Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๔. กามคุณสุตฺตํ

    4. Kāmaguṇasuttaṃ

    ๑๑๗. ‘‘ปุเพฺพว เม, ภิกฺขเว, สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต เอตทโหสิ – ‘เยเม ปญฺจ กามคุณา เจตโส สมฺผุฎฺฐปุพฺพา อตีตา นิรุทฺธา วิปริณตา, ตตฺร เม จิตฺตํ พหุลํ คจฺฉมานํ คเจฺฉยฺย ปจฺจุปฺปเนฺนสุ วา อปฺปํ วา อนาคเตสุ’ฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘เยเม ปญฺจ กามคุณา เจตโส สมฺผุฎฺฐปุพฺพา อตีตา นิรุทฺธา วิปริณตา, ตตฺร เม อตฺตรูเปน อปฺปมาโท สติ เจตโส อารโกฺข กรณีโย’ฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺหากมฺปิ เย เต ปญฺจ กามคุณา เจตโส สมฺผุฎฺฐปุพฺพา อตีตา นิรุทฺธา วิปริณตา, ตตฺร โว จิตฺตํ พหุลํ คจฺฉมานํ คเจฺฉยฺย ปจฺจุปฺปเนฺนสุ วา อปฺปํ วา อนาคเตสุฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺหากมฺปิ เย เต ปญฺจ กามคุณา เจตโส สมฺผุฎฺฐปุพฺพา อตีตา นิรุทฺธา วิปริณตา, ตตฺร โว อตฺตรูเปหิ อปฺปมาโท สติ เจตโส อารโกฺข กรณีโยฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ ชิวฺหา จ นิรุชฺฌติ, รสสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’’ติฯ อิทํ วตฺวา ภควา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ

    117. ‘‘Pubbeva me, bhikkhave, sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato etadahosi – ‘yeme pañca kāmaguṇā cetaso samphuṭṭhapubbā atītā niruddhā vipariṇatā, tatra me cittaṃ bahulaṃ gacchamānaṃ gaccheyya paccuppannesu vā appaṃ vā anāgatesu’. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘yeme pañca kāmaguṇā cetaso samphuṭṭhapubbā atītā niruddhā vipariṇatā, tatra me attarūpena appamādo sati cetaso ārakkho karaṇīyo’. Tasmātiha, bhikkhave, tumhākampi ye te pañca kāmaguṇā cetaso samphuṭṭhapubbā atītā niruddhā vipariṇatā, tatra vo cittaṃ bahulaṃ gacchamānaṃ gaccheyya paccuppannesu vā appaṃ vā anāgatesu. Tasmātiha, bhikkhave, tumhākampi ye te pañca kāmaguṇā cetaso samphuṭṭhapubbā atītā niruddhā vipariṇatā, tatra vo attarūpehi appamādo sati cetaso ārakkho karaṇīyo. Tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha jivhā ca nirujjhati, rasasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’’ti. Idaṃ vatvā bhagavā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.

    อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ ชิวฺหา จ นิรุชฺฌติ, รสสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’’ติ?

    Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ acirapakkantassa bhagavato etadahosi – ‘‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha jivhā ca nirujjhati, rasasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti. Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’’ti?

    อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา อานโนฺท สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต, สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา อานโนฺท อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’’ติฯ

    Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘ayaṃ kho āyasmā ānando satthu ceva saṃvaṇṇito, sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā ānando imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā ānando tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’’ti.

    อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อานเนฺทน สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ ฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจุํ –

    Atha kho te bhikkhū yenāyasmā ānando tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmatā ānandena saddhiṃ sammodiṃsu . Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū āyasmantaṃ ānandaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส อานนฺท, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ ชิวฺหา จ นิรุชฺฌติ , รสสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติฯ เตสํ โน, อาวุโส, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ ชิวฺหา จ นิรุชฺฌติ, รสสญฺญา จ นิรุชฺฌติ เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยาติ? เตสํ โน, อาวุโส, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา อานโนฺท สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต, สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา อานโนฺท อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติฯ วิภชตายสฺมา อานโนฺท’’ติฯ

    ‘‘Idaṃ kho no, āvuso ānanda, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha jivhā ca nirujjhati , rasasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti. Tesaṃ no, āvuso, amhākaṃ acirapakkantassa bhagavato etadahosi – ‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha jivhā ca nirujjhati, rasasaññā ca nirujjhati se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti. Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyāti? Tesaṃ no, āvuso, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā ānando satthu ceva saṃvaṇṇito, sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā ānando imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā ānando tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti. Vibhajatāyasmā ānando’’ti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส…เป.… วิภชตายสฺมา อานโนฺท อครุํ กริตฺวาติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, āvuso, puriso sāratthiko sāragavesī sārapariyesanaṃ caramāno mahato rukkhassa…pe… vibhajatāyasmā ānando agaruṃ karitvāti.

