Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๙. กมฺมปฺปฎิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Kammappaṭibāhanasikkhāpadavaṇṇanā
ธมฺมิกานนฺติ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน กตตฺตา ธโมฺม เอเตสุ อตฺถีติ ธมฺมิกานิ, เตสํ ธมฺมิกานํฯ กมฺมานนฺติ จตุนฺนํ สงฺฆกมฺมานํฯ เตนาห ‘‘ธเมฺมนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ธเมฺมนาติ ภูเตน วตฺถุนาฯ วินเยนาติ โจทนาย เจว สารณาย จฯ สตฺถุสาสเนนาติ ญตฺติสมฺปทาย เจว อนุสฺสวนาสมฺปทาย จฯ สมคฺคสฺส สงฺฆสฺสาติ สีมฎฺฐกสงฺฆํ โสเธตฺวา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทํ อาหริตฺวา กตฺตพฺพตฺตา กาเยน เจว จิเตฺตน จ เอกีภูตสฺส สงฺฆสฺสฯ ตํ ตํ วตฺถุนฺติ อวณฺณภณนาทิํ ตํ ตํ วตฺถุฯ
Dhammikānanti dhammena vinayena satthusāsanena katattā dhammo etesu atthīti dhammikāni, tesaṃ dhammikānaṃ. Kammānanti catunnaṃ saṅghakammānaṃ. Tenāha ‘‘dhammenā’’tiādi. Tattha dhammenāti bhūtena vatthunā. Vinayenāti codanāya ceva sāraṇāya ca. Satthusāsanenāti ñattisampadāya ceva anussavanāsampadāya ca. Samaggassa saṅghassāti sīmaṭṭhakasaṅghaṃ sodhetvā chandārahānaṃ chandaṃ āharitvā kattabbattā kāyena ceva cittena ca ekībhūtassa saṅghassa. Taṃ taṃ vatthunti avaṇṇabhaṇanādiṃ taṃ taṃ vatthu.
โอสาเรนฺติ สงฺฆมชฺฌํ เอเตนาติ โอสารณํฯ นิสฺสาเรนฺติ สงฺฆมฺหา เอเตนาติ นิสฺสารณํฯ ภณฺฑุกมฺมนฺติ มุณฺฑกรณํ, เกสเจฺฉทนาปุจฺฉนนฺติ อโตฺถฯ กมฺมเมว ลกฺขณํ กมฺมลกฺขณํฯ โอสารณาทโย วิย กมฺมญฺจ หุตฺวา อญฺญญฺจ นามํ น ลภติ, กมฺมเมว หุตฺวา ลกฺขียตีติ กมฺมลกฺขณนฺติ อโตฺถฯ ‘‘โอสารณํ นิสฺสารณ’’นฺติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๙๕-๔๙๖) เจตฺถ ปทสิลิฎฺฐตาเยตํ วุตฺตํฯ ปฐมํ ปน นิสฺสารณา โหติ, ปจฺฉา โอสารณาติ อาห ‘‘ตตฺถ กณฺฎกสามเณรสฺสา’’ติอาทิฯ กณฺฎกสามเณรสฺส นาสนา วิย นิสฺสารณาติ ยถา กณฺฎกสามเณรสฺส ทณฺฑกมฺมนาสนา นิสฺสารณา, ตถา พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภณโต, อกปฺปิยํ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ ทีปยโต, มิจฺฉาทิฎฺฐิกสฺส อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคตสฺส อญฺญสฺสาปิ สามเณรสฺส –
Osārenti saṅghamajjhaṃ etenāti osāraṇaṃ. Nissārenti saṅghamhā etenāti nissāraṇaṃ. Bhaṇḍukammanti muṇḍakaraṇaṃ, kesacchedanāpucchananti attho. Kammameva lakkhaṇaṃ kammalakkhaṇaṃ. Osāraṇādayo viya kammañca hutvā aññañca nāmaṃ na labhati, kammameva hutvā lakkhīyatīti kammalakkhaṇanti attho. ‘‘Osāraṇaṃ nissāraṇa’’nti (pari. aṭṭha. 495-496) cettha padasiliṭṭhatāyetaṃ vuttaṃ. Paṭhamaṃ pana nissāraṇā hoti, pacchā osāraṇāti āha ‘‘tattha kaṇṭakasāmaṇerassā’’tiādi. Kaṇṭakasāmaṇerassa nāsanā viya nissāraṇāti yathā kaṇṭakasāmaṇerassa daṇḍakammanāsanā nissāraṇā, tathā buddhassa vā dhammassa vā saṅghassa vā avaṇṇaṃ bhaṇato, akappiyaṃ ‘‘kappiya’’nti dīpayato, micchādiṭṭhikassa antaggāhikāya diṭṭhiyā samannāgatassa aññassāpi sāmaṇerassa –
‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, ปุจฺฉามิ ‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สามเณโร พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อวณฺณวาที มิจฺฉาทิฎฺฐิโก, ยํ อเญฺญ สามเณรา ลภนฺติ ทิรตฺตติรตฺตํ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สหเสยฺยํ, ตสฺส อลาภาย นิสฺสารณา รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติฯ ทุติยมฺปิ…เป.… ตติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ ปุจฺฉามิ ‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สามเณโร…เป.… รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติ, จร ปิเร วินสฺสา’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๙๕-๔๙๖) –
‘‘Saṅghaṃ, bhante, pucchāmi ‘ayaṃ itthannāmo sāmaṇero buddhassa vā dhammassa vā saṅghassa vā avaṇṇavādī micchādiṭṭhiko, yaṃ aññe sāmaṇerā labhanti dirattatirattaṃ bhikkhūhi saddhiṃ sahaseyyaṃ, tassa alābhāya nissāraṇā ruccati saṅghassā’ti. Dutiyampi…pe… tatiyampi, bhante, saṅghaṃ pucchāmi ‘ayaṃ itthannāmo sāmaṇero…pe… ruccati saṅghassā’ti, cara pire vinassā’’ti (pari. aṭṭha. 495-496) –
กตฺตพฺพนาสนา นิสฺสารณาติ อโตฺถฯ ตาทิสํเยว สมฺมาวตฺตนฺตํ ทิสฺวา ปเวสนา โอสารณาติ ตาทิสํเยว อปเรน สมเยน ‘‘อหํ, ภเนฺต, พาลตาย อญฺญาณตาย อลกฺขิกตาย เอวํ อกาสิํ, สฺวาหํ สงฺฆํ ขมาเปมี’’ติ ขมาเปนฺตํ ทิสฺวา ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา –
Kattabbanāsanā nissāraṇāti attho. Tādisaṃyeva sammāvattantaṃ disvā pavesanā osāraṇāti tādisaṃyeva aparena samayena ‘‘ahaṃ, bhante, bālatāya aññāṇatāya alakkhikatāya evaṃ akāsiṃ, svāhaṃ saṅghaṃ khamāpemī’’ti khamāpentaṃ disvā yāvatatiyaṃ yācāpetvā –
‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, ปุจฺฉามิ ‘อยํ อิตฺถนฺนาโม สามเณโร พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อวณฺณวาที มิจฺฉาทิฎฺฐิโก, ยํ อเญฺญ สามเณรา ลภนฺติ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ, ตสฺส อลาภาย นิสฺสาริโต, สฺวายํ อิทานิ โสรโต นิวาตวุตฺติ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกโนฺต หิโรตฺตเปฺป ปติฎฺฐิโต กตทณฺฑกโมฺม อจฺจยํ เทเสติ, อิมสฺส สามเณรสฺส ยถา ปุเร กายสโมฺภคสามคฺคิทานํ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’ติฯ ทุติยมฺปิ…เป.… ตติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ ปุจฺฉามิ…เป.… รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๙๕-๔๙๖) –
‘‘Saṅghaṃ, bhante, pucchāmi ‘ayaṃ itthannāmo sāmaṇero buddhassa vā dhammassa vā saṅghassa vā avaṇṇavādī micchādiṭṭhiko, yaṃ aññe sāmaṇerā labhanti bhikkhūhi saddhiṃ dirattatirattaṃ sahaseyyaṃ, tassa alābhāya nissārito, svāyaṃ idāni sorato nivātavutti lajjidhammaṃ okkanto hirottappe patiṭṭhito katadaṇḍakammo accayaṃ deseti, imassa sāmaṇerassa yathā pure kāyasambhogasāmaggidānaṃ ruccati saṅghassā’ti. Dutiyampi…pe… tatiyampi, bhante, saṅghaṃ pucchāmi…pe… ruccati saṅghassā’’ti (pari. aṭṭha. 495-496) –
ปเวสนา โอสารณาติ อโตฺถฯ
Pavesanā osāraṇāti attho.
เกสเจฺฉทนาปุจฺฉนนฺติ สีมาปริยาปเนฺน ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ปพฺพชฺชาเปกฺขํ ตตฺถ เนตฺวา ‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, อิมสฺส ทารกสฺส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา สกิํ วา วจนํฯ อิธ จ ‘‘อิมสฺส ทารกสฺส ภณฺฑุกมฺมํ อาปุจฺฉามา’’ติปิ ‘‘อิมสฺส สมณกรณํ อาปุจฺฉามา’’ติปิ ‘‘อิมสฺส ปพฺพาชนํ อาปุจฺฉามา’’ติปิ ‘‘อยํ สมโณ โหตุกาโม’’ติปิ ‘‘อยํ ปพฺพชิตุกาโม’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติเยวฯ
Kesacchedanāpucchananti sīmāpariyāpanne bhikkhū sannipātāpetvā pabbajjāpekkhaṃ tattha netvā ‘‘saṅghaṃ, bhante, imassa dārakassa bhaṇḍukammaṃ āpucchāmī’’ti tikkhattuṃ vā dvikkhattuṃ vā sakiṃ vā vacanaṃ. Idha ca ‘‘imassa dārakassa bhaṇḍukammaṃ āpucchāmā’’tipi ‘‘imassa samaṇakaraṇaṃ āpucchāmā’’tipi ‘‘imassa pabbājanaṃ āpucchāmā’’tipi ‘‘ayaṃ samaṇo hotukāmo’’tipi ‘‘ayaṃ pabbajitukāmo’’tipi vattuṃ vaṭṭatiyeva.
มุขรสฺสาติ มุเขน ขรสฺสฯ ยํ อวนฺทิยกมฺมํ อนุญฺญาตนฺติ สมฺพโนฺธฯ อูรุํ วิวริตฺวา ทสฺสนาทิวตฺถูสูติ –
Mukharassāti mukhena kharassa. Yaṃ avandiyakammaṃ anuññātanti sambandho. Ūruṃ vivaritvā dassanādivatthūsūti –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย กทฺทโมทเกน โอสิญฺจนฺติ ‘อเปฺปว นาม อเมฺหสุ สารเชฺชยฺยุ’นฺติ, กายํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสนฺติ, อูรุํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสนฺติ, องฺคชาตํ วิวริตฺวา ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสนฺติ, ภิกฺขุนิโย โอภาเสนฺติ, ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ สมฺปโยเชนฺติ ‘อเปฺปว นาม อเมฺหสุ สารเชฺชยฺยุ’’’นฺติ (จูฬว. ๔๑๑) –
‘‘Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū bhikkhuniyo kaddamodakena osiñcanti ‘appeva nāma amhesu sārajjeyyu’nti, kāyaṃ vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassenti, ūruṃ vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassenti, aṅgajātaṃ vivaritvā bhikkhunīnaṃ dassenti, bhikkhuniyo obhāsenti, bhikkhunīhi saddhiṃ sampayojenti ‘appeva nāma amhesu sārajjeyyu’’’nti (cūḷava. 411) –
อิเมสุ วตฺถูสุฯ
Imesu vatthūsu.
อจฺฉินฺนจีวรกาทีนนฺติ อจฺฉินฺนจีวรชิณฺณจีวรนฎฺฐจีวรคิลานพหุสฺสุตสงฺฆภารนิตฺถรกาทีนํฯ จีวราทีนีติ จีวรเภสชฺชเสนาสนาทีนิฯ ปริภุญฺชิตพฺพานีติ ปริภุญฺชิตพฺพานิ มูลตจปตฺตองฺกุรปุปฺผผลาทีนิฯ อปเนตพฺพานิปิ วตฺถูนีติ อาวาสกรณาทิอตฺถํ หริตพฺพานิปิ ฉายูปคผลูปครุกฺขาทีนิฯ ตถารูปํ วา ธมฺมิกํ กติกํ กโรเนฺตหีติ จีวรปิณฺฑปาตตฺถาย ทินฺนโต อาวาสชคฺคนาทิกํ ตาทิสํ วา อญฺญมฺปิ ธมฺมิกํ กติกํ กโรเนฺตหิฯ
Acchinnacīvarakādīnanti acchinnacīvarajiṇṇacīvaranaṭṭhacīvaragilānabahussutasaṅghabhāranittharakādīnaṃ. Cīvarādīnīti cīvarabhesajjasenāsanādīni. Paribhuñjitabbānīti paribhuñjitabbāni mūlatacapattaaṅkurapupphaphalādīni. Apanetabbānipi vatthūnīti āvāsakaraṇādiatthaṃ haritabbānipi chāyūpagaphalūpagarukkhādīni. Tathārūpaṃ vā dhammikaṃ katikaṃ karontehīti cīvarapiṇḍapātatthāya dinnato āvāsajagganādikaṃ tādisaṃ vā aññampi dhammikaṃ katikaṃ karontehi.
เนว สุตฺตํ อาคจฺฉตีติ น มาติกา อาคจฺฉติฯ โน สุตฺตวิภโงฺคติ วินโยปิ น ปคุโณฯ พฺยญฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฎิพาหตีติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๓๓) พฺยญฺชนมตฺตเมว คเหตฺวา อตฺถํ ปฎิเสเธติฯ ชาตรูปรชตเขตฺตวตฺถุปฺปฎิคฺคหณาทีสุ วินยธเรหิ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา การิยมาเน ทิสฺวา ‘‘กิํ อิเม อาปตฺติยา กาเรถ, นนุ ‘ชาตรูปรชตปฺปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต โหตี’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) เอวํ สุเตฺต ปฎิวิรติมตฺตเมว วุตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ วทติฯ อปโร ธมฺมกถิโก สุตฺตสฺส อาคตตฺตา โอลเมฺพตฺวา นิวาเสนฺตานํ อาปตฺติยา อาโรปิยมานาย ‘‘กิํ อิเมสํ อาปตฺติํ อาโรเปถ, นนุ ‘ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียา’ติ (ปาจิ. ๕๗๖) เอวํ สิกฺขากรณมตฺตเมว วุตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ วทติฯ อุพฺพาหิก วินิจฺฉเยติ สมถกฺขนฺธเก วุตฺตอุพฺพาหิกวินิจฺฉเย ‘‘สีลวา โหตี’’ติอาทิกาย หิ ทสงฺคสมฺปตฺติยา สมนฺนาคเต เทฺว ตโย ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา วินิจฺฉโย อุพฺพาหิกวินิจฺฉโยติ ทฎฺฐโพฺพฯ
Neva suttaṃ āgacchatīti na mātikā āgacchati. No suttavibhaṅgoti vinayopi na paguṇo. Byañjanacchāyāya atthaṃ paṭibāhatīti (cūḷava. aṭṭha. 233) byañjanamattameva gahetvā atthaṃ paṭisedheti. Jātarūparajatakhettavatthuppaṭiggahaṇādīsu vinayadharehi bhikkhūhi āpattiyā kāriyamāne disvā ‘‘kiṃ ime āpattiyā kāretha, nanu ‘jātarūparajatappaṭiggahaṇā paṭivirato hotī’ti (dī. ni. 1.10, 194) evaṃ sutte paṭiviratimattameva vuttaṃ, natthi ettha āpattī’’ti vadati. Aparo dhammakathiko suttassa āgatattā olambetvā nivāsentānaṃ āpattiyā āropiyamānāya ‘‘kiṃ imesaṃ āpattiṃ āropetha, nanu ‘parimaṇḍalaṃ nivāsessāmīti sikkhā karaṇīyā’ti (pāci. 576) evaṃ sikkhākaraṇamattameva vuttaṃ, natthi ettha āpattī’’ti vadati. Ubbāhika vinicchayeti samathakkhandhake vuttaubbāhikavinicchaye ‘‘sīlavā hotī’’tiādikāya hi dasaṅgasampattiyā samannāgate dve tayo bhikkhū uccinitvā vinicchayo ubbāhikavinicchayoti daṭṭhabbo.
ปวารณปฺปจฺจุกฺกฑฺฒนาติ ปวารณาย อุกฺกสฺสนา, อุทฺธํ กฑฺฒนาติ อโตฺถฯ ติณวตฺถารกสมเถ สพฺพสงฺคาหิกญตฺติ จาติ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ, อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ…เป.… ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺต’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๒-๒๑๓) เอวํ ติณวตฺถารกสมเถ กตา สพฺพปฐมา สพฺพสงฺคาหิกญตฺติ จฯ
Pavāraṇappaccukkaḍḍhanāti pavāraṇāya ukkassanā, uddhaṃ kaḍḍhanāti attho. Tiṇavatthārakasamathe sabbasaṅgāhikañatti cāti ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho, amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ…pe… ṭhapetvā gihippaṭisaṃyutta’’nti (cūḷava. 212-213) evaṃ tiṇavatthārakasamathe katā sabbapaṭhamā sabbasaṅgāhikañatti ca.
อลาภาย ปริสกฺกนาทิเกหีติ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อลาภตฺถาย ปโยคกรณาทิเกหิฯ อาทิสเทฺทน ‘‘อนตฺถาย ปริสกฺกนํ, อนาวาสาย ปริสกฺกนํ, อโกฺกสนปริภาสนํ, ภิกฺขู ภิกฺขูหิ เภทนํ, พุทฺธสฺส อวณฺณภณนํ, ธมฺมสฺส อวณฺณภณนํ, สงฺฆสฺส อวณฺณภณน’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๕) อวเสสํ สตฺตงฺคํ สงฺคณฺหาติฯ อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺสาติ อฎฺฐหิ เจว อเงฺคหิ เอเกเกนปิ อเงฺคน จ สมนฺนาคตสฺสฯ อสโมฺภคกรณตฺถนฺติ เตน ทินฺนสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อปฺปฎิคฺคหณตฺถํฯ ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสนาติ กมฺมวาจาย ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน, น อโธมุขฎฺฐปนวเสนฯ ปตฺตุกฺกุชฺชนวเสนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตเสฺสวาติ โย ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน กตนิสฺสารโณ, ตเสฺสว อุปาสกสฺสฯ สมฺมาวตฺตนฺตสฺสาติ เยน สมนฺนาคตสฺส ปตฺตุกฺกุชฺชนํ, เตน สมนฺนาคตสฺสฯ สาติ ยถาวุตฺตา นิสฺสารณา, โอสารณา จฯ
Alābhāya parisakkanādikehīti catunnaṃ paccayānaṃ alābhatthāya payogakaraṇādikehi. Ādisaddena ‘‘anatthāya parisakkanaṃ, anāvāsāya parisakkanaṃ, akkosanaparibhāsanaṃ, bhikkhū bhikkhūhi bhedanaṃ, buddhassa avaṇṇabhaṇanaṃ, dhammassa avaṇṇabhaṇanaṃ, saṅghassa avaṇṇabhaṇana’’nti (cūḷava. 265) avasesaṃ sattaṅgaṃ saṅgaṇhāti. Aṭṭhahaṅgehi samannāgatassāti aṭṭhahi ceva aṅgehi ekekenapi aṅgena ca samannāgatassa. Asambhogakaraṇatthanti tena dinnassa deyyadhammassa appaṭiggahaṇatthaṃ. Pattanikkujjanavasenāti kammavācāya pattanikkujjanavasena, na adhomukhaṭṭhapanavasena. Pattukkujjanavasenāti etthāpi eseva nayo. Tassevāti yo pattanikkujjanavasena katanissāraṇo, tasseva upāsakassa. Sammāvattantassāti yena samannāgatassa pattukkujjanaṃ, tena samannāgatassa. Sāti yathāvuttā nissāraṇā, osāraṇā ca.
สูจิยาทิอปฺปมตฺตกํ ตํตทตฺถิกานํ วิสฺสเชฺชติ เทตีติ อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชโกฯ สาฎิยคฺคาหาปโกติ วสฺสิกสาฎิยคฺคาหาปโกฯ กมฺมํ กโรเนฺต อารามิเก เปสนตฺถาย ทาตพฺพา สมฺมุติ อารามิกเปสกสมฺมุติฯ เอส นโย สามเณรเปสกสมฺมุตีติ เอตฺถาปิฯ
Sūciyādiappamattakaṃ taṃtadatthikānaṃ vissajjeti detīti appamattakavissajjako. Sāṭiyaggāhāpakoti vassikasāṭiyaggāhāpako. Kammaṃ karonte ārāmike pesanatthāya dātabbā sammuti ārāmikapesakasammuti. Esa nayo sāmaṇerapesakasammutīti etthāpi.
ตชฺชนียกมฺมาทีนํ สตฺตนฺนนฺติ ตชฺชนียํ, นิยสํ, ปพฺพาชนียํ, ปฎิสารณียํ, ติวิธญฺจ อุเกฺขปนียนฺติ ตชฺชนียาทีนํ สตฺตนฺนํฯ อฎฺฐยาวตติยกาติ ภิกฺขูนํ วเสน จตฺตาโร, ภิกฺขุนีนํ วเสน จตฺตาโรติ อฎฺฐ สงฺฆาทิเสสาฯ
Tajjanīyakammādīnaṃ sattannanti tajjanīyaṃ, niyasaṃ, pabbājanīyaṃ, paṭisāraṇīyaṃ, tividhañca ukkhepanīyanti tajjanīyādīnaṃ sattannaṃ. Aṭṭhayāvatatiyakāti bhikkhūnaṃ vasena cattāro, bhikkhunīnaṃ vasena cattāroti aṭṭha saṅghādisesā.
ญตฺติกมฺมาทิวเสนาติ ญตฺติกมฺมญตฺติทุติยกมฺมญตฺติจตุตฺถกมฺมวเสนฯ ‘‘กริยมานํ ทฬฺหตรํ โหติ, ตสฺมา กาตพฺพ’’นฺติ เอกเจฺจ วทนฺติฯ เอวํ ปน สติ กมฺมสงฺกโร โหติ, ตสฺมา น กาตพฺพนฺติ ปฎิกฺขิตฺตเมวฯ สเจ ปน อกฺขรปริหีนํ วา ปทปริหีนํ วา ทุรุตฺตปทํ วา โหติ, ตสฺส โสธนตฺถํ ปุนปฺปุนํ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ อิทํ อกุปฺปกมฺมสฺส ทฬฺหีกมฺมํ โหติ, กุปฺปกเมฺม กมฺมํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ สกลกฺขเณเนวาติ ญตฺติญฺจ จตโสฺส จ กมฺมวาจาโย สาเวตฺวาวฯ น เสสกมฺมวเสนาติ อปโลกนกมฺมาทินา อวเสสกมฺมวเสน น กาตพฺพํฯ
Ñattikammādivasenāti ñattikammañattidutiyakammañatticatutthakammavasena. ‘‘Kariyamānaṃ daḷhataraṃ hoti, tasmā kātabba’’nti ekacce vadanti. Evaṃ pana sati kammasaṅkaro hoti, tasmā na kātabbanti paṭikkhittameva. Sace pana akkharaparihīnaṃ vā padaparihīnaṃ vā duruttapadaṃ vā hoti, tassa sodhanatthaṃ punappunaṃ vattuṃ vaṭṭati. Idaṃ akuppakammassa daḷhīkammaṃ hoti, kuppakamme kammaṃ hutvā tiṭṭhati. Sakalakkhaṇenevāti ñattiñca catasso ca kammavācāyo sāvetvāva. Na sesakammavasenāti apalokanakammādinā avasesakammavasena na kātabbaṃ.
กมฺมปฺปฎิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kammappaṭibāhanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.