Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    กมฺมฎฺฐานวิภาวนาวิธานกถาวณฺณนา

    Kammaṭṭhānavibhāvanāvidhānakathāvaṇṇanā

    ๓๑๒๕. ‘‘อาทิมฺหิ สีลํ ทเสฺสยฺยฯ

    3125. ‘‘Ādimhi sīlaṃ dasseyya.

    มเชฺฌ มคฺคํ วิภาวเย;

    Majjhe maggaṃ vibhāvaye;

    ปริโยสาเน จ นิพฺพานํ;

    Pariyosāne ca nibbānaṃ;

    เอสา กถิกสณฺฐิตี’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๙๑; อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓.๖๔) –

    Esā kathikasaṇṭhitī’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 1.190; ma. ni. aṭṭha. 1.291; a. ni. aṭṭha. 2.3.64) –

    วุตฺตํ ธมฺมกถิกลกฺขณํ สมนุสฺสรโนฺตยมาจริโย ปาติโมกฺขสํวรสีลปริทีปกํ วินิจฺฉยํ นาติสเงฺขปวิตฺถารมุเขน ทเสฺสตฺวา ตํมูลกานํ อิตเรสญฺจ ติณฺณํ สีลานํ ตํทสฺสเนเนว ทสฺสิตภาวญฺจ สีลวิสุทฺธิมูลิกา จิตฺตวิสุทฺธิอาทิโย ปญฺจวิสุทฺธิโย จ ตํมูลิกญฺจ อริยมคฺคสงฺขาตํ ญาณทสฺสนวิสุทฺธิํ ตทธิคมนียํ นิพฺพานญฺจ ทเสฺสตฺวา ยถารทฺธํ วินยกถํ ปริโยสาเปตุกาโม อาห ‘‘ปาโมเกฺข’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปาโมเกฺขติ สมาธิอาทีนํ อนวชฺชธมฺมานํ ปติฎฺฐาภาเวน อุตฺตเมฯ โมกฺขปฺปเวสเนติ อมตมหานิพฺพานนครสฺส ปเวสนนิมิเตฺตฯ มุเข อสหายทฺวารภูเตฯ ยถาห –

    Vuttaṃ dhammakathikalakkhaṇaṃ samanussarantoyamācariyo pātimokkhasaṃvarasīlaparidīpakaṃ vinicchayaṃ nātisaṅkhepavitthāramukhena dassetvā taṃmūlakānaṃ itaresañca tiṇṇaṃ sīlānaṃ taṃdassaneneva dassitabhāvañca sīlavisuddhimūlikā cittavisuddhiādiyo pañcavisuddhiyo ca taṃmūlikañca ariyamaggasaṅkhātaṃ ñāṇadassanavisuddhiṃ tadadhigamanīyaṃ nibbānañca dassetvā yathāraddhaṃ vinayakathaṃ pariyosāpetukāmo āha ‘‘pāmokkhe’’tiādi. Tattha pāmokkheti samādhiādīnaṃ anavajjadhammānaṃ patiṭṭhābhāvena uttame. Mokkhappavesaneti amatamahānibbānanagarassa pavesananimitte. Mukhe asahāyadvārabhūte. Yathāha –

    ‘‘สคฺคาโรหณโสปานํ, อญฺญํ สีลสมํ กุโต;

    ‘‘Saggārohaṇasopānaṃ, aññaṃ sīlasamaṃ kuto;

    ทฺวารํ วา ปน นิพฺพาน-นครสฺส ปเวสเน’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๙; พุ. พํ. อฎฺฐ. ๓.ทีปงฺกรพุทฺธวํสวณฺณนา);

    Dvāraṃ vā pana nibbāna-nagarassa pavesane’’ti. (visuddhi. 1.9; bu. baṃ. aṭṭha. 3.dīpaṅkarabuddhavaṃsavaṇṇanā);

    สพฺพทุกฺขกฺขเยติ ชาติทุกฺขาทิสพฺพทุกฺขานํ ขยสฺส อริยมคฺคสฺส อธิคมูปายตฺตา ผลูปจาเรน สพฺพทุกฺขกฺขยสงฺขาเตฯ ‘‘ปาโมเกฺข’’ติ จ ‘‘โมกฺขปฺปเวสเน มุเข’’ติ จ ‘‘สพฺพทุกฺขกฺขเย’’ติ จ ‘‘ปาติโมกฺขสฺมิ’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํฯ วุเตฺตติ ปาราชิกโต ปฎฺฐาย นานปฺปการโต นิทฺทิเฎฺฐ สติฯ อิตรตฺตยํ วุตฺตเมวาติ สมฺพโนฺธฯ อินฺทฺริยสํวรสีลอาชีวปาริสุทฺธิสีลปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสงฺขาตํ อิตรํ สีลตฺตยํ วุตฺตเมว โหติ ‘‘ราชา อาคโต’’ติ วุเตฺต ปริสาย อาคมนํ วิย, ตสฺมา ตํ น วกฺขามาติ อธิปฺปาโยฯ

    Sabbadukkhakkhayeti jātidukkhādisabbadukkhānaṃ khayassa ariyamaggassa adhigamūpāyattā phalūpacārena sabbadukkhakkhayasaṅkhāte. ‘‘Pāmokkhe’’ti ca ‘‘mokkhappavesane mukhe’’ti ca ‘‘sabbadukkhakkhaye’’ti ca ‘‘pātimokkhasmi’’nti etassa visesanaṃ. Vutteti pārājikato paṭṭhāya nānappakārato niddiṭṭhe sati. Itarattayaṃ vuttamevāti sambandho. Indriyasaṃvarasīlaājīvapārisuddhisīlapaccayasannissitasīlasaṅkhātaṃ itaraṃ sīlattayaṃ vuttameva hoti ‘‘rājā āgato’’ti vutte parisāya āgamanaṃ viya, tasmā taṃ na vakkhāmāti adhippāyo.

    ๓๑๒๖. อิทํ จตุพฺพิธํ สีลนฺติ ปาติโมกฺขสํวรสีลาทิํ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ ญตฺวาติ ลกฺขณาทิโต, โวทานโต, หานภาคิยฎฺฐิติภาคิยวิเสสภาคิยนิเพฺพธภาคิยาทิปฺปการโต จ ชานิตฺวาฯ ตตฺถาติ จตุพฺพิธสีเลฯ ปติฎฺฐิโตติ อจฺฉิทฺทาทิองฺคสมนฺนาคตภาวมาปาทเนน ปติฎฺฐิโตฯ สมาธินฺติ อุปจารปฺปนาเภทโลกิยสมาธิํฯ ภาเวตฺวาติ สมจตฺตาลีสาย กมฺมฎฺฐาเนสุ ปุนปฺปุนํ อนุโยควเสน วเฑฺฒตฺวาฯ ปญฺญายาติ ติลกฺขณาการาทิปริเจฺฉทิกาย โลกุตฺตราย ปญฺญาย เหตุภูตาย, กรณภูตาย จฯ ปริมุจฺจตีติ สพฺพกิเลสพนฺธนํ เฉตฺวา สํสารจารกา สมนฺตโต มุจฺจติ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายตีติ อธิปฺปาโยฯ

    3126.Idaṃ catubbidhaṃ sīlanti pātimokkhasaṃvarasīlādiṃ catupārisuddhisīlaṃ. Ñatvāti lakkhaṇādito, vodānato, hānabhāgiyaṭṭhitibhāgiyavisesabhāgiyanibbedhabhāgiyādippakārato ca jānitvā. Tatthāti catubbidhasīle. Patiṭṭhitoti acchiddādiaṅgasamannāgatabhāvamāpādanena patiṭṭhito. Samādhinti upacārappanābhedalokiyasamādhiṃ. Bhāvetvāti samacattālīsāya kammaṭṭhānesu punappunaṃ anuyogavasena vaḍḍhetvā. Paññāyāti tilakkhaṇākārādiparicchedikāya lokuttarāya paññāya hetubhūtāya, karaṇabhūtāya ca. Parimuccatīti sabbakilesabandhanaṃ chetvā saṃsāracārakā samantato muccati, anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyatīti adhippāyo.

    ๓๑๒๗. เอวํ สมาสโต วุตฺตเมวตฺถํ นิทฺทิสโนฺต อาห ‘‘ทสานุสฺสติโย’’ติอาทิฯ ทส อนุสฺสติโย จ ทส กสิณา จ ทส อสุภา จ จตโสฺส อปฺปมญฺญาโย จ ตถา จตฺตาโร อารุปฺปา จ วุตฺตาฯ อปรํ กมฺมฎฺฐานทฺวยญฺจ วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ

    3127. Evaṃ samāsato vuttamevatthaṃ niddisanto āha ‘‘dasānussatiyo’’tiādi. Dasa anussatiyo ca dasa kasiṇā ca dasa asubhā ca catasso appamaññāyo ca tathā cattāro āruppā ca vuttā. Aparaṃ kammaṭṭhānadvayañca vuttanti sambandho.

    ตตฺถ ทสานุสฺสติโย นาม ‘‘พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมานุสฺสติ, สงฺฆานุสฺสติ, สีลานุสฺสติ, จาคานุสฺสติ, เทวตานุสฺสติ, กายคตาสติ, มรณานุสฺสติ, อานาปานสติ, อุปสมานุสฺสตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๗) เอวํ วุตฺตา ทส อนุสฺสติโยฯ

    Tattha dasānussatiyo nāma ‘‘buddhānussati, dhammānussati, saṅghānussati, sīlānussati, cāgānussati, devatānussati, kāyagatāsati, maraṇānussati, ānāpānasati, upasamānussatī’’ti (visuddhi. 1.47) evaṃ vuttā dasa anussatiyo.

    ทส กสิณา นาม ‘‘ปถวีกสิณํ, อาโปกสิณํ, เตโชกสิณํ, วาโยกสิณํ, นีลกสิณํ, ปีตกสิณํ, โลหิตกสิณํ, โอทาตกสิณํ, อาโลกกสิณํ, ปริจฺฉินฺนากาสกสิณ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๗) วุตฺตา อิเม ทส กสิณาฯ

    Dasa kasiṇā nāma ‘‘pathavīkasiṇaṃ, āpokasiṇaṃ, tejokasiṇaṃ, vāyokasiṇaṃ, nīlakasiṇaṃ, pītakasiṇaṃ, lohitakasiṇaṃ, odātakasiṇaṃ, ālokakasiṇaṃ, paricchinnākāsakasiṇa’’nti (visuddhi. 1.47) vuttā ime dasa kasiṇā.

    ทส อสุภา นาม ‘‘อุทฺธุมาตกํ, วินีลกํ, วิปุพฺพกํ, วิจฺฉิทฺทกํ, วิกฺขายิตกํ, วิกฺขิตฺตกํ, หตวิกฺขิตฺตกํ, โลหิตกํ, ปุฬุวกํ, อฎฺฐิก’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๗) วุตฺตา อิเม ทส อสุภาฯ

    Dasa asubhā nāma ‘‘uddhumātakaṃ, vinīlakaṃ, vipubbakaṃ, vicchiddakaṃ, vikkhāyitakaṃ, vikkhittakaṃ, hatavikkhittakaṃ, lohitakaṃ, puḷuvakaṃ, aṭṭhika’’nti (visuddhi. 1.47) vuttā ime dasa asubhā.

    จตโสฺส อปฺปมญฺญาโย นาม ‘‘เมตฺตา, กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๗) วุตฺตา อิเม อปฺปมญฺญาโยฯ

    Catasso appamaññāyo nāma ‘‘mettā, karuṇā, muditā, upekkhā’’ti (visuddhi. 1.47) vuttā ime appamaññāyo.

    จตฺตาโร อารุปฺปา นาม ‘‘อากาสานญฺจายตนํ, วิญฺญาณญฺจายตนํ, อากิญฺจญฺญายตนํ, เนวสญฺญานาสญฺญายตน’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๗) วุตฺตา อิเม อารุปฺปาฯ อปรํ กมฺมฎฺฐานทฺวยํ นาม ‘‘อาหาเรปฎิกฺกูลสญฺญา, จตุธาตุววตฺถาน’’นฺติ วุตฺตํ ฎฺฐานอุภยํฯ

    Cattāro āruppā nāma ‘‘ākāsānañcāyatanaṃ, viññāṇañcāyatanaṃ, ākiñcaññāyatanaṃ, nevasaññānāsaññāyatana’’nti (visuddhi. 1.47) vuttā ime āruppā. Aparaṃ kammaṭṭhānadvayaṃ nāma ‘‘āhārepaṭikkūlasaññā, catudhātuvavatthāna’’nti vuttaṃ ṭṭhānaubhayaṃ.

    ๓๑๒๘. อิเจฺจวํ จตฺตาลีสวิธํ มโนภุโน กมฺมฎฺฐานํ สพฺพมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ สมุทฺทิฎฺฐํ สิยาติ โยชนาฯ กมฺมสฺส โยคสงฺขาตสฺส ฐานํ อารมฺมณภาเวน ปวตฺติฎฺฐานนฺติ กมฺมฎฺฐานํฯ ติฎฺฐติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ฐานํ, การณํ, กมฺมสฺส วิปสฺสนาย ฐานํ การณํ กมฺมฎฺฐานํ, กสฺสาติ อาห ‘‘มโนภุโน’’ติฯ มโน อภิภวตีติ มโนภู, ตสฺส มโนภุโน, กุสลจิตฺตปฺปวตฺตินิวารเณน ตถาลทฺธนามสฺส กามเทวสฺสาติ อโตฺถฯ อิมินา กมฺมฎฺฐานคณนาปริเจฺฉโท ทสฺสิโตฯ

    3128. Iccevaṃ cattālīsavidhaṃ manobhuno kammaṭṭhānaṃ sabbampi kammaṭṭhānaṃ samuddiṭṭhaṃ siyāti yojanā. Kammassa yogasaṅkhātassa ṭhānaṃ ārammaṇabhāvena pavattiṭṭhānanti kammaṭṭhānaṃ. Tiṭṭhati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti ṭhānaṃ, kāraṇaṃ, kammassa vipassanāya ṭhānaṃ kāraṇaṃ kammaṭṭhānaṃ, kassāti āha ‘‘manobhuno’’ti. Mano abhibhavatīti manobhū, tassa manobhuno, kusalacittappavattinivāraṇena tathāladdhanāmassa kāmadevassāti attho. Iminā kammaṭṭhānagaṇanāparicchedo dassito.

    ๓๑๒๙-๓๐. อิเมสํ กมฺมฎฺฐานานํ ภาวนามยํ ภินฺทิตฺวา ทเสฺสตุํ มาติกํ ตาว ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อุปจารปฺปนาโต’’ติอาทิฯ ตตฺถ อุปจารปฺปนาโตติ ‘‘เอตฺตกานิ กมฺมฎฺฐานานิ อุปจาราวหานิ , เอตฺตกานิ อปฺปนาวหานี’’ติ เอวํ อุปจารปฺปนาวเสน จฯ ฌานเภทาติ ‘‘เอตฺตกานิ ปฐมชฺฌานิกานิ, เอตฺตกานิ ติกจตุกฺกชฺฌานิกานิ, เอตฺตกานิ ปญฺจกชฺฌานิกานี’’ติอาทินา ฌานเภทา จฯ อติกฺกมาติ องฺคานํ, อารมฺมณานญฺจ อติกฺกมโตฯ วฑฺฒนาวฑฺฒนา จาปีติ องฺคุลทฺวงฺคุลาทิวเสน วเฑฺฒตพฺพา, อวเฑฺฒตพฺพา จฯ อารมฺมณภูมิโตติ นิมิตฺตารมฺมณาทิอารมฺมณโต เจว ลพฺภมานาลพฺภมานภูมิโต จฯ

    3129-30. Imesaṃ kammaṭṭhānānaṃ bhāvanāmayaṃ bhinditvā dassetuṃ mātikaṃ tāva dassento āha ‘‘upacārappanāto’’tiādi. Tattha upacārappanātoti ‘‘ettakāni kammaṭṭhānāni upacārāvahāni , ettakāni appanāvahānī’’ti evaṃ upacārappanāvasena ca. Jhānabhedāti ‘‘ettakāni paṭhamajjhānikāni, ettakāni tikacatukkajjhānikāni, ettakāni pañcakajjhānikānī’’tiādinā jhānabhedā ca. Atikkamāti aṅgānaṃ, ārammaṇānañca atikkamato. Vaḍḍhanāvaḍḍhanā cāpīti aṅguladvaṅgulādivasena vaḍḍhetabbā, avaḍḍhetabbā ca. Ārammaṇabhūmitoti nimittārammaṇādiārammaṇato ceva labbhamānālabbhamānabhūmito ca.

    คหณาติ ทิฎฺฐาทิวเสน คเหตพฺพโตฯ ปจฺจยาติ ตํตํฐานานํ ปจฺจยภาวโต จฯ ภิโยฺยติ ปุน-สทฺทตฺถนีหารโตฺถฯ จริยานุกูลโตติ ราคจริยาทีนํ อนุกูลภาวโตติ อยํ วิเสโส อยํ เภโทฯ เอเตสุ จตฺตาลีสาย กมฺมฎฺฐาเนสุฯ

    Gahaṇāti diṭṭhādivasena gahetabbato. Paccayāti taṃtaṃṭhānānaṃ paccayabhāvato ca. Bhiyyoti puna-saddatthanīhārattho. Cariyānukūlatoti rāgacariyādīnaṃ anukūlabhāvatoti ayaṃ viseso ayaṃ bhedo. Etesu cattālīsāya kammaṭṭhānesu.

    ๓๑๓๑. เอวํ มาติกํ นิทฺทิสิตฺวา ยถากฺกมํ นิทฺทิสโนฺต ปฐมํ ตาว อุปจาราวหาทโย ทเสฺสตุมาห ‘‘อฎฺฐานุสฺสติโย’’ติอาทิ ฯ ตตฺถาติ ติสฺสํ มาติกายํ, เตสุ วา จตฺตาลีสาย กมฺมฎฺฐาเนสุฯ อฎฺฐานุสฺสติโยติ กายคตาสติอานาปานสติทฺวยวชฺชิตา พุทฺธานุสฺสติอาทิกา อฎฺฐ อนุสฺสติโย จฯ สญฺญา อาหาเรปฎิกฺกูลสญฺญา จฯ ววตฺถานญฺจ จตุธาตุววตฺถานญฺจาติ อิเม ทสฯ อุปจาราวหาติ พุทฺธคุณาทีนํ ปรมตฺถภาวโต, อเนกวิธตฺตา, เอกสฺสาปิ คมฺภีรภาวโต จ เอเตสุ ทสสุ กมฺมฎฺฐาเนสุ อปฺปนาวเสน สมาธิสฺส ปติฎฺฐาตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา อปฺปนาภาวนาปฺปโตฺต สมาธิ อุปจารภาเวเยว ปติฎฺฐาติ, ตสฺมา เอเต อุปจาราวหาฯ

    3131. Evaṃ mātikaṃ niddisitvā yathākkamaṃ niddisanto paṭhamaṃ tāva upacārāvahādayo dassetumāha ‘‘aṭṭhānussatiyo’’tiādi . Tatthāti tissaṃ mātikāyaṃ, tesu vā cattālīsāya kammaṭṭhānesu. Aṭṭhānussatiyoti kāyagatāsatiānāpānasatidvayavajjitā buddhānussatiādikā aṭṭha anussatiyo ca. Saññā āhārepaṭikkūlasaññā ca. Vavatthānañca catudhātuvavatthānañcāti ime dasa. Upacārāvahāti buddhaguṇādīnaṃ paramatthabhāvato, anekavidhattā, ekassāpi gambhīrabhāvato ca etesu dasasu kammaṭṭhānesu appanāvasena samādhissa patiṭṭhātumasakkuṇeyyattā appanābhāvanāppatto samādhi upacārabhāveyeva patiṭṭhāti, tasmā ete upacārāvahā.

    นนุ เจตฺถ ทุติยจตุตฺถารุปฺปสมาธิ, โลกุตฺตโร จ สมาธิ ปรมตฺถธเมฺม อปฺปนํ ปาปุณาติ, ตสฺมา ‘‘ปรมตฺถภาวโต’’ติ เหตุ อปฺปนมปาปุณเน การณภาเวน น วุจฺจตีติ? น, ตสฺส ภาวนาวิเสเสน ปรมตฺถธเมฺม ปวตฺติสมฺภวโต, อิมสฺส จ รูปาวจรจตุตฺถภาวนาวิเสสสมฺภวโต จฯ ตถา หิ ทุติยจตุตฺถารุปฺปสมาธิ อปฺปนาปตฺตสฺส อรูปาวจรสมาธิสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส อารมฺมณสมติกฺกมมตฺตภาวนาวเสน สภาวารมฺมเณปิ อปฺปนํ ปาปุณาติฯ วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมพเลน โลกุตฺตโร สมาธิ อปฺปนํ ปาปุณาตีติฯ

    Nanu cettha dutiyacatutthāruppasamādhi, lokuttaro ca samādhi paramatthadhamme appanaṃ pāpuṇāti, tasmā ‘‘paramatthabhāvato’’ti hetu appanamapāpuṇane kāraṇabhāvena na vuccatīti? Na, tassa bhāvanāvisesena paramatthadhamme pavattisambhavato, imassa ca rūpāvacaracatutthabhāvanāvisesasambhavato ca. Tathā hi dutiyacatutthāruppasamādhi appanāpattassa arūpāvacarasamādhissa catutthajjhānassa ārammaṇasamatikkamamattabhāvanāvasena sabhāvārammaṇepi appanaṃ pāpuṇāti. Visuddhibhāvanānukkamabalena lokuttaro samādhi appanaṃ pāpuṇātīti.

    ๓๑๓๒. ตตฺถาติ เตสุ ฌานาวเหสุ ติํสกมฺมฎฺฐาเนสุฯ อสุภาติ อุทฺธุมาตกาทโย ทส อสุภาฯ กายคตาสตีติ กายคตาสติ จาติ อิเม เอกาทสฯ ปฐมชฺฌานิกาติ อิเมสํ ปฎิกฺกูลารมฺมณตฺตา, ปฎิกฺกูลารมฺมเณ จ จิตฺตสฺส จณฺฑโสตาย นทิยา อริตฺตพเลน นาวาฎฺฐานํ วิย วิตกฺกพเลเนว ปวตฺติสมฺภวโต อวิตกฺกานํ ทุติยชฺฌานาทีนํ อสมฺภโวติ สวิตกฺกสฺส ปฐมชฺฌานเสฺสว สมฺภวโต ปฐมชฺฌานิกาฯ อานาปานญฺจ กสิณา จาติ อิเม เอกาทส จตุกฺกชฺฌานิกา รูปาวจรจตุกฺกชฺฌานิกา จ จตุกฺกนเยน, ปญฺจกชฺฌานิกา จฯ

    3132.Tatthāti tesu jhānāvahesu tiṃsakammaṭṭhānesu. Asubhāti uddhumātakādayo dasa asubhā. Kāyagatāsatīti kāyagatāsati cāti ime ekādasa. Paṭhamajjhānikāti imesaṃ paṭikkūlārammaṇattā, paṭikkūlārammaṇe ca cittassa caṇḍasotāya nadiyā arittabalena nāvāṭṭhānaṃ viya vitakkabaleneva pavattisambhavato avitakkānaṃ dutiyajjhānādīnaṃ asambhavoti savitakkassa paṭhamajjhānasseva sambhavato paṭhamajjhānikā. Ānāpānañca kasiṇā cāti ime ekādasa catukkajjhānikā rūpāvacaracatukkajjhānikā ca catukkanayena, pañcakajjhānikā ca.

    ๓๑๓๓. ติโสฺสว อปฺปมญฺญาติ เมตฺตา, กรุณา, มุทิตาติ อปฺปมญฺญา ติโสฺสวฯ สามญฺญนิเทฺทเส เอตาสเมว คหณํ กถํ วิญฺญายตีติ? ‘‘อถ ปจฺฉิมา’’ติอาทินา จตุตฺถาย อปฺปมญฺญาย จตุตฺถชฺฌานิกภาวสฺส วกฺขมานตฺตา ปาริเสสโต ตํ วิญฺญายติฯ ติกชฺฌานานีติ ติกชฺฌานิกาฯ ‘‘ติกชฺฌานา’’ติ วตฺตเพฺพ ลิงฺควิปลฺลาเสน เอวํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เมตฺตาทีนํ โทมนสฺสสหคตพฺยาปาทวิหิํสานภิรตีนํ ปหายกตฺตา โทมนสฺสปฎิปเกฺขน โสมนเสฺสเนว สหคตตา วุตฺตาติ จตุกฺกนเยน ติกชฺฌานิกตา วุตฺตา, ปญฺจกนเยน จตุกฺกชฺฌานิกตา จฯ

    3133.Tissova appamaññāti mettā, karuṇā, muditāti appamaññā tissova. Sāmaññaniddese etāsameva gahaṇaṃ kathaṃ viññāyatīti? ‘‘Atha pacchimā’’tiādinā catutthāya appamaññāya catutthajjhānikabhāvassa vakkhamānattā pārisesato taṃ viññāyati. Tikajjhānānīti tikajjhānikā. ‘‘Tikajjhānā’’ti vattabbe liṅgavipallāsena evaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Mettādīnaṃ domanassasahagatabyāpādavihiṃsānabhiratīnaṃ pahāyakattā domanassapaṭipakkhena somanasseneva sahagatatā vuttāti catukkanayena tikajjhānikatā vuttā, pañcakanayena catukkajjhānikatā ca.

    ‘‘อถา’’ติ อิทํ ‘‘ปจฺฉิมา’’ติ ปทสฺส ‘‘ติโสฺส’’ติ อิมินา ปุริมปเทน สมฺพนฺธนิวตฺตนตฺถํฯ ปจฺฉิมา อปฺปมญฺญา, จตฺตาโร อารุปฺปา จ จตุตฺถชฺฌานิกา มตา จตุกฺกนเยน, ปญฺจมชฺฌานิกา จฯ ‘‘สเพฺพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตุ, ทุกฺขา มุจฺจนฺตุ, ลทฺธสุขสมฺปตฺติโต มา วิคจฺฉนฺตู’’ติ เมตฺตาทิติวิธวสปฺปวตฺตํ พฺยาปารตฺตยํ ปหาย กมฺมสฺสกตาทสฺสเนน สเตฺตสุ มชฺฌตฺตาการปฺปตฺตภาวนานิพฺพตฺตาย ตตฺรมชฺฌโตฺตเปกฺขาย พลวตรตฺตา อปฺปนาปฺปตฺตสฺส อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส สุขสหคตตาสมฺภวโต อุเปกฺขาสหคตตา วุตฺตาฯ

    ‘‘Athā’’ti idaṃ ‘‘pacchimā’’ti padassa ‘‘tisso’’ti iminā purimapadena sambandhanivattanatthaṃ. Pacchimā appamaññā, cattāro āruppā ca catutthajjhānikā matā catukkanayena, pañcamajjhānikā ca. ‘‘Sabbe sattā sukhitā hontu, dukkhā muccantu, laddhasukhasampattito mā vigacchantū’’ti mettāditividhavasappavattaṃ byāpārattayaṃ pahāya kammassakatādassanena sattesu majjhattākārappattabhāvanānibbattāya tatramajjhattopekkhāya balavatarattā appanāppattassa upekkhābrahmavihārassa sukhasahagatatāsambhavato upekkhāsahagatatā vuttā.

    ๓๑๓๔. องฺคารมฺมณโต อติกฺกโม ทฺวิธา วุโตฺตติ โยชนาฯ จตุกฺกติกชฺฌาเนสูติ ทสกสิณา, อานาปานสตีติ เอกาทสสุ จตุกฺกชฺฌานิเกสุ เจว เมตฺตาทิปุริมพฺรหฺมวิหารตฺตยสงฺขาเตสุ ติกชฺฌานิเกสุ จ กมฺมฎฺฐาเนสุฯ องฺคาติกฺกมตาติ เอกสฺมิํเยว อารมฺมเณ วิตกฺกาทิฌานงฺค สมติกฺกเมน ปฐมชฺฌานาทีนํ อารมฺมเณเยว ทุติยชฺฌานาทีนํ อุปฺปตฺติโต องฺคาติกฺกโม อธิเปฺปโตติ อโตฺถฯ องฺคาติกฺกโมเยว องฺคาติกฺกมตา

    3134. Aṅgārammaṇato atikkamo dvidhā vuttoti yojanā. Catukkatikajjhānesūti dasakasiṇā, ānāpānasatīti ekādasasu catukkajjhānikesu ceva mettādipurimabrahmavihārattayasaṅkhātesu tikajjhānikesu ca kammaṭṭhānesu. Aṅgātikkamatāti ekasmiṃyeva ārammaṇe vitakkādijhānaṅga samatikkamena paṭhamajjhānādīnaṃ ārammaṇeyeva dutiyajjhānādīnaṃ uppattito aṅgātikkamo adhippetoti attho. Aṅgātikkamoyeva aṅgātikkamatā.

    ๓๑๓๕. องฺคาติกฺกมโตติ ตติยชฺฌานสมฺปยุตฺตโสมนสฺสาติกฺกมนโตฯ อารมฺมณมติกฺกมฺมาติ ปฎิภาคนิมิตฺตกสิณุคฺฆาฎิมากาสตพฺพิสยปฐมารุปฺปวิญฺญาณตทภาวสงฺขาตานิ จตฺตาริ อารมฺมณานิ ยถากฺกมํ อติกฺกมิตฺวาฯ กสิณุคฺฆาฎิมากาสตพฺพิสยปฐมารุปฺปวิญฺญาณตทภาวตพฺพิสยตติยารุปฺปวิญฺญาณสงฺขาเตสุ จตูสุ อารมฺมเณสุ อารุปฺปา อากาสานญฺจายตนาทีนิ จตฺตาริ อรูปาวจรชฺฌานานิ ชายเร อุปฺปชฺชนฺติฯ

    3135.Aṅgātikkamatoti tatiyajjhānasampayuttasomanassātikkamanato. Ārammaṇamatikkammāti paṭibhāganimittakasiṇugghāṭimākāsatabbisayapaṭhamāruppaviññāṇatadabhāvasaṅkhātāni cattāri ārammaṇāni yathākkamaṃ atikkamitvā. Kasiṇugghāṭimākāsatabbisayapaṭhamāruppaviññāṇatadabhāvatabbisayatatiyāruppaviññāṇasaṅkhātesu catūsu ārammaṇesu āruppā ākāsānañcāyatanādīni cattāri arūpāvacarajjhānāni jāyare uppajjanti.

    ๓๑๓๖. เอตฺถาติ เอเตสุ อารมฺมเณสุฯ วเฑฺฒตพฺพานีติ ‘‘ยตฺตกํ โอกาสํ กสิเณน ผรติ, ตทพฺภนฺตเร ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ โสตุํ, ทิเพฺพน จกฺขุนา รูปํ ปสฺสิตุํ, ปรสตฺตานญฺจ เจตสา จิตฺตํ อญฺญาตุํ สมโตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตปฺปโยชนํ สนฺธาย องฺคคณนาทิวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตตฺตกํ วเฑฺฒตพฺพานิฯ เสสํ อสุภาทิ สพฺพํ ตํ กมฺมฎฺฐานํ ปโยชนาภาวา น วเฑฺฒตพฺพเมวาติ โยชนาฯ

    3136.Etthāti etesu ārammaṇesu. Vaḍḍhetabbānīti ‘‘yattakaṃ okāsaṃ kasiṇena pharati, tadabbhantare dibbāya sotadhātuyā saddaṃ sotuṃ, dibbena cakkhunā rūpaṃ passituṃ, parasattānañca cetasā cittaṃ aññātuṃ samattho hotī’’ti vuttappayojanaṃ sandhāya aṅgagaṇanādivasena paricchinditvā yattakaṃ icchati, tattakaṃ vaḍḍhetabbāni. Sesaṃ asubhādi sabbaṃ taṃ kammaṭṭhānaṃ payojanābhāvā na vaḍḍhetabbamevāti yojanā.

    ๓๑๓๗. ตตฺถ เตสุ กมฺมฎฺฐาเนสุ ทส กสิณา จ ทส อสุภา จ กายคตาสติ, อานาปานสตีติ อิเม พาวีสติ กมฺมฎฺฐานานิ ปฎิภาคารมฺมณานีติ โยชนาฯ เอตฺถ ‘‘กสิณา’’ติอาทินา ตทารมฺมณานิ ฌานานิ คหิตานิฯ

    3137.Tattha tesu kammaṭṭhānesu dasa kasiṇā ca dasa asubhā ca kāyagatāsati, ānāpānasatīti ime bāvīsati kammaṭṭhānāni paṭibhāgārammaṇānīti yojanā. Ettha ‘‘kasiṇā’’tiādinā tadārammaṇāni jhānāni gahitāni.

    ๓๑๓๘. ธาตุววตฺถนนฺติ จตุธาตุววตฺถานํ, คาถาพนฺธวเสน รสฺสตฺตํฯ วิญฺญาณญฺจาติ วิญฺญาณญฺจายตนํฯ เนวสญฺญาติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํฯ ทส เทฺวติ ทฺวาทสฯ ภาวโคจราติ สภาวธมฺมโคจรา, ปรมตฺถธมฺมาลมฺพณาติ วุตฺตํ โหติฯ

    3138.Dhātuvavatthananti catudhātuvavatthānaṃ, gāthābandhavasena rassattaṃ. Viññāṇañcāti viññāṇañcāyatanaṃ. Nevasaññāti nevasaññānāsaññāyatanaṃ. Dasa dveti dvādasa. Bhāvagocarāti sabhāvadhammagocarā, paramatthadhammālambaṇāti vuttaṃ hoti.

    ๓๑๓๙. เทฺว จ อารุปฺปมานสาติ อากาสานญฺจายตนอากิญฺจญฺญายตนสงฺขาตา อรูปาวจรจิตฺตุปฺปาทา เทฺว จฯ ฉ อิเม ธมฺมา นวตฺตพฺพโคจรา นิทฺทิฎฺฐาติ โยชนา จตุนฺนํ อปฺปมญฺญานํ สตฺตปญฺญตฺติยา, ปฐมารุปฺปสฺส กสิณุคฺฆาฎิมากาสปญฺญตฺติยา, ตติยารุปฺปสฺส ปฐมารุปฺปวิญฺญาณาภาวปญฺญตฺติยา จ อารมฺมณตฺตาฯ

    3139.Dve ca āruppamānasāti ākāsānañcāyatanaākiñcaññāyatanasaṅkhātā arūpāvacaracittuppādā dve ca. Cha ime dhammā navattabbagocarā niddiṭṭhāti yojanā catunnaṃ appamaññānaṃ sattapaññattiyā, paṭhamāruppassa kasiṇugghāṭimākāsapaññattiyā, tatiyāruppassa paṭhamāruppaviññāṇābhāvapaññattiyā ca ārammaṇattā.

    ๓๑๔๐. ปฎิกฺกูลสญฺญาติ อาหาเรปฎิกฺกูลสญฺญาฯ กายคตาสตีติ ทฺวาทเสว ภูมิโต เทเวสุ กามาวจรเทเวสุ กุณปานํ, ปฎิกฺกูลารหสฺส จ อสมฺภวา น ปวตฺตนฺตีติ โยชนาฯ

    3140.Paṭikkūlasaññāti āhārepaṭikkūlasaññā. Kāyagatāsatīti dvādaseva bhūmito devesu kāmāvacaradevesu kuṇapānaṃ, paṭikkūlārahassa ca asambhavā na pavattantīti yojanā.

    ๓๑๔๑. ตานิ ทฺวาทส จฯ ภิโยฺยติ อธิกเตฺถ นิปาโต, ตโต อธิกํ อานาปานสติ จาติ เตรส รูปารูปโลเก อสฺสาสปสฺสาสานญฺจ อภาวา สพฺพโส น ชายเรติ โยชนาฯ

    3141. Tāni dvādasa ca. Bhiyyoti adhikatthe nipāto, tato adhikaṃ ānāpānasati cāti terasa rūpārūpaloke assāsapassāsānañca abhāvā sabbaso na jāyareti yojanā.

    ๓๑๔๒. อรูปาวจเร อรูปภเว จตุโร อารุเปฺป ฐเปตฺวา อเญฺญ ฉตฺติํส ธมฺมา รูปสมติกฺกมาภาวา น ชายนฺตีติ โยชนาฯ สเพฺพ สมจตฺตาลีส ธมฺมา มานุเส มนุสฺสโลเก สเพฺพสเมว ลพฺภมานตฺตา ชายนฺติ

    3142.Arūpāvacare arūpabhave caturo āruppe ṭhapetvā aññe chattiṃsa dhammā rūpasamatikkamābhāvā na jāyantīti yojanā. Sabbe samacattālīsa dhammā mānuse manussaloke sabbesameva labbhamānattā jāyanti.

    ๓๑๔๓. จตุตฺถกสิณํ หิตฺวาติ วาโยกสิณํ ทิฎฺฐผุเฎฺฐน คเหตพฺพตฺตา ตํ วเชฺชตฺวา นว กสิณา จ ทส อสุภา จาติ เต เอกูนวีสติ ธมฺมา ทิเฎฺฐเนว จกฺขุวิญฺญาเณน ปุพฺพภาเค ปริกมฺมกาเล คเหตพฺพา ภวนฺตีติ โยชนาฯ ปุพฺพภาเค จกฺขุนา โอโลเกตฺวา ปริกมฺมํ กตํ, เตน อุคฺคหิตนิมิตฺตํ เตสํ คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    3143.Catutthakasiṇaṃ hitvāti vāyokasiṇaṃ diṭṭhaphuṭṭhena gahetabbattā taṃ vajjetvā nava kasiṇā ca dasa asubhā cāti te ekūnavīsati dhammā diṭṭheneva cakkhuviññāṇena pubbabhāge parikammakāle gahetabbā bhavantīti yojanā. Pubbabhāge cakkhunā oloketvā parikammaṃ kataṃ, tena uggahitanimittaṃ tesaṃ gahetabbanti vuttaṃ hoti.

