Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๔. อฎฺฐกวโคฺค
4. Aṭṭhakavaggo
๑. กามสุตฺตวณฺณนา
1. Kāmasuttavaṇṇanā
๗๗๓. กามํ กามยมานสฺสาติ กามสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต อญฺญตโร พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยา เชตวนสฺส จ อนฺตเร อจิรวตีนทีตีเร ‘‘ยวํ วปิสฺสามี’’ติ เขตฺตํ กสติฯ ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย ปวิสโนฺต ตํ ทิสฺวา อาวเชฺชโนฺต อทฺทส – ‘‘อสฺส พฺราหฺมณสฺส ยวา วินสฺสิสฺสนฺตี’’ติ, ปุน อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ อาวเชฺชโนฺต จสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทสฯ ‘‘กทา ปาปุเณยฺยา’’ติ อาวเชฺชโนฺต ‘‘สเสฺส วินเฎฺฐ โสกาภิภูโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา’’ติ อทฺทสฯ ตโต จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ ตทา เอว พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิสฺสามิ, น เม โอวาทํ โสตพฺพํ มญฺญิสฺสติฯ นานารุจิกา หิ พฺราหฺมณา, หนฺท, นํ อิโต ปภุติเยว สงฺคณฺหามิ, เอวํ มยิ มุทุจิโตฺต หุตฺวา ตทา โอวาทํ โสสฺสตี’’ติ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กิํ, พฺราหฺมณ, กโรสี’’ติฯ พฺราหฺมโณ ‘‘เอวํ อุจฺจากุลีโน สมโณ โคตโม มยา สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรตี’’ติ ตาวตเกเนว ภควติ ปสนฺนจิโตฺต หุตฺวา ‘‘เขตฺตํ, โภ โคตม, กสามิ ยวํ วปิสฺสามี’’ติ อาหฯ อถ สาริปุตฺตเตฺถโร จิเนฺตสิ – ‘‘ภควา พฺราหฺมเณน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ อกาสิ, น จ อเหตุ อปฺปจฺจยา ตถาคตา เอวํ กโรนฺติ, หนฺทาหมฺปิ เตน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรมี’’ติ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว ปฎิสนฺถารมกาสิฯ เอวํ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร เสสา จ อสีติ มหาสาวกาฯ พฺราหฺมโณ อตีว อตฺตมโน อโหสิฯ
773.Kāmaṃkāmayamānassāti kāmasuttaṃ. Kā uppatti? Bhagavati kira sāvatthiyaṃ viharante aññataro brāhmaṇo sāvatthiyā jetavanassa ca antare aciravatīnadītīre ‘‘yavaṃ vapissāmī’’ti khettaṃ kasati. Bhagavā bhikkhusaṅghaparivuto piṇḍāya pavisanto taṃ disvā āvajjento addasa – ‘‘assa brāhmaṇassa yavā vinassissantī’’ti, puna upanissayasampattiṃ āvajjento cassa sotāpattiphalassa upanissayaṃ addasa. ‘‘Kadā pāpuṇeyyā’’ti āvajjento ‘‘sasse vinaṭṭhe sokābhibhūto dhammadesanaṃ sutvā’’ti addasa. Tato cintesi – ‘‘sacāhaṃ tadā eva brāhmaṇaṃ upasaṅkamissāmi, na me ovādaṃ sotabbaṃ maññissati. Nānārucikā hi brāhmaṇā, handa, naṃ ito pabhutiyeva saṅgaṇhāmi, evaṃ mayi muducitto hutvā tadā ovādaṃ sossatī’’ti brāhmaṇaṃ upasaṅkamitvā āha – ‘‘kiṃ, brāhmaṇa, karosī’’ti. Brāhmaṇo ‘‘evaṃ uccākulīno samaṇo gotamo mayā saddhiṃ paṭisanthāraṃ karotī’’ti tāvatakeneva bhagavati pasannacitto hutvā ‘‘khettaṃ, bho gotama, kasāmi yavaṃ vapissāmī’’ti āha. Atha sāriputtatthero cintesi – ‘‘bhagavā brāhmaṇena saddhiṃ paṭisanthāraṃ akāsi, na ca ahetu appaccayā tathāgatā evaṃ karonti, handāhampi tena saddhiṃ paṭisanthāraṃ karomī’’ti brāhmaṇaṃ upasaṅkamitvā tatheva paṭisanthāramakāsi. Evaṃ mahāmoggallānatthero sesā ca asīti mahāsāvakā. Brāhmaṇo atīva attamano ahosi.
อถ ภควา สมฺปชฺชมาเนปิ สเสฺส เอกทิวสํ กตภตฺตกิโจฺจ สาวตฺถิโต เชตวนํ คจฺฉโนฺต มคฺคา โอกฺกมฺม พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘สุนฺทรํ เต, พฺราหฺมณ, ยวเกฺขตฺต’’นฺติฯ ‘‘เอวํ, โภ โคตม, สุนฺทรํ, สเจ สมฺปชฺชิสฺสติ, ตุมฺหากมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามี’’ติฯ อถสฺส จตุมาสจฺจเยน ยวา นิปฺผชฺชิํสุฯ ตสฺส ‘‘อชฺช วา เสฺว วา ลายิสฺสามี’’ติ อุสฺสุกฺกํ กุรุมานเสฺสว มหาเมโฆ อุฎฺฐหิตฺวา สพฺพรตฺติํ วสฺสิฯ อจิรวตี นที ปูรา อาคนฺตฺวา สพฺพํ ยวํ วหิฯ พฺราหฺมโณ สพฺพรตฺติํ อนตฺตมโน หุตฺวา ปภาเต นทีตีรํ คโต สพฺพํ สสฺสวิปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘วินโฎฺฐมฺหิ, กถํ ทานิ ชีวิสฺสามี’’ติ พลวโสกํ อุปฺปาเทสิ ฯ ภควาปิ ตเมว รตฺติํ ปจฺจูสสมเย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต ‘‘อชฺช พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนากาโล’’ติ ญตฺวา ภิกฺขาจารวเตฺตน สาวตฺถิํ ปวิสิตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘โสกาภิภูตํ มํ อสฺสาเสตุกาโม สมโณ โคตโม อาคโต’’ติ จิเนฺตตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ภควนฺตํ นิสีทาเปสิฯ ภควา ชานโนฺตว พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิ – ‘‘กิํ พฺราหฺมณ ปทุฎฺฐจิโตฺต วิหาสี’’ติ? อาม, โภ โคตม, สพฺพํ เม ยวเกฺขตฺตํ อุทเกน วูฬฺหนฺติฯ อถ ภควา ‘‘น, พฺราหฺมณ, วิปเนฺน โทมนสฺสํ, สมฺปเนฺน จ โสมนสฺสํ กาตพฺพํฯ กามา หิ นาม สมฺปชฺชนฺติปิ วิปชฺชนฺติปี’’ติ วตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สปฺปายํ ญตฺวา ธมฺมเทสนาวเสน อิมํ สุตฺตมภาสิฯ ตตฺถ สเงฺขปโต ปทตฺถสมฺพนฺธมตฺตเมว วณฺณยิสฺสาม, วิตฺถาโร ปน นิเทฺทเส (มหานิ. ๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ยถา จ อิมสฺมิํ สุเตฺต, เอวํ อิโต ปรํ สพฺพสุเตฺตสุฯ
Atha bhagavā sampajjamānepi sasse ekadivasaṃ katabhattakicco sāvatthito jetavanaṃ gacchanto maggā okkamma brāhmaṇassa santikaṃ gantvā āha – ‘‘sundaraṃ te, brāhmaṇa, yavakkhetta’’nti. ‘‘Evaṃ, bho gotama, sundaraṃ, sace sampajjissati, tumhākampi saṃvibhāgaṃ karissāmī’’ti. Athassa catumāsaccayena yavā nipphajjiṃsu. Tassa ‘‘ajja vā sve vā lāyissāmī’’ti ussukkaṃ kurumānasseva mahāmegho uṭṭhahitvā sabbarattiṃ vassi. Aciravatī nadī pūrā āgantvā sabbaṃ yavaṃ vahi. Brāhmaṇo sabbarattiṃ anattamano hutvā pabhāte nadītīraṃ gato sabbaṃ sassavipattiṃ disvā ‘‘vinaṭṭhomhi, kathaṃ dāni jīvissāmī’’ti balavasokaṃ uppādesi . Bhagavāpi tameva rattiṃ paccūsasamaye buddhacakkhunā lokaṃ volokento ‘‘ajja brāhmaṇassa dhammadesanākālo’’ti ñatvā bhikkhācāravattena sāvatthiṃ pavisitvā brāhmaṇassa gharadvāre aṭṭhāsi. Brāhmaṇo bhagavantaṃ disvā ‘‘sokābhibhūtaṃ maṃ assāsetukāmo samaṇo gotamo āgato’’ti cintetvā āsanaṃ paññāpetvā pattaṃ gahetvā bhagavantaṃ nisīdāpesi. Bhagavā jānantova brāhmaṇaṃ pucchi – ‘‘kiṃ brāhmaṇa paduṭṭhacitto vihāsī’’ti? Āma, bho gotama, sabbaṃ me yavakkhettaṃ udakena vūḷhanti. Atha bhagavā ‘‘na, brāhmaṇa, vipanne domanassaṃ, sampanne ca somanassaṃ kātabbaṃ. Kāmā hi nāma sampajjantipi vipajjantipī’’ti vatvā tassa brāhmaṇassa sappāyaṃ ñatvā dhammadesanāvasena imaṃ suttamabhāsi. Tattha saṅkhepato padatthasambandhamattameva vaṇṇayissāma, vitthāro pana niddese (mahāni. 1) vuttanayeneva veditabbo. Yathā ca imasmiṃ sutte, evaṃ ito paraṃ sabbasuttesu.
ตตฺถ กามนฺติ มนาปิยรูปาทิเตภูมกธมฺมสงฺขาตํ วตฺถุกามํ, กามยมานสฺสาติ อิจฺฉมานสฺสฯ ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌตีติ ตสฺส กามยมานสฺส สตฺตสฺส ตํ กามสงฺขาตํ วตฺถุ สมิชฺฌติ เจ, สเจ โส ตํ ลภตีติ วุตฺตํ โหติฯ อทฺธา ปีติมโน โหตีติ เอกํสํ ตุฎฺฐจิโตฺต โหติฯ ลทฺธาติ ลภิตฺวาฯ มโจฺจติ สโตฺตฯ ยทิจฺฉตีติ ยํ อิจฺฉติฯ
Tattha kāmanti manāpiyarūpāditebhūmakadhammasaṅkhātaṃ vatthukāmaṃ, kāmayamānassāti icchamānassa. Tassa ce taṃ samijjhatīti tassa kāmayamānassa sattassa taṃ kāmasaṅkhātaṃ vatthu samijjhati ce, sace so taṃ labhatīti vuttaṃ hoti. Addhā pītimano hotīti ekaṃsaṃ tuṭṭhacitto hoti. Laddhāti labhitvā. Maccoti satto. Yadicchatīti yaṃ icchati.
๗๗๔. ตสฺส เจ กามยานสฺสาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส กาเม อิจฺฉมานสฺส, กาเมน วา ยายมานสฺสฯ ฉนฺทชาตสฺสาติ ชาตตณฺหสฺสฯ ชนฺตุโนติ สตฺตสฺสฯ เต กามา ปริหายนฺตีติ เต กามา ปริหายนฺติ เจฯ สลฺลวิโทฺธว รุปฺปตีติ อถ อโยมยาทินา สเลฺลน วิโทฺธ วิย ปีฬียติฯ
774.Tassa ce kāmayānassāti tassa puggalassa kāme icchamānassa, kāmena vā yāyamānassa. Chandajātassāti jātataṇhassa. Jantunoti sattassa. Te kāmā parihāyantīti te kāmā parihāyanti ce. Sallaviddhova ruppatīti atha ayomayādinā sallena viddho viya pīḷīyati.
๗๗๕. ตติยคาถาย สเงฺขปโตฺถ – โย ปน อิเม กาเม ตตฺถ ฉนฺทราควิกฺขมฺภเนน วา สมุเจฺฉเทน วา อตฺตโน ปาเทน สปฺปสฺส สิรํ อิว ปริวเชฺชติฯ โส ภิกฺขุ สพฺพํ โลกํ วิสริตฺวา ฐิตตฺตา โลเก วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ สโต หุตฺวา สมติวตฺตตีติฯ
775. Tatiyagāthāya saṅkhepattho – yo pana ime kāme tattha chandarāgavikkhambhanena vā samucchedena vā attano pādena sappassa siraṃ iva parivajjeti. So bhikkhu sabbaṃ lokaṃ visaritvā ṭhitattā loke visattikāsaṅkhātaṃ taṇhaṃ sato hutvā samativattatīti.
๗๗๖-๘. ตโต ปราสํ ติสฺสนฺนํ คาถานํ อยํ สเงฺขปโตฺถ – โย เอตํ สาลิเกฺขตฺตาทิํ เขตฺตํ วา ฆรวตฺถาทิํ วตฺถุํ วา กหาปณสงฺขาตํ หิรญฺญํ วา โคอสฺสเภทํ ควาสฺสํ วา อิตฺถิสญฺญิกา ถิโย วา ญาติพนฺธวาที พนฺธู วา อเญฺญ วา มนาปิยรูปาที ปุถุ กาเม อนุคิชฺฌติ, ตํ ปุคฺคลํ อพลสงฺขาตา กิเลสา พลียนฺติ สหนฺติ มทฺทนฺติ, สทฺธาพลาทิวิรเหน วา อพลํ ตํ ปุคฺคลํ อพลา กิเลสา พลียนฺติ, อพลตฺตา พลียนฺตีติ อโตฺถฯ อถ ตํ กามคิทฺธํ กาเม รกฺขนฺตํ ปริเยสนฺตญฺจ สีหาทโย จ ปากฎปริสฺสยา กายทุจฺจริตาทโย จ อปากฎปริสฺสยา มทฺทนฺติ, ตโต อปากฎปริสฺสเยหิ อภิภูตํ ตํ ปุคฺคลํ ชาติอาทิทุกฺขํ ภินฺนํ นาวํ อุทกํ วิย อเนฺวติฯ ตสฺมา กายคตาสติอาทิภาวนาย ชนฺตุ สทา สโต หุตฺวา วิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทวเสน รูปาทีสุ วตฺถุกาเมสุ สพฺพปฺปการมฺปิ กิเลสกามํ ปริวเชฺชโนฺต กามานิ ปริวชฺชเยฯ เอวํ เต กาเม ปหาย ตปฺปหานกรมเคฺคเนว จตุพฺพิธมฺปิ ตเร โอฆํ ตเรยฺย ตริตุํ สกฺกุเณยฺยฯ ตโต ยถา ปุริโส อุทกครุกํ นาวํ สิญฺจิตฺวา ลหุกาย นาวาย อปฺปกสิเรเนว ปารคู ภเวยฺย, ปารํ คเจฺฉยฺย, เอวเมว อตฺตภาวนาวํ กิเลสูทกครุกํ สิญฺจิตฺวา ลหุเกน อตฺตภาเวน ปารคู ภเวยฺย, สพฺพธมฺมปารํ นิพฺพานํ คโต ภเวยฺย, อรหตฺตปฺปตฺติยา คเจฺฉยฺย จ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพาตีติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสูติฯ
776-8. Tato parāsaṃ tissannaṃ gāthānaṃ ayaṃ saṅkhepattho – yo etaṃ sālikkhettādiṃ khettaṃ vā gharavatthādiṃ vatthuṃ vā kahāpaṇasaṅkhātaṃ hiraññaṃ vā goassabhedaṃ gavāssaṃ vā itthisaññikā thiyo vā ñātibandhavādī bandhū vā aññe vā manāpiyarūpādī puthu kāme anugijjhati, taṃ puggalaṃ abalasaṅkhātā kilesā balīyanti sahanti maddanti, saddhābalādivirahena vā abalaṃ taṃ puggalaṃ abalā kilesā balīyanti, abalattā balīyantīti attho. Atha taṃ kāmagiddhaṃ kāme rakkhantaṃ pariyesantañca sīhādayo ca pākaṭaparissayā kāyaduccaritādayo ca apākaṭaparissayā maddanti, tato apākaṭaparissayehi abhibhūtaṃ taṃ puggalaṃ jātiādidukkhaṃ bhinnaṃ nāvaṃ udakaṃ viya anveti. Tasmā kāyagatāsatiādibhāvanāya jantu sadā sato hutvā vikkhambhanasamucchedavasena rūpādīsu vatthukāmesu sabbappakārampi kilesakāmaṃ parivajjento kāmāni parivajjaye. Evaṃ te kāme pahāya tappahānakaramaggeneva catubbidhampi tare oghaṃ tareyya tarituṃ sakkuṇeyya. Tato yathā puriso udakagarukaṃ nāvaṃ siñcitvā lahukāya nāvāya appakasireneva pāragū bhaveyya, pāraṃ gaccheyya, evameva attabhāvanāvaṃ kilesūdakagarukaṃ siñcitvā lahukena attabhāvena pāragū bhaveyya, sabbadhammapāraṃ nibbānaṃ gato bhaveyya, arahattappattiyā gaccheyya ca, anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbātīti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne brāhmaṇo ca brāhmaṇī ca sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsūti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย กามสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya kāmasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑. กามสุตฺตํ • 1. Kāmasuttaṃ