Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตวณฺณนา
8. Kalyāṇamittasuttavaṇṇanā
๑๒๙. อฎฺฐเม โส จ โข กลฺยาณมิตฺตสฺสาติ โส จายํ ธโมฺม กลฺยาณมิตฺตเสฺสว สฺวากฺขาโต นาม โหติ, น ปาปมิตฺตสฺสาติฯ กิญฺจาปิ หิ ธโมฺม สเพฺพสมฺปิ สฺวากฺขาโตว, กลฺยาณมิตฺตสฺส ปน สุสฺสูสนฺตสฺส สทฺทหนฺตสฺส อตฺถํ ปูเรติ เภสชฺชํ วิย วฬญฺชนฺตสฺส น อิตรสฺสาติฯ เตเนตํ วุตฺตํฯ ธโมฺมติ เจตฺถ เทสนาธโมฺม เวทิตโพฺพฯ
129. Aṭṭhame so ca kho kalyāṇamittassāti so cāyaṃ dhammo kalyāṇamittasseva svākkhāto nāma hoti, na pāpamittassāti. Kiñcāpi hi dhammo sabbesampi svākkhātova, kalyāṇamittassa pana sussūsantassa saddahantassa atthaṃ pūreti bhesajjaṃ viya vaḷañjantassa na itarassāti. Tenetaṃ vuttaṃ. Dhammoti cettha desanādhammo veditabbo.
อุปฑฺฒมิทนฺติ เถโร กิร รโหคโต จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ สมณธโมฺม นาม โอวาทเก อนุสาสเก กลฺยาณมิเตฺต สติ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ฐิตสฺส สมฺปชฺชติ, อุปฑฺฒํ กลฺยาณมิตฺตโต โหติ, อุปฑฺฒํ ปจฺจตฺตปุริสการโต’’ติฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ ปเทสญาเณ ฐิโต นิปฺปเทสํ จิเนฺตตุํ น สโกฺกมิ, สตฺถารํ ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกโงฺข ภวิสฺสามี’’ติฯ ตสฺมา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหฯ พฺรหฺมจริยสฺสาติ อริยมคฺคสฺสฯ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตาติ ยา เอสา กลฺยาณมิตฺตตา นาม, สา อุปฑฺฒํ, ตโต อุปฑฺฒํ อาคจฺฉตีติ อโตฺถฯ อิติ เถเรน ‘‘อุปฑฺฒุปฑฺฒา สมฺมาทิฎฺฐิอาทโย กลฺยาณมิตฺตโต อาคจฺฉนฺติ, อุปฑฺฒุปฑฺฒา ปจฺจตฺตปุริสการโต’’ติ วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ เถรสฺส อยํ มโนรโถ, ยถา ปน พหูหิ สิลาถเมฺภ อุสฺสาปิเต, ‘‘เอตฺตกํ ฐานํ อสุเกน อุสฺสาปิตํ, เอตฺตกํ อสุเกนา’’ติ วินิโพฺภโค นตฺถิ, ยถา จ มาตาปิตโร นิสฺสาย อุปฺปเนฺนสุ ปุเตฺตสุ ‘‘เอตฺตกํ มาติโต นิพฺพตฺตํ, เอตฺตกํ ปิติโต’’ติ วินิโพฺภโค นตฺถิ, เอวํ อิธาปิ อวินิโพฺภคธโมฺม เหส, ‘‘เอตฺตกํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ กลฺยาณมิตฺตโต นิพฺพตฺตํ, เอตฺตกํ ปจฺจตฺตปุริสการโต’’ติ น สกฺกา ลทฺธุํ, กลฺยาณมิตฺตตาย ปน อุปฑฺฒคุโณ ลพฺภตีติ เถรสฺส อชฺฌาสเยน อุปฑฺฒํ นาม ชาตํ, สกลคุโณ ปฎิลพฺภตีติ ภควโต อชฺฌาสเยน สกลํ นาม ชาตํฯ กลฺยาณมิตฺตตาติ เจตํ ปุพฺพภาคปฎิลาภงฺคํ นามาติ คหิตํฯ อตฺถโต กลฺยาณมิตฺตํ นิสฺสาย ลทฺธา สีลสมาธิวิปสฺสนาวเสน จตฺตาโร ขนฺธาฯ สงฺขารกฺขโนฺธติปิ วทนฺติเยวฯ
Upaḍḍhamidanti thero kira rahogato cintesi – ‘‘ayaṃ samaṇadhammo nāma ovādake anusāsake kalyāṇamitte sati paccattapurisakāre ṭhitassa sampajjati, upaḍḍhaṃ kalyāṇamittato hoti, upaḍḍhaṃ paccattapurisakārato’’ti. Athassa etadahosi – ‘‘ahaṃ padesañāṇe ṭhito nippadesaṃ cintetuṃ na sakkomi, satthāraṃ pucchitvā nikkaṅkho bhavissāmī’’ti. Tasmā satthāraṃ upasaṅkamitvā evamāha. Brahmacariyassāti ariyamaggassa. Yadidaṃ kalyāṇamittatāti yā esā kalyāṇamittatā nāma, sā upaḍḍhaṃ, tato upaḍḍhaṃ āgacchatīti attho. Iti therena ‘‘upaḍḍhupaḍḍhā sammādiṭṭhiādayo kalyāṇamittato āgacchanti, upaḍḍhupaḍḍhā paccattapurisakārato’’ti vuttaṃ. Kiñcāpi therassa ayaṃ manoratho, yathā pana bahūhi silāthambhe ussāpite, ‘‘ettakaṃ ṭhānaṃ asukena ussāpitaṃ, ettakaṃ asukenā’’ti vinibbhogo natthi, yathā ca mātāpitaro nissāya uppannesu puttesu ‘‘ettakaṃ mātito nibbattaṃ, ettakaṃ pitito’’ti vinibbhogo natthi, evaṃ idhāpi avinibbhogadhammo hesa, ‘‘ettakaṃ sammādiṭṭhiādīnaṃ kalyāṇamittato nibbattaṃ, ettakaṃ paccattapurisakārato’’ti na sakkā laddhuṃ, kalyāṇamittatāya pana upaḍḍhaguṇo labbhatīti therassa ajjhāsayena upaḍḍhaṃ nāma jātaṃ, sakalaguṇo paṭilabbhatīti bhagavato ajjhāsayena sakalaṃ nāma jātaṃ. Kalyāṇamittatāti cetaṃ pubbabhāgapaṭilābhaṅgaṃ nāmāti gahitaṃ. Atthato kalyāṇamittaṃ nissāya laddhā sīlasamādhivipassanāvasena cattāro khandhā. Saṅkhārakkhandhotipi vadantiyeva.
มา เหวํ, อานนฺทาติ, อานนฺท, มา เอวํ อภณิ, พหุสฺสุโต ตฺวํ เสขปฎิสมฺภิทปฺปโตฺต อฎฺฐ วเร คเหตฺวา มํ อุปฎฺฐหสิ, จตูหิ อจฺฉริยพฺภุตธเมฺมหิ สมนฺนาคโต, ตาทิสสฺส เอวํ กเถตุํ น วฎฺฎติฯ สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ, ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตาติ อิทํ ภควา – ‘‘จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติโสฺส วิชฺชา ฉ อภิญฺญา สพฺพํ กลฺยาณมิตฺตมูลกเมว โหตี’’ติ สนฺธายาหฯ อิทานิ วจีเภเทเนว การณํ ทเสฺสโนฺต กลฺยาณมิตฺตเสฺสตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปาฎิกงฺขนฺติ ปาฎิกงฺขิตพฺพํ อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํภาวีติ อโตฺถฯ
Mā hevaṃ, ānandāti, ānanda, mā evaṃ abhaṇi, bahussuto tvaṃ sekhapaṭisambhidappatto aṭṭha vare gahetvā maṃ upaṭṭhahasi, catūhi acchariyabbhutadhammehi samannāgato, tādisassa evaṃ kathetuṃ na vaṭṭati. Sakalameva hidaṃ, ānanda, brahmacariyaṃ, yadidaṃ kalyāṇamittatāti idaṃ bhagavā – ‘‘cattāro maggā cattāri phalāni tisso vijjā cha abhiññā sabbaṃ kalyāṇamittamūlakameva hotī’’ti sandhāyāha. Idāni vacībhedeneva kāraṇaṃ dassento kalyāṇamittassetantiādimāha. Tattha pāṭikaṅkhanti pāṭikaṅkhitabbaṃ icchitabbaṃ, avassaṃbhāvīti attho.
อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ สมฺมาทิฎฺฐิํ ภาเวตีติอาทีสุ อฎฺฐนฺนํ อาทิปทานํเยว ตาว อยํ สเงฺขปวณฺณนา – สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฎฺฐิฯ สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกโปฺปฯ สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจาฯ สมฺมา สมุฎฺฐาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมโนฺตฯ สมฺมา โวทาปนลกฺขณา สมฺมาอาชีโวฯ สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโมฯ สมฺมา อุปฎฺฐานลกฺขณา สมฺมาสติฯ สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิฯ
Idhāti imasmiṃ sāsane. Sammādiṭṭhiṃ bhāvetītiādīsu aṭṭhannaṃ ādipadānaṃyeva tāva ayaṃ saṅkhepavaṇṇanā – sammā dassanalakkhaṇā sammādiṭṭhi. Sammā abhiniropanalakkhaṇo sammāsaṅkappo. Sammā pariggahaṇalakkhaṇā sammāvācā. Sammā samuṭṭhāpanalakkhaṇo sammākammanto. Sammā vodāpanalakkhaṇā sammāājīvo. Sammā paggahalakkhaṇo sammāvāyāmo. Sammā upaṭṭhānalakkhaṇā sammāsati. Sammā samādhānalakkhaṇo sammāsamādhi.
เตสุ เอเกกสฺส ตีณิ กิจฺจานิ โหนฺติฯ เสยฺยาถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ ตาว อเญฺญหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธิํ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ปชหติ, นิโรธํ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธเมฺม จ ปสฺสติ ตปฺปฎิจฺฉาทกโมหวิธมนวเสน อสโมฺมหโตฯ สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ตเถว มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ จ ปชหนฺติ, นิโรธญฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติฯ วิเสสโต ปเนตฺถ สมฺมาทิฎฺฐิ สหชาตธเมฺม สมฺมา ทเสฺสติ ฯ สมฺมาสงฺกโปฺป สหชาตธเมฺม อภินิโรเปติ, สมฺมาวาจา สมฺมา ปริคฺคณฺหาติ, สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมา สมุฎฺฐาเปติ, สมฺมาอาชีโว สมฺมา โวทาเปติ , สมฺมาวายาโม สมฺมา ปคฺคณฺหาติ, สมฺมาสติ สมฺมา อุปฎฺฐาเปติ, สมฺมาสมาธิ สมฺมา ทหติฯ
Tesu ekekassa tīṇi kiccāni honti. Seyyāthidaṃ – sammādiṭṭhi tāva aññehipi attano paccanīkakilesehi saddhiṃ micchādiṭṭhiṃ pajahati, nirodhaṃ ārammaṇaṃ karoti, sampayuttadhamme ca passati tappaṭicchādakamohavidhamanavasena asammohato. Sammāsaṅkappādayopi tatheva micchāsaṅkappādīni ca pajahanti, nirodhañca ārammaṇaṃ karonti. Visesato panettha sammādiṭṭhi sahajātadhamme sammā dasseti . Sammāsaṅkappo sahajātadhamme abhiniropeti, sammāvācā sammā pariggaṇhāti, sammākammanto sammā samuṭṭhāpeti, sammāājīvo sammā vodāpeti , sammāvāyāmo sammā paggaṇhāti, sammāsati sammā upaṭṭhāpeti, sammāsamādhi sammā dahati.
อปิเจสา สมฺมาทิฎฺฐิ นาม ปุพฺพภาเค นานาขณา นานารมฺมณา โหติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณาฯ กิจฺจโต ปน สมฺมาทิฎฺฐิ ทุเกฺข ญาณนฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติฯ สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานาขณา นานารมฺมณา โหนฺติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณาฯ เตสุ สมฺมาสงฺกโปฺป กิจฺจโต เนกฺขมฺมสงฺกโปฺปติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติฯ สมฺมาวาจาทโย ตโย วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปิ, มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยวฯ สมฺมาวายาโม สมฺมาสตีติ อิทมฺปิ ทฺวยํ กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฎฺฐานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติฯ สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยวฯ
Apicesā sammādiṭṭhi nāma pubbabhāge nānākhaṇā nānārammaṇā hoti, maggakāle ekakkhaṇā ekārammaṇā. Kiccato pana sammādiṭṭhi dukkhe ñāṇantiādīni cattāri nāmāni labhati. Sammāsaṅkappādayopi pubbabhāge nānākhaṇā nānārammaṇā honti, maggakāle ekakkhaṇā ekārammaṇā. Tesu sammāsaṅkappo kiccato nekkhammasaṅkappotiādīni tīṇi nāmāni labhati. Sammāvācādayo tayo viratiyopi honti cetanāyopi, maggakkhaṇe pana viratiyova. Sammāvāyāmo sammāsatīti idampi dvayaṃ kiccato sammappadhānasatipaṭṭhānavasena cattāri nāmāni labhati. Sammāsamādhi pana pubbabhāgepi maggakkhaṇepi sammāsamādhiyeva.
เอวํ ตาว ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตานํ อฎฺฐนฺนํ อาทิปทานํเยว อตฺถวณฺณนํ ญตฺวา อิทานิ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตนฺติอาทีสุ เอวํ ญาตโพฺพฯ ภาเวตีติ วเฑฺฒติ, อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน ปุนปฺปุนํ ชเนติ, อภินิพฺพเตฺตตีติ อโตฺถฯ วิเวกนิสฺสิตนฺติ วิเวกํ นิสฺสิตํ, วิเวเก วา นิสฺสิตนฺติ วิเวกนิสฺสิตํฯ วิเวโกติ วิวิตฺตตาฯ วิวิตฺตตา จายํ ตทงฺควิเวโก, วิกฺขมฺภน-สมุเจฺฉท-ปฎิปฺปสฺสทฺธิ-นิสฺสรณวิเวโกติ ปญฺจวิโธฯ เอวเมตสฺมิํ ปญฺจวิเธ วิเวเกฯ วิเวกนิสฺสิตนฺติ ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ สมุเจฺฉทวิเวกนิสฺสิตํ นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตญฺจ สมฺมาทิฎฺฐิํ ภาเวตีติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตถา หิ อยํ อริยมคฺคภาวนานุยุโตฺต โยคี วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกาเล ปน กิจฺจโต สมุเจฺฉทวิเวกนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ สมฺมาทิฎฺฐิํ ภาเวติฯ เอส นโย วิราคนิสฺสิตาทีสุฯ วิเวกตฺถา เอว หิ วิราคาทโย ฯ
Evaṃ tāva ‘‘sammādiṭṭhi’’ntiādinā nayena vuttānaṃ aṭṭhannaṃ ādipadānaṃyeva atthavaṇṇanaṃ ñatvā idāni bhāveti vivekanissitantiādīsu evaṃ ñātabbo. Bhāvetīti vaḍḍheti, attano cittasantāne punappunaṃ janeti, abhinibbattetīti attho. Vivekanissitanti vivekaṃ nissitaṃ, viveke vā nissitanti vivekanissitaṃ. Vivekoti vivittatā. Vivittatā cāyaṃ tadaṅgaviveko, vikkhambhana-samuccheda-paṭippassaddhi-nissaraṇavivekoti pañcavidho. Evametasmiṃ pañcavidhe viveke. Vivekanissitanti tadaṅgavivekanissitaṃ samucchedavivekanissitaṃ nissaraṇavivekanissitañca sammādiṭṭhiṃ bhāvetīti ayamattho veditabbo. Tathā hi ayaṃ ariyamaggabhāvanānuyutto yogī vipassanākkhaṇe kiccato tadaṅgavivekanissitaṃ, ajjhāsayato nissaraṇavivekanissitaṃ, maggakāle pana kiccato samucchedavivekanissitaṃ, ārammaṇato nissaraṇavivekanissitaṃ sammādiṭṭhiṃ bhāveti. Esa nayo virāganissitādīsu. Vivekatthā eva hi virāgādayo .
เกวลเญฺจตฺถ โวสฺสโคฺค ทุวิโธ ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค จาติฯ ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสโคฺคติ วิปสฺสนากฺขเณ จ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ จ สมุเจฺฉทวเสน กิเลสปฺปหานํฯ ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺคติ วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ ปน อารมฺมณกรเณน นิพฺพานปกฺขนฺทนํ, ตทุภยมฺปิ อิมสฺมิํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก อตฺถวณฺณนานเย วฎฺฎติฯ ตถา หิ อยํ สมฺมาทิฎฺฐิ ยถาวุเตฺตน ปกาเรน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพานญฺจ ปกฺขนฺทติฯ
Kevalañcettha vossaggo duvidho pariccāgavossaggo ca pakkhandanavossaggo cāti. Tattha pariccāgavossaggoti vipassanākkhaṇe ca tadaṅgavasena, maggakkhaṇe ca samucchedavasena kilesappahānaṃ. Pakkhandanavossaggoti vipassanākkhaṇe tanninnabhāvena, maggakkhaṇe pana ārammaṇakaraṇena nibbānapakkhandanaṃ, tadubhayampi imasmiṃ lokiyalokuttaramissake atthavaṇṇanānaye vaṭṭati. Tathā hi ayaṃ sammādiṭṭhi yathāvuttena pakārena kilese ca pariccajati, nibbānañca pakkhandati.
โวสฺสคฺคปริณามินฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน โวสฺสคฺคตฺถํ ปริณมนฺตํ ปริณตญฺจ, ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกญฺจาติ อิทํ วุตฺตํ โหติฯ อยญฺหิ อริยมคฺคภาวนานุยุโตฺต ภิกฺขุ ยถา สมฺมาทิฎฺฐิ กิเลสปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถํ นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถญฺจ ปริปจฺจติ, ยถา จ ปริปกฺกา โหติ, ตถา นํ ภาเวตีติฯ เอส นโย เสสมคฺคเงฺคสุฯ
Vossaggapariṇāminti iminā pana sakalena vacanena vossaggatthaṃ pariṇamantaṃ pariṇatañca, paripaccantaṃ paripakkañcāti idaṃ vuttaṃ hoti. Ayañhi ariyamaggabhāvanānuyutto bhikkhu yathā sammādiṭṭhi kilesapariccāgavossaggatthaṃ nibbānapakkhandanavossaggatthañca paripaccati, yathā ca paripakkā hoti, tathā naṃ bhāvetīti. Esa nayo sesamaggaṅgesu.
อาคมฺมาติ อารพฺภ สนฺธาย ปฎิจฺจฯ ชาติธมฺมาติ ชาติสภาวา ชาติปกติกาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สกโล อริยมโคฺคปิ กลฺยาณมิตฺตํ นิสฺสาย ลพฺภติ, ตสฺมาฯ หนฺทาติ ววสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ อปฺปมาทํ ปสํสนฺตีติ อปฺปมาทํ วณฺณยนฺติ, ตสฺมา อปฺปมาโท กาตโพฺพฯ อตฺถาภิสมยาติ อตฺถปฎิลาภาฯ อฎฺฐมํฯ
Āgammāti ārabbha sandhāya paṭicca. Jātidhammāti jātisabhāvā jātipakatikā. Tasmāti yasmā sakalo ariyamaggopi kalyāṇamittaṃ nissāya labbhati, tasmā. Handāti vavassaggatthe nipāto. Appamādaṃ pasaṃsantīti appamādaṃ vaṇṇayanti, tasmā appamādo kātabbo. Atthābhisamayāti atthapaṭilābhā. Aṭṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตํ • 8. Kalyāṇamittasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตวณฺณนา • 8. Kalyāṇamittasuttavaṇṇanā