Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๗. กามสุตฺตํ
7. Kāmasuttaṃ
๗. ‘‘เยภุเยฺยน, ภิกฺขเว, สตฺตา กาเมสุ ลฬิตา 1ฯ อสิตพฺยาภงฺคิํ 2, ภิกฺขเว, กุลปุโตฺต โอหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, ‘สทฺธาปพฺพชิโต กุลปุโตฺต’ติ อลํ วจนายฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ลพฺภา 3, ภิกฺขเว, โยพฺพเนน กามา เต จ โข ยาทิสา วา ตาทิสา วาฯ เย จ, ภิกฺขเว, หีนา กามา เย จ มชฺฌิมา กามา เย จ ปณีตา กามา , สเพฺพ กามา ‘กามา’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ทหโร กุมาโร มโนฺท อุตฺตานเสยฺยโก ธาติยา ปมาทมนฺวาย กฎฺฐํ วา กฐลํ 4 วา มุเข อาหเรยฺยฯ ตเมนํ ธาติ สีฆํ สีฆํ 5 มนสิ กเรยฺย; สีฆํ สีฆํ มนสิ กริตฺวา สีฆํ สีฆํ อาหเรยฺยฯ โน เจ สกฺกุเณยฺย สีฆํ สีฆํ อาหริตุํ, วาเมน หเตฺถน สีสํ ปริคฺคเหตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน วงฺกงฺคุลิํ กริตฺวา สโลหิตมฺปิ อาหเรยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อเตฺถสา, ภิกฺขเว, กุมารสฺส วิเหสา; เนสา นตฺถี’ติ วทามิฯ กรณียญฺจ โข เอตํ 6, ภิกฺขเว, ธาติยา อตฺถกามาย หิเตสินิยา อนุกมฺปิกาย, อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ยโต จ โข, ภิกฺขเว, โส กุมาโร วุโทฺธ โหติ อลํปโญฺญ, อนเปกฺขา ทานิ 7, ภิกฺขเว, ธาติ ตสฺมิํ กุมาเร โหติ – ‘อตฺตคุโตฺต ทานิ กุมาโร นาลํ ปมาทายา’ติฯ
7. ‘‘Yebhuyyena, bhikkhave, sattā kāmesu laḷitā 8. Asitabyābhaṅgiṃ 9, bhikkhave, kulaputto ohāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti, ‘saddhāpabbajito kulaputto’ti alaṃ vacanāya. Taṃ kissa hetu? Labbhā 10, bhikkhave, yobbanena kāmā te ca kho yādisā vā tādisā vā. Ye ca, bhikkhave, hīnā kāmā ye ca majjhimā kāmā ye ca paṇītā kāmā , sabbe kāmā ‘kāmā’tveva saṅkhaṃ gacchanti. Seyyathāpi , bhikkhave, daharo kumāro mando uttānaseyyako dhātiyā pamādamanvāya kaṭṭhaṃ vā kaṭhalaṃ 11 vā mukhe āhareyya. Tamenaṃ dhāti sīghaṃ sīghaṃ 12 manasi kareyya; sīghaṃ sīghaṃ manasi karitvā sīghaṃ sīghaṃ āhareyya. No ce sakkuṇeyya sīghaṃ sīghaṃ āharituṃ, vāmena hatthena sīsaṃ pariggahetvā dakkhiṇena hatthena vaṅkaṅguliṃ karitvā salohitampi āhareyya. Taṃ kissa hetu? ‘Atthesā, bhikkhave, kumārassa vihesā; nesā natthī’ti vadāmi. Karaṇīyañca kho etaṃ 13, bhikkhave, dhātiyā atthakāmāya hitesiniyā anukampikāya, anukampaṃ upādāya. Yato ca kho, bhikkhave, so kumāro vuddho hoti alaṃpañño, anapekkhā dāni 14, bhikkhave, dhāti tasmiṃ kumāre hoti – ‘attagutto dāni kumāro nālaṃ pamādāyā’ti.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยาวกีวญฺจ ภิกฺขุโน สทฺธาย อกตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, หิริยา อกตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, โอตฺตเปฺปน อกตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วีริเยน อกตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, ปญฺญาย อกตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, อนุรกฺขิตโพฺพ ตาว เม โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติฯ ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สทฺธาย กตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, หิริยา กตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, โอตฺตเปฺปน กตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วีริเยน กตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, ปญฺญาย กตํ โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ, อนเปโกฺข ทานาหํ, ภิกฺขเว 15, ตสฺมิํ ภิกฺขุสฺมิํ โหมิ – ‘อตฺตคุโตฺต ทานิ ภิกฺขุ นาลํ ปมาทายา’’’ติฯ สตฺตมํฯ
‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, yāvakīvañca bhikkhuno saddhāya akataṃ hoti kusalesu dhammesu, hiriyā akataṃ hoti kusalesu dhammesu, ottappena akataṃ hoti kusalesu dhammesu, vīriyena akataṃ hoti kusalesu dhammesu, paññāya akataṃ hoti kusalesu dhammesu, anurakkhitabbo tāva me so, bhikkhave, bhikkhu hoti. Yato ca kho, bhikkhave, bhikkhuno saddhāya kataṃ hoti kusalesu dhammesu, hiriyā kataṃ hoti kusalesu dhammesu, ottappena kataṃ hoti kusalesu dhammesu, vīriyena kataṃ hoti kusalesu dhammesu, paññāya kataṃ hoti kusalesu dhammesu, anapekkho dānāhaṃ, bhikkhave 16, tasmiṃ bhikkhusmiṃ homi – ‘attagutto dāni bhikkhu nālaṃ pamādāyā’’’ti. Sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. กามสุตฺตวณฺณนา • 7. Kāmasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. มหาสุปินสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahāsupinasuttavaṇṇanā