Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    กมฺมกถา

    Kammakathā

    อิทานิ ยานิ ตีณิ กมฺมานิ ฐเปตฺวา อิมานิ กมฺมทฺวารานิ ทสฺสิตานิ, ตานิ อาทิํ กตฺวา อวเสสสฺส ทฺวารกถาย มาติกาฐปนสฺส วิตฺถารกถา โหติฯ ตีณิ หิ กมฺมานิ – กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมนฺติฯ กิํ ปเนตํ กมฺมํ นามาติ? เจตนา เจว, เอกเจฺจ จ เจตนาสมฺปยุตฺตกา ธมฺมาฯ ตตฺถ เจตนาย กมฺมภาเว อิมานิ สุตฺตานิ –

    Idāni yāni tīṇi kammāni ṭhapetvā imāni kammadvārāni dassitāni, tāni ādiṃ katvā avasesassa dvārakathāya mātikāṭhapanassa vitthārakathā hoti. Tīṇi hi kammāni – kāyakammaṃ vacīkammaṃ manokammanti. Kiṃ panetaṃ kammaṃ nāmāti? Cetanā ceva, ekacce ca cetanāsampayuttakā dhammā. Tattha cetanāya kammabhāve imāni suttāni –

    ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ, เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา’’ (อ. นิ. ๖.๖๓; กถา. ๕๓๙)ฯ ‘‘กาเย วา หิ, อานนฺท, สติ กายสเญฺจตนาเหตุ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ, วาจาย วา, อานนฺท, สติ วจีสเญฺจตนาเหตุ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ; มเน วา, อานนฺท, สติ มโนสเญฺจตนาเหตุ อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ’’ (สํ. นิ. ๒.๒๕; อ. นิ. ๔.๑๗๑)ฯ ‘‘ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสเญฺจตนา อกุสลํ กายกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ, ทุกฺขวิปากํ; จตุพฺพิธา, ภิกฺขเว, วจีสเญฺจตนา…เป.… ติวิธา, ภิกฺขเว, มโนสเญฺจตนา อกุสลํ มโนกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปากํ ติวิธา , ภิกฺขเว, กายสเญฺจตนา กุสลํ กายกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปากํ จตุพฺพิธา, ภิกฺขเว, วจีสเญฺจตนา…เป.… ติวิธา, ภิกฺขเว, มโนสเญฺจตนา, กุสลํ มโนกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปากํ’’ (กถา. ๕๓๙; อ. นิ. ๑๐.๒๑๗ โถกํ วิสทิสํ)ฯ ‘‘สจายํ, อานนฺท, สมิทฺธิ โมฆปุริโส ปาฎลิปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากเรยฺย – สเญฺจตนิยํ, อาวุโส ปาฎลิปุตฺต, กมฺมํ กตฺวา กาเยน วาจาย มนสา, สุขเวทนียํ สุขํ โส เวทยติ…เป.… อทุกฺขมสุขเวทนียํ อทุกฺขมสุขํ โส เวทยตีติ; เอวํ พฺยากรมาโน โข, อานนฺท, สมิทฺธิ โมฆปุริโส ปาฎลิปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๐๐; กถา. ๕๓๙)ฯ

    ‘‘Cetanāhaṃ, bhikkhave, kammaṃ vadāmi, cetayitvā kammaṃ karoti kāyena vācāya manasā’’ (a. ni. 6.63; kathā. 539). ‘‘Kāye vā hi, ānanda, sati kāyasañcetanāhetu uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ, vācāya vā, ānanda, sati vacīsañcetanāhetu uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ; mane vā, ānanda, sati manosañcetanāhetu uppajjati ajjhattaṃ sukhadukkhaṃ’’ (saṃ. ni. 2.25; a. ni. 4.171). ‘‘Tividhā, bhikkhave, kāyasañcetanā akusalaṃ kāyakammaṃ dukkhudrayaṃ, dukkhavipākaṃ; catubbidhā, bhikkhave, vacīsañcetanā…pe… tividhā, bhikkhave, manosañcetanā akusalaṃ manokammaṃ dukkhudrayaṃ dukkhavipākaṃ tividhā , bhikkhave, kāyasañcetanā kusalaṃ kāyakammaṃ sukhudrayaṃ sukhavipākaṃ catubbidhā, bhikkhave, vacīsañcetanā…pe… tividhā, bhikkhave, manosañcetanā, kusalaṃ manokammaṃ sukhudrayaṃ sukhavipākaṃ’’ (kathā. 539; a. ni. 10.217 thokaṃ visadisaṃ). ‘‘Sacāyaṃ, ānanda, samiddhi moghapuriso pāṭaliputtassa paribbājakassa evaṃ puṭṭho evaṃ byākareyya – sañcetaniyaṃ, āvuso pāṭaliputta, kammaṃ katvā kāyena vācāya manasā, sukhavedanīyaṃ sukhaṃ so vedayati…pe… adukkhamasukhavedanīyaṃ adukkhamasukhaṃ so vedayatīti; evaṃ byākaramāno kho, ānanda, samiddhi moghapuriso pāṭaliputtassa paribbājakassa sammā byākaramāno byākareyyā’’ti (ma. ni. 3.300; kathā. 539).

    อิมานิ ตาว เจตนาย กมฺมภาเว สุตฺตานิฯ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปน กมฺมภาโว กมฺมจตุเกฺกน ทีปิโตฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Imāni tāva cetanāya kammabhāve suttāni. Cetanāsampayuttadhammānaṃ pana kammabhāvo kammacatukkena dīpito. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, กมฺมานิ มยา สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ, อตฺถิ, ภิกฺขเว, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ, อตฺถิ, ภิกฺขเว, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ, อตฺถิ, ภิกฺขเว, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ (อ. นิ. ๔.๒๓๒-๒๓๓)ฯ… กตมญฺจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ? ยทิทํ สตฺต โพชฺฌงฺคา – สติสโมฺพชฺฌโงฺค…เป.… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ (อ. นิ. ๔.๒๓๘)ฯ… กตมญฺจ, ภิกฺขเว, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค – เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฎฺฐิ …เป.… สมฺมาสมาธิฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓๗)ฯ

    ‘‘Cattārimāni , bhikkhave, kammāni mayā sayaṃ abhiññā sacchikatvā paveditāni. Katamāni cattāri? Atthi, bhikkhave, kammaṃ kaṇhaṃ kaṇhavipākaṃ, atthi, bhikkhave, kammaṃ sukkaṃ sukkavipākaṃ, atthi, bhikkhave, kammaṃ kaṇhasukkaṃ kaṇhasukkavipākaṃ, atthi, bhikkhave, kammaṃ akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ kammakkhayāya saṃvattati (a. ni. 4.232-233).… Katamañca, bhikkhave, kammaṃ akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ kammakkhayāya saṃvattati? Yadidaṃ satta bojjhaṅgā – satisambojjhaṅgo…pe… upekkhāsambojjhaṅgo, idaṃ vuccati, bhikkhave, kammaṃ akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ kammakkhayāya saṃvattati (a. ni. 4.238).… Katamañca, bhikkhave, kammaṃ akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ kammakkhayāya saṃvattati? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo – seyyathidaṃ, sammādiṭṭhi …pe… sammāsamādhi. Idaṃ vuccati, bhikkhave, kammaṃ akaṇhaṃ asukkaṃ akaṇhaasukkavipākaṃ kammakkhayāya saṃvattatī’’ti (a. ni. 4.237).