    ๓๑๔๔. ผุเฎฺฐนาติ นาสิกเคฺค, อุตฺตโรเฎฺฐ วา ผุฎฺฐวเสนฯ กายคตาสติยํ ตจปญฺจกํ ทิเฎฺฐน คเหตพฺพํฯ มาลุโตติ วาโยกสิณํ ทิฎฺฐผุเฎฺฐน คเหตพฺพํ อุจฺฉุสสฺสาทีนํ ปเตฺตสุ จลมานวณฺณคฺคหณมุเขน, กายปฺปสาทฆฎฺฎเนน จ คเหตพฺพตฺตาฯ เอตฺถ เอเตสุ กมฺมฎฺฐาเนสุฯ เสสกนฺติ วุตฺตาวเสสํฯ พุทฺธานุสฺสติอาทิกา อฎฺฐานุสฺสติโย, จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, จตฺตาโร อารุปฺปา, อาหาเรปฎิกฺกูลสญฺญา, จตุธาตุววตฺถานํ, กายคตาสติยํ วกฺกปญฺจกาทีนิ จาติ สพฺพเมตํ ปรโต สุตฺวา คเหตพฺพตฺตา สุเตเนว คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํฯ

    3144.Phuṭṭhenāti nāsikagge, uttaroṭṭhe vā phuṭṭhavasena. Kāyagatāsatiyaṃ tacapañcakaṃ diṭṭhena gahetabbaṃ. Mālutoti vāyokasiṇaṃ diṭṭhaphuṭṭhena gahetabbaṃ ucchusassādīnaṃ pattesu calamānavaṇṇaggahaṇamukhena, kāyappasādaghaṭṭanena ca gahetabbattā. Ettha etesu kammaṭṭhānesu. Sesakanti vuttāvasesaṃ. Buddhānussatiādikā aṭṭhānussatiyo, cattāro brahmavihārā, cattāro āruppā, āhārepaṭikkūlasaññā, catudhātuvavatthānaṃ, kāyagatāsatiyaṃ vakkapañcakādīni cāti sabbametaṃ parato sutvā gahetabbattā suteneva gahetabbanti vuttaṃ.

    ๓๑๔๕. เอตฺถ เอเตสุ กมฺมฎฺฐาเนสุ อากาสกสิณํ ฐเปตฺวา นว กสิณา ปฐมารุปฺปจิตฺตสฺส อารมฺมณภูตกสิณุคฺฆาฎิมากาสสฺส เหตุภาวโต ปจฺจยา ชายเร ปจฺจยา ภวนฺตีติ โยชนาฯ

    3145.Ettha etesu kammaṭṭhānesu ākāsakasiṇaṃ ṭhapetvā nava kasiṇā paṭhamāruppacittassa ārammaṇabhūtakasiṇugghāṭimākāsassa hetubhāvato paccayā jāyare paccayā bhavantīti yojanā.

    ๓๑๔๖. ทสปิ กสิณา อภิญฺญานํ ทิพฺพจกฺขุญาณาทีนํ ปจฺจยา ภวนฺตีติ โยชนาฯ จตุตฺถสฺสาติ จตุตฺถสฺส พฺรหฺมวิหารสฺสฯ

    3146. Dasapi kasiṇā abhiññānaṃ dibbacakkhuñāṇādīnaṃ paccayā bhavantīti yojanā. Catutthassāti catutthassa brahmavihārassa.

    ๓๑๔๗. เหฎฺฐิมเหฎฺฐิมารุปฺปนฺติ อากาสานญฺจายตนาทิกํฯ ปรสฺส จ ปรสฺส จาติ วิญฺญาณญฺจายตนาทิอุตฺตรชฺฌานสฺส ปจฺจโยติ ปกาสิตนฺติ โยชนาฯ เนวสญฺญาติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํฯ นิโรธสฺสาติ สญฺญาเวทยิตนิโรธสฺส, ตาย นิโรธสมาปตฺติยาฯ

    3147.Heṭṭhimaheṭṭhimāruppanti ākāsānañcāyatanādikaṃ. Parassa ca parassa cāti viññāṇañcāyatanādiuttarajjhānassa paccayoti pakāsitanti yojanā. Nevasaññāti nevasaññānāsaññāyatanaṃ. Nirodhassāti saññāvedayitanirodhassa, tāya nirodhasamāpattiyā.

    ๓๑๔๘. สเพฺพติ สมจตฺตาลีสกมฺมฎฺฐานธมฺมาฯ สุขวิหารสฺสาติ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารสฺสฯ ภวนิสฺสรณสฺส จาติ วิภวูปนิสฺสยตาย วิปสฺสนาปาทกเตฺตน อาสวกฺขยญาเณน อธิคนฺตพฺพสฺส นิพฺพานสฺส จฯ ภวสุขานญฺจาติ ปริกโมฺมปจารภาวนาวสปฺปวตฺตานิ กามาวจรกุสลจิตฺตานิ กามสุคติภวสุขานํ, รูปาวจรปฺปนาวสปวตฺตานิ รูปาวจรจิตฺตานิ รูปาวจรภวสุขานํ, อิตรานิ อรูปาวจรภูตานิ อรูปาวจรภวสุขานญฺจ ปจฺจยาติ ทีปิตาฯ

    3148.Sabbeti samacattālīsakammaṭṭhānadhammā. Sukhavihārassāti diṭṭhadhammasukhavihārassa. Bhavanissaraṇassati vibhavūpanissayatāya vipassanāpādakattena āsavakkhayañāṇena adhigantabbassa nibbānassa ca. Bhavasukhānañcāti parikammopacārabhāvanāvasappavattāni kāmāvacarakusalacittāni kāmasugatibhavasukhānaṃ, rūpāvacarappanāvasapavattāni rūpāvacaracittāni rūpāvacarabhavasukhānaṃ, itarāni arūpāvacarabhūtāni arūpāvacarabhavasukhānañca paccayāti dīpitā.

    ๓๑๔๙. ทส อสุภา, กายคตาสตีติ อิเม เอกาทส ราคจริตสฺส วิเสสโต อนุกูลา วิเญฺญยฺยาติ โยชนาฯ ‘‘วิเสสโต’’ติ อิมินา ราคสฺส อุชุวิปจฺจนีกภาเวน จ อติสปฺปายโต จ วุโตฺต, อิตเร จ อปฎิกฺขิตฺตาติ ทีเปติฯ วุตฺตเญฺหตํ วิสุทฺธิมเคฺค ‘‘สพฺพเญฺจตํ อุชุวิปจฺจนีกวเสน จ อติสปฺปายวเสน จ วุตฺตํ, ราคาทีนํ ปน อวิกฺขมฺภิกา, สทฺธาทีนํ วา อนุปการา กุสลภาวนา นาม นตฺถี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๗)ฯ

    3149. Dasa asubhā, kāyagatāsatīti ime ekādasa rāgacaritassa visesato anukūlā viññeyyāti yojanā. ‘‘Visesato’’ti iminā rāgassa ujuvipaccanīkabhāvena ca atisappāyato ca vutto, itare ca apaṭikkhittāti dīpeti. Vuttañhetaṃ visuddhimagge ‘‘sabbañcetaṃ ujuvipaccanīkavasena ca atisappāyavasena ca vuttaṃ, rāgādīnaṃ pana avikkhambhikā, saddhādīnaṃ vā anupakārā kusalabhāvanā nāma natthī’’ti (visuddhi. 1.47).

    ๓๑๕๐. สวณฺณกสิณาติ จตูหิ วณฺณเกหิ กสิเณหิ สหิตาฯ จตโสฺส อปฺปมญฺญาโยติ อิเม อฎฺฐ โทสจริตสฺส อนุกูลาติ ปกาสิตาติ โยชนาฯ

    3150.Savaṇṇakasiṇāti catūhi vaṇṇakehi kasiṇehi sahitā. Catasso appamaññāyoti ime aṭṭha dosacaritassa anukūlāti pakāsitāti yojanā.

    ๓๑๕๑. โมหปฺปกติโนติ โมหจริตสฺสฯ ‘‘อานาปานสติ เอกาวา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ

    3151.Mohappakatinoti mohacaritassa. ‘‘Ānāpānasati ekāvā’’ti padacchedo.

    ๓๑๕๒. มรณูปสเมติ มรณญฺจ อุปสโม จ มรณูปสมํ, ตสฺมิํ มรณูปสเมฯ สตีติ มรณานุสฺสติ, อุปสมานุสฺสติ จาติ เอเต จตฺตาโร ธมฺมาฯ ปญฺญาปกติโนติ พุทฺธิจริตสฺสฯ

    3152.Maraṇūpasameti maraṇañca upasamo ca maraṇūpasamaṃ, tasmiṃ maraṇūpasame. Satīti maraṇānussati, upasamānussati cāti ete cattāro dhammā. Paññāpakatinoti buddhicaritassa.

    ๓๑๕๓. อาทิอนุสฺสติจฺฉกฺกนฺติ พุทฺธธมฺมสงฺฆสีลจาคเทวตานุสฺสติสงฺขาตํ ฉกฺกํฯ สทฺธาจริตวณฺณิตนฺติ สทฺธาจริตสฺส อนุกูลนฺติ กถิตํฯ อารุปฺปาติ จตฺตาโร อารุปฺปาฯ เสสา กสิณาติ ภูตกสิณอาโลกากาสกสิณานํ วเสน ฉ กสิณาติ เสสา ทส ธมฺมาฯ สพฺพานุรูปกาติ สเพฺพสํ ฉนฺนํ จริยานํ อนุกูลาติ อโตฺถฯ

    3153.Ādianussaticchakkanti buddhadhammasaṅghasīlacāgadevatānussatisaṅkhātaṃ chakkaṃ. Saddhācaritavaṇṇitanti saddhācaritassa anukūlanti kathitaṃ. Āruppāti cattāro āruppā. Sesā kasiṇāti bhūtakasiṇaālokākāsakasiṇānaṃ vasena cha kasiṇāti sesā dasa dhammā. Sabbānurūpakāti sabbesaṃ channaṃ cariyānaṃ anukūlāti attho.

    ๓๑๕๔-๘. เอวํ ยถานิกฺขิตฺตมาติกานุกฺกเมน กมฺมฎฺฐานปฺปเภทํ วิภาเวตฺวา อิทานิ ภาวนานยํ ทเสฺสตุมาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิฯ เอวํ ปเภทโต ญตฺวา กมฺมฎฺฐานานีติ ยถาวุตฺตเภทนยมุเขน ภาวนามยารมฺภทสฺสนํฯ ปณฺฑิโตติ ติเหตุกปฎิสนฺธิปญฺญาย ปญฺญวา ภพฺพปุคฺคโลฯ เตสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ เมธาวีติ ปาริหาริยปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ ทฬฺหํ คเหตฺวานาติอาทิมชฺฌปริโยสาเน สุฎฺฐุ สลฺลกฺขเนฺตน ทฬฺหํ อฎฺฐิํ กตฺวา สกฺกจฺจํ อุคฺคเหตฺวาฯ กลฺยาณมิตฺตโกติ –

    3154-8. Evaṃ yathānikkhittamātikānukkamena kammaṭṭhānappabhedaṃ vibhāvetvā idāni bhāvanānayaṃ dassetumāha ‘‘eva’’ntiādi. Evaṃ pabhedato ñatvā kammaṭṭhānānīti yathāvuttabhedanayamukhena bhāvanāmayārambhadassanaṃ. Paṇḍitoti tihetukapaṭisandhipaññāya paññavā bhabbapuggalo. Tesūti niddhāraṇe bhummaṃ. Medhāvīti pārihāriyapaññāya samannāgato. Daḷhaṃ gahetvānātiādimajjhapariyosāne suṭṭhu sallakkhantena daḷhaṃ aṭṭhiṃ katvā sakkaccaṃ uggahetvā. Kalyāṇamittakoti –

    ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย;

    ‘‘Piyo garu bhāvanīyo;

    วตฺตา จ วจนกฺขโม;

    Vattā ca vacanakkhamo;

    คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา;

    Gambhīrañca kathaṃ kattā;

    โน จฎฺฐาเน นิโยชโก’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) –

    No caṭṭhāne niyojako’’ti. (visuddhi. 1.37; netti. 113) –

    วุตฺตลกฺขณโก สีลสุตปญฺญาทิคุณสมนฺนาคตกลฺยาณมิตฺตโกฯ

    Vuttalakkhaṇako sīlasutapaññādiguṇasamannāgatakalyāṇamittako.

    ปฐมเมว ปลิโพธานํ อุเจฺฉทํ กตฺวาติ โยชนาฯ ปฐมนฺติ ภาวนารมฺภโต ปฐมเมวฯ ปลิโพธานํ อุเจฺฉทํ กตฺวาติ –

    Paṭhamameva palibodhānaṃ ucchedaṃ katvāti yojanā. Paṭhamanti bhāvanārambhato paṭhamameva. Palibodhānaṃ ucchedaṃ katvāti –

    ‘‘อาวาโส จ กุลํ ลาโภ;

    ‘‘Āvāso ca kulaṃ lābho;

    คโณ กมฺมญฺจ ปญฺจมํ;

    Gaṇo kammañca pañcamaṃ;

    อทฺธานํ ญาติ อาพาโธ;

    Addhānaṃ ñāti ābādho;

    คโนฺถ อิทฺธีติ เต ทสา’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑) –

    Gantho iddhīti te dasā’’ti. (visuddhi. 1.41) –

    วุตฺตานํ ทสมหาปลิโพธานํ, ทีฆเกสนขโลมเจฺฉทนจีวรรชนปตฺตปจนาทีนํ ขุทฺทกปอโพธานญฺจาติ อุภเยสํ ปลิโพธานํ อุเจฺฉทํ กตฺวา นิฎฺฐาปเนน วา อาลยปริจฺจาเคน วา อุเจฺฉทํ กตฺวาฯ อิทฺธิ ปเนตฺถ วิปสฺสนาย ปลิโพโธ โหติ, น สมาธิภาวนายฯ วุตฺตเญฺหตํ วิสุทฺธิมเคฺค ‘‘อิทฺธีติ โปถุชฺชนิกา อิทฺธิฯ สา หิ อุตฺตานเสยฺยกทารโก วิย, ตรุณสสฺสํ วิย จ ทุปฺปริหารา โหติ, อปฺปมตฺตเกเนว ภิชฺชติฯ สา ปน วิปสฺสนาย ปลิโพโธ โหติ, น สมาธิสฺส สมาธิํ ปตฺวา ปตฺตพฺพตฺตา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑)ฯ

    Vuttānaṃ dasamahāpalibodhānaṃ, dīghakesanakhalomacchedanacīvararajanapattapacanādīnaṃ khuddakapaabodhānañcāti ubhayesaṃ palibodhānaṃ ucchedaṃ katvā niṭṭhāpanena vā ālayapariccāgena vā ucchedaṃ katvā. Iddhi panettha vipassanāya palibodho hoti, na samādhibhāvanāya. Vuttañhetaṃ visuddhimagge ‘‘iddhīti pothujjanikā iddhi. Sā hi uttānaseyyakadārako viya, taruṇasassaṃ viya ca dupparihārā hoti, appamattakeneva bhijjati. Sā pana vipassanāya palibodho hoti, na samādhissa samādhiṃ patvā pattabbattā’’ti (visuddhi. 1.41).

    โทสวชฺชิเต , อนุรูเป จ วิหาเร วสเนฺตนาติ โยชนาฯ โทสวชฺชิเตติ –

    Dosavajjite , anurūpe ca vihāre vasantenāti yojanā. Dosavajjiteti –

    ‘‘มหาวาสํ นวาวาสํ, ชราวาสญฺจ ปนฺถนิํ;

    ‘‘Mahāvāsaṃ navāvāsaṃ, jarāvāsañca panthaniṃ;

    โสณฺฑิํ ปณฺณญฺจ ปุปฺผญฺจ, ผลํ ปตฺถิตเมว จฯ

    Soṇḍiṃ paṇṇañca pupphañca, phalaṃ patthitameva ca.

    ‘‘นครํ ทารุนา เขตฺตํ, วิสภาเคน ปฎฺฎนํ;

    ‘‘Nagaraṃ dārunā khettaṃ, visabhāgena paṭṭanaṃ;

    ปจฺจนฺตสีมาสปฺปายํ, ยตฺถ มิโตฺต น ลพฺภติฯ

    Paccantasīmāsappāyaṃ, yattha mitto na labbhati.

    ‘‘อฎฺฐารเสตานิ ฐานานิ, อิติ วิญฺญาย ปณฺฑิโต;

    ‘‘Aṭṭhārasetāni ṭhānāni, iti viññāya paṇḍito;

    อารกา ปริวเชฺชยฺย, มคฺคํ ปฎิภยํ ยถา’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๕๒) –

    Ārakā parivajjeyya, maggaṃ paṭibhayaṃ yathā’’ti. (visuddhi. 1.52) –

    อฎฺฐกถาสุ วุเตฺตหิ อิเมหิ อฎฺฐารสหิ โทเสหิ คชฺชิเตฯ

    Aṭṭhakathāsu vuttehi imehi aṭṭhārasahi dosehi gajjite.

    อนุรูเป วสเนฺตนาติ –

    Anurūpe vasantenāti –

    ‘‘อิธ , ภิกฺขเว, เสนาสนํ นาติทูรํ โหติ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิโคฺฆสํ, อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสํ, ตสฺมิํ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรเนว อุปฺปชฺชนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, ตสฺมิํ โข ปน เสนาสเน เย เต ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปญฺหติ ‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ, อิมสฺส โก อโตฺถ’ติ, ตสฺส เต อายสฺมโนฺต อวิวฎเญฺจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตญฺจ อุตฺตานิํ กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขฎฺฐานีเยสุ ธเมฺมสุ กงฺขํ ปฎิวิโนเทนฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑) –

    ‘‘Idha , bhikkhave, senāsanaṃ nātidūraṃ hoti naccāsannaṃ gamanāgamanasampannaṃ, divā appākiṇṇaṃ, rattiṃ appasaddaṃ appanigghosaṃ, appaḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassaṃ, tasmiṃ kho pana senāsane viharantassa appakasireneva uppajjanti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārā, tasmiṃ kho pana senāsane ye te bhikkhū viharanti bahussutā āgatāgamā dhammadharā vinayadharā mātikādharā, te kālena kālaṃ upasaṅkamitvā paripucchati paripañhati ‘idaṃ, bhante, kathaṃ, imassa ko attho’ti, tassa te āyasmanto avivaṭañceva vivaranti, anuttānīkatañca uttāniṃ karonti, anekavihitesu ca kaṅkhaṭṭhānīyesu dhammesu kaṅkhaṃ paṭivinodenti. Evaṃ kho, bhikkhave, senāsanaṃ pañcaṅgasamannāgataṃ hotī’’ti (a. ni. 10.11) –

    เอวํ ภควตา วณฺณิเตหิ ปญฺจหิ คุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา อนุรูเป ภาวนากมฺมานุคุเณ วิหาเร วิหรเนฺตนาติ อโตฺถฯ ปฐมาทีนีติ ปฐมทุติยาทีนิ รูปาวจรชฺฌานานิฯ สพฺพโส ภาเวตฺวาติ วิสุทฺธิมเคฺค ‘‘สพฺพํ ภาวนาวิธานํ อปริหาเปเนฺตน ภาเวตโพฺพ’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑) นิกฺขิตฺตสฺส มาติกาปทสฺส วิตฺถารกฺกเมน ภาเวตฺวา, จิตฺตวิสุทฺธิํ สมฺปาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ

    Evaṃ bhagavatā vaṇṇitehi pañcahi guṇehi samannāgatattā anurūpe bhāvanākammānuguṇe vihāre viharantenāti attho. Paṭhamādīnīti paṭhamadutiyādīni rūpāvacarajjhānāni. Sabbaso bhāvetvāti visuddhimagge ‘‘sabbaṃ bhāvanāvidhānaṃ aparihāpentena bhāvetabbo’’ti (visuddhi. 1.41) nikkhittassa mātikāpadassa vitthārakkamena bhāvetvā, cittavisuddhiṃ sampādetvāti vuttaṃ hoti.

    สปฺปโญฺญติ กมฺมชติเหตุกปฎิสนฺธิปญฺญาย เจว กมฺมฎฺฐานมนสิการสปฺปายานิ ปริคฺคเหตฺวา อสปฺปายํ ปริวเชฺชตฺวา สปฺปายเสวโนปการาย ปาริหาริยปญฺญาย จ สมนฺนาคโต โยคาวจโรฯ ตโตติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนวชฺชิตรูปารูปชฺฌานํ วิปสฺสนาปาทกภาเวน สมาปชฺชิตฺวา อฎฺฐนฺนํ วิปสฺสนาปาทกชฺฌานานมญฺญตรโต ฌานา วุฎฺฐายฯ เตนาห วิสุทฺธิมเคฺค ‘‘ฐเปตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อวเสสรูปารูปาวจรชฺฌานานํ อญฺญตรโต วุฎฺฐายา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๖๓)ฯ

    Sappaññoti kammajatihetukapaṭisandhipaññāya ceva kammaṭṭhānamanasikārasappāyāni pariggahetvā asappāyaṃ parivajjetvā sappāyasevanopakārāya pārihāriyapaññāya ca samannāgato yogāvacaro. Tatoti nevasaññānāsaññāyatanavajjitarūpārūpajjhānaṃ vipassanāpādakabhāvena samāpajjitvā aṭṭhannaṃ vipassanāpādakajjhānānamaññatarato jhānā vuṭṭhāya. Tenāha visuddhimagge ‘‘ṭhapetvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ avasesarūpārūpāvacarajjhānānaṃ aññatarato vuṭṭhāyā’’ti (visuddhi. 2.663).

    นามรูปววตฺถานํ กตฺวาติ วิสุทฺธิมเคฺค ทิฎฺฐิวิสุทฺธินิเทฺทเส วุตฺตนเยน ปญฺจกฺขนฺธาทิมุเขสุ ยถิจฺฉิเตน มุเขน ปวิสิตฺวา นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ‘‘อิทํ นามํ, อิทํ รูปํ, อิมมฺหา นามรูปโต พฺยติริตฺตํ อตฺตาทิ กิญฺจิ วตฺตพฺพํ นตฺถี’’ติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา, อิมินา ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ ทสฺสิตาฯ

    Nāmarūpavavatthānaṃ katvāti visuddhimagge diṭṭhivisuddhiniddese vuttanayena pañcakkhandhādimukhesu yathicchitena mukhena pavisitvā nāmarūpaṃ vavatthapetvā ‘‘idaṃ nāmaṃ, idaṃ rūpaṃ, imamhā nāmarūpato byatirittaṃ attādi kiñci vattabbaṃ natthī’’ti niṭṭhaṃ gantvā, iminā diṭṭhivisuddhi dassitā.

    กงฺขํ วิตีริยาติ ยถาทิฎฺฐนามรูปธมฺมานํ วิสุทฺธิมเคฺค กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิเทฺทเส (วิสุทฺธิ. ๒.๖๗๘ อาทโย) วุตฺตนเยน ปญฺจธา ปริคฺคเหตฺวา ‘‘น ตาวิทํ นามรูปํ อเหตุกํ, น อตฺตาทิเหตุก’’นฺติ ยาถาวโต นามรูปสฺส ปญฺจธา ทสฺสเนน อทฺธตฺตยคตํ ‘‘อโหสิํ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) โสฬสวิธํ กงฺขํ, ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ธ. ส. ๑๐๐๘) อฎฺฐวิธญฺจ กงฺขํ วีริเยน ตริตฺวา ปชหิตฺวา, อิมินา กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ ทสฺสิตา โหติฯ

    Kaṅkhaṃ vitīriyāti yathādiṭṭhanāmarūpadhammānaṃ visuddhimagge kaṅkhāvitaraṇavisuddhiniddese (visuddhi. 2.678 ādayo) vuttanayena pañcadhā pariggahetvā ‘‘na tāvidaṃ nāmarūpaṃ ahetukaṃ, na attādihetuka’’nti yāthāvato nāmarūpassa pañcadhā dassanena addhattayagataṃ ‘‘ahosiṃ nu kho ahaṃ atītamaddhāna’’ntiādinayappavattaṃ (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20; mahāni. 174) soḷasavidhaṃ kaṅkhaṃ, ‘‘satthari kaṅkhatī’’tiādinayappavattaṃ (dha. sa. 1008) aṭṭhavidhañca kaṅkhaṃ vīriyena taritvā pajahitvā, iminā kaṅkhāvitaraṇavisuddhi dassitā hoti.

    เอวํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิปฺผาทเนน ญาตปริญฺญาย ฐิโต โยคาวจโร สปฺปายํ นามรูปํ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา กงฺขาวูปสมญาเณน มคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺธินิเทฺทเส (วิสุทฺธิ. ๒.๖๙๒ อาทโย) วุตฺตนเยน สงฺขาเร สมฺมสโนฺต โอภาโส, ญาณํ, ปีติ, ปสฺสทฺธิ, สุขํ, อธิโมโกฺข, ปคฺคโห, อุปฎฺฐานํ, อุเปกฺขา, นิกนฺตีติ ทสสุ อุปกฺกิเลเสสุ ปาตุภูเตสุ ตถา ปาตุภูเต โอภาสาทโย ทส อุปกฺกิเลเส ‘‘อมโคฺค’’ติ มคฺควีถิปฎิปนฺนํ วิปสฺสนาญาณเมว ‘‘มโคฺค’’ติ ปณฺฑิโต ปญฺญวา โยคาวจโร ชานาตีติ อโตฺถ, อิมินา มคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺธิ สเงฺขปโต ทสฺสิตา โหติฯ

    Evaṃ kaṅkhāvitaraṇavisuddhinipphādanena ñātapariññāya ṭhito yogāvacaro sappāyaṃ nāmarūpaṃ lakkhaṇattayaṃ āropetvā kaṅkhāvūpasamañāṇena maggāmaggañāṇadassanavisuddhiniddese (visuddhi. 2.692 ādayo) vuttanayena saṅkhāre sammasanto obhāso, ñāṇaṃ, pīti, passaddhi, sukhaṃ, adhimokkho, paggaho, upaṭṭhānaṃ, upekkhā, nikantīti dasasu upakkilesesu pātubhūtesu tathā pātubhūte obhāsādayo dasa upakkilese ‘‘amaggo’’ti maggavīthipaṭipannaṃ vipassanāñāṇameva ‘‘maggo’’ti paṇḍito paññavā yogāvacaro jānātīti attho, iminā maggāmaggañāṇadassanavisuddhi saṅkhepato dassitā hoti.

    ๓๑๕๙. เอตฺตาวตา เตสํ ติณฺณํ ววตฺถาเนติ โยชนาฯ เอตฺตาวตาติ ‘‘นามรูปววตฺถานํ กตฺวา’’ติอาทินา สเงฺขปโต ทสฺสิตนเยนฯ เตสํ ติณฺณนฺติ ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ, มคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺธีติ ตีหิ วิสุทฺธีหิ สกสกวิปสฺสนานํ นามรูปตปฺปจฺจยมคฺคามคฺคานํ ติณฺณํฯ ววตฺถาเน กเต นิยเม กเตฯ ติณฺณํ สจฺจานนฺติ ทุกฺขสมุทยมคฺคสงฺขอาตานํ ติณฺณํ สจฺจานํฯ ววตฺถานํ กตํ สิยาติ ญาตตีรณปริญฺญาสงฺขาเตน โลกิเยเนว ญาเณน อนุโพธวเสน นิจฺฉโย กโต โหตีติ อโตฺถฯ กถํ? นามรูปววตฺถานสงฺขาเตน ทิฎฺฐิวิสุทฺธิญาเณน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ, ปจฺจยปริคฺคหสงฺขาเตน กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิญาเณน สมุทยสจฺจววตฺถานํ, มคฺคามคฺคววตฺถานสงฺขาเตน มคฺคามคฺคญาณทสฺสเนน มคฺคสจฺจววตฺถานํฯ

    3159. Ettāvatā tesaṃ tiṇṇaṃ vavatthāneti yojanā. Ettāvatāti ‘‘nāmarūpavavatthānaṃ katvā’’tiādinā saṅkhepato dassitanayena. Tesaṃ tiṇṇanti diṭṭhivisuddhi, kaṅkhāvitaraṇavisuddhi, maggāmaggañāṇadassanavisuddhīti tīhi visuddhīhi sakasakavipassanānaṃ nāmarūpatappaccayamaggāmaggānaṃ tiṇṇaṃ. Vavatthāne kate niyame kate. Tiṇṇaṃ saccānanti dukkhasamudayamaggasaṅkhaātānaṃ tiṇṇaṃ saccānaṃ. Vavatthānaṃ kataṃ siyāti ñātatīraṇapariññāsaṅkhātena lokiyeneva ñāṇena anubodhavasena nicchayo kato hotīti attho. Kathaṃ? Nāmarūpavavatthānasaṅkhātena diṭṭhivisuddhiñāṇena dukkhasaccavavatthānaṃ kataṃ hoti, paccayapariggahasaṅkhātena kaṅkhāvitaraṇavisuddhiñāṇena samudayasaccavavatthānaṃ, maggāmaggavavatthānasaṅkhātena maggāmaggañāṇadassanena maggasaccavavatthānaṃ.

    ๓๑๖๐-๑. เอวํ ญาตตีรณปริญฺญาทฺวยํ สเงฺขปโต ทเสฺสตฺวา ปหานปริญฺญาย สรีรภูตานิ นว ญาณานิ ทเสฺสตุมาห ‘‘อุทยพฺพยา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อุทยพฺพยาติ อุปฺปาทภงฺคานุปสฺสนาวสปฺปวตฺตา อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อุทยพฺพยา’’ติ วุตฺตาฯ ตตฺถ อุทยํ มุญฺจิตฺวา วเย วา ปวตฺตา ภงฺคานุปสฺสนา ‘‘ภงฺคา’’ติ วุตฺตาฯ ภยญฺจ อาทีนโว จ นิพฺพิทา จ ภยาทีนวนิพฺพิทา, สงฺขารานํ ภยโต อนุปสฺสนวเสน ปวตฺตา ภยานุปสฺสนา จ ทิฎฺฐภยานํ อาทีนวโต เปกฺขนวเสน ปวตฺตา อาทีนวานุปสฺสนา จ ทิฎฺฐาทีนเวสุ นิเพฺพทวเสน ปวตฺตา นิพฺพิทานุปสฺสนา จ ตถา วุตฺตาฯ นิพฺพินฺทิตฺวา สงฺขาเรหิ มุจฺจิตุกามตาวเสเนว ปวตฺตํ ญาณํ มุจฺจิตุกามตาญาณํฯ มุจฺจนสฺส อุปายสมฺปฎิปาทนตฺถํ ปุน สงฺขารตฺตยปฎิคฺคหวสปวตฺตํ ญาณํ ปฎิสงฺขานุปสฺสนา

    3160-1. Evaṃ ñātatīraṇapariññādvayaṃ saṅkhepato dassetvā pahānapariññāya sarīrabhūtāni nava ñāṇāni dassetumāha ‘‘udayabbayā’’tiādi. Tattha udayabbayāti uppādabhaṅgānupassanāvasappavattā uttarapadalopena ‘‘udayabbayā’’ti vuttā. Tattha udayaṃ muñcitvā vaye vā pavattā bhaṅgānupassanā ‘‘bhaṅgā’’ti vuttā. Bhayañca ādīnavo ca nibbidā ca bhayādīnavanibbidā, saṅkhārānaṃ bhayato anupassanavasena pavattā bhayānupassanā ca diṭṭhabhayānaṃ ādīnavato pekkhanavasena pavattā ādīnavānupassanā ca diṭṭhādīnavesu nibbedavasena pavattā nibbidānupassanā ca tathā vuttā. Nibbinditvā saṅkhārehi muccitukāmatāvaseneva pavattaṃ ñāṇaṃ muccitukāmatāñāṇaṃ. Muccanassa upāyasampaṭipādanatthaṃ puna saṅkhārattayapaṭiggahavasapavattaṃ ñāṇaṃ paṭisaṅkhānupassanā.

    สงฺขารธเมฺม ภยนนฺทิวิวชฺชนวเสน อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ปวตฺตญาณํ สงฺขารุเปกฺขาญาณํ, สจฺจานุโลโม ตทธิคมาย เอกนฺตปจฺจโย โหตีติ ‘‘สจฺจานุโลมิก’’นฺติ จ กลาปสมฺมสนญาณาทีนํ ปุริมานํ นวนฺนํ กิจฺจนิปฺผตฺติยา, อุปริ จ สตฺตติํสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานญฺจ อนุโลมนโต ‘‘อนุโลมญาณ’’นฺติ จ วุตฺตํ นวมํ ญาณญฺจาติ ยา นวานุปุพฺพวิปสฺสนาสงฺขาตา ปหานปริญฺญา ทสฺสิตา, อยํ ‘‘ปฎิปทาญาณทสฺสน’’นฺติ ปกาสิตาติ โยชนาฯ

    Saṅkhāradhamme bhayanandivivajjanavasena ajjhupekkhitvā pavattañāṇaṃ saṅkhārupekkhāñāṇaṃ, saccānulomo tadadhigamāya ekantapaccayo hotīti ‘‘saccānulomika’’nti ca kalāpasammasanañāṇādīnaṃ purimānaṃ navannaṃ kiccanipphattiyā, upari ca sattatiṃsāya bodhipakkhiyadhammānañca anulomanato ‘‘anulomañāṇa’’nti ca vuttaṃ navamaṃ ñāṇañcāti yā navānupubbavipassanāsaṅkhātā pahānapariññā dassitā, ayaṃ ‘‘paṭipadāñāṇadassana’’nti pakāsitāti yojanā.

    ๓๑๖๒. ตโต อนุโลมญาณโต ปรํ มคฺคสฺส อาวชฺชนฎฺฐานิยํ หุตฺวา นิพฺพานมาลมฺพิตฺวา อุปฺปนฺนสฺส ปุถุชฺชนโคตฺตสฺส อภิภวนโต, อริยโคตฺตสฺส ภาวนโต วฑฺฒนโต จ ‘‘โคตฺรภู’’ติ สงฺขํ คตสฺส จิตฺตสฺส สมนนฺตรเมว จฯ สนฺติมารมฺมณํ กตฺวาติ สพฺพกิเลสทรถานญฺจ สงฺขารทุกฺขคฺคิโน จ วูปสมนิมิตฺตตฺตา ‘‘สนฺติ’’นฺติ สงฺขาตํ นิโรธมาลมฺพิตฺวาฯ ญาณทสฺสนนฺติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน ชานนเฎฺฐน ญาณํ, จกฺขุนา วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺสนเฎฺฐน ทสฺสนนฺติ สงฺขํ คตํ โสตาปตฺติมคฺคญาณสงฺขาตํ สตฺตมวิสุทฺธิญาณํ ชายเต อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ

    3162.Tato anulomañāṇato paraṃ maggassa āvajjanaṭṭhāniyaṃ hutvā nibbānamālambitvā uppannassa puthujjanagottassa abhibhavanato, ariyagottassa bhāvanato vaḍḍhanato ca ‘‘gotrabhū’’ti saṅkhaṃ gatassa cittassa samanantarameva ca. Santimārammaṇaṃ katvāti sabbakilesadarathānañca saṅkhāradukkhaggino ca vūpasamanimittattā ‘‘santi’’nti saṅkhātaṃ nirodhamālambitvā. Ñāṇadassananti catunnaṃ ariyasaccānaṃ pariññābhisamayādivasena jānanaṭṭhena ñāṇaṃ, cakkhunā viya paccakkhato dassanaṭṭhena dassananti saṅkhaṃ gataṃ sotāpattimaggañāṇasaṅkhātaṃ sattamavisuddhiñāṇaṃ jāyate uppajjatīti attho.

    ๓๑๖๓. ปจฺจเวกฺขณปริยนฺตนฺติ ปจฺจเวกฺขณชวนปริโยสานํฯ ตสฺสาติ ญาณทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสฯ ผลนฺติ ผลจิตฺตํ อนุ ปจฺฉา มคฺคานนฺตรํ หุตฺวา ชายเตฯ

    3163.Paccavekkhaṇapariyantanti paccavekkhaṇajavanapariyosānaṃ. Tassāti ñāṇadassanasaṅkhātassa sotāpattimaggassa. Phalanti phalacittaṃ anu pacchā maggānantaraṃ hutvā jāyate.

    เอตฺถ ‘‘ปจฺจเวกฺขณปริยนฺต’’นฺติ อิทํ ‘‘ผล’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํ, กิริยาวิเสสนํ วา, ปจฺจเวกฺขณชวนํ มริยาทํ กตฺวาติ อโตฺถฯ มคฺคานนฺตรํ ผเล ทฺวิกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุํ วา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุเทฺธ ตทนนฺตรเมว ภวงฺคํ โหติ, ภวงฺคํ อาวเฎฺฎตฺวา ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ มคฺคมาลมฺพิตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตโต ปจฺจเวกฺขณชวนานิฯ เอวํ ผลจิตฺตํ ภวงฺคปริยนฺตเมว โหติ, น ปจฺจเวกฺขณปริยนฺตํฯ ตถาปิ อเญฺญน ชวเนน อนนฺตริกํ หุตฺวา ผลชวนานมนนฺตรํ ปจฺจเวกฺขณชวนเมว ปวตฺตตีติ ทสฺสนตฺถํ ผลปจฺจเวกฺขณชวนานนฺตเร อุปฺปนฺนานิ ภวงฺคาวชฺชนานิ อโพฺพหาริกานิ กตฺวา ‘‘ปจฺจเวกฺขณปริยนฺตํ, ผลํ ตสฺสานุชายเต’’ติ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํฯ

    Ettha ‘‘paccavekkhaṇapariyanta’’nti idaṃ ‘‘phala’’nti etassa visesanaṃ, kiriyāvisesanaṃ vā, paccavekkhaṇajavanaṃ mariyādaṃ katvāti attho. Maggānantaraṃ phale dvikkhattuṃ, tikkhattuṃ vā uppajjitvā niruddhe tadanantarameva bhavaṅgaṃ hoti, bhavaṅgaṃ āvaṭṭetvā paccavekkhitabbaṃ maggamālambitvā manodvārāvajjanaṃ uppajjati, tato paccavekkhaṇajavanāni. Evaṃ phalacittaṃ bhavaṅgapariyantameva hoti, na paccavekkhaṇapariyantaṃ. Tