Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตํ
8. Kalyāṇamittasuttaṃ
๑๒๙. สาวตฺถินิทานํฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ มยฺหํ , ภเนฺต, รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม, โส จ โข กลฺยาณมิตฺตสฺส กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส, โน ปาปมิตฺตสฺส โน ปาปสหายสฺส โน ปาปสมฺปวงฺกสฺสา’’’ติฯ
129. Sāvatthinidānaṃ. Ekamantaṃ nisinno kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idha mayhaṃ , bhante, rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo, so ca kho kalyāṇamittassa kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa, no pāpamittassa no pāpasahāyassa no pāpasampavaṅkassā’’’ti.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! สฺวากฺขาโต , มหาราช, มยา ธโมฺมฯ โส จ โข กลฺยาณมิตฺตสฺส กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส, โน ปาปมิตฺตสฺส โน ปาปสหายสฺส โน ปาปสมฺปวงฺกสฺสาติฯ
‘‘Evametaṃ, mahārāja, evametaṃ, mahārāja! Svākkhāto , mahārāja, mayā dhammo. So ca kho kalyāṇamittassa kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa, no pāpamittassa no pāpasahāyassa no pāpasampavaṅkassāti.
‘‘เอกมิทาหํ, มหาราช, สมยํ สเกฺกสุ วิหรามิ นครกํ นาม สกฺยานํ นิคโมฯ อถ โข, มหาราช, อานโนฺท ภิกฺขุ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข, มหาราช, อานโนฺท ภิกฺขุ มํ เอตทโวจ – ‘อุปฑฺฒมิทํ, ภเนฺต, พฺรหฺมจริยสฺส – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’’ติฯ
‘‘Ekamidāhaṃ, mahārāja, samayaṃ sakkesu viharāmi nagarakaṃ nāma sakyānaṃ nigamo. Atha kho, mahārāja, ānando bhikkhu yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho, mahārāja, ānando bhikkhu maṃ etadavoca – ‘upaḍḍhamidaṃ, bhante, brahmacariyassa – yadidaṃ kalyāṇamittatā kalyāṇasahāyatā kalyāṇasampavaṅkatā’’’ti.
‘‘เอวํ วุตฺตาหํ, มหาราช, อานนฺทํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ – ‘มา เหวํ, อานนฺท, มา เหวํ, อานนฺท! สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตาฯ กลฺยาณมิตฺตเสฺสตํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสติ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกริสฺสติ’’’ฯ
‘‘Evaṃ vuttāhaṃ, mahārāja, ānandaṃ bhikkhuṃ etadavocaṃ – ‘mā hevaṃ, ānanda, mā hevaṃ, ānanda! Sakalameva hidaṃ, ānanda, brahmacariyaṃ – yadidaṃ kalyāṇamittatā kalyāṇasahāyatā kalyāṇasampavaṅkatā. Kalyāṇamittassetaṃ, ānanda, bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvessati ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bahulīkarissati’’’.
‘‘กถญฺจ, อานนฺท, ภิกฺขุ กลฺยาณมิโตฺต กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺก อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวติ, อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สมฺมาทิฎฺฐิํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํ, สมฺมาสงฺกปฺปํ ภาเวติ…เป.… สมฺมาวาจํ ภาเวติ…เป.… สมฺมากมฺมนฺตํ ภาเวติ…เป.… สมฺมาอาชีวํ ภาเวติ…เป.… สมฺมาวายามํ ภาเวติ…เป.… สมฺมาสติํ ภาเวติ…เป.… สมฺมาสมาธิํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ เอวํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ กลฺยาณมิโตฺต กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺก อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวติ, อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรติฯ ตทมินาเปตํ, อานนฺท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา สกลเมวิทํ พฺรหฺมจริยํ – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’ติฯ
‘‘Kathañca, ānanda, bhikkhu kalyāṇamitto kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāveti, ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bahulīkaroti? Idhānanda, bhikkhu sammādiṭṭhiṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ, sammāsaṅkappaṃ bhāveti…pe… sammāvācaṃ bhāveti…pe… sammākammantaṃ bhāveti…pe… sammāājīvaṃ bhāveti…pe… sammāvāyāmaṃ bhāveti…pe… sammāsatiṃ bhāveti…pe… sammāsamādhiṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ. Evaṃ kho, ānanda, bhikkhu kalyāṇamitto kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāveti, ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bahulīkaroti. Tadamināpetaṃ, ānanda, pariyāyena veditabbaṃ yathā sakalamevidaṃ brahmacariyaṃ – yadidaṃ kalyāṇamittatā kalyāṇasahāyatā kalyāṇasampavaṅkatā’’ti.
‘‘มมญฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺติ, ชราธมฺมา สตฺตา ชราย ปริมุจฺจนฺติ, พฺยาธิธมฺมา สตฺตา พฺยาธิโต ปริมุจฺจนฺติ, มรณธมฺมา สตฺตา มรเณน ปริมุจฺจนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมา สตฺตา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาเสหิ ปริมุจฺจนฺติฯ อิมินา โข เอตํ, อานนฺท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา สกลเมวิทํ พฺรหฺมจริยํ – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’ติฯ
‘‘Mamañhi, ānanda, kalyāṇamittaṃ āgamma jātidhammā sattā jātiyā parimuccanti, jarādhammā sattā jarāya parimuccanti, byādhidhammā sattā byādhito parimuccanti, maraṇadhammā sattā maraṇena parimuccanti, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsadhammā sattā sokaparidevadukkhadomanassupāyāsehi parimuccanti. Iminā kho etaṃ, ānanda, pariyāyena veditabbaṃ yathā sakalamevidaṃ brahmacariyaṃ – yadidaṃ kalyāṇamittatā kalyāṇasahāyatā kalyāṇasampavaṅkatā’’ti.
‘‘ตสฺมาติห เต, มหาราช, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กลฺยาณมิโตฺต ภวิสฺสามิ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวโงฺก’ติฯ เอวญฺหิ เต , มหาราช, สิกฺขิตพฺพํฯ
‘‘Tasmātiha te, mahārāja, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘kalyāṇamitto bhavissāmi kalyāṇasahāyo kalyāṇasampavaṅko’ti. Evañhi te , mahārāja, sikkhitabbaṃ.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺส เต, มหาราช, กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส อยํ เอโก ธโมฺม อุปนิสฺสาย วิหาตโพฺพ – อปฺปมาโท กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ
‘‘Kalyāṇamittassa te, mahārāja, kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa ayaṃ eko dhammo upanissāya vihātabbo – appamādo kusalesu dhammesu.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, อิตฺถาคารสฺส อนุยนฺตสฺส เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมโตฺต วิหรติ, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายฯ หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติฯ
‘‘Appamattassa te, mahārāja, viharato appamādaṃ upanissāya, itthāgārassa anuyantassa evaṃ bhavissati – ‘rājā kho appamatto viharati, appamādaṃ upanissāya. Handa, mayampi appamattā viharāma, appamādaṃ upanissāyā’’’ti.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, ขตฺติยานมฺปิ อนุยนฺตานํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมโตฺต วิหรติ อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายฯ หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติฯ
‘‘Appamattassa te, mahārāja, viharato appamādaṃ upanissāya, khattiyānampi anuyantānaṃ evaṃ bhavissati – ‘rājā kho appamatto viharati appamādaṃ upanissāya. Handa, mayampi appamattā viharāma, appamādaṃ upanissāyā’’’ti.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, พลกายสฺสปิ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมโตฺต วิหรติ อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายฯ หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติฯ
‘‘Appamattassa te, mahārāja, viharato appamādaṃ upanissāya, balakāyassapi evaṃ bhavissati – ‘rājā kho appamatto viharati appamādaṃ upanissāya. Handa, mayampi appamattā viharāma, appamādaṃ upanissāyā’’’ti.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, เนคมชานปทสฺสปิ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมโตฺต วิหรติ, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายฯ หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติ?
‘‘Appamattassa te, mahārāja, viharato appamādaṃ upanissāya, negamajānapadassapi evaṃ bhavissati – ‘rājā kho appamatto viharati, appamādaṃ upanissāya. Handa, mayampi appamattā viharāma, appamādaṃ upanissāyā’’’ti?
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, อตฺตาปิ คุโตฺต รกฺขิโต ภวิสฺสติ – อิตฺถาคารมฺปิ คุตฺตํ รกฺขิตํ ภวิสฺสติ, โกสโกฎฺฐาคารมฺปิ คุตฺตํ รกฺขิตํ ภวิสฺสตี’’ติฯ อิทมโวจ…เป.…
‘‘Appamattassa te, mahārāja, viharato appamādaṃ upanissāya, attāpi gutto rakkhito bhavissati – itthāgārampi guttaṃ rakkhitaṃ bhavissati, kosakoṭṭhāgārampi guttaṃ rakkhitaṃ bhavissatī’’ti. Idamavoca…pe…
‘‘โภเค ปตฺถยมาเนน, อุฬาเร อปราปเร;
‘‘Bhoge patthayamānena, uḷāre aparāpare;
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ปุญฺญกิริยาสุ ปณฺฑิตาฯ
Appamādaṃ pasaṃsanti, puññakiriyāsu paṇḍitā.
‘‘อปฺปมโตฺต อุโภ อเตฺถ, อธิคฺคณฺหาติ ปณฺฑิโต;
‘‘Appamatto ubho atthe, adhiggaṇhāti paṇḍito;
ทิเฎฺฐ ธเมฺม จ โย อโตฺถ, โย จโตฺถ สมฺปรายิโก;
Diṭṭhe dhamme ca yo attho, yo cattho samparāyiko;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติฯ
Atthābhisamayā dhīro, paṇḍitoti pavuccatī’’ti.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตวณฺณนา • 8. Kalyāṇamittasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตวณฺณนา • 8. Kalyāṇamittasuttavaṇṇanā