาภิคนฺธิโน;

    Sugandhā sampavāyanti, disā sabbābhigandhino;

    สาทรา ปูชยนฺตาว, สมโย เต มหายสฯ

    Sādarā pūjayantāva, samayo te mahāyasa.

    ‘‘มลฺลิกา ชาติสุมนา, สุคนฺธา ขุทฺทมลฺลิกา;

    ‘‘Mallikā jātisumanā, sugandhā khuddamallikā;

    ทิสา สพฺพา ปวายนฺติ, อุโภ มเคฺค ปโสภยํ;

    Disā sabbā pavāyanti, ubho magge pasobhayaṃ;

    สาทรา เต ปลมฺพนฺติ, สมโย เต มหายสฯ

    Sādarā te palambanti, samayo te mahāyasa.

    ‘‘สินฺธุวารา สีตคนฺธา, สุคนฺธา มาลุเตริตา;

    ‘‘Sindhuvārā sītagandhā, sugandhā māluteritā;

    ทิสา สพฺพาภิปูเชนฺตา, อุโภ มเคฺค ปโสภยํ;

    Disā sabbābhipūjentā, ubho magge pasobhayaṃ;

    สาทรา วินตุคฺคคฺคา, สมโย เต มหายสฯ

    Sādarā vinatuggaggā, samayo te mahāyasa.

    ‘‘สีหา เกสรสีหา จ, จตุปฺปทนิเสวิตา;

    ‘‘Sīhā kesarasīhā ca, catuppadanisevitā;

    อจฺฉมฺภีตา สุราปาเน, มิคราชา ปตาปิโนฯ

    Acchambhītā surāpāne, migarājā patāpino.

    ‘‘สีหนาเทน ปูเชนฺติ, สาทรา เต มิคาภิภู;

    ‘‘Sīhanādena pūjenti, sādarā te migābhibhū;

    มคฺคมฺหิ อุภโต วูฬฺหา, สมโย เต มหายสฯ

    Maggamhi ubhato vūḷhā, samayo te mahāyasa.

    ‘‘พฺยคฺฆา สินฺธวา นกุลา, สาธุรูปา ภยานกา;

    ‘‘Byagghā sindhavā nakulā, sādhurūpā bhayānakā;

    อากาเส สมฺปตนฺตาว, นิพฺภีตา เยน เกนจิ;

    Ākāse sampatantāva, nibbhītā yena kenaci;

    เตหิ เต สาทรา นตา, สมโย เต มหายสฯ

    Tehi te sādarā natā, samayo te mahāyasa.

    ‘‘ติธา ปภินฺนา ฉทฺทนฺตา, สุรูปา สุสฺสรา สุภา;

    ‘‘Tidhā pabhinnā chaddantā, surūpā sussarā subhā;

    สตฺตปฺปติฎฺฐิตงฺคา เต, อุโภ มเคฺคสุ กูชิโน;

    Sattappatiṭṭhitaṅgā te, ubho maggesu kūjino;

    สาทรา หาสมานาว, สมโย เต มหายสฯ

    Sādarā hāsamānāva, samayo te mahāyasa.

    ‘‘มิคา วราหา ปสทา, จิตฺราสาวยวา สุภา;

    ‘‘Migā varāhā pasadā, citrāsāvayavā subhā;

    อาโรหปริณาเหน, สุรูปา องฺคสํยุตา;

    Ārohapariṇāhena, surūpā aṅgasaṃyutā;

    อุโภ มเคฺค คายมานาว, สมโย เต มหายสฯ

    Ubho magge gāyamānāva, samayo te mahāyasa.

    ‘‘โคกณฺณา สรภา รุรู, อาโรหปริณาหิโน;

    ‘‘Gokaṇṇā sarabhā rurū, ārohapariṇāhino;

    สุรูปา องฺคสมฺปนฺนา, เสวมานาว อจฺฉรุํ;

    Surūpā aṅgasampannā, sevamānāva accharuṃ;

    เสวมานา เตหิ ตทา, สมโย เต มหายสฯ

    Sevamānā tehi tadā, samayo te mahāyasa.