    ‘‘เตนหาวุโส , สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา อานโนฺท เอตทโวจ –

    ‘‘Tenahāvuso , suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato ānandassa paccassosuṃ. Āyasmā ānando etadavoca –

    ‘‘ยํ โข โว, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติฯ อิมสฺส ขฺวาหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ สฬายตนนิโรธํ โน เอตํ, อาวุโส, ภควตา สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ, ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติฯ อยํ โข, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติฯ อิมสฺส ขฺวาหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ อากงฺขมานา จ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมถ; อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยาถฯ ยถา โว ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ

    ‘‘Yaṃ kho vo, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti. Imassa khvāhaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ ājānāmi. Saḷāyatananirodhaṃ no etaṃ, āvuso, bhagavatā sandhāya bhāsitaṃ – ‘tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe, yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti. Ayaṃ kho, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti. Imassa khvāhaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi. Ākaṅkhamānā ca pana tumhe āyasmanto bhagavantaṃyeva upasaṅkamatha; upasaṅkamitvā etamatthaṃ puccheyyātha. Yathā vo bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāthā’’ti.

    ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –

    ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato ānandassa paṭissutvā uṭṭhāyāsanā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘ยํ โข โน, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ ชิวฺหา จ นิรุชฺฌติ, รสสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติ, เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส , ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตเพฺพ ยตฺถ จกฺขุ จ นิรุชฺฌติ, รูปสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ…เป.… ยตฺถ มโน จ นิรุชฺฌติ, ธมฺมสญฺญา จ นิรุชฺฌติ, เส อายตเน เวทิตเพฺพ’ติฯ ‘โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’ติ? เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา อานโนฺท สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต, สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา อานโนฺท อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติฯ อถ โข มยํ, ภเนฺต, เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิมฺหฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อายสฺมตา อานเนฺทน อิเมหิ อากาเรหิ, อิเมหิ ปเทหิ, อิเมหิ พฺยญฺชเนหิ อโตฺถ วิภโตฺต’’ติฯ

    ‘‘Yaṃ kho no, bhante, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha jivhā ca nirujjhati, rasasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti, tesaṃ no, bhante, amhākaṃ acirapakkantassa bhagavato etadahosi – ‘idaṃ kho no, āvuso , bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – tasmātiha, bhikkhave, se āyatane veditabbe yattha cakkhu ca nirujjhati, rūpasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe…pe… yattha mano ca nirujjhati, dhammasaññā ca nirujjhati, se āyatane veditabbe’ti. ‘Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’ti? Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā ānando satthu ceva saṃvaṇṇito, sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā ānando imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā ānando tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti. Atha kho mayaṃ, bhante, yenāyasmā ānando tenupasaṅkamimha; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etamatthaṃ paṭipucchimha. Tesaṃ no, bhante, āyasmatā ānandena imehi ākārehi, imehi padehi, imehi byañjanehi attho vibhatto’’ti.

    ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, อานโนฺท; มหาปโญฺญ, ภิกฺขเว, อานโนฺท! มํ เจปิ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ อานเนฺทน พฺยากตํฯ เอโส เจเวตสฺส อโตฺถฯ เอวญฺจ นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ จตุตฺถํฯ

    ‘‘Paṇḍito, bhikkhave, ānando; mahāpañño, bhikkhave, ānando! Maṃ cepi tumhe, bhikkhave, etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, ahampi taṃ evamevaṃ byākareyyaṃ yathā taṃ ānandena byākataṃ. Eso cevetassa attho. Evañca naṃ dhāreyyāthā’’ti. Catutthaṃ.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. กามคุณสุตฺตวณฺณนา • 4. Kāmaguṇasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. กามคุณสุตฺตวณฺณนา • 4. Kāmaguṇasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact