Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๒๘. กมฺมนิเทฺทสวณฺณนา
28. Kammaniddesavaṇṇanā
๑๙๙. อธมฺมกมฺมนฺติ เอตฺถ กถํ อธมฺมกมฺมํ โหตีติ เจ? วุตฺตเญฺหตํ ภควตา ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อธมฺมกมฺมํ? ญตฺติทุติเย เจ, ภิกฺขเว, กเมฺม เอกาย ญตฺติยา กมฺมํ กโรติ, น จ กมฺมวาจํ อนุสฺสาเวติ, อธมฺมกมฺมํฯ ทฺวีหิ ญตฺตีหิ กมฺมํ กโรติ, น จ กมฺมวาจํ อนุสฺสาเวติ, อธมฺมกมฺมํฯ เอกาย กมฺมวาจาย กมฺมํ กโรติ, น จ ญตฺติํ ฐเปติ, อธมฺมกมฺมํฯ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ กมฺมํ กโรติ, น จ ญตฺติํ ฐเปติ, อธมฺมกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๓๘๗)ฯ อิมินา นเยน เสสกเมฺมสุปิ วุตฺตปฺปกาเรน อกตฺวา อญฺญถา กรณํ อธมฺมกมฺมนฺติ เวทิตพฺพํฯ
199.Adhammakammanti ettha kathaṃ adhammakammaṃ hotīti ce? Vuttañhetaṃ bhagavatā ‘‘katamañca, bhikkhave, adhammakammaṃ? Ñattidutiye ce, bhikkhave, kamme ekāya ñattiyā kammaṃ karoti, na ca kammavācaṃ anussāveti, adhammakammaṃ. Dvīhi ñattīhi kammaṃ karoti, na ca kammavācaṃ anussāveti, adhammakammaṃ. Ekāya kammavācāya kammaṃ karoti, na ca ñattiṃ ṭhapeti, adhammakammaṃ. Dvīhi kammavācāhi kammaṃ karoti, na ca ñattiṃ ṭhapeti, adhammakamma’’nti (mahāva. 387). Iminā nayena sesakammesupi vuttappakārena akatvā aññathā karaṇaṃ adhammakammanti veditabbaṃ.
วเคฺคนาติ วเคฺคน สเงฺฆนฯ กถญฺจ วคฺคํ โหตีติ เจ? ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อนาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉโนฺท อนาหโฎ โหติ, สมฺมุขีภูตา ปฎิโกฺกสนฺติ, วคฺคกมฺมนฺติ อิเมสุ เยน เกนจิ เอเกนปิ อเงฺคน วคฺคํ โหติฯ
Vaggenāti vaggena saṅghena. Kathañca vaggaṃ hotīti ce? Yāvatikā ca bhikkhū kammappattā, te anāgatā honti, chandārahānaṃ chando anāhaṭo hoti, sammukhībhūtā paṭikkosanti, vaggakammanti imesu yena kenaci ekenapi aṅgena vaggaṃ hoti.
สมเคฺคนาติ สมเคฺคน สเงฺฆนฯ กถํ สมคฺคํ โหตีติ เจ? ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉโนฺท อาหโฎ โหติ, สมฺมุขีภูตา นปฺปฎิโกฺกสนฺติ, สมคฺคกมฺมนฺติ เอวํฯ
Samaggenāti samaggena saṅghena. Kathaṃ samaggaṃ hotīti ce? Yāvatikā ca bhikkhū kammappattā, te āgatā honti, chandārahānaṃ chando āhaṭo hoti, sammukhībhūtā nappaṭikkosanti, samaggakammanti evaṃ.
จตุตฺถนฺติ สมเคฺคน ธมฺมิกํฯ เอตฺตาวตา ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กมฺมานิ, อธเมฺมน วคฺคกมฺมํ, อธเมฺมน สมคฺคกมฺมํ, ธเมฺมน วคฺคกมฺมํ, ธเมฺมน สมคฺคกมฺม’’นฺติ (มหาว. ๓๘๔) เอวํ วุตฺตานิ จตฺตาริ กมฺมานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ
Catutthanti samaggena dhammikaṃ. Ettāvatā ‘‘cattārimāni, bhikkhave, kammāni, adhammena vaggakammaṃ, adhammena samaggakammaṃ, dhammena vaggakammaṃ, dhammena samaggakamma’’nti (mahāva. 384) evaṃ vuttāni cattāri kammāni pariggahitāni hontīti veditabbāni.
๒๐๐-๒๐๒. ทสวคฺคิโก (มหาว. ๓๘๘; กงฺขา. อฎฺฐ. นิทานวณฺณนา) วีสติวคฺคิโก จ ทสวีสติวคฺคิโกฯ อพฺภาโนปสมฺปทาปฺปวารณา ฐเปตฺวา สพฺพกเมฺมสุ กมฺมปฺปโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ เสเสสุปิฯ อิตโรติ วีสติวโคฺค จ อติเรกวีสติวโคฺค จฯ
200-202. Dasavaggiko (mahāva. 388; kaṅkhā. aṭṭha. nidānavaṇṇanā) vīsativaggiko ca dasavīsativaggiko. Abbhānopasampadāppavāraṇā ṭhapetvā sabbakammesu kammappattoti sambandho. Evaṃ sesesupi. Itaroti vīsativaggo ca atirekavīsativaggo ca.
๒๐๓. อิทานิ กมฺมปฺปเตฺต จ ฉนฺทารเห จ ทเสฺสตุํ ‘‘จตุวเคฺคนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ (ปริ. ๔๘๘, ๔๙๗; ปริ. ๔๘๗-๔๘๘) ปกตตฺตา นาม เย ปาราชิกอุกฺขิตฺตลทฺธินานาสํวาสกา น โหนฺติฯ ปเรติ เอกสีมฎฺฐา ปกตตฺตา ภิกฺขูฯ ยทิ ปกตตฺตา ภิกฺขูปิ อญฺญตรํ คามสีมํ วา นทีสมุทฺทชาตสฺสรขณฺฑสีมาสุ วา อญฺญตรํ ปวิสิตฺวา ฐิตา โหนฺติ, เนว กมฺมปฺปตฺตา, น ฉนฺทารหาฯ น หิ เตสํ ฉโนฺท วา ปาริสุทฺธิ วา อาคจฺฉติ อญฺญสีมายํ ฐิตตฺตาฯ เสเสปีติ ปญฺจวคฺคาทิกรณีเยปีติ อโตฺถฯ
203. Idāni kammappatte ca chandārahe ca dassetuṃ ‘‘catuvaggenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha (pari. 488, 497; pari. 487-488) pakatattā nāma ye pārājikaukkhittaladdhinānāsaṃvāsakā na honti. Pareti ekasīmaṭṭhā pakatattā bhikkhū. Yadi pakatattā bhikkhūpi aññataraṃ gāmasīmaṃ vā nadīsamuddajātassarakhaṇḍasīmāsu vā aññataraṃ pavisitvā ṭhitā honti, neva kammappattā, na chandārahā. Na hi tesaṃ chando vā pārisuddhi vā āgacchati aññasīmāyaṃ ṭhitattā. Sesepīti pañcavaggādikaraṇīyepīti attho.
๒๐๔. อสํวาสคณปูรํ วา กตฺวา กตํ กมฺมํ กุปฺปญฺจ โหติ, การกานญฺจ ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ยสฺส สโงฺฆ กมฺมํ กโรติ, ตํจตุโตฺถ กมฺมํ กเรยฺย, อกมฺมํ น จ กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๓๘๙) วุตฺตตฺตา ‘‘กมฺมารหคณปูรํ วา’’ติ วุตฺตํฯ อิทานิ ปริวาสาทิกมฺมานํเยว ปริสโต วิปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘ครุกฎฺฐคณปูรํ วา’’ติ วุตฺตํฯ ตมฺปิ อนิกฺขิตฺตวตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ นิกฺขิตฺตวโตฺต ปน สพฺพตฺถ คณปูรโก โหติ เอวฯ
204. Asaṃvāsagaṇapūraṃ vā katvā kataṃ kammaṃ kuppañca hoti, kārakānañca dukkaṭanti attho. ‘‘Yassa saṅgho kammaṃ karoti, taṃcatuttho kammaṃ kareyya, akammaṃ na ca karaṇīya’’nti (mahāva. 389) vuttattā ‘‘kammārahagaṇapūraṃ vā’’ti vuttaṃ. Idāni parivāsādikammānaṃyeva parisato vipattiṃ dassetuṃ ‘‘garukaṭṭhagaṇapūraṃ vā’’ti vuttaṃ. Tampi anikkhittavattaṃ sandhāya vuttaṃ. Nikkhittavatto pana sabbattha gaṇapūrako hoti eva.
๒๐๕. วาเรยฺยาติ ปฎิกฺขิเปยฺยฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อธมฺมกเมฺม กยิรมาเน ปฎิโกฺกสิตุ’’นฺติ (มหาว. ๑๕๔) หิ วุตฺตํฯ อนฺตราเย สตีติ อโตฺถฯ ‘‘อธมฺมกมฺมํ อิทํ, น เมตํ ขมตี’’ติ เอวํ เทฺว ตโย อญฺญมญฺญํ ทิฎฺฐิํ อาวิ กเรยฺยุนฺติ อโตฺถฯ ยทิ เอโก โหติ, ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ เอวํ อธิฎฺฐานํ กเรยฺยาติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา เอเต นิราปตฺติกา โหนฺติ, อนฺตรายา จ มุจฺจนฺติ, กมฺมํ ปน อธมฺมตฺตา กุปฺปเมวฯ วาเรเนฺตว ตโตธิกาติ เอตฺถ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตูหิ ปญฺจหิ ปฎิโกฺกสิตุํ, ทฺวีหิ ตีหิ ทิฎฺฐิํ อาวิ กาตุํ, เอเกน อธิฎฺฐาตุํ, ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ (มหาว. ๑๕๔) วุตฺตตฺตา จตฺตาโร วา ปญฺจ วา วาเรนฺติ เอวาติ อโตฺถฯ
205.Vāreyyāti paṭikkhipeyya. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, adhammakamme kayiramāne paṭikkositu’’nti (mahāva. 154) hi vuttaṃ. Antarāye satīti attho. ‘‘Adhammakammaṃ idaṃ, na metaṃ khamatī’’ti evaṃ dve tayo aññamaññaṃ diṭṭhiṃ āvi kareyyunti attho. Yadi eko hoti, ‘‘na metaṃ khamatī’’ti evaṃ adhiṭṭhānaṃ kareyyāti attho. Ettāvatā ete nirāpattikā honti, antarāyā ca muccanti, kammaṃ pana adhammattā kuppameva. Vārenteva tatodhikāti ettha ‘‘anujānāmi, bhikkhave, catūhi pañcahi paṭikkosituṃ, dvīhi tīhi diṭṭhiṃ āvi kātuṃ, ekena adhiṭṭhātuṃ, ‘‘na metaṃ khamatī’’ti (mahāva. 154) vuttattā cattāro vā pañca vā vārenti evāti attho.
๒๐๖. อิทานิ เยหิ ปฎิกฺขิตฺตํ โหติ, เต ทเสฺสตุํ ‘‘กมฺมารหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขิตฺตจิตฺต-คฺคหเณน อุมฺมตฺตโกปิ คหิโตวฯ เอเตสนฺติ เย วุตฺตปฺปการา, เตสํ ปฎิเกฺขโป น รุหตีติ อโตฺถฯ
206. Idāni yehi paṭikkhittaṃ hoti, te dassetuṃ ‘‘kammārahā’’tiādi vuttaṃ. Tattha khittacitta-ggahaṇena ummattakopi gahitova. Etesanti ye vuttappakārā, tesaṃ paṭikkhepo na ruhatīti attho.
๒๐๗. อิทานิ ยสฺส ปฎิเกฺขโป รุหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปกตเตฺตกสีมฎฺฐ-สมสํวาสภิกฺขุโน’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ (มหาว. ๓๙๔) – เอวรูปสฺส ภิกฺขุโน ปฎิโกฺกสนา อนฺตมโส อานนฺตรสฺสาปิ อาโรเจนฺตสฺส รุหตีติฯ ‘‘ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว , ปกตตฺตสฺส สมานสํวาสิกสฺส สมานสีมายํ ฐิตสฺส อนฺตมโส อานนฺตริกสฺสปิ ภิกฺขุโน วิญฺญาเปนฺตสฺส สงฺฆมเชฺฌ ปฎิโกฺกสนา รุหตี’’ติ (มหาว. ๓๙๔) วุตฺตํฯ
207. Idāni yassa paṭikkhepo ruhati, taṃ dassetuṃ ‘‘pakatattekasīmaṭṭha-samasaṃvāsabhikkhuno’’ti vuttaṃ. Tassattho (mahāva. 394) – evarūpassa bhikkhuno paṭikkosanā antamaso ānantarassāpi ārocentassa ruhatīti. ‘‘Bhikkhussa, bhikkhave , pakatattassa samānasaṃvāsikassa samānasīmāyaṃ ṭhitassa antamaso ānantarikassapi bhikkhuno viññāpentassa saṅghamajjhe paṭikkosanā ruhatī’’ti (mahāva. 394) vuttaṃ.
๒๐๘. สมฺมุขา ยทิ ปฎิโกฺกเสยฺยาติ อโตฺถฯ ติโรกฺขาติ ปรมฺมุขาฯ กายสามคฺคิํ วา ฉนฺทํ วา โน ทเทยฺย, ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ กมฺมวินิจฺฉโยฯ
208. Sammukhā yadi paṭikkoseyyāti attho. Tirokkhāti parammukhā. Kāyasāmaggiṃ vā chandaṃ vā no dadeyya, dukkaṭanti attho. Kammavinicchayo.
กมฺมนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kammaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.