Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๗. กามโยคสุตฺตวณฺณนา
7. Kāmayogasuttavaṇṇanā
๙๖. สตฺตเม กามโยคยุโตฺตติ ปญฺจกามคุณิโก ราโค กามโยโค, เตน ยุโตฺต กามโยคยุโตฺต, อสมุจฺฉินฺนกามราคเสฺสตํ อธิวจนํฯ รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ภวโยโค, ตถา ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฎฺฐิสหคโต จ ราโค, เตน ยุโตฺต ภวโยคยุโตฺต, อปฺปหีนภวราโคติ อโตฺถฯ อาคามีติ พฺรหฺมโลเก ฐิโตปิ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อิมํ มนุสฺสโลกํ อาคมนสีโลฯ เตเนวาห ‘‘อาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติฯ มนุสฺสตฺตภาวสงฺขาตํ อิตฺถภาวํ อาคมนธโมฺม , มนุเสฺสสุ อุปปชฺชนสีโลติ อโตฺถฯ กามเญฺจตฺถ กามโยโค อิตฺถตฺตํ อาคมนสฺส การณํฯ โย ปน กามโยคยุโตฺต, โส เอกเนฺตน ภวโยคยุโตฺตปิ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กามโยคยุโตฺต, ภิกฺขเว, ภวโยคยุโตฺต’’ติ อุภยมฺปิ เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํฯ
96. Sattame kāmayogayuttoti pañcakāmaguṇiko rāgo kāmayogo, tena yutto kāmayogayutto, asamucchinnakāmarāgassetaṃ adhivacanaṃ. Rūpārūpabhavesu chandarāgo bhavayogo, tathā jhānanikanti sassatadiṭṭhisahagato ca rāgo, tena yutto bhavayogayutto, appahīnabhavarāgoti attho. Āgāmīti brahmaloke ṭhitopi paṭisandhiggahaṇavasena imaṃ manussalokaṃ āgamanasīlo. Tenevāha ‘‘āgantā itthatta’’nti. Manussattabhāvasaṅkhātaṃ itthabhāvaṃ āgamanadhammo , manussesu upapajjanasīloti attho. Kāmañcettha kāmayogo itthattaṃ āgamanassa kāraṇaṃ. Yo pana kāmayogayutto, so ekantena bhavayogayuttopi hotīti dassanatthaṃ ‘‘kāmayogayutto, bhikkhave, bhavayogayutto’’ti ubhayampi ekajjhaṃ katvā vuttaṃ.
กามโยควิสํยุโตฺตติ เอตฺถ อสุภชฺฌานมฺปิ กามโยควิสํโยโค, ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคโต อนาคามิมโคฺค เอกเนฺตเนว กามโยควิสํโยโค นาม, ตสฺมา ตติยมคฺคผเล ฐิโต อริยปุคฺคโล ‘‘กามโยควิสํยุโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ ยสฺมา ปน รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค อนาคามิมเคฺคน น ปหียติ, ตสฺมา โส อปฺปหีนภวโยคตฺตา ‘‘ภวโยคยุโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ อนาคามีติ กามโลกํ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อนาคมนโต อนาคามีฯ กามโยควิสํโยควเสเนว หิ สทฺธิํ อนวเสสโอรมฺภาคิยสํโยชนสมุคฺฆาเตน อชฺฌตฺตสํโยชนาภาวสิทฺธิโต อิตฺถตฺตํ อนาคนฺตฺวา โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺมฯ ยสฺส ปน อนวเสสํ ภวโยโค ปหีโน, ตสฺส อวิชฺชาโยคาทิอวสิฎฺฐกิเลสาปิ ตเทกฎฺฐภาวโต ปหีนา เอว โหนฺตีติ , โส ปริกฺขีณภวสํโยชโน ‘‘อรหํ ขีณาสโว’’ติ วุจฺจติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘กามโยควิสํยุโตฺต, ภิกฺขเว, ภวโยควิสํยุโตฺต อรหํ โหติ ขีณาสโว’’ติฯ เอตฺถ จ กามโยควิสํโยโค อนาคามี จตุตฺถชฺฌานสฺส สุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสปฺปหานํ วิย, ตติยมคฺคสฺส ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสํโยชนปริกฺขโย วิย จ จตุตฺถมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปฐมปเทน โสตาปนฺนสกทาคามีหิ สทฺธิํ สโพฺพ ปุถุชฺชโน คหิโต, ทุติยปเทน ปน สโพฺพ อนาคามี, ตติยปเทน อรหาติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ
Kāmayogavisaṃyuttoti ettha asubhajjhānampi kāmayogavisaṃyogo, taṃ pādakaṃ katvā adhigato anāgāmimaggo ekanteneva kāmayogavisaṃyogo nāma, tasmā tatiyamaggaphale ṭhito ariyapuggalo ‘‘kāmayogavisaṃyutto’’ti vutto. Yasmā pana rūpārūpabhavesu chandarāgo anāgāmimaggena na pahīyati, tasmā so appahīnabhavayogattā ‘‘bhavayogayutto’’ti vutto. Anāgāmīti kāmalokaṃ paṭisandhiggahaṇavasena anāgamanato anāgāmī. Kāmayogavisaṃyogavaseneva hi saddhiṃ anavasesaorambhāgiyasaṃyojanasamugghātena ajjhattasaṃyojanābhāvasiddhito itthattaṃ anāgantvā hoti, tattha parinibbāyī anāvattidhammo. Yassa pana anavasesaṃ bhavayogo pahīno, tassa avijjāyogādiavasiṭṭhakilesāpi tadekaṭṭhabhāvato pahīnā eva hontīti , so parikkhīṇabhavasaṃyojano ‘‘arahaṃ khīṇāsavo’’ti vuccati. Tena vuttaṃ ‘‘kāmayogavisaṃyutto, bhikkhave, bhavayogavisaṃyutto arahaṃ hoti khīṇāsavo’’ti. Ettha ca kāmayogavisaṃyogo anāgāmī catutthajjhānassa sukhadukkhasomanassadomanassappahānaṃ viya, tatiyamaggassa diṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsasaṃyojanaparikkhayo viya ca catutthamaggassa vaṇṇabhaṇanatthaṃ vuttoti daṭṭhabbaṃ. Paṭhamapadena sotāpannasakadāgāmīhi saddhiṃ sabbo puthujjano gahito, dutiyapadena pana sabbo anāgāmī, tatiyapadena arahāti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi.
คาถาสุ อุภยนฺติ อุภเยน, กามโยเคน, ภวโยเคน จ สํยุตฺตาติ อโตฺถฯ สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารนฺติ ปุถุชฺชนา โสตาปนฺนา สกทาคามิโนติ อิเม ติวิธา สตฺตา กามโยคภวโยคานํ อปฺปหีนตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารนฺติฯ ตโต เอว ชาติมรณคามิโน โหนฺติฯ เอตฺถ เอกพีชี, โกลํโกโล, สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ตีสุ โสตาปเนฺนสุ สพฺพมุทุ สตฺตกฺขตฺตุปรโม, โส อฎฺฐมํ ภวํ น นิพฺพเตฺตติ, อตฺตโน ปริจฺฉินฺนชาติวเสน ปน สํสรติ, ตถา อิตเรปิฯ สกทาคามีสุปิ โย อิธ สกทาคามิมคฺคํ ปตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน อิธ นิพฺพตฺตติ, โส อตฺตโน ปริจฺฉินฺนชาติวเสเนว สํสรติฯ เย ปน สกทาคามิโน โวมิสฺสกนเยน วินา ตตฺถ ตตฺถ เทเวสุเยว มนุเสฺสสุเยว วา นิพฺพตฺตนฺติ, เต อุปริมคฺคาธิคมาย ยาว อินฺทฺริยปริปากา ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สํสรนฺติเยวฯ ปุถุชฺชเน ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ สพฺพภวสํโยชนานํ อปริกฺขีณตฺตาฯ เตน วุตฺตํ –
Gāthāsu ubhayanti ubhayena, kāmayogena, bhavayogena ca saṃyuttāti attho. Sattā gacchanti saṃsāranti puthujjanā sotāpannā sakadāgāminoti ime tividhā sattā kāmayogabhavayogānaṃ appahīnattā gacchanti saṃsāranti. Tato eva jātimaraṇagāmino honti. Ettha ekabījī, kolaṃkolo, sattakkhattuparamoti tīsu sotāpannesu sabbamudu sattakkhattuparamo, so aṭṭhamaṃ bhavaṃ na nibbatteti, attano paricchinnajātivasena pana saṃsarati, tathā itarepi. Sakadāgāmīsupi yo idha sakadāgāmimaggaṃ patvā devaloke uppajjitvā puna idha nibbattati, so attano paricchinnajātivaseneva saṃsarati. Ye pana sakadāgāmino vomissakanayena vinā tattha tattha devesuyeva manussesuyeva vā nibbattanti, te uparimaggādhigamāya yāva indriyaparipākā punappunaṃ uppajjanato saṃsarantiyeva. Puthujjane pana vattabbameva natthi sabbabhavasaṃyojanānaṃ aparikkhīṇattā. Tena vuttaṃ –
‘‘กามโยเคน สํยุตฺตา, ภวโยเคน จูภยํ;
‘‘Kāmayogena saṃyuttā, bhavayogena cūbhayaṃ;
สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารํ, ชาติมรณคามิโน’’ติฯ
Sattā gacchanti saṃsāraṃ, jātimaraṇagāmino’’ti.
กาเม ปหนฺตฺวานาติ กามราคสงฺขาเต กิเลสกาเม อนาคามิมเคฺคน ปชหิตฺวาฯ ฉินฺนสํสยาติ สมุจฺฉินฺนกงฺขา, ตญฺจ โข โสตาปตฺติมเคฺคเนวฯ วณฺณภณนตฺถํ ปน จตุตฺถมคฺคสฺส เอวํ วุตฺตํฯ อรหโนฺต หิ อิธ ‘‘ฉินฺนสํสยา’’ติ อธิเปฺปตาฯ เตเนวาห ‘‘ขีณมานปุนพฺภวา’’ติฯ สพฺพโส ขีโณ นววิโธปิ มาโน อายติํ ปุนพฺภโว จ เอเตสนฺติ ขีณมานปุนพฺภวาฯ มานคฺคหเณน เจตฺถ ตเทกฎฺฐตาย ลกฺขณวเสน วา สโพฺพ จตุตฺถมคฺควโชฺฌ กิเลโส คหิโตติฯ ขีณมานตาย จ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ วุตฺตา โหติ, ขีณปุนพฺภวตาย อนุปาทิเสสาฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Kāme pahantvānāti kāmarāgasaṅkhāte kilesakāme anāgāmimaggena pajahitvā. Chinnasaṃsayāti samucchinnakaṅkhā, tañca kho sotāpattimaggeneva. Vaṇṇabhaṇanatthaṃ pana catutthamaggassa evaṃ vuttaṃ. Arahanto hi idha ‘‘chinnasaṃsayā’’ti adhippetā. Tenevāha ‘‘khīṇamānapunabbhavā’’ti. Sabbaso khīṇo navavidhopi māno āyatiṃ punabbhavo ca etesanti khīṇamānapunabbhavā. Mānaggahaṇena cettha tadekaṭṭhatāya lakkhaṇavasena vā sabbo catutthamaggavajjho kileso gahitoti. Khīṇamānatāya ca saupādisesā nibbānadhātu vuttā hoti, khīṇapunabbhavatāya anupādisesā. Sesaṃ suviññeyyameva.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๗. กามโยคสุตฺตํ • 7. Kāmayogasuttaṃ