Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๖. กามทสุตฺตวณฺณนา

    6. Kāmadasuttavaṇṇanā

    ๘๗. ปุพฺพโยคาวจโรติ ปุเพฺพ โยคาวจโร ปุริมตฺตภาเว ภาวนมนุยุโตฺตฯ อยํ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวาว พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ อกาสิ, น ปน วิเสสํ นิพฺพเตฺตสิฯ ตมตฺถํ การเณน สทฺธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘พหลกิเลสตายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกนฺตปริสุทฺธสฺสาติ ยถา วิเสสาวโห โหติ , เอวํ เอกเนฺตน ปริสุทฺธสฺส สพฺพโส อนุปกฺกิลิฎฺฐสฺสฯ สีเลน สมาหิตาติ ยถา สีลํ อุปรูปริ วิเสสาวหํ นิเพฺพธภาคิยญฺจ โหติ, เอวํ สมฺมเทว อาหิตจิตฺตา สุฎฺฐุ สมฺปนฺนจิตฺตาฯ ตถาภูตา เตน สมนฺนาคตา โหนฺตีติ อาห ‘‘สมุเปตา’’ติฯ ปติฎฺฐิตสภาวาติ เสกฺขตฺตา เอว ยถาธิคตธเมฺมน นิจฺจลภาเวน อธิฎฺฐิตสภาวาฯ มยา ตุฎฺฐิยา คหิตาย เทวปุโตฺต ‘‘ทุลฺลภา ตุฎฺฐี’’ติ วกฺขตีติ ภควา ‘‘ตุฎฺฐิ โหติ สุขาวหา’’ติ อโวจาติ อาห ‘‘อุปริ ปญฺหสมุฎฺฐาปนตฺถ’’นฺติฯ ปพฺพชิโต รุกฺขมูลิโก อโพฺภกาสิโก วา อนคาริยุเปโต นาม โหติ, เสนาสเน ปน วสโนฺต กถนฺติ อาห ‘‘สตฺตภูมิเก’’ติอาทิฯ จตุปจฺจยสโนฺตโสติ ภาวนาภิโยคสิโทฺธ จตูสุ ปจฺจเยสุ สโนฺตโสฯ เตน จิตฺตวูปสเมน ตุฎฺฐิ ลทฺธาติ ทเสฺสติฯ จิตฺตวูปสมภาวนายาติ จิตฺตกิเลสานํ วูปสมกรภาวนาย, มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ นิพฺพิเสวนภาวกรเณน สวิเสสํ จิตฺตสฺส วูปสมกรภาวนาย รโต มโนติ โยชนาฯ

    87.Pubbayogāvacaroti pubbe yogāvacaro purimattabhāve bhāvanamanuyutto. Ayaṃ kira kassapassa bhagavato sāsane pabbajitvāva bahūni vassasahassāni samaṇadhammaṃ akāsi, na pana visesaṃ nibbattesi. Tamatthaṃ kāraṇena saddhiṃ dassetuṃ ‘‘bahalakilesatāyā’’tiādi vuttaṃ. Ekantaparisuddhassāti yathā visesāvaho hoti , evaṃ ekantena parisuddhassa sabbaso anupakkiliṭṭhassa. Sīlena samāhitāti yathā sīlaṃ uparūpari visesāvahaṃ nibbedhabhāgiyañca hoti, evaṃ sammadeva āhitacittā suṭṭhu sampannacittā. Tathābhūtā tena samannāgatā hontīti āha ‘‘samupetā’’ti. Patiṭṭhitasabhāvāti sekkhattā eva yathādhigatadhammena niccalabhāvena adhiṭṭhitasabhāvā. Mayā tuṭṭhiyā gahitāya devaputto ‘‘dullabhā tuṭṭhī’’ti vakkhatīti bhagavā ‘‘tuṭṭhi hoti sukhāvahā’’ti avocāti āha ‘‘upari pañhasamuṭṭhāpanattha’’nti. Pabbajito rukkhamūliko abbhokāsiko vā anagāriyupeto nāma hoti, senāsane pana vasanto kathanti āha ‘‘sattabhūmike’’tiādi. Catupaccayasantosoti bhāvanābhiyogasiddho catūsu paccayesu santoso. Tena cittavūpasamena tuṭṭhi laddhāti dasseti. Cittavūpasamabhāvanāyāti cittakilesānaṃ vūpasamakarabhāvanāya, manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ nibbisevanabhāvakaraṇena savisesaṃ cittassa vūpasamakarabhāvanāya rato manoti yojanā.

    เอตฺถ จ อินฺทฺริยูปสเมน จิตฺตสมาธานํ ปริปุณฺณํ โหติ อินฺทฺริยภาวนาย จิตฺตสมาธานสฺส อการกานํ ทูรีกรณโตฯ อธิจิตฺตสมาธาเนน จตุปจฺจยสโนฺตโส สวิเสสํ ปริสุโทฺธ ปริปุโณฺณ จ โหติ ปจฺจยานํ อลาภลาเภสุ ปริจฺจาคสภาวโตฯ วุตฺตนเยน ปน สนฺตุฎฺฐสฺส ยถาสมาทินฺนํ สีลํ วิสุชฺฌติ ปาริปูริญฺจ อุปคจฺฉติ, ตถาภูโต จตุสจฺจกมฺมฎฺฐาเน ยุโตฺต มคฺคปฎิปาฎิยา สพฺพโส กิเลเส สมุจฺฉินฺทโนฺต นิพฺพานทิโฎฺฐ โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘เย รตฺตินฺทิว’’นฺติอาทินาฯ กิํ น คจฺฉิสฺสนฺติ? คมิสฺสเนฺตวาติ อริยมคฺคภาวนํ ปหาย สมฺมาปฎิปตฺติยา ทุกฺกรภาวํ สนฺธาย สาสงฺกํ วทติฯ เตนาห ‘‘อยํ ปน ทุคฺคโม ภควา วิสโม มโคฺค’’ติฯ

    Ettha ca indriyūpasamena cittasamādhānaṃ paripuṇṇaṃ hoti indriyabhāvanāya cittasamādhānassa akārakānaṃ dūrīkaraṇato. Adhicittasamādhānena catupaccayasantoso savisesaṃ parisuddho paripuṇṇo ca hoti paccayānaṃ alābhalābhesu pariccāgasabhāvato. Vuttanayena pana santuṭṭhassa yathāsamādinnaṃ sīlaṃ visujjhati pāripūriñca upagacchati, tathābhūto catusaccakammaṭṭhāne yutto maggapaṭipāṭiyā sabbaso kilese samucchindanto nibbānadiṭṭho hotīti imamatthaṃ dasseti ‘‘ye rattindiva’’ntiādinā. Kiṃ na gacchissanti? Gamissantevāti ariyamaggabhāvanaṃ pahāya sammāpaṭipattiyā dukkarabhāvaṃ sandhāya sāsaṅkaṃ vadati. Tenāha ‘‘ayaṃ pana duggamo bhagavā visamo maggo’’ti.

    ตตฺถ เกจิ ‘‘อยํ ปนาติ เทวปุโตฺตฯ โส หิ ภควโต ‘อริยา คจฺฉนฺตี’ติ วจนํ สุตฺวา ‘ทุคฺคโม ภควา’ติอาทิมาหา’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติฯ ยสฺมา ‘‘สจฺจเมต’’นฺติ เอวมาทิปิ ตเสฺสว เววจนํ กตฺวา ทสฺสิตํ, ตสฺมา ‘‘เยน มเคฺคน อริยา คจฺฉนฺตี’’ติ ตุเมฺหหิ วุตฺตํ, อยํ ปน ‘‘ทุคฺคโม ภควา วิสโม มโคฺค’’ติ อาห เทวปุโตฺตฯ อริยมโคฺค กามํ กทาจิ อติทุกฺขา ปฎิปทาติปิ วุจฺจติ, ตญฺจ โข ปุพฺพภาคปฎิปทาวเสน, อยํ ปน อตีว สุคโม สพฺพกิเลสทุคฺควิวชฺชนโต กายทุจฺจริตาทิวิสมสฺส ราคาทิวิสมสฺส จ ทูรีกรณโต น วิสโมฯ เตนาห ‘‘ปุพฺพภาคปฎิปทายา’’ติอาทิฯ อสฺสาติ อริยมคฺคสฺสฯ อริยมคฺคสฺส หิ อธิสีลสิกฺขาทีนํ ปริพุนฺธิตพฺพภาเคน พหู ปริสฺสยา โหนฺตีติฯ เอวํ วุโตฺตติ ‘‘ทุคฺคโม วิสโม’’ติ จ เอวํ วุโตฺตฯ

    Tattha keci ‘‘ayaṃ panāti devaputto. So hi bhagavato ‘ariyā gacchantī’ti vacanaṃ sutvā ‘duggamo bhagavā’tiādimāhā’’ti vadanti, taṃ na yujjati. Yasmā ‘‘saccameta’’nti evamādipi tasseva vevacanaṃ katvā dassitaṃ, tasmā ‘‘yena maggena ariyā gacchantī’’ti tumhehi vuttaṃ, ayaṃ pana ‘‘duggamo bhagavā visamo maggo’’ti āha devaputto. Ariyamaggo kāmaṃ kadāci atidukkhā paṭipadātipi vuccati, tañca kho pubbabhāgapaṭipadāvasena, ayaṃ pana atīva sugamo sabbakilesaduggavivajjanato kāyaduccaritādivisamassa rāgādivisamassa ca dūrīkaraṇato na visamo. Tenāha ‘‘pubbabhāgapaṭipadāyā’’tiādi. Assāti ariyamaggassa. Ariyamaggassa hi adhisīlasikkhādīnaṃ paribundhitabbabhāgena bahū parissayā hontīti. Evaṃ vuttoti ‘‘duggamo visamo’’ti ca evaṃ vutto.

    อวํสิราติ อนุฎฺฐหเนน อโธภูตอุตฺตมงฺคาฯ กุสลเงฺคสุ หิ สมฺมาทิฎฺฐิ อุตฺตมงฺคา สพฺพเสฎฺฐตฺตา , ตญฺจ อนริยา ปตนฺติ น อุฎฺฐหนฺติ มิจฺฉาปฎิปชฺชนโตฯ เตนาห ‘‘ญาณสิเรนา’’ติอาทิฯ อนริยมเคฺคติ มิจฺฉามเคฺคฯ เตนาห ‘‘วิสเม มเคฺค’’ติฯ ตํ มคฺคนโต อนริยา อริยานํ มคฺคโต อปาปุณเนน ปริจฺจตฺตา หุตฺวา อปาเย สกลวฎฺฎทุเกฺข จ ปตนฺติฯ เสฺววาติ สฺวายํ อนริเยหิ กทาจิปิ คนฺตุํ อสกฺกุเณโยฺย มโคฺค อริยานํ วิสุทฺธสตฺตานํ สพฺพโส สมธิคเมน สโม โหติฯ กายวิสมาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา วิสเม สตฺตกาเย เตสํ สพฺพโสว ปหาเนน สพฺพตฺถ สมาเยว

    Avaṃsirāti anuṭṭhahanena adhobhūtauttamaṅgā. Kusalaṅgesu hi sammādiṭṭhi uttamaṅgā sabbaseṭṭhattā , tañca anariyā patanti na uṭṭhahanti micchāpaṭipajjanato. Tenāha ‘‘ñāṇasirenā’’tiādi. Anariyamaggeti micchāmagge. Tenāha ‘‘visame magge’’ti. Taṃ magganato anariyā ariyānaṃ maggato apāpuṇanena pariccattā hutvā apāye sakalavaṭṭadukkhe ca patanti. Svevāti svāyaṃ anariyehi kadācipi gantuṃ asakkuṇeyyo maggo ariyānaṃ visuddhasattānaṃ sabbaso samadhigamena samo hoti. Kāyavisamādīhi samannāgatattā visame sattakāye tesaṃ sabbasova pahānena sabbattha samāyeva.

    กามทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāmadasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. กามทสุตฺตํ • 6. Kāmadasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. กามทสุตฺตวณฺณนา • 6. Kāmadasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact