Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
กมฺมปถสํสนฺทนกถาวณฺณนา
Kammapathasaṃsandanakathāvaṇṇanā
ตถาติ กมฺมปถปฺปตฺตานํฯ เกจีติ ธมฺมสิริเตฺถรํ สนฺธายาหฯ โส หิ กมฺมปถปฺปตฺตานเมว ทุสฺสีลฺยาทีนํ สุสีลฺยาทีนญฺจ กมฺมปเถหิ อตฺถโต นานตฺตาภาวทสฺสนํ, เตสํ วา ผสฺสทฺวาราทีหิ อวิโรธภาเวน ทีปนํ กมฺมปถสํสนฺทนนฺติ วทติฯ กมฺมปถตา นตฺถีติ เอเตน ยถาวุตฺตานํ อสํวรสํวรานํ เตสํ วาเท กมฺมปถสํสนฺทเน อสงฺคหิตตํ ทเสฺสติฯ เย ปน สงฺคหํ ลภนฺติ, เตสํ คหเณ ปโยชนาภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ติวิธ…เป.… ทสฺสเนนา’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ ปุริมปเกฺข สเงฺขปโต โทสํ วตฺวา ทุติยปเกฺขปิ วตฺตุํ ‘‘น จ ทุจฺจริตาน’’นฺติอาทิมาหฯ เตน เย ทุจฺจริตสุจริตอสํวรสํวรา อนุจรียนฺติ, เตสํ กายกมฺมาทิตา วิธียตีติ ทเสฺสติฯ ‘‘ปญฺจผสฺสทฺวารวเสน อุปฺปโนฺน อสํวโร อกุสลํ มโนกมฺมเมว โหตี’’ติอาทินา หิ วุตฺตนฺติฯ ยทิ จาติอาทินา อนวเสสปริยาทานาภาวมาหฯ อุปฺปตฺติ น วตฺตพฺพาติ กมฺมปถ…เป.… วทเนฺตหิ ‘‘มโนกมฺมํ ฉผสฺสทฺวารวเสน อุปฺปชฺชตี’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อถ วา ยทิ กมฺมปถปฺปตฺตาเนว ทุสฺสีลฺยาทีนิ กายกมฺมาทินาเมหิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตานีติ เอวํ วทเนฺตหิ อฎฺฐกถาจริเยหิ มโนกมฺมสฺส ฉผสฺสทฺวารวเสน อุปฺปตฺติ น วตฺตพฺพาติ อโตฺถฯ ตํตํกมฺมภาวสฺส วุตฺตตฺตาติ ‘‘ติวิธํ กายทุจฺจริตํ อกุสลํ กายกมฺมเมว โหตี’’ติอาทิํ (วิภ. ๙๑๓) สนฺธายาหฯ
Tathāti kammapathappattānaṃ. Kecīti dhammasirittheraṃ sandhāyāha. So hi kammapathappattānameva dussīlyādīnaṃ susīlyādīnañca kammapathehi atthato nānattābhāvadassanaṃ, tesaṃ vā phassadvārādīhi avirodhabhāvena dīpanaṃ kammapathasaṃsandananti vadati. Kammapathatā natthīti etena yathāvuttānaṃ asaṃvarasaṃvarānaṃ tesaṃ vāde kammapathasaṃsandane asaṅgahitataṃ dasseti. Ye pana saṅgahaṃ labhanti, tesaṃ gahaṇe payojanābhāvaṃ dassetuṃ ‘‘tividha…pe… dassanenā’’ti vuttaṃ. Evaṃ purimapakkhe saṅkhepato dosaṃ vatvā dutiyapakkhepi vattuṃ ‘‘na ca duccaritāna’’ntiādimāha. Tena ye duccaritasucaritaasaṃvarasaṃvarā anucarīyanti, tesaṃ kāyakammāditā vidhīyatīti dasseti. ‘‘Pañcaphassadvāravasena uppanno asaṃvaro akusalaṃ manokammameva hotī’’tiādinā hi vuttanti. Yadi cātiādinā anavasesapariyādānābhāvamāha. Uppatti na vattabbāti kammapatha…pe… vadantehi ‘‘manokammaṃ chaphassadvāravasena uppajjatī’’ti na vattabbanti attho. Atha vā yadi kammapathappattāneva dussīlyādīni kāyakammādināmehi aṭṭhakathāyaṃ vuttānīti evaṃ vadantehi aṭṭhakathācariyehi manokammassa chaphassadvāravasena uppatti na vattabbāti attho. Taṃtaṃkammabhāvassa vuttattāti ‘‘tividhaṃ kāyaduccaritaṃ akusalaṃ kāyakammameva hotī’’tiādiṃ (vibha. 913) sandhāyāha.
กมฺมนฺตรมฺปิ ตํทฺวาริกกมฺมเมว สิยาติ ปาณาติปาตาทิกสฺส วจีกมฺมาทิภาวมาสงฺกติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เกสญฺจิ อสํวรานํ สํวรานญฺจ กมฺมปถตา นตฺถิ, กายทุจฺจริตาทีนญฺจ กมฺมปเถหิ นานตฺตาภาวทสฺสเนน ปโยชนํ นตฺถิ, น จ ทุจฺจริตาทีนํ ผสฺสทฺวารานํ วเสน อุปฺปตฺติ ทีปิตา, น จายํ วิธิ นิรวเสสสงฺคาหิกา, กมฺมานญฺจ สงฺกโร อาปชฺชติ, อฎฺฐกถายญฺจ ปุพฺพาปรวิโรโธ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ สมานนามตา กายกมฺมาทิตาฯ สามญฺญนามาวิชหนํ กายกมฺมาทิภาวาวิชหนํฯ อุภเยสนฺติ กมฺมปถากมฺมปถานํฯ อุปฺปตฺติปริยายวจนาภาวโตติ เอเตน ผสฺสทฺวารอสํวรทฺวาราทีนํ ตํทฺวาริกกมฺมานญฺจ อตฺถโต นานตฺตาภาเวปิ ตถา ตถา ปวตฺตเทสนาวเสน เต วิจาริตาติ ทเสฺสติฯ ‘‘อกุสลํ กายกมฺมํ ปญฺจผสฺสทฺวารวเสน น อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิโก ทุติยวินิจฺฉโยฯ
Kammantarampi taṃdvārikakammameva siyāti pāṇātipātādikassa vacīkammādibhāvamāsaṅkati. Tasmāti yasmā kesañci asaṃvarānaṃ saṃvarānañca kammapathatā natthi, kāyaduccaritādīnañca kammapathehi nānattābhāvadassanena payojanaṃ natthi, na ca duccaritādīnaṃ phassadvārānaṃ vasena uppatti dīpitā, na cāyaṃ vidhi niravasesasaṅgāhikā, kammānañca saṅkaro āpajjati, aṭṭhakathāyañca pubbāparavirodho, tasmāti attho. Samānanāmatā kāyakammāditā. Sāmaññanāmāvijahanaṃ kāyakammādibhāvāvijahanaṃ. Ubhayesanti kammapathākammapathānaṃ. Uppattipariyāyavacanābhāvatoti etena phassadvāraasaṃvaradvārādīnaṃ taṃdvārikakammānañca atthato nānattābhāvepi tathā tathā pavattadesanāvasena te vicāritāti dasseti. ‘‘Akusalaṃ kāyakammaṃ pañcaphassadvāravasena na uppajjatī’’tiādiko dutiyavinicchayo.
กาเย วาจาย จ…เป.… สิทฺธิโตติ เอเตน โจปนปฺปตฺตํ อกุสลํ มโนกมฺมํ โจปนํ อปฺปตฺตโต วิเสเสตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กายวจีกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน กายวจีกมฺมภาวโตติ ทเสฺสติฯ เตน กายวจีคหณํ ยถาวุตฺตโจปนปฺปตฺตํ เอว วิภาเวตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนวาห – ‘‘โจปนปฺปตฺตํ อกุสลํ กายทฺวาเร วจีทฺวาเร จ มโนกมฺมํ โหตี’’ติฯ ตํ-สเทฺท วุเตฺต ยํ-สโทฺท อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตาย วุโตฺตเยว โหตีติ กตฺวา ‘‘ยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ อุปฺปาทมตฺตปริจฺฉิเนฺนนาติ ฉผสฺสทฺวาริกกเมฺมนาติ อโตฺถฯ มตฺต-สเทฺทน วิเสสนิวตฺติอเตฺถน มโนกมฺมตาวิเสสํ นิวเตฺตติฯ นิยมสฺส เอว-สทฺทสฺส อกตตฺตา ‘‘กายวจีกมฺมเมว โหตี’’ติ อวุตฺตตฺตาฯ อิทานิ นิยมากรเณน ลทฺธคุณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น ปน สพฺพมฺปี’’ติอาทิมาหฯ
Kāye vācāya ca…pe… siddhitoti etena copanappattaṃ akusalaṃ manokammaṃ copanaṃ appattato visesetvā dassetuṃ ‘‘kāyavacīkamma’’nti vuttaṃ, na pana kāyavacīkammabhāvatoti dasseti. Tena kāyavacīgahaṇaṃ yathāvuttacopanappattaṃ eva vibhāvetīti daṭṭhabbaṃ. Tenevāha – ‘‘copanappattaṃ akusalaṃ kāyadvāre vacīdvāre ca manokammaṃ hotī’’ti. Taṃ-sadde vutte yaṃ-saddo abyabhicāritasambandhatāya vuttoyeva hotīti katvā ‘‘yaṃ uppajjatī’’ti vuttaṃ. Uppādamattaparicchinnenāti chaphassadvārikakammenāti attho. Matta-saddena visesanivattiatthena manokammatāvisesaṃ nivatteti. Niyamassa eva-saddassa akatattā ‘‘kāyavacīkammameva hotī’’ti avuttattā. Idāni niyamākaraṇena laddhaguṇaṃ dassento ‘‘na pana sabbampī’’tiādimāha.
‘‘นิยมสฺส อกตตฺตา’’ติอาทิ ปุริมนโยติ อธิเปฺปโตฯ วตฺตุอธิปฺปายานุโรธินี สทฺทปฺปวตฺตีติ สมาสปเท เอกเทโสปิ อากฑฺฒียติ อธิการวเสนาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กมฺม-สทฺทมเตฺตน สมฺพนฺธํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ปน วทนฺตีติอาทินา เอตฺถ ปทการมตสฺส อยุตฺตตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ เจตนาปกฺขิกานนฺติ กายวจีกมฺมภูตเจตนาปกฺขิกานํฯ สตนฺติ สมานานํฯ ตํตํทฺวารกมฺมปถานญฺจาติ อิทํ อิมสฺส จิตฺตสฺส กมฺมปถภาเวน ปวตฺตํ กาลํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สพฺพทา, กมฺมปถภาเวเนว ปวตฺตนโตฯ จ-สเทฺทน วา อกมฺมปถสงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อถ วา ตํตํทฺวารา จ ตํตํทฺวารกมฺมปถา จ ตํตํทฺวารกมฺมปถาติ ‘‘ตํตํทฺวารา’’ติ ปเทน อกมฺมปถานํ สํวรานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ เตน สภาเวนาติ มโนกมฺมสฺส ทฺวารภาเวน, น อตฺตโนติ อธิปฺปาโยฯ เอวมิธาปีติ จิตฺตชนิโต จิตฺตสมฺปยุตฺตสฺส กมฺมสฺส ทฺวารภาโว จิเตฺตปิ อุปจริโตติ อโตฺถฯ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ อนนฺตรปจฺจยภูตมโนรหิตสฺส จิตฺตสฺส อภาวโตติฯ
‘‘Niyamassa akatattā’’tiādi purimanayoti adhippeto. Vattuadhippāyānurodhinī saddappavattīti samāsapade ekadesopi ākaḍḍhīyati adhikāravasenāti adhippāyena ‘‘kamma-saddamattena sambandhaṃ katvā’’ti vuttaṃ. Yaṃ pana vadantītiādinā ettha padakāramatassa ayuttataṃ dasseti. Tattha cetanāpakkhikānanti kāyavacīkammabhūtacetanāpakkhikānaṃ. Satanti samānānaṃ. Taṃtaṃdvārakammapathānañcāti idaṃ imassa cittassa kammapathabhāvena pavattaṃ kālaṃ sandhāya vuttaṃ, na sabbadā, kammapathabhāveneva pavattanato. Ca-saddena vā akammapathasaṅgaho daṭṭhabbo. Atha vā taṃtaṃdvārā ca taṃtaṃdvārakammapathā ca taṃtaṃdvārakammapathāti ‘‘taṃtaṃdvārā’’ti padena akammapathānaṃ saṃvarānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Tena sabhāvenāti manokammassa dvārabhāvena, na attanoti adhippāyo. Evamidhāpīti cittajanito cittasampayuttassa kammassa dvārabhāvo cittepi upacaritoti attho. Vattabbameva natthi anantarapaccayabhūtamanorahitassa cittassa abhāvatoti.
ทฺวารกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dvārakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
กมาภาวนิยมาภาเว สพฺพารมฺมณตาทีติ อาทิ-สเทฺทน สงฺคณฺหาติฯ น หิ…เป.… อตฺถีติ ปธาเน อสมฺภวโต อปฺปธานํ อธิกรียตีติ ทเสฺสติฯ
Kamābhāvaniyamābhāve sabbārammaṇatādīti ādi-saddena saṅgaṇhāti. Na hi…pe… atthīti padhāne asambhavato appadhānaṃ adhikarīyatīti dasseti.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / กมฺมปถสํสนฺทนกถาวณฺณนา • Kammapathasaṃsandanakathāvaṇṇanā