    ‘‘ทีปี อจฺฉา ตรจฺฉา จ, ตุทรา วรุณา สทา;

    ‘‘Dīpī acchā taracchā ca, tudarā varuṇā sadā;

    เต ทานิ สิกฺขิตา สเพฺพ, เมตฺตาย ตว ตาทิโน;

    Te dāni sikkhitā sabbe, mettāya tava tādino;

    เต ปจฺจเสวกา อทฺธา, สมโย เต มหายสฯ

    Te paccasevakā addhā, samayo te mahāyasa.

    ‘‘สสา สิงฺคาลา นกุลา, กลนฺทกาฬกา พหู;

    ‘‘Sasā siṅgālā nakulā, kalandakāḷakā bahū;

    กสฺตุรา สูรา คนฺธา เต, เกวลา คายมานาวฯ

    Kasturā sūrā gandhā te, kevalā gāyamānāva.

    สมโย เต มหายส;

    Samayo te mahāyasa;

    ‘‘มยูรา นีลคีวา เต, สุสิขา สุภปกฺขิกา;

    ‘‘Mayūrā nīlagīvā te, susikhā subhapakkhikā;

    สุปิญฺฉา เต สุนาทา จ, เวฬุริยมณิสนฺนิภา;

    Supiñchā te sunādā ca, veḷuriyamaṇisannibhā;

    นาทํ กโรนฺตา ปูเชนฺติ, กาโล เต ปิตุทสฺสเนฯ

    Nādaṃ karontā pūjenti, kālo te pitudassane.

    ‘‘สุวณฺณจิตฺรหํสา จ, ชวหํสา วิหาจรา;

    ‘‘Suvaṇṇacitrahaṃsā ca, javahaṃsā vihācarā;

    เต สเพฺพ อาสยา ฉุทฺธา, ชินทสฺสนพฺยาวฎา;

    Te sabbe āsayā chuddhā, jinadassanabyāvaṭā;

    มธุรสฺสเรน กูชนฺติ, กาโล เต ปิตุทสฺสเนฯ

    Madhurassarena kūjanti, kālo te pitudassane.

    ‘‘หํสา โกญฺจา สุนทา เต, จกฺกวากา นทีจรา;

    ‘‘Haṃsā koñcā sunadā te, cakkavākā nadīcarā;

    พกา พลากา รุจิรา, ชลกากา สรกุกฺกุฎา;

    Bakā balākā rucirā, jalakākā sarakukkuṭā;

    สาทราภินาทิโน เอเต, กาโล เต ปิตุทสฺสเนฯ

    Sādarābhinādino ete, kālo te pitudassane.

    ‘‘จิตฺรา สุรูปา สุสฺสรา, สาฬิกา สุวตณฺฑิกา;

    ‘‘Citrā surūpā sussarā, sāḷikā suvataṇḍikā;

    รุกฺขคฺคา สมฺปตนฺตา เต, อุโภ มเคฺคสุ กูชิโน;

    Rukkhaggā sampatantā te, ubho maggesu kūjino;

    เตสุ เตสุ นิกูชนฺติ, กาโล เต ปิตุทสฺสเนฯ

    Tesu tesu nikūjanti, kālo te pitudassane.

    ‘‘โกกิลา สกลา จิตฺรา, สทา มญฺชุสฺสรา วรา;

    ‘‘Kokilā sakalā citrā, sadā mañjussarā varā;

    วิมฺหาปิตา เต ชนตํ, สทฺธิมิตฺตาทิเก สุรา;

    Vimhāpitā te janataṃ, saddhimittādike surā;

    สเรหิ ปูชยนฺตาว, กาโล เต ปิตุทสฺสเนฯ

    Sarehi pūjayantāva, kālo te pitudassane.

    ‘‘ภิงฺกา กุรรา สารา, ปูริตา กานเน สทา;

    ‘‘Bhiṅkā kurarā sārā, pūritā kānane sadā;

    นินฺนาทยนฺตา ปวนํ, อญฺญมญฺญสมงฺคิโน;

    Ninnādayantā pavanaṃ, aññamaññasamaṅgino;

    คายมานา สเรเนว, กาโล เต ปิตุทสฺสเนฯ

    Gāyamānā sareneva, kālo te pitudassane.

    ‘‘ติตฺติรา สุสรา สารา, สุสรา วนกุกฺกุฎา;

    ‘‘Tittirā susarā sārā, susarā vanakukkuṭā;

    มญฺชุสฺสรา รามเณยฺยา, กาโล เต ปิตุทสฺสเนฯ

    Mañjussarā rāmaṇeyyā, kālo te pitudassane.

    ‘‘เสตวาลุกสญฺฉนฺนา, สุปติตฺถา มโนรมา;

    ‘‘Setavālukasañchannā, supatitthā manoramā;

    มธุโรทกสมฺปุณฺณา, สรา โชตนฺติ เต สทา;

    Madhurodakasampuṇṇā, sarā jotanti te sadā;

    ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ, สมโย เต ญาติทสฺสเนฯ

    Tattha nhatvā pivitvā ca, samayo te ñātidassane.

    ‘‘กุมฺภีรามกรากิณฺณา , วลยา มุญฺชโรหิตา;

    ‘‘Kumbhīrāmakarākiṇṇā , valayā muñjarohitā;

    มจฺฉกจฺฉปพฺยาวิทฺธา, สรา สีโตทกา สุภา;

    Macchakacchapabyāviddhā, sarā sītodakā subhā;

    ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ, สมโย เต ญาติทสฺสเนฯ

    Tattha nhatvā pivitvā ca, samayo te ñātidassane.

    ‘‘นีลุปฺปลสมากิณฺณา, ตถา รตฺตุปฺปเลหิ จ;

    ‘‘Nīluppalasamākiṇṇā, tathā rattuppalehi ca;

    กุมุทุปฺปลสํกิณฺณา, สรา โสภนฺติเนกธา;

    Kumuduppalasaṃkiṇṇā, sarā sobhantinekadhā;

    ตตฺถ สีตลกา โตยา, สมโย เต ญาติทสฺสเนฯ

    Tattha sītalakā toyā, samayo te ñātidassane.

    ‘‘ปุณฺฑรีเกหิ สญฺฉนฺนา, ปทุเมหิ สโมหตา;

    ‘‘Puṇḍarīkehi sañchannā, padumehi samohatā;

    อุโภ มเคฺคสุ โสภนฺติ, โปกฺขรโญฺญ ตหิํ ตหิํ;

    Ubho maggesu sobhanti, pokkharañño tahiṃ tahiṃ;

    ตโตฺถทกานิ นฺหายนฺติ, สมโย เต ญาติทสฺสเนฯ

    Tatthodakāni nhāyanti, samayo te ñātidassane.

    ‘‘เสตปุลินสํกิณฺณา, สุปติตฺถา มโนรมา;

    ‘‘Setapulinasaṃkiṇṇā, supatitthā manoramā;

    สีโตทกมโหเฆหิ, สมฺปุณฺณา ตา นที สุภา;

    Sītodakamahoghehi, sampuṇṇā tā nadī subhā;

    อุโภ มเคฺคหิ สนฺทนฺติ, สมโย เต ญาติทสฺสเนฯ

    Ubho maggehi sandanti, samayo te ñātidassane.

    ‘‘มคฺคสฺส อุภโตปเสฺส, คามนิคมสมากุลา;

    ‘‘Maggassa ubhatopasse, gāmanigamasamākulā;

    สทฺธา ปสนฺนา ชนตา, รตนตฺตยมามกา;

    Saddhā pasannā janatā, ratanattayamāmakā;

    เตสํ สมฺปุณฺณสงฺกโปฺป, สมโย เต ญาติทสฺสเนฯ

    Tesaṃ sampuṇṇasaṅkappo, samayo te ñātidassane.

    ‘‘เตสุ เตสุ ปเทเสสุ, เทวา มานุสฺสกา อุโภ;

    ‘‘Tesu tesu padesesu, devā mānussakā ubho;

    คนฺธมาลาภิปูเชนฺติ, สมโย เต ญาติทสฺสเน’’ติฯ

    Gandhamālābhipūjenti, samayo te ñātidassane’’ti.

    เอวํ เถโร สฎฺฐิมตฺตาหิ คาถาหิ สตฺถุ คมนวณฺณํ สํวเณฺณสิฯ อถ โข ภควา ‘‘กาฬุทายี มม คมนํ ปเตฺถติ, ปูเรสฺสามิสฺส สงฺกปฺป’’นฺติ ตตฺถ คมเน พหูนํ วิเสสาธิคมํ ทิสฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ราชคหโต อตุริตจาริกาวเสน วุตฺตปฺปการผลาผเล อนุภวโนฺต ทฺวิปทจตุปฺปทาทิสมูหานํ เสวนปูชาย ปูชิยมาโน วุตฺตปฺปการสุคนฺธปุปฺผคเนฺธหิ คนฺธิยมาโน คามนิคมวาสีนํ สงฺคหํ กุรุมาโน กปิลวตฺถุคามิมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ เถโร อิทฺธิยา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา รโญฺญ ปุรโต อากาเส ฐิโต อทิฎฺฐปุพฺพํ เวสํ ทิสฺวา, รญฺญา – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิโต ‘‘สเจ อมจฺจปุตฺตํ ตยา ภควโต สนฺติเก เปสิตํ น ชานาสิ, เอวํ ชานาหี’’ติ วทโนฺต –

    Evaṃ thero saṭṭhimattāhi gāthāhi satthu gamanavaṇṇaṃ saṃvaṇṇesi. Atha kho bhagavā ‘‘kāḷudāyī mama gamanaṃ pattheti, pūressāmissa saṅkappa’’nti tattha gamane bahūnaṃ visesādhigamaṃ disvā vīsatisahassakhīṇāsavaparivuto rājagahato aturitacārikāvasena vuttappakāraphalāphale anubhavanto dvipadacatuppadādisamūhānaṃ sevanapūjāya pūjiyamāno vuttappakārasugandhapupphagandhehi gandhiyamāno gāmanigamavāsīnaṃ saṅgahaṃ kurumāno kapilavatthugāmimaggaṃ paṭipajji. Thero iddhiyā kapilavatthuṃ gantvā rañño purato ākāse ṭhito adiṭṭhapubbaṃ vesaṃ disvā, raññā – ‘‘kosi tva’’nti pucchito ‘‘sace amaccaputtaṃ tayā bhagavato santike pesitaṃ na jānāsi, evaṃ jānāhī’’ti vadanto –

    ‘‘พุทฺธสฺส ปุโตฺตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฎิมสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Buddhassa puttomhi asayhasāhino, aṅgīrasassappaṭimassa tādino;

    ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธเมฺมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติฯ (เถรคา. ๕๓๖) – คาถมาห;

    Pitupitā mayhaṃ tuvaṃsi sakka, dhammena me gotama ayyakosī’’ti. (theragā. 536) – gāthamāha;

    ตตฺถ พุทฺธสฺส ปุโตฺตมฺหีติ สพฺพญฺญุพุทฺธสฺส อุเร วายามชนิตาหิ ธมฺมเทสนาหิ ชาตตาย โอรสปุโตฺต อมฺหิฯ อสยฺหสาหิโนติ อภิสโมฺพธิโต ปุเพฺพ ฐเปตฺวา มหาโพธิสตฺตํ อเญฺญหิ สหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหสฺส สกลโพธิสมฺภารสฺส, มหากรุณากรสฺส จ สหนโต ตโต ปรมฺปิ อเญฺญหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหานํ ปญฺจนฺนํ มารานํ สหนโต อภิภวนโต อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพเธน ยถารหํ เวเนยฺยานํ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ อนุสาสนีสงฺขาตสฺส อเญฺญหิ อสยฺหสฺส พุทฺธกิจฺจสฺส สหนโต ตตฺถ วา สาธุการีภาวโต อสยฺหสาหิโนฯ องฺคีรสสฺสาติ องฺคีกตสีลาทิสมฺปตฺติกสฺสฯ ‘‘องฺคมเงฺคหิ นิจฺฉรณกโอภาสสฺสา’’ติ อปเรฯ เกจิ ปน ‘‘องฺคีรโส สิทฺธโตฺถติ อิมานิ เทฺว นามานิ ปิตราเยว คหิตานี’’ติ วทนฺติฯ อปฺปฎิมสฺสาติ อนุปมสฺส อิฎฺฐาทีสุ ตาทิลขณสมฺปตฺติยา ตาทิโนฯ ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสีติ อริยชาติวเสน มยฺหํ ปิตุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โลกโวหารวเสน ตฺวํ ปิตา อสิฯ สกฺกาติ วํเสน ราชานํ อาลปติฯ ธเมฺมนาติ สภาเวน อริยชาติโลกิยชาตีหิ ทฺวินฺนํ ชาตีนํ สภาวสโมธาเนนฯ โคตมาติ โคเตฺตน ราชานํ อาลปติฯ อยฺยโกสีติ ปิตามโห อโหสิฯ เอตฺถ จ ‘‘พุทฺธสฺส ปุโตฺตมฺหี’’ติอาทิํ วทโนฺต เถโร อญฺญํ พฺยากาสิฯ

    Tattha buddhassa puttomhīti sabbaññubuddhassa ure vāyāmajanitāhi dhammadesanāhi jātatāya orasaputto amhi. Asayhasāhinoti abhisambodhito pubbe ṭhapetvā mahābodhisattaṃ aññehi sahituṃ asakkuṇeyyattā asayhassa sakalabodhisambhārassa, mahākaruṇākarassa ca sahanato tato parampi aññehi sahituṃ abhibhavituṃ asakkuṇeyyattā asayhānaṃ pañcannaṃ mārānaṃ sahanato abhibhavanato āsayānusayacaritādhimuttiādivibhāgāvabodhena yathārahaṃ veneyyānaṃ diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi anusāsanīsaṅkhātassa aññehi asayhassa buddhakiccassa sahanato tattha vā sādhukārībhāvato asayhasāhino. Aṅgīrasassāti aṅgīkatasīlādisampattikassa. ‘‘Aṅgamaṅgehi niccharaṇakaobhāsassā’’ti apare. Keci pana ‘‘aṅgīraso siddhatthoti imāni dve nāmāni pitarāyeva gahitānī’’ti vadanti. Appaṭimassāti anupamassa iṭṭhādīsu tādilakhaṇasampattiyā tādino. Pitupitā mayhaṃ tuvaṃsīti ariyajātivasena mayhaṃ pitu sammāsambuddhassa lokavohāravasena tvaṃ pitā asi. Sakkāti vaṃsena rājānaṃ ālapati. Dhammenāti sabhāvena ariyajātilokiyajātīhi dvinnaṃ jātīnaṃ sabhāvasamodhānena. Gotamāti gottena rājānaṃ ālapati. Ayyakosīti pitāmaho ahosi. Ettha ca ‘‘buddhassa puttomhī’’tiādiṃ vadanto thero aññaṃ byākāsi.

    เอวํ ปน อตฺตานํ ชานาเปตฺวา หฎฺฐตุเฎฺฐน รญฺญา มหารเห ปลฺลเงฺก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฎิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ปเตฺต ทิเนฺน คมนาการํ ทเสฺสสิฯ ‘‘กสฺมา คนฺตุกามตฺถ, ภุญฺชถา’’ติ วุเตฺต, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุญฺชิสฺสามีติฯ กหํ ปน สตฺถาติ? วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย มคฺคํ ปฎิปโนฺนติฯ ตุเมฺห อิมํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชถ, อญฺญํ ภควโต หรถฯ ยาว จ มม ปุโตฺต อิมํ นครํ ปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตเยว ปิณฺฑปาตํ หรถาติฯ เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา รโญฺญ จ ปริสาย จ ธมฺมํ เทเสตฺวา สตฺถุ อาคมนโต ปุเรตรเมว ราชนิเวสนํ รตนตฺตยคุเณสุ อภิปฺปสนฺนํ กโรโนฺต สเพฺพสํ ปสฺสนฺตานํเยว สตฺถุ อาหริตพฺพภตฺตปุณฺณํ ปตฺตํ อากาเส วิสฺสเชฺชตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อุปเนตฺวา สตฺถุ หเตฺถ ฐเปสิฯ สตฺถาปิ ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิฯ เอวํ สฎฺฐิโยชนํ มคฺคํ ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉนฺตสฺส ภควโต ราชเคหโต ภตฺตํ อาหริตฺวา อทาสิฯ ภควา กเมน กปิลวตฺถุนครํ ปตฺวา ปุนทิวเส ราชวีถิยํ ปิณฺฑาย จรติฯ ตํ สุตฺวา สุโทฺธทนมหาราชา ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘มา เอวํ กตฺตพฺพํ มญฺญิ, นยิทํ ราชวํสปฺปเวณี’’ติฯ ‘‘อยํ ตุมฺหากํ, มหาราช, วํโส, อีทิโส อมฺหากํ ปน พุทฺธวํโส’’ติ วตฺวา –

    Evaṃ pana attānaṃ jānāpetvā haṭṭhatuṭṭhena raññā mahārahe pallaṅke nisīdāpetvā attano paṭiyāditassa nānaggarasabhojanassa pattaṃ pūretvā patte dinne gamanākāraṃ dassesi. ‘‘Kasmā gantukāmattha, bhuñjathā’’ti vutte, satthu santikaṃ gantvā bhuñjissāmīti. Kahaṃ pana satthāti? Vīsatisahassabhikkhuparivāro tumhākaṃ dassanatthāya maggaṃ paṭipannoti. Tumhe imaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjatha, aññaṃ bhagavato haratha. Yāva ca mama putto imaṃ nagaraṃ pāpuṇāti, tāvassa itoyeva piṇḍapātaṃ harathāti. Thero bhattakiccaṃ katvā rañño ca parisāya ca dhammaṃ desetvā satthu āgamanato puretarameva rājanivesanaṃ ratanattayaguṇesu abhippasannaṃ karonto sabbesaṃ passantānaṃyeva satthu āharitabbabhattapuṇṇaṃ pattaṃ ākāse vissajjetvā sayampi vehāsaṃ abbhuggantvā piṇḍapātaṃ upanetvā satthu hatthe ṭhapesi. Satthāpi taṃ piṇḍapātaṃ paribhuñji. Evaṃ saṭṭhiyojanaṃ maggaṃ divase divase yojanaṃ gacchantassa bhagavato rājagehato bhattaṃ āharitvā adāsi. Bhagavā kamena kapilavatthunagaraṃ patvā punadivase rājavīthiyaṃ piṇḍāya carati. Taṃ sutvā suddhodanamahārājā tattha gantvā, ‘‘mā evaṃ kattabbaṃ maññi, nayidaṃ rājavaṃsappaveṇī’’ti. ‘‘Ayaṃ tumhākaṃ, mahārāja, vaṃso, īdiso amhākaṃ pana buddhavaṃso’’ti vatvā –

    ‘‘อุตฺติเฎฺฐ นปฺปมเชฺชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;

    ‘‘Uttiṭṭhe nappamajjeyya, dhammaṃ sucaritaṃ care;

    ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมิํ โลเก ปรมฺหิ จฯ

    Dhammacārī sukhaṃ seti, asmiṃ loke paramhi ca.

    ‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;

    ‘‘Dhammaṃ care sucaritaṃ, na naṃ duccaritaṃ care;

    ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมิํ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๖๘-๑๖๙) –

    Dhammacārī sukhaṃ seti, asmiṃ loke paramhi cā’’ti. (dha. pa. 168-169) –

    ธมฺมํ เทเสสิฯ ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตโต ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา สกมนฺทิเร โภเชตฺวา สมฺปวาเรตฺวา โภชนาวสาเน ธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) สุตฺวา สปริโส อนาคามิผเล ปติฎฺฐหิฯ อปรภาเค เสตจฺฉตฺตสฺส เหฎฺฐา นิปโนฺนว อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิฯ

    Dhammaṃ desesi. Rājā sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tato rājā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā sakamandire bhojetvā sampavāretvā bhojanāvasāne dhammapālajātakaṃ (jā. 1.10.92 ādayo) sutvā sapariso anāgāmiphale patiṭṭhahi. Aparabhāge setacchattassa heṭṭhā nipannova arahattaṃ patvā parinibbāyi.

    ตโต ภควา ราหุลมาตุยา พิมฺพาเทวิยา ปาสาทํ คนฺตฺวา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสตฺวา โสกํ วิโนเทตฺวา จนฺทกินฺนรีชาตกเทสนาย (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) ปสาทํ ชเนตฺวา นิโคฺรธารามํ อคมาสิฯ อถ พิมฺพาเทวี ปุตฺตํ ราหุลกุมารํ อาห – ‘‘คจฺฉ, ตว ปิตุ สนฺตกํ ธนํ ยาจาหี’’ติฯ กุมาโร ‘‘ทายชฺชํ , เม สมณ, เทหี’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ อนุพนฺธิตฺวา, ‘‘สุขา, เต สมณ, ฉายา’’ติ วทโนฺต คจฺฉติฯ ตํ ภควา นิโคฺรธารามํ เนตฺวา ‘‘โลกุตรทายชฺชํ คณฺหาหี’’ติ วตฺวา ปพฺพาเชสิฯ อถ ภควา อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กุลปฺปสาทกานํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) เถรํ เอตทเคฺค ฐเปสิฯ

    Tato bhagavā rāhulamātuyā bimbādeviyā pāsādaṃ gantvā tassā dhammaṃ desetvā sokaṃ vinodetvā candakinnarījātakadesanāya (jā. 1.14.18 ādayo) pasādaṃ janetvā nigrodhārāmaṃ agamāsi. Atha bimbādevī puttaṃ rāhulakumāraṃ āha – ‘‘gaccha, tava pitu santakaṃ dhanaṃ yācāhī’’ti. Kumāro ‘‘dāyajjaṃ , me samaṇa, dehī’’ti vatvā bhagavantaṃ anubandhitvā, ‘‘sukhā, te samaṇa, chāyā’’ti vadanto gacchati. Taṃ bhagavā nigrodhārāmaṃ netvā ‘‘lokutaradāyajjaṃ gaṇhāhī’’ti vatvā pabbājesi. Atha bhagavā ariyagaṇamajjhe nisinno ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ kulappasādakānaṃ yadidaṃ kāḷudāyī’’ti (a. ni. 1.219, 225) theraṃ etadagge ṭhapesi.

    ๑๖๕. เถโร ปตฺตเอตทคฺคฎฺฐาโน อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิคาถาโย อภาสิฯ ตตฺถ อนุตฺตานปทเมว วณฺณยิสฺสามฯ

    165. Thero pattaetadaggaṭṭhāno attano pubbakammaṃ saritvā somanassajāto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttaro nāma jinotiādigāthāyo abhāsi. Tattha anuttānapadameva vaṇṇayissāma.

    ๑๖๖. คุณาคุณวิทูติ คุณญฺจ อคุณญฺจ คุณาคุณํ, วณฺณาวณฺณํ, กุสลากุสลํ วา ตํ ชานาตีติ คุณาคุณวิทูฯ กตญฺญูติ อเญฺญหิ กตคุณํ ชานาตีติ กตญฺญู, เอกทิวสมฺปิ ภตฺตทานาทินา กตูปการสฺส รชฺชมฺปิ ทาตุํ สมตฺถตฺตา กตญฺญูฯ กตเวทีติ กตํ วินฺทติ อนุภวติ สมฺปฎิจฺฉตีติ กตเวทีฯ ติเตฺถ โยเชติ ปาณิเนติ สพฺพสเตฺต นิพฺพานปเวสนุปาเย กุสลปเถ มเคฺค ธมฺมเทสนาย โยเชติ สมฺปโยเชติ ปติฎฺฐาเปตีติ อโตฺถฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ คมนวณฺณนคาถานมโตฺถ เถรคาถายํ วุโตฺตเยวาติฯ

    166.Guṇāguṇavidūti guṇañca aguṇañca guṇāguṇaṃ, vaṇṇāvaṇṇaṃ, kusalākusalaṃ vā taṃ jānātīti guṇāguṇavidū. Kataññūti aññehi kataguṇaṃ jānātīti kataññū, ekadivasampi bhattadānādinā katūpakārassa rajjampi dātuṃ samatthattā kataññū. Katavedīti kataṃ vindati anubhavati sampaṭicchatīti katavedī. Titthe yojeti pāṇineti sabbasatte nibbānapavesanupāye kusalapathe magge dhammadesanāya yojeti sampayojeti patiṭṭhāpetīti attho. Sesaṃ uttānatthameva. Gamanavaṇṇanagāthānamattho theragāthāyaṃ vuttoyevāti.

    กาฬุทายิเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Kāḷudāyittheraapadānavaṇṇanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๖. กาฬุทายิเตฺถรอปทานํ • 6. Kāḷudāyittheraapadānaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact