Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๒๘. กมฺมนิเทฺทสวณฺณนา
28. Kammaniddesavaṇṇanā
๑๙๙. วเคฺคน อธมฺมกมฺมญฺจ สมเคฺคน อธมฺมกมฺมญฺจ วเคฺคน ธมฺมกมฺมญฺจ สมเคฺคน ธมฺมกมฺมญฺจาติ จตฺตาริ กมฺมานิ โหนฺตีติ เสโสฯ ตตฺถ วเคฺคน อธมฺมกมฺมนฺติ วเคฺคน สเงฺฆน กรณียํ อธมฺมกมฺมํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ วโคฺคติ จ สมูโห วุจฺจติ, โส จ จตุวคฺคาทิกรณียาทีสุ ยาวติกานํ กมฺมปฺปตฺตานํ อสมฺมุขีภาเวน, ฉนฺทารหานํ ฉนฺทานาหรเณน, สมฺมุขีภูตานญฺจ ปฎิโกฺกสเนน, เตสุ เอเกนาปิ วา อิธ อธิเปฺปโตฯ อธมฺมกมฺมนฺติ เอตฺถ ปน ธโมฺม นาม ‘‘อุตฺติทุติเย เจ, ภิกฺขเว, กเมฺม เอกาย อุตฺติยา กมฺมํ กโรติ, น จ กมฺมวาจํ อนุสฺสาเวติ, อธมฺมกมฺม’’นฺติอาทินา (มหาว. ๓๘๗) เอกาเยว ญตฺติยา , ตถา ทฺวีหิ ญตฺตีหิ เอกาเยว วา กมฺมวาจาย, ตถา ทฺวีหิ กมฺมวาจาหีติ อาคตาย จ ตถา หาปนอญฺญถากรณภาเวน ญตฺติกมฺมํ ฐเปตฺวา ญตฺติจตุเตฺถ จ กเมฺม อาคตาย จ อกมฺมารหสฺส ตชฺชนียปพฺพาชนียปฎิสารณียนิยสฺสติวิธอุเกฺขปนียานํ สตฺตนฺนํ กมฺมานํ กรณวเสน, กมฺมารหสฺส จ วิราเธตฺวา กรณวเสน อาคตาย จ ปาฬิยา วิปรีตา จ ปาฬิ, อุปสมฺปทาทิกมฺมวเสน อาคตา จ ปาฬิ, สมฺมุขาวินยสติวินยอมูฬฺหวินยปฎิญฺญากรณเยภุยฺยสิกาตสฺสปาปิ- ยสิกาติณวตฺถารกสงฺขาตานํ สตฺตนฺนํ กมฺมานํ ยถาลาภกรณวเสน อาคตา จ ปาฬิ, เตน กรณียํ อปโลกนญตฺติญตฺติทุติยญตฺติจตุตฺถสงฺขาตํ จตุพฺพิธํ กมฺมํ ธมฺมกมฺมํ, ตปฺปฎิปกฺขํ อธมฺมกมฺมํฯ ตพฺพิปริยาเยน สมโคฺค ธมฺมกมฺมญฺจ เวทิตพฺพํฯ ธโมฺม ยถาวุตฺตา ปาฬิ อสฺส อตฺถิ, ธเมฺมน กตํ วาติ ธมฺมิกํฯ ตพฺพิปรีตํ อธมฺมิกํฯ จตุตฺถํเยวาติ เตสุ จตูสุ กเมฺมสุ จตุนฺนํ ปูรณํ สมเคฺคน ธมฺมิกํฯ เสสกมฺมานํ ภาเวน ภิกฺขุนา ทุกฺกฎสฺส ภวนํ ลกฺขียตีติ เสสกเมฺมสูติ ภาวลกฺขเณ สตฺตมีฯ ทุกฺกฎนฺติ กุปฺปานํ อธมฺมกมฺมวคฺคกมฺมานํ กตตฺตา ทุกฺกฎํฯ
199. Vaggena adhammakammañca samaggena adhammakammañca vaggena dhammakammañca samaggena dhammakammañcāti cattāri kammāni hontīti seso. Tattha vaggena adhammakammanti vaggena saṅghena karaṇīyaṃ adhammakammaṃ. Esa nayo sabbattha. Vaggoti ca samūho vuccati, so ca catuvaggādikaraṇīyādīsu yāvatikānaṃ kammappattānaṃ asammukhībhāvena, chandārahānaṃ chandānāharaṇena, sammukhībhūtānañca paṭikkosanena, tesu ekenāpi vā idha adhippeto. Adhammakammanti ettha pana dhammo nāma ‘‘uttidutiye ce, bhikkhave, kamme ekāya uttiyā kammaṃ karoti, na ca kammavācaṃ anussāveti, adhammakamma’’ntiādinā (mahāva. 387) ekāyeva ñattiyā , tathā dvīhi ñattīhi ekāyeva vā kammavācāya, tathā dvīhi kammavācāhīti āgatāya ca tathā hāpanaaññathākaraṇabhāvena ñattikammaṃ ṭhapetvā ñatticatutthe ca kamme āgatāya ca akammārahassa tajjanīyapabbājanīyapaṭisāraṇīyaniyassatividhaukkhepanīyānaṃ sattannaṃ kammānaṃ karaṇavasena, kammārahassa ca virādhetvā karaṇavasena āgatāya ca pāḷiyā viparītā ca pāḷi, upasampadādikammavasena āgatā ca pāḷi, sammukhāvinayasativinayaamūḷhavinayapaṭiññākaraṇayebhuyyasikātassapāpi- yasikātiṇavatthārakasaṅkhātānaṃ sattannaṃ kammānaṃ yathālābhakaraṇavasena āgatā ca pāḷi, tena karaṇīyaṃ apalokanañattiñattidutiyañatticatutthasaṅkhātaṃ catubbidhaṃ kammaṃ dhammakammaṃ, tappaṭipakkhaṃ adhammakammaṃ. Tabbipariyāyena samaggo dhammakammañca veditabbaṃ. Dhammo yathāvuttā pāḷi assa atthi, dhammena kataṃ vāti dhammikaṃ. Tabbiparītaṃ adhammikaṃ. Catutthaṃyevāti tesu catūsu kammesu catunnaṃ pūraṇaṃ samaggena dhammikaṃ. Sesakammānaṃ bhāvena bhikkhunā dukkaṭassa bhavanaṃ lakkhīyatīti sesakammesūti bhāvalakkhaṇe sattamī. Dukkaṭanti kuppānaṃ adhammakammavaggakammānaṃ katattā dukkaṭaṃ.
๒๐๐. อิทานิ ยทิทํ สมเคฺคน ธมฺมิกํ นาม, ตํ เยหิ สเงฺฆหิ กาตพฺพํ, เตสํ ปเภทํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตุวโคฺค’’ติอาทิมาหฯ จตฺวาทีนํ สเงฺขฺยยวุตฺติตฺตา จตุนฺนํ วโคฺคติอาทินา วิคฺคโหฯ ทสวีสติวคฺคิโกติ ทสนฺนํ วีสติยา จ วคฺคเภทวเสน ทสวีสตีนํ วโคฺคติ วิคฺคโห, ณิโก สกเตฺถฯ วีสติยา วโคฺค, อติเรเกน สหิโต วีสติวโคฺคติ วิคฺคโหฯ
200. Idāni yadidaṃ samaggena dhammikaṃ nāma, taṃ yehi saṅghehi kātabbaṃ, tesaṃ pabhedaṃ dassetuṃ ‘‘catuvaggo’’tiādimāha. Catvādīnaṃ saṅkhyeyavuttittā catunnaṃ vaggotiādinā viggaho. Dasavīsativaggikoti dasannaṃ vīsatiyā ca vaggabhedavasena dasavīsatīnaṃ vaggoti viggaho, ṇiko sakatthe. Vīsatiyā vaggo, atirekena sahito vīsativaggoti viggaho.
๒๐๑-๒. ปญฺจนฺนํ กมฺมานํ นิยเมติ ‘‘จตู’’ติอาทินาฯ อพฺภานํ อุปสมฺปทํ ปวารณํ ฐเปตฺวา จตุวโคฺค จาติอาทินา โยเชตฺวา สพฺพกเมฺมสุ กมฺมปฺปโตฺตติ ทีปิโตติ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ ตตฺถ จ-สโทฺท จตุวคฺคาทโย กมฺมปตฺติกิริยายํ สมุจฺจิโนติฯ อิธ ปน สพฺพ-สโทฺท อพฺภานาทีนํ เกสญฺจิ ฐปิตตฺตา ปเทสสเพฺพ คยฺหติฯ กมฺมปโตฺตติ กมฺมสฺส ปโตฺต ยุโตฺต อนุรูโปฯ อิตโรติ วีสติวโคฺค อติเรกวีสติวโคฺคฯ สพฺพกเมฺมสูติ เอตฺถ ปน สพฺพ-สโทฺท สพฺพสเพฺพฯ นนุ จ วีสติวคฺคสฺส กมฺมปฺปตฺตภาเวสติ อติเรกวีสติวคฺคสฺส ปเควาติ วิญฺญายติฯ ตถา สติ โส กสฺมา วุโตฺตติ? สจฺจํ, ตถาปิ โส จตุวคฺคาทินา สเงฺฆน กตฺตพฺพกมฺมํ อูนกตเรน น วฎฺฎติ, อติเรเกน ปน วฎฺฎตีติ ญาปนตฺถํ วุโตฺตฯ
201-2. Pañcannaṃ kammānaṃ niyameti ‘‘catū’’tiādinā. Abbhānaṃ upasampadaṃ pavāraṇaṃ ṭhapetvā catuvaggo cātiādinā yojetvā sabbakammesu kammappattoti dīpitoti yojetabbaṃ. Tattha tattha ca-saddo catuvaggādayo kammapattikiriyāyaṃ samuccinoti. Idha pana sabba-saddo abbhānādīnaṃ kesañci ṭhapitattā padesasabbe gayhati. Kammapattoti kammassa patto yutto anurūpo. Itaroti vīsativaggo atirekavīsativaggo. Sabbakammesūti ettha pana sabba-saddo sabbasabbe. Nanu ca vīsativaggassa kammappattabhāvesati atirekavīsativaggassa pagevāti viññāyati. Tathā sati so kasmā vuttoti? Saccaṃ, tathāpi so catuvaggādinā saṅghena kattabbakammaṃ ūnakatarena na vaṭṭati, atirekena pana vaṭṭatīti ñāpanatthaṃ vutto.
๒๐๓. อิทานิ จตุวคฺคาทิเกน ฉนฺทาหรเณน ปูเรตโพฺพติ ทเสฺสติ ‘‘จตู’’ติอาทินาฯ ปาราชิกาทิภาวมนาปนฺนตฺตา ปกติยา สภาเวเนว ฐิโต อตฺตา เยสํ, ปกโต วา ตโตเยว กเมฺมสุ อวิคโต อตฺตา เยสํ เตติ ปกตตฺตกา, ปาราชิกอุกฺขิตฺตกลทฺธินานาสํวาสเกหิ อเญฺญฯ ปเรติ เอกสีมฎฺฐา ตาทิสาเยว อเญฺญฯ เสเสปีติ อวเสเส ปญฺจวคฺคาทิกรณีเยปิฯ
203. Idāni catuvaggādikena chandāharaṇena pūretabboti dasseti ‘‘catū’’tiādinā. Pārājikādibhāvamanāpannattā pakatiyā sabhāveneva ṭhito attā yesaṃ, pakato vā tatoyeva kammesu avigato attā yesaṃ teti pakatattakā, pārājikaukkhittakaladdhinānāsaṃvāsakehi aññe. Pareti ekasīmaṭṭhā tādisāyeva aññe. Sesepīti avasese pañcavaggādikaraṇīyepi.
๒๐๔. อิทานิ วตฺถุญตฺติอนุสฺสาวนสีมาทิวิปตฺติโต, กมฺมวิปตฺตีสุ ปริสโต จ ปฎิโกฺกสโต จ กมฺมสฺส กุปฺปากุปฺปภาวํ ตตฺถ จ อาปตฺติอาทิํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตู’’ติอาทิ มาหฯ จตุวคฺคาทิกตฺตพฺพํ อสํวาสคณปูรํ วา กมฺมารหคณปูรํ วา กมฺมญฺจ ครุกฎฺฐคณปูรํ วา ปริวาสาทิกมฺมญฺจาติ โยชนาฯ เอตฺถ จ กมฺมารโห ครุกฎฺฐโต อโญฺญ, นิกฺขิตฺตวโตฺต ปน ครุกโฎฺฐ คณปูรโก โหติเยวฯ กตนฺติ จตุวคฺคาทินา กตํฯ
204. Idāni vatthuñattianussāvanasīmādivipattito, kammavipattīsu parisato ca paṭikkosato ca kammassa kuppākuppabhāvaṃ tattha ca āpattiādiṃ dassetuṃ ‘‘catū’’tiādi māha. Catuvaggādikattabbaṃ asaṃvāsagaṇapūraṃ vā kammārahagaṇapūraṃ vā kammañca garukaṭṭhagaṇapūraṃ vā parivāsādikammañcāti yojanā. Ettha ca kammāraho garukaṭṭhato añño, nikkhittavatto pana garukaṭṭho gaṇapūrako hotiyeva. Katanti catuvaggādinā kataṃ.
๒๐๕. วาเรยฺยาติ อนฺตราเย อสติ อนฺตมโส เอโกปิ วาเรยฺยาติ อโตฺถฯ อนฺตราเยติ ปาเปหิ กริยมาเน ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตราเย สติฯ อนนฺตรายิกา เจ น วาเรนฺติ, ทุกฺกฎํฯ ทิฎฺฐาวินฺติ อตฺตโน อตฺตโน ทิฎฺฐิํ ลทฺธิํ ‘‘อธมฺมกมฺมํ อิทํ, น เมตํ ขมตี’’ติ อญฺญมญฺญํ อาวิ กเรยฺยุนฺติ เสโสฯ เอโกธิฎฺฐานนฺติ เอโก ภิกฺขุ ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ อธิฎฺฐานํ กเรยฺยาติ เสโสฯ ตโตธิกาติ ตีหิ อธิกาฯ เต ปน สงฺฆตฺตา ปโหนฺติ อตฺตโน กมฺมํ นิตฺถริตุํฯ
205.Vāreyyāti antarāye asati antamaso ekopi vāreyyāti attho. Antarāyeti pāpehi kariyamāne jīvitabrahmacariyantarāye sati. Anantarāyikā ce na vārenti, dukkaṭaṃ. Diṭṭhāvinti attano attano diṭṭhiṃ laddhiṃ ‘‘adhammakammaṃ idaṃ, na metaṃ khamatī’’ti aññamaññaṃ āvi kareyyunti seso. Ekodhiṭṭhānanti eko bhikkhu ‘‘na metaṃ khamatī’’ti adhiṭṭhānaṃ kareyyāti seso. Tatodhikāti tīhi adhikā. Te pana saṅghattā pahonti attano kammaṃ nittharituṃ.
๒๐๖. ขิตฺตจิโตฺต นาม อุมฺมตฺตโกฯ ทุขฎฺฎิโตติ เวทนโฎฺฎฯ น รูหตีติ คยฺหตฺตํ น โรหตีติ อโตฺถฯ
206.Khittacitto nāma ummattako. Dukhaṭṭitoti vedanaṭṭo. Na rūhatīti gayhattaṃ na rohatīti attho.
๒๐๗. อนฺตมโส อนนฺตรสฺสาปิ อาโรเจนฺตสฺส ปกต…เป.… ภิกฺขุโนติ สมฺพโนฺธฯ เอกสีมายํ ติฎฺฐตีติ เอกสีมโฎฺฐฯ สโม สํวาโส อสฺสาติ สมสํวาโสฯ เอกสีมโฎฺฐ จ โส สมสํวาโส จ, ปกตโตฺต จ โส เอกสีมฎฺฐสมสํวาโส จ, โส จายํ ภิกฺขุ จาติ สพฺพตฺถ กมฺมธารโย, ตสฺสฯ เอตฺถ ปน อวิปนฺนสีโล ปกตโตฺตติ อธิเปฺปโตฯ อาโรเจนฺตสฺสาติ อตฺตโน ลทฺธิํ ปกาเสนฺตสฺสฯ รูหตีติ ปฎิเกฺขโป รุหติฯ
207. Antamaso anantarassāpi ārocentassa pakata…pe… bhikkhunoti sambandho. Ekasīmāyaṃ tiṭṭhatīti ekasīmaṭṭho. Samo saṃvāso assāti samasaṃvāso. Ekasīmaṭṭho ca so samasaṃvāso ca, pakatatto ca so ekasīmaṭṭhasamasaṃvāso ca, so cāyaṃ bhikkhu cāti sabbattha kammadhārayo, tassa. Ettha pana avipannasīlo pakatattoti adhippeto. Ārocentassāti attano laddhiṃ pakāsentassa. Rūhatīti paṭikkhepo ruhati.
๒๐๘. ธมฺมิกํ กมฺมนฺติ ธเมฺมน กตฺตพฺพํ อปโลกนาทิกมฺมํฯ ปฎิโกฺกเสยฺยาติ นิวาเรยฺยฯ ติโรกฺขา กายสามคฺคิํ วา ฉนฺทํ วาติ วา-สทฺทํ เนตฺวา อโตฺถ เนตโพฺพฯ ติโรกฺขาติ ปรมฺมุขาฯ โส สมฺมุขา-สโทฺท วิย นิปาโต, อถ วา อกฺขา อินฺทฺริยวิสยโต ติโร พหีติ อโตฺถติฯ
208.Dhammikaṃ kammanti dhammena kattabbaṃ apalokanādikammaṃ. Paṭikkoseyyāti nivāreyya. Tirokkhā kāyasāmaggiṃ vā chandaṃ vāti vā-saddaṃ netvā attho netabbo. Tirokkhāti parammukhā. So sammukhā-saddo viya nipāto, atha vā akkhā indriyavisayato tiro bahīti atthoti.
กมฺมนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kammaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.