    เอวํ อิเม โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคปฺปเภทโต ปนฺนรส ธมฺมา กมฺมจตุเกฺกน ทีปิตาฯ อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฎฺฐิ, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฎฺฐีติ อิเมหิ ปน ฉหิ สทฺธิํ เอกวีสติ เจตนาสมฺปยุตฺตกา ธมฺมา เวทิตพฺพาฯ

    Evaṃ ime bojjhaṅgamaggaṅgappabhedato pannarasa dhammā kammacatukkena dīpitā. Abhijjhā, byāpādo, micchādiṭṭhi, anabhijjhā, abyāpādo, sammādiṭṭhīti imehi pana chahi saddhiṃ ekavīsati cetanāsampayuttakā dhammā veditabbā.

    ตตฺถ โลกุตฺตรมโคฺค ภชาปิยมาโน กายกมฺมาทีนิ ตีณิ กมฺมานิ ภชติฯ ยญฺหิ กาเยน ทุสฺสีลฺยํ อชฺฌาจรติ, ตมฺหา สํวโร กายิโกติ เวทิตโพฺพฯ ยํ วาจาย ทุสฺสีลฺยํ อชฺฌาจรติ, ตมฺหา สํวโร วาจสิโกติ เวทิตโพฺพฯ อิติ สมฺมากมฺมโนฺต กายกมฺมํ, สมฺมาวาจา วจีกมฺมํฯ เอตสฺมิํ ทฺวเย คหิเต สมฺมาอาชีโว ตปฺปกฺขิกตฺตา คหิโตว โหติฯ ยํ ปน มเนน ทุสฺสีลฺยํ อชฺฌาจรติ, ตมฺหา สํวโร มานสิโกติ เวทิตโพฺพฯ โส ทิฎฺฐิสงฺกปฺปวายามสติสมาธิวเสน ปญฺจวิโธ โหติฯ อยํ ปญฺจวิโธปิ มโนกมฺมํ นามฯ เอวํ โลกุตฺตรมโคฺค ภชาปิยมาโน ตีณิ กมฺมานิ ภชติฯ

    Tattha lokuttaramaggo bhajāpiyamāno kāyakammādīni tīṇi kammāni bhajati. Yañhi kāyena dussīlyaṃ ajjhācarati, tamhā saṃvaro kāyikoti veditabbo. Yaṃ vācāya dussīlyaṃ ajjhācarati, tamhā saṃvaro vācasikoti veditabbo. Iti sammākammanto kāyakammaṃ, sammāvācā vacīkammaṃ. Etasmiṃ dvaye gahite sammāājīvo tappakkhikattā gahitova hoti. Yaṃ pana manena dussīlyaṃ ajjhācarati, tamhā saṃvaro mānasikoti veditabbo. So diṭṭhisaṅkappavāyāmasatisamādhivasena pañcavidho hoti. Ayaṃ pañcavidhopi manokammaṃ nāma. Evaṃ lokuttaramaggo bhajāpiyamāno tīṇi kammāni bhajati.

    อิมสฺมิํ ฐาเน ทฺวารสํสนฺทนํ นาม โหติฯ กายวจีทฺวาเรสุ หิ โจปนํ ปตฺวา กมฺมปถํ อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ, มโนทฺวาเร จ สมุทาจารํ ปตฺวา กมฺมปถํ อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ; ตํ คเหตฺวา ตํตํทฺวารปกฺขิกเมว อกํสุฯ

    Imasmiṃ ṭhāne dvārasaṃsandanaṃ nāma hoti. Kāyavacīdvāresu hi copanaṃ patvā kammapathaṃ appattampi atthi, manodvāre ca samudācāraṃ patvā kammapathaṃ appattampi atthi; taṃ gahetvā taṃtaṃdvārapakkhikameva akaṃsu.

    ตตฺรายํ นโย – โย ‘มิควํ คมิสฺสามี’ติ ธนุํ สเชฺชติ, ชิยํ วเฎฺฎติ, สตฺติํ นิเสติ, ภตฺตํ ภุญฺชติ, วตฺถํ ปริทหติ, เอตฺตาวตา กายทฺวาเร โจปนํ ปตฺตํ โหติฯ โส อรเญฺญ ทิวสํ จริตฺวา อนฺตมโส สสพิฬารมตฺตมฺปิ น ลภติ, อิทํ อกุสลํ กายกมฺมํ นาม โหติ น โหตีติ? น โหติฯ กสฺมา? กมฺมปถํ อปฺปตฺตตายฯ เกวลํ ปน กายทุจฺจริตํ นาม โหตีติ เวทิตพฺพํฯ มจฺฉคฺคหณาที สุปโยเคสุปิ เอเสว นโยฯ

    Tatrāyaṃ nayo – yo ‘migavaṃ gamissāmī’ti dhanuṃ sajjeti, jiyaṃ vaṭṭeti, sattiṃ niseti, bhattaṃ bhuñjati, vatthaṃ paridahati, ettāvatā kāyadvāre copanaṃ pattaṃ hoti. So araññe divasaṃ caritvā antamaso sasabiḷāramattampi na labhati, idaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ nāma hoti na hotīti? Na hoti. Kasmā? Kammapathaṃ appattatāya. Kevalaṃ pana kāyaduccaritaṃ nāma hotīti veditabbaṃ. Macchaggahaṇādī supayogesupi eseva nayo.

    วจีทฺวาเรปิ ‘มิควํ คมิสฺสามิ’ ‘เวเคน ธนุอาทีนิ สเชฺชถา’ติ อาณาเปตฺวา ปุริมนเยเนว อรเญฺญ กิญฺจิ อลภนฺตสฺส กิญฺจาปิ วจีทฺวาเร โจปนํ ปตฺตํ, กมฺมปถํ อปฺปตฺตตาย ปน กายกมฺมํ น โหติฯ เกวลํ วจีทุจฺจริตํ นาม โหตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Vacīdvārepi ‘migavaṃ gamissāmi’ ‘vegena dhanuādīni sajjethā’ti āṇāpetvā purimanayeneva araññe kiñci alabhantassa kiñcāpi vacīdvāre copanaṃ pattaṃ, kammapathaṃ appattatāya pana kāyakammaṃ na hoti. Kevalaṃ vacīduccaritaṃ nāma hotīti veditabbaṃ.

    มโนทฺวาเร ปน วธกเจตนาย อุปฺปนฺนมตฺตาย เอว กมฺมปถเภโทว โหติฯ โส จ โข พฺยาปาทวเสน น ปาณาติปาตวเสนฯ อกุสลญฺหิ กายกมฺมํ กายวจีทฺวาเรสุ สมุฎฺฐาติ, น มโนทฺวาเร; ตถา อกุสลํ วจีกมฺมํฯ อกุสลํ มโนกมฺมํ ปน ตีสุปิ ทฺวาเรสุ สมุฎฺฐาติ; ตถา กุสลานิ กายวจีมโนกมฺมานิฯ

    Manodvāre pana vadhakacetanāya uppannamattāya eva kammapathabhedova hoti. So ca kho byāpādavasena na pāṇātipātavasena. Akusalañhi kāyakammaṃ kāyavacīdvāresu samuṭṭhāti, na manodvāre; tathā akusalaṃ vacīkammaṃ. Akusalaṃ manokammaṃ pana tīsupi dvāresu samuṭṭhāti; tathā kusalāni kāyavacīmanokammāni.

    กถํ ? สหตฺถา หิ ปาณํ หนนฺตสฺส อทินฺนํ อาทิยนฺตสฺส มิจฺฉาจารํ จรนฺตสฺส กมฺมํ กายกมฺมเมว โหติฯ ทฺวารมฺปิ กายทฺวารเมว โหติฯ เอวํ ตาว อกุสลํ กายกมฺมํ กายทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เตหิ ปน จิเตฺตหิ สหชาตา อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฎฺฐิโย เจตนาปกฺขิกา วา ภวนฺติ, อโพฺพหาริกา วาฯ ‘คจฺฉ อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหิ, อิตฺถนฺนามํ ภณฺฑํ อวหรา’ติ อาณาเปนฺตสฺส ปน กมฺมํ กายกมฺมํ โหติ, ทฺวารํ ปน วจีทฺวารํฯ เอวํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เตหิ ปน จิเตฺตหิ สหชาตา อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฎฺฐิโย เจตนาปกฺขิกา วา ภวนฺติ อโพฺพหาริกา วาฯ เอตฺตกา อาจริยานํ สมานตฺถกถา นามฯ

    Kathaṃ ? Sahatthā hi pāṇaṃ hanantassa adinnaṃ ādiyantassa micchācāraṃ carantassa kammaṃ kāyakammameva hoti. Dvārampi kāyadvārameva hoti. Evaṃ tāva akusalaṃ kāyakammaṃ kāyadvāre samuṭṭhāti. Tehi pana cittehi sahajātā abhijjhābyāpādamicchādiṭṭhiyo cetanāpakkhikā vā bhavanti, abbohārikā vā. ‘Gaccha itthannāmaṃ jīvitā voropehi, itthannāmaṃ bhaṇḍaṃ avaharā’ti āṇāpentassa pana kammaṃ kāyakammaṃ hoti, dvāraṃ pana vacīdvāraṃ. Evaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ vacīdvāre samuṭṭhāti. Tehi pana cittehi sahajātā abhijjhābyāpādamicchādiṭṭhiyo cetanāpakkhikā vā bhavanti abbohārikā vā. Ettakā ācariyānaṃ samānatthakathā nāma.

    วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘อกุสลํ กายกมฺมํ มโนทฺวาเรปิ สมุฎฺฐาตี’ติฯ โส ‘ตโย สงฺคเห อารุฬฺหํ สุตฺตํ อาหราหี’ติ วุโตฺต อิทํ กุลุมฺพสุตฺตํ นาม อาหริ –

    Vitaṇḍavādī panāha – ‘akusalaṃ kāyakammaṃ manodvārepi samuṭṭhātī’ti. So ‘tayo saṅgahe āruḷhaṃ suttaṃ āharāhī’ti vutto idaṃ kulumbasuttaṃ nāma āhari –

    ‘‘ปุน จปรํ , ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต อญฺญิสฺสา กุจฺฉิคตํ คพฺภํ ปาปเกน มนสา อนุเปกฺขโก โหติ – ‘อโห วตายํ กุจฺฉิคโต คโพฺภ น โสตฺถินา อภินิกฺขเมยฺยา’ติฯ เอวํ, ภิกฺขเว, กุลุมฺพสฺส อุปฆาโต โหตี’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ , bhikkhave, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā iddhimā cetovasippatto aññissā kucchigataṃ gabbhaṃ pāpakena manasā anupekkhako hoti – ‘aho vatāyaṃ kucchigato gabbho na sotthinā abhinikkhameyyā’ti. Evaṃ, bhikkhave, kulumbassa upaghāto hotī’’ti.

    อิทํ สุตฺตํ อาหริตฺวา อาห – ‘เอวํ จินฺติตมเตฺตเยว มนสา กุจฺฉิคโต คโพฺภ เผณปิโณฺฑ วิย วิลียติฯ เอตฺถ กุโต กายงฺคโจปนํ วา วาจงฺคโจปนํ วา? มโนทฺวารสฺมิํเยว ปน อิทํ อกุสลํ กายกมฺมํ สมุฎฺฐาตี’ติฯ

    Idaṃ suttaṃ āharitvā āha – ‘evaṃ cintitamatteyeva manasā kucchigato gabbho pheṇapiṇḍo viya vilīyati. Ettha kuto kāyaṅgacopanaṃ vā vācaṅgacopanaṃ vā? Manodvārasmiṃyeva pana idaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ samuṭṭhātī’ti.

    ตเมนํ ‘ตว สุตฺตสฺส อตฺถํ ตุลยิสฺสามา’ติ วตฺวา เอวํ ตุลยิํสุ – ‘ตฺวํ อิทฺธิยา ปรูปฆาตํ วเทสิฯ อิทฺธิ นาม เจสา – อธิฎฺฐานิทฺธิ, วิกุพฺพนิทฺธิ, มโนมยิทฺธิ, ญาณวิปฺผาริทฺธิ, สมาธิวิปฺผาริทฺธิ, อริยิทฺธิ, กมฺมวิปากชิทฺธิ, ปุญฺญวโต อิทฺธิ, วิชฺชามยิทฺธิ , ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนเฎฺฐน อิทฺธีติ ทสวิธา (ปฎิ. ม. ๓.๑๐)ฯ ตตฺถ กตรํ อิทฺธิํ วเทสี’ติ? ‘ภาวนามย’นฺติฯ ‘กิํ ปน ภาวนามยิทฺธิยา ปรูปฆาตกมฺมํ โหตี’ติ? ‘อาม, เอกเจฺจ อาจริยา เอกวารํ โหตี’ติ; วทนฺติ ยถา หิ ปรํ ปหริตุกาเมน อุทกภริเต ฆเฎ ขิเตฺต ฆโฎปิ ภิชฺชติ, อุทกมฺปิ นสฺสติ, เอวเมว ภาวนามยิทฺธิยา เอกวารํ ปรูปฆาตกมฺมํ โหติฯ ตโต ปฎฺฐาย ปน สา นสฺสตีติฯ อถ นํ ‘ภาวนามยิทฺธิยา เนว เอกวารํ น เทฺว วาเร ปรูปฆาตกมฺมํ โหตี’ติ วตฺวา ตํ สญฺญตฺติํ อาคจฺฉนฺตํ ปุจฺฉิํสุ – ‘ภาวนามยิทฺธิ กิํ กุสลา, อกุสลา, อพฺยากตา? สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา? สวิตกฺกสวิจารา, อวิตกฺกวิจารมตฺตา, อวิตกฺกอวิจารา? กามาวจรา, รูปาวจรา, อรูปาวจรา’ติ?

    Tamenaṃ ‘tava suttassa atthaṃ tulayissāmā’ti vatvā evaṃ tulayiṃsu – ‘tvaṃ iddhiyā parūpaghātaṃ vadesi. Iddhi nāma cesā – adhiṭṭhāniddhi, vikubbaniddhi, manomayiddhi, ñāṇavipphāriddhi, samādhivipphāriddhi, ariyiddhi, kammavipākajiddhi, puññavato iddhi, vijjāmayiddhi , tattha tattha sammāpayogapaccayā ijjhanaṭṭhena iddhīti dasavidhā (paṭi. ma. 3.10). Tattha kataraṃ iddhiṃ vadesī’ti? ‘Bhāvanāmaya’nti. ‘Kiṃ pana bhāvanāmayiddhiyā parūpaghātakammaṃ hotī’ti? ‘Āma, ekacce ācariyā ekavāraṃ hotī’ti; vadanti yathā hi paraṃ paharitukāmena udakabharite ghaṭe khitte ghaṭopi bhijjati, udakampi nassati, evameva bhāvanāmayiddhiyā ekavāraṃ parūpaghātakammaṃ hoti. Tato paṭṭhāya pana sā nassatīti. Atha naṃ ‘bhāvanāmayiddhiyā neva ekavāraṃ na dve vāre parūpaghātakammaṃ hotī’ti vatvā taṃ saññattiṃ āgacchantaṃ pucchiṃsu – ‘bhāvanāmayiddhi kiṃ kusalā, akusalā, abyākatā? Sukhāya vedanāya sampayuttā, dukkhāya vedanāya sampayuttā, adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttā? Savitakkasavicārā, avitakkavicāramattā, avitakkaavicārā? Kāmāvacarā, rūpāvacarā, arūpāvacarā’ti?

    อิมํ ปน ปญฺหํ โย ชานาติ โส เอวํ วกฺขติ – ‘ภาวนามยิทฺธิ กุสลา วา โหติ, อพฺยากตา วา; อทุกฺขมสุขเวทนียา เอว, อวิตกฺกอวิจารา เอว, รูปาวจรา เอวา’ติฯ โส วตฺตโพฺพ – ‘ปาณาติปาตเจตนา กุสลาทีสุ กตรํ โกฎฺฐาสํ ภชตี’ติ? ชานโนฺต วกฺขติ – ‘ปาณาติปาตเจตนา อกุสลา เอว, ทุกฺขเวทนียา เอว, สวิตกฺกสวิจารา เอว กามาวจรา เอวา’ติฯ ‘เอวํ สเนฺต ตว ปโญฺห เนว กุสลตฺติเกน สเมติ, น เวทนาตฺติเกน , น วิตกฺกตฺติเกน, น ภูมนฺตเรนา’ติฯ

    Imaṃ pana pañhaṃ yo jānāti so evaṃ vakkhati – ‘bhāvanāmayiddhi kusalā vā hoti, abyākatā vā; adukkhamasukhavedanīyā eva, avitakkaavicārā eva, rūpāvacarā evā’ti. So vattabbo – ‘pāṇātipātacetanā kusalādīsu kataraṃ koṭṭhāsaṃ bhajatī’ti? Jānanto vakkhati – ‘pāṇātipātacetanā akusalā eva, dukkhavedanīyā eva, savitakkasavicārā eva kāmāvacarā evā’ti. ‘Evaṃ sante tava pañho neva kusalattikena sameti, na vedanāttikena , na vitakkattikena, na bhūmantarenā’ti.

    ‘กิํ ปน เอวํ มหนฺตํ สุตฺตํ นิรตฺถก’นฺติ? ‘โน นิรตฺถกํ; ตฺวํ ปนสฺส อตฺถํ น ชานาสิฯ ‘‘อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต’’ติ เอตฺถ หิ เนว ภาวนามยิทฺธิ อธิเปฺปตา, อาถพฺพณิทฺธิ ปน อธิเปฺปตาฯ สา หิ เอตฺถ ลพฺภมานา ลพฺภติฯ สา ปน กายวจีทฺวารานิ มุญฺจิตฺวา กาตุํ น สกฺกาฯ อาถพฺพณิทฺธิกา หิ สตฺตาหํ อโลณกํ ภุญฺชิตฺวา ทเพฺพ อตฺถริตฺวา ปถวิยํ สยมานา ตปํ จริตฺวา สตฺตเม ทิวเส สุสานภูมิํ สเชฺชตฺวา สตฺตเม ปเท ฐตฺวา หตฺถํ วเฎฺฎตฺวา วเฎฺฎตฺวา มุเขน วิชฺชํ ปริชปฺปนฺติฯ อถ เนสํ กมฺมํ สมิชฺฌติฯ เอวํ อยมฺปิ อิทฺธิ กายวจีทฺวารานิ มุญฺจิตฺวา กาตุํ น สกฺกาติฯ ‘น กายกมฺมํ มโนทฺวาเร สมุฎฺฐาตี’ติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ

    ‘Kiṃ pana evaṃ mahantaṃ suttaṃ niratthaka’nti? ‘No niratthakaṃ; tvaṃ panassa atthaṃ na jānāsi. ‘‘Iddhimā cetovasippatto’’ti ettha hi neva bhāvanāmayiddhi adhippetā, āthabbaṇiddhi pana adhippetā. Sā hi ettha labbhamānā labbhati. Sā pana kāyavacīdvārāni muñcitvā kātuṃ na sakkā. Āthabbaṇiddhikā hi sattāhaṃ aloṇakaṃ bhuñjitvā dabbe attharitvā pathaviyaṃ sayamānā tapaṃ caritvā sattame divase susānabhūmiṃ sajjetvā sattame pade ṭhatvā hatthaṃ vaṭṭetvā vaṭṭetvā mukhena vijjaṃ parijappanti. Atha nesaṃ kammaṃ samijjhati. Evaṃ ayampi iddhi kāyavacīdvārāni muñcitvā kātuṃ na sakkāti. ‘Na kāyakammaṃ manodvāre samuṭṭhātī’ti niṭṭhamettha gantabbaṃ.

    หตฺถมุทฺทาย ปน มุสาวาทาทีนิ กเถนฺตสฺส กมฺมํ วจีกมฺมํ, ทฺวารํ ปน กายทฺวารํ โหติ ฯ เอวํ อกุสลํ วจีกมฺมมฺปิ กายทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เตหิ ปน จิเตฺตหิ สหชาตา อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฎฺฐิโย เจตนาปกฺขิกา วา ภวนฺติ, อโพฺพหาริกา วาฯ วจีเภทํ ปน กตฺวา มุสาวาทาทีนิ กเถนฺตสฺส กมฺมมฺปิ วจีกมฺมํ ทฺวารมฺปิ วจีทฺวารเมวฯ เอวํ อกุสลํ วจีกมฺมํ วจีทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เตหิ ปน จิเตฺตหิ สหชาตา อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฎฺฐิโย เจตนาปกฺขิกา วา ภวนฺติ อโพฺพหาริกา วาฯ เอตฺตกา อาจริยานํ สมานตฺถกถา นามฯ

    Hatthamuddāya pana musāvādādīni kathentassa kammaṃ vacīkammaṃ, dvāraṃ pana kāyadvāraṃ hoti . Evaṃ akusalaṃ vacīkammampi kāyadvāre samuṭṭhāti. Tehi pana cittehi sahajātā abhijjhābyāpādamicchādiṭṭhiyo cetanāpakkhikā vā bhavanti, abbohārikā vā. Vacībhedaṃ pana katvā musāvādādīni kathentassa kammampi vacīkammaṃ dvārampi vacīdvārameva. Evaṃ akusalaṃ vacīkammaṃ vacīdvāre samuṭṭhāti. Tehi pana cittehi sahajātā abhijjhābyāpādamicchādiṭṭhiyo cetanāpakkhikā vā bhavanti abbohārikā vā. Ettakā ācariyānaṃ samānatthakathā nāma.

    วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘อกุสลํ วจีกมฺมํ มโนทฺวาเรปิ สมุฎฺฐาตี’ติฯ โส ‘ตโย สงฺคเห อารุฬฺหํ สุตฺตํ อาหราหี’ติ วุโตฺต อิทํ อุโปสถกฺขนฺธกโต สุตฺตํ อาหริ –

    Vitaṇḍavādī panāha – ‘akusalaṃ vacīkammaṃ manodvārepi samuṭṭhātī’ti. So ‘tayo saṅgahe āruḷhaṃ suttaṃ āharāhī’ti vutto idaṃ uposathakkhandhakato suttaṃ āhari –

    ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ยาวตติยํ อนุสฺสาวิยมาเน สรมาโน สนฺติํ อาปตฺติํ นาวิกเรยฺย สมฺปชานมุสาวาทสฺส โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔)ฯ

    ‘‘Yo pana bhikkhu yāvatatiyaṃ anussāviyamāne saramāno santiṃ āpattiṃ nāvikareyya sampajānamusāvādassa hotī’’ti (mahāva. 134).

    อิทํ สุตฺตํ อาหริตฺวา อาห – ‘เอวํ อาปตฺติํ อนาวิกโรโนฺต ตุณฺหีภูโตว อญฺญํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, เอตฺถ กุโต กายงฺคโจปนํ วา วาจงฺคโจปนํ วา? มโนทฺวารสฺมิํเยว ปน อิทํ อกุสลํ วจีกมฺมํ สมุฎฺฐาตี’ติฯ

    Idaṃ suttaṃ āharitvā āha – ‘evaṃ āpattiṃ anāvikaronto tuṇhībhūtova aññaṃ āpattiṃ āpajjati, ettha kuto kāyaṅgacopanaṃ vā vācaṅgacopanaṃ vā? Manodvārasmiṃyeva pana idaṃ akusalaṃ vacīkammaṃ samuṭṭhātī’ti.

    โส วตฺตโพฺพ – ‘กิํ ปเนตํ สุตฺตํ เนยฺยตฺถํ อุทาหุ นีตตฺถ’นฺติ? ‘นีตตฺถเมว มยฺหํ สุตฺต’นฺติฯ โส ‘มา เอวํ อวจ, ตุลยิสฺสามสฺส อตฺถ’นฺติ วตฺวา เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘สมฺปชานมุสาวาเท กิํ โหตี’ติ? ชานโนฺต ‘สมฺปชานมุสาวาเท ทุกฺกฎํ โหตี’ติ วกฺขติฯ ตโต วตฺตโพฺพ ‘วินยสฺส เทฺว มูลานิ – กาโย จ วาจา จ; สมฺมาสมฺพุเทฺธน หิ สพฺพาปตฺติโย อิเมสุเยว ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ ปญฺญตฺตา, มโนทฺวาเร อาปตฺติปญฺญปนํ นาม นตฺถิฯ ตฺวํ อติวิย วินเย ปกตญฺญู, โย สตฺถารา อปญฺญเตฺต ฐาเน อาปตฺติํ ปญฺญเปสิ, สมฺมาสมฺพุทฺธํ อพฺภาจิกฺขสิ, ชินจกฺกํ ปหรสี’ติอาทิวจเนหิ นิคฺคณฺหิตฺวา อุตฺตริ ปญฺหํ ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘สมฺปชานมุสาวาโท กิริยโต สมุฎฺฐาติ อุทาหุ อกิริยโต’ติ? ชานโนฺต ‘กิริยโต’ติ วกฺขติฯ ตโต วตฺตโพฺพ – ‘อนาวิกโรโนฺต กตรํ กิริยํ กโรตี’ติ? อทฺธา หิ กิริยํ อปสฺสโนฺต วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสติฯ ตโต อิมสฺส สุตฺตสฺส อเตฺถน สญฺญาเปตโพฺพฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยฺวายํ ‘สมฺปชานมุสาวาโท โหตี’ติ วุโตฺต, โส อาปตฺติโต กิํ โหติ? ‘กตราปตฺติ โหตี’ติ อโตฺถฯ ‘ทุกฺกฎาปตฺติ โหติ’ฯ สา จ โข น มุสาวาทลกฺขเณน, ภควโต ปน วจเนน วจีทฺวาเร อกิริยสมุฎฺฐานา อาปตฺติ โหตีติ เวทิตพฺพาฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    So vattabbo – ‘kiṃ panetaṃ suttaṃ neyyatthaṃ udāhu nītattha’nti? ‘Nītatthameva mayhaṃ sutta’nti. So ‘mā evaṃ avaca, tulayissāmassa attha’nti vatvā evaṃ pucchitabbo – ‘sampajānamusāvāde kiṃ hotī’ti? Jānanto ‘sampajānamusāvāde dukkaṭaṃ hotī’ti vakkhati. Tato vattabbo ‘vinayassa dve mūlāni – kāyo ca vācā ca; sammāsambuddhena hi sabbāpattiyo imesuyeva dvīsu dvāresu paññattā, manodvāre āpattipaññapanaṃ nāma natthi. Tvaṃ ativiya vinaye pakataññū, yo satthārā apaññatte ṭhāne āpattiṃ paññapesi, sammāsambuddhaṃ abbhācikkhasi, jinacakkaṃ paharasī’tiādivacanehi niggaṇhitvā uttari pañhaṃ pucchitabbo – ‘sampajānamusāvādo kiriyato samuṭṭhāti udāhu akiriyato’ti? Jānanto ‘kiriyato’ti vakkhati. Tato vattabbo – ‘anāvikaronto kataraṃ kiriyaṃ karotī’ti? Addhā hi kiriyaṃ apassanto vighātaṃ āpajjissati. Tato imassa suttassa atthena saññāpetabbo. Ayañhettha attho – yvāyaṃ ‘sampajānamusāvādo hotī’ti vutto, so āpattito kiṃ hoti? ‘Katarāpatti hotī’ti attho. ‘Dukkaṭāpatti hoti’. Sā ca kho na musāvādalakkhaṇena, bhagavato pana vacanena vacīdvāre akiriyasamuṭṭhānā āpatti hotīti veditabbā. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘อนาลปโนฺต มนุเชน เกนจิ,

    ‘‘Anālapanto manujena kenaci,

    วาจาคิรํ โน จ ปเร ภเณยฺย;

    Vācāgiraṃ no ca pare bhaṇeyya;

    อาปเชฺชยฺย วาจสิกํ น กายิกํ,

    Āpajjeyya vācasikaṃ na kāyikaṃ,

    ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปฎิ. ๔๗๙);

    Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (paṭi. 479);

    เอวํ อกุสลํ วจีกมฺมํ น มโนทฺวาเร สมุฎฺฐาตีติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ

    Evaṃ akusalaṃ vacīkammaṃ na manodvāre samuṭṭhātīti niṭṭhamettha gantabbaṃ.

    ยทา ปน อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา กายงฺคํ โจเปโนฺต หตฺถคฺคาหาทีนิ กโรติ, พฺยาปาทสหคเตน เจตสา ทณฺฑปรามาสาทีนิ, มิจฺฉาทิฎฺฐิสหคเตน เจตสา ‘ขนฺทสิวาทโย เสฎฺฐา’ติ เตสํ อภิวาทนอญฺชลิกมฺมภูตปีฐกปริภณฺฑาทีนิ กโรติ, ตทา กมฺมํ มโนกมฺมํ โหติ, ทฺวารํ ปน กายทฺวารํฯ เอวํ อกุสลํ มโนกมฺมํ กายทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เจตนา ปเนตฺถ อโพฺพหาริกาฯ

    Yadā pana abhijjhāsahagatena cetasā kāyaṅgaṃ copento hatthaggāhādīni karoti, byāpādasahagatena cetasā daṇḍaparāmāsādīni, micchādiṭṭhisahagatena cetasā ‘khandasivādayo seṭṭhā’ti tesaṃ abhivādanaañjalikammabhūtapīṭhakaparibhaṇḍādīni karoti, tadā kammaṃ manokammaṃ hoti, dvāraṃ pana kāyadvāraṃ. Evaṃ akusalaṃ manokammaṃ kāyadvāre samuṭṭhāti. Cetanā panettha abbohārikā.

    ยทา ปน อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา วาจงฺคํ โจเปโนฺต ‘อโห วต ยํ ปรสฺส, ตํ มมสฺสา’ติ ปรวิตฺตูปกรณํ อภิชฺฌายติ, พฺยาปาทสหคเตน เจตสา ‘อิเม สตฺตา หญฺญนฺตุ วา, พชฺฌนฺตุ วา, อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา, มา วา อเหสุ’นฺติ วทติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิสหคเตน เจตสา ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฎฺฐ’นฺติอาทีนิ วทติ, ตทา กมฺมํ มโนกมฺมํ โหติ, ทฺวารํ ปน วจีทฺวารํฯ เอวํ อกุสลํ มโนกมฺมํ วจีทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เจตนา ปเนตฺถ อโพฺพหาริกาฯ

    Yadā pana abhijjhāsahagatena cetasā vācaṅgaṃ copento ‘aho vata yaṃ parassa, taṃ mamassā’ti paravittūpakaraṇaṃ abhijjhāyati, byāpādasahagatena cetasā ‘ime sattā haññantu vā, bajjhantu vā, ucchijjantu vā, mā vā ahesu’nti vadati, micchādiṭṭhisahagatena cetasā ‘natthi dinnaṃ, natthi yiṭṭha’ntiādīni vadati, tadā kammaṃ manokammaṃ hoti, dvāraṃ pana vacīdvāraṃ. Evaṃ akusalaṃ manokammaṃ vacīdvāre samuṭṭhāti. Cetanā panettha abbohārikā.

    ยทา ปน กายงฺควาจงฺคานิ อโจเปตฺวา รโห นิสิโนฺน อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฎฺฐิสหคตานิ จิตฺตานิ อุปฺปาเทติ, ตทา กมฺมํ มโนกมฺมํ, ทฺวารมฺปิ มโนทฺวารเมวฯ เอวํ อกุสลํ มโนกมฺมํ มโนทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน เจตนาปิ เจตนาสมฺปยุตฺตกา ธมฺมาปิ มโนทฺวาเรเยว สมุฎฺฐหนฺติฯ เอวํ อกุสลํ มโนกมฺมํ ตีสุปิ ทฺวาเรสุ สมุฎฺฐาตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Yadā pana kāyaṅgavācaṅgāni acopetvā raho nisinno abhijjhābyāpādamicchādiṭṭhisahagatāni cittāni uppādeti, tadā kammaṃ manokammaṃ, dvārampi manodvārameva. Evaṃ akusalaṃ manokammaṃ manodvāre samuṭṭhāti. Imasmiṃ pana ṭhāne cetanāpi cetanāsampayuttakā dhammāpi manodvāreyeva samuṭṭhahanti. Evaṃ akusalaṃ manokammaṃ tīsupi dvāresu samuṭṭhātīti veditabbaṃ.

    ยํ ปน วุตฺตํ ‘ตถา กุสลานิ กายวจีมโนกมฺมานี’ติ, ตตฺรายํ นโย – ยทา หิ เกนจิ การเณน วตฺตุํ อสโกฺกโนฺต ‘ปาณาติปาตา อทินฺนาทานา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรมามี’ติ อิมานิ สิกฺขาปทานิ หตฺถมุทฺทาย คณฺหาติ, ตทา กมฺมํ กายกมฺมํ ทฺวารมฺปิ กายทฺวารเมวฯ เอวํ กุสลํ กายกมฺมํ กายทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เตหิ จิเตฺตหิ สหคตา อนภิชฺฌาทโย เจตนาปกฺขิกา วา โหนฺติ, อโพฺพหาริกา วาฯ

    Yaṃ pana vuttaṃ ‘tathā kusalāni kāyavacīmanokammānī’ti, tatrāyaṃ nayo – yadā hi kenaci kāraṇena vattuṃ asakkonto ‘pāṇātipātā adinnādānā kāmesumicchācārā paṭiviramāmī’ti imāni sikkhāpadāni hatthamuddāya gaṇhāti, tadā kammaṃ kāyakammaṃ dvārampi kāyadvārameva. Evaṃ kusalaṃ kāyakammaṃ kāyadvāre samuṭṭhāti. Tehi cittehi sahagatā anabhijjhādayo cetanāpakkhikā vā honti, abbohārikā vā.

    ยทา ปน ตาเนว สิกฺขาปทานิ วจีเภทํ กตฺวา คณฺหาติ, ตทา กมฺมํ กายกมฺมํ, ทฺวารํ ปน วจีทฺวารํ โหติฯ เอวํ กุสลํ กายกมฺมํ วจีทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เตหิ จิเตฺตหิ สหคตา อนภิชฺฌาทโย เจตนาปกฺขิกา วา โหนฺติ, อโพฺพหาริกา วาฯ

    Yadā pana tāneva sikkhāpadāni vacībhedaṃ katvā gaṇhāti, tadā kammaṃ kāyakammaṃ, dvāraṃ pana vacīdvāraṃ hoti. Evaṃ kusalaṃ kāyakammaṃ vacīdvāre samuṭṭhāti. Tehi cittehi sahagatā anabhijjhādayo cetanāpakkhikā vā honti, abbohārikā vā.

    ยทา ปน เตสุ สิกฺขาปเทสุ ทิยฺยมาเนสุ กายงฺควาจงฺคานิ อโจเปตฺวา มนสาว ‘ปาณาติปาตา อทินฺนาทานา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรมามี’ติ คณฺหาติ, ตทา กมฺมํ กายกมฺมํ, ทฺวารํ ปน มโนทฺวารํ โหติฯ เอวํ กุสลํ กายกมฺมํ มโนทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เตหิ จิเตฺตหิ สหคตา อนภิชฺฌาทโย เจตนาปกฺขิกา วา โหนฺติ, อโพฺพหาริกา วาฯ

    Yadā pana tesu sikkhāpadesu diyyamānesu kāyaṅgavācaṅgāni acopetvā manasāva ‘pāṇātipātā adinnādānā kāmesumicchācārā paṭiviramāmī’ti gaṇhāti, tadā kammaṃ kāyakammaṃ, dvāraṃ pana manodvāraṃ hoti. Evaṃ kusalaṃ kāyakammaṃ manodvāre samuṭṭhāti. Tehi cittehi sahagatā anabhijjhādayo cetanāpakkhikā vā honti, abbohārikā vā.

    ‘มุสาวาทา เวรมณี’อาทีนิ ปน จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ วุตฺตนเยเนว กายาทีหิ คณฺหนฺตสฺส กุสลํ วจีกมฺมํ ตีสุ ทฺวาเรสุ สมุฎฺฐาตีติ เวทิตพฺพํฯ อิธาปิ อนภิชฺฌาทโย เจตนาปกฺขิกา วา โหนฺติ, อโพฺพหาริกา วาฯ

    ‘Musāvādā veramaṇī’ādīni pana cattāri sikkhāpadāni vuttanayeneva kāyādīhi gaṇhantassa kusalaṃ vacīkammaṃ tīsu dvāresu samuṭṭhātīti veditabbaṃ. Idhāpi anabhijjhādayo cetanāpakkhikā vā honti, abbohārikā vā.

    อนภิชฺฌาทิสหคเตหิ ปน จิเตฺตหิ กายงฺคํ โจเปตฺวา เจติยงฺคณสมฺมชฺชนคนฺธมาลาทิปูชนเจติยวนฺทนาทีนิ กโรนฺตสฺส กมฺมํ มโนกมฺมํ โหติ, ทฺวารํ ปน กายทฺวารํฯ เอวํ กุสลํ มโนกมฺมํ กายทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เจตนา ปเนตฺถ อโพฺพหาริกาฯ อนภิชฺฌาสหคเตน จิเตฺตน วาจงฺคํ โจเปตฺวา ‘อโห วต ยํ ปรสฺส วิตฺตูปกรณํ น ตํ มมสฺสา’ติ อนภิชฺฌายโต อพฺยาปาทสหคเตน จิเตฺตน ‘สเพฺพ สตฺตา อเวรา อพฺยาพชฺฌา อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’ติ วทนฺตสฺส สมฺมาทิฎฺฐิสหคเตน จิเตฺตน ‘อตฺถิ ทินฺน’นฺติอาทีนิ อุทาหรนฺตสฺส กมฺมํ มโนกมฺมํ โหติ, ทฺวารํ ปน วจีทฺวารํฯ เอวํ กุสลํ มโนกมฺมํ วจีทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ เจตนา ปเนตฺถ อโพฺพหาริกาฯ กายงฺควาจงฺคานิ ปน อโจเปตฺวา รโห นิสินฺนสฺส มนสาว อนภิชฺฌาทิสหคตานิ จิตฺตานิ อุปฺปาเทนฺตสฺส กมฺมํ มโนกมฺมํ, ทฺวารมฺปิ มโนทฺวารเมวฯ เอวํ กุสลํ มโนกมฺมํ มโนทฺวาเร สมุฎฺฐาติฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน เจตนาปิ เจตนาสมฺปยุตฺตกา ธมฺมาปิ มโนทฺวาเรเยว สมุฎฺฐหนฺติฯ

    Anabhijjhādisahagatehi pana cittehi kāyaṅgaṃ copetvā cetiyaṅgaṇasammajjanagandhamālādipūjanacetiyavandanādīni karontassa kammaṃ manokammaṃ hoti, dvāraṃ pana kāyadvāraṃ. Evaṃ kusalaṃ manokammaṃ kāyadvāre samuṭṭhāti. Cetanā panettha abbohārikā. Anabhijjhāsahagatena cittena vācaṅgaṃ copetvā ‘aho vata yaṃ parassa vittūpakaraṇaṃ na taṃ mamassā’ti anabhijjhāyato abyāpādasahagatena cittena ‘sabbe sattā averā abyābajjhā anīghā sukhī attānaṃ pariharantū’ti vadantassa sammādiṭṭhisahagatena cittena ‘atthi dinna’ntiādīni udāharantassa kammaṃ manokammaṃ hoti, dvāraṃ pana vacīdvāraṃ. Evaṃ kusalaṃ manokammaṃ vacīdvāre samuṭṭhāti. Cetanā panettha abbohārikā. Kāyaṅgavācaṅgāni pana acopetvā raho nisinnassa manasāva anabhijjhādisahagatāni cittāni uppādentassa kammaṃ manokammaṃ, dvārampi manodvārameva. Evaṃ kusalaṃ manokammaṃ manodvāre samuṭṭhāti. Imasmiṃ pana ṭhāne cetanāpi cetanāsampayuttakā dhammāpi manodvāreyeva samuṭṭhahanti.

    ตตฺถ อาณตฺติสมุฎฺฐิเตสุ ปาณาติปาตอทินฺนาทาเนสุ กมฺมมฺปิ กายกมฺมํ ทฺวารมฺปิ กมฺมวเสเนว กายทฺวารนฺติ วทโนฺต กมฺมํ รกฺขติ, ทฺวารํ ภินฺทติ นามฯ หตฺถมุทฺทาย สมุฎฺฐิเตสุ มุสาวาทาทีสุ ทฺวารมฺปิ กายทฺวารํ, กมฺมมฺปิ ทฺวารวเสเนว กายกมฺมนฺติ วทโนฺต ทฺวารํ รกฺขติ กมฺมํ ภินฺทติ นามฯ ตสฺมา ‘กมฺมํ รกฺขามี’ติ ทฺวารํ น ภินฺทิตพฺพํ, ‘ทฺวารํ รกฺขามี’ติ กมฺมํ น ภินฺทิตพฺพํฯ ยถาวุเตฺตเนว ปน นเยน กมฺมญฺจ ทฺวารญฺจ เวทิตพฺพํฯ เอวํ กเถโนฺต หิ เนว กมฺมํ น ทฺวารํ ภินฺทตีติฯ

    Tattha āṇattisamuṭṭhitesu pāṇātipātaadinnādānesu kammampi kāyakammaṃ dvārampi kammavaseneva kāyadvāranti vadanto kammaṃ rakkhati, dvāraṃ bhindati nāma. Hatthamuddāya samuṭṭhitesu musāvādādīsu dvārampi kāyadvāraṃ, kammampi dvāravaseneva kāyakammanti vadanto dvāraṃ rakkhati kammaṃ bhindati nāma. Tasmā ‘kammaṃ rakkhāmī’ti dvāraṃ na bhinditabbaṃ, ‘dvāraṃ rakkhāmī’ti kammaṃ na bhinditabbaṃ. Yathāvutteneva pana nayena kammañca dvārañca veditabbaṃ. Evaṃ kathento hi neva kammaṃ na dvāraṃ bhindatīti.

    กมฺมกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Kammakathā niṭṭhitā.

    อิทานิ ‘ปญฺจ วิญฺญาณานิ ปญฺจวิญฺญาณทฺวารานี’ติอาทีสุ จกฺขุวิญฺญาณํ โสตวิญฺญาณํ ฆานวิญฺญาณํ ชิวฺหาวิญฺญาณํ กายวิญฺญาณนฺติ อิมานิ ปญฺจ วิญฺญาณานิ นามฯ จกฺขุวิญฺญาณทฺวารํ โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายวิญฺญาณทฺวารนฺติ อิมานิ ปญฺจ วิญฺญาณทฺวารานิ นามฯ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ ทฺวารานํ วเสน อุปฺปนฺนา เจตนา เนว กายกมฺมํ โหติ, น วจีกมฺมํ, มโนกมฺมเมว โหตีติ เวทิตพฺพาฯ จกฺขุสมฺผโสฺส โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กาย… มโนสมฺผโสฺสติ อิเม ปน ฉ สมฺผสฺสา นามฯ จกฺขุสมฺผสฺสทฺวารํ โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กาย… มโนสมฺผสฺสทฺวารนฺติ อิมานิ ฉ สมฺผสฺสทฺวารานิ นามฯ

    Idāni ‘pañca viññāṇāni pañcaviññāṇadvārānī’tiādīsu cakkhuviññāṇaṃ sotaviññāṇaṃ ghānaviññāṇaṃ jivhāviññāṇaṃ kāyaviññāṇanti imāni pañca viññāṇāni nāma. Cakkhuviññāṇadvāraṃ sota… ghāna… jivhā… kāyaviññāṇadvāranti imāni pañca viññāṇadvārāni nāma. Imesaṃ pañcannaṃ dvārānaṃ vasena uppannā cetanā neva kāyakammaṃ hoti, na vacīkammaṃ, manokammameva hotīti veditabbā. Cakkhusamphasso sota… ghāna… jivhā… kāya… manosamphassoti ime pana cha samphassā nāma. Cakkhusamphassadvāraṃ sota… ghāna… jivhā… kāya… manosamphassadvāranti imāni cha samphassadvārāni nāma.

    จกฺขุอสํวโร โสต… ฆาน… ชิวฺหา… ปสาทกาย… โจปนกายอสํวโร วาจาอสํวโร มโนอสํวโรติ – อิเม อฎฺฐ อสํวรา นามฯ เต อตฺถโต ‘ทุสฺสีลฺยํ มุฎฺฐสฺสจฺจํ อญฺญาณํ อกฺขนฺติ โกสชฺช’นฺติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา โหนฺติฯ เตสุ เอกธโมฺมปิ ปญฺจทฺวาเร โวฎฺฐพฺพนปริโยสาเนสุ จิเตฺตสุ นุปฺปชฺชติ, ชวนกฺขเณเยว อุปฺปชฺชติฯ ชวเน อุปฺปโนฺนปิ ปญฺจทฺวาเร อสํวโรติ วุจฺจติฯ

    Cakkhuasaṃvaro sota… ghāna… jivhā… pasādakāya… copanakāyaasaṃvaro vācāasaṃvaro manoasaṃvaroti – ime aṭṭha asaṃvarā nāma. Te atthato ‘dussīlyaṃ muṭṭhassaccaṃ aññāṇaṃ akkhanti kosajja’nti ime pañca dhammā honti. Tesu ekadhammopi pañcadvāre voṭṭhabbanapariyosānesu cittesu nuppajjati, javanakkhaṇeyeva uppajjati. Javane uppannopi pañcadvāre asaṃvaroti vuccati.

    จกฺขุวิญฺญาณสหชาโต หิ ผโสฺส จกฺขุสมฺผโสฺส นาม, เจตนา มโนกมฺมํ นาม, ตํ จิตฺตํ มโนกมฺมทฺวารํ นามฯ เอตฺถ ปญฺจวิโธ อสํวโร นตฺถิ ฯ สมฺปฎิจฺฉนสหชาโต ผโสฺส มโนสมฺผโสฺส นาม, เจตนา มโนกมฺมํ นาม, ตํ จิตฺตํ มโนกมฺมทฺวารํ นามฯ เอตฺถาปิ อสํวโร นตฺถิฯ สนฺตีรณโวฎฺฐพฺพเนสุปิ เอเสว นโยฯ ชวนสหชาโต ปน ผโสฺส มโนสมฺผโสฺส นาม, เจตนา มโนกมฺมํ นาม, ตํ จิตฺตํ มโนกมฺมทฺวารํ นามฯ เอตฺถ อสํวโร จกฺขุอสํวโร นาม โหติฯ โสตฆานชิวฺหาปสาทกายทฺวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ ยทา ปน รูปาทีสุ อญฺญตรารมฺมณํ มโนทฺวาริกชวนํ วินา วจีทฺวาเรน สุทฺธํ กายทฺวารสงฺขาตํ โจปนํ ปาปยมานํ อุปฺปชฺชติ, ตทา เตน จิเตฺตน สหชาโต ผโสฺส มโนสมฺผโสฺส นาม, เจตนา กายกมฺมํ นาม, ตํ ปน จิตฺตํ อโพฺพหาริกํ, โจปนสฺส อุปฺปนฺนตฺตา มโนทฺวารนฺติ สงฺขฺยํ น คจฺฉติฯ เอตฺถ อสํวโร โจปนกายอสํวโร นามฯ ยทา ตาทิสํเยว ชวนํ วินา กายทฺวาเรน สุทฺธํ วจีทฺวารสงฺขาตํ โจปนํ ปาปยมานํ อุปฺปชฺชติ, ตทา เตน จิเตฺตน สหชาโต ผโสฺส มโนสมฺผโสฺส นาม, เจตนา วจีกมฺมํ นาม, ตํ ปน จิตฺตํ อโพฺพหาริกํ, โจปนสฺส อุปฺปนฺนตฺตา มโนทฺวารนฺติ สงฺขฺยํ น คจฺฉติฯ เอตฺถ อสํวโร วาจาอสํวโร นามฯ ยทา ปน ตาทิสํ ชวนจิตฺตํ วินา กายวจีทฺวาเรหิ สุทฺธํ มโนทฺวารเมว หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, ตทา เตน จิเตฺตน สหชาโต ผโสฺส มโนสมฺผโสฺส นาม, เจตนา มโนกมฺมํ นาม, ตํ ปน จิตฺตํ มโนกมฺมทฺวารํ นามฯ เอตฺถ อสํวโร มโนอสํวโร นามฯ อิติ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ อสํวรานํ วเสน จกฺขุอสํวรทฺวารํ, โสต… ฆาน… ชิวฺหา… ปสาทกาย… โจปนกาย… วาจา… มโนอสํวรทฺวารนฺติ อิมานิ อฎฺฐ อสํวรทฺวารานิ เวทิตพฺพานิฯ

    Cakkhuviññāṇasahajāto hi phasso cakkhusamphasso nāma, cetanā manokammaṃ nāma, taṃ cittaṃ manokammadvāraṃ nāma. Ettha pañcavidho asaṃvaro natthi . Sampaṭicchanasahajāto phasso manosamphasso nāma, cetanā manokammaṃ nāma, taṃ cittaṃ manokammadvāraṃ nāma. Etthāpi asaṃvaro natthi. Santīraṇavoṭṭhabbanesupi eseva nayo. Javanasahajāto pana phasso manosamphasso nāma, cetanā manokammaṃ nāma, taṃ cittaṃ manokammadvāraṃ nāma. Ettha asaṃvaro cakkhuasaṃvaro nāma hoti. Sotaghānajivhāpasādakāyadvāresupi eseva nayo. Yadā pana rūpādīsu aññatarārammaṇaṃ manodvārikajavanaṃ vinā vacīdvārena suddhaṃ kāyadvārasaṅkhātaṃ copanaṃ pāpayamānaṃ uppajjati, tadā tena cittena sahajāto phasso manosamphasso nāma, cetanā kāyakammaṃ nāma, taṃ pana cittaṃ abbohārikaṃ, copanassa uppannattā manodvāranti saṅkhyaṃ na gacchati. Ettha asaṃvaro copanakāyaasaṃvaro nāma. Yadā tādisaṃyeva javanaṃ vinā kāyadvārena suddhaṃ vacīdvārasaṅkhātaṃ copanaṃ pāpayamānaṃ uppajjati, tadā tena cittena sahajāto phasso manosamphasso nāma, cetanā vacīkammaṃ nāma, taṃ pana cittaṃ abbohārikaṃ, copanassa uppannattā manodvāranti saṅkhyaṃ na gacchati. Ettha asaṃvaro vācāasaṃvaro nāma. Yadā pana tādisaṃ javanacittaṃ vinā kāyavacīdvārehi suddhaṃ manodvārameva hutvā uppajjati, tadā tena cittena sahajāto phasso manosamphasso nāma, cetanā manokammaṃ nāma, taṃ pana cittaṃ manokammadvāraṃ nāma. Ettha asaṃvaro manoasaṃvaro nāma. Iti imesaṃ aṭṭhannaṃ asaṃvarānaṃ vasena cakkhuasaṃvaradvāraṃ, sota… ghāna… jivhā… pasādakāya… copanakāya… vācā… manoasaṃvaradvāranti imāni aṭṭha asaṃvaradvārāni veditabbāni.

    จกฺขุสํวโร โสต… ฆาน… ชิวฺหา… ปสาทกาย… โจปนกาย… วาจา… มโนสํวโรติ อิเม ปน อฎฺฐ สํวรา นามฯ เต อตฺถโต ‘สีลํ สติ ญาณํ ขนฺติ วีริย’นฺติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา โหนฺติฯ เตสุปิ เอกธโมฺมปิ ปญฺจทฺวาเร โวฎฺฐพฺพนปริโยสาเนสุ จิเตฺตสุ นุปฺปชฺชติฯ ชวนกฺขเณเยว อุปฺปชฺชติฯ ชวเน อุปฺปโนฺนปิ ปญฺจทฺวาเร สํวโรติ วุจฺจติฯ ตสฺส สพฺพสฺสาปิ จกฺขุวิญฺญาณสหชาโต หิ ผโสฺส จกฺขุสมฺผโสฺสติอาทินา อสํวเร วุตฺตนเยเนว อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ อิติ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ สํวรานํ วเสน จกฺขุสํวรทฺวารํ…เป.… มโนสํวรทฺวารนฺติ อิมานิ อฎฺฐ สํวรทฺวารานิ เวทิตพฺพานิฯ

    Cakkhusaṃvaro sota… ghāna… jivhā… pasādakāya… copanakāya… vācā… manosaṃvaroti ime pana aṭṭha saṃvarā nāma. Te atthato ‘sīlaṃ sati ñāṇaṃ khanti vīriya’nti ime pañca dhammā honti. Tesupi ekadhammopi pañcadvāre voṭṭhabbanapariyosānesu cittesu nuppajjati. Javanakkhaṇeyeva uppajjati. Javane uppannopi pañcadvāre saṃvaroti vuccati. Tassa sabbassāpi cakkhuviññāṇasahajāto hi phasso cakkhusamphassotiādinā asaṃvare vuttanayeneva uppatti veditabbā. Iti imesaṃ aṭṭhannaṃ saṃvarānaṃ vasena cakkhusaṃvaradvāraṃ…pe… manosaṃvaradvāranti imāni aṭṭha saṃvaradvārāni veditabbāni.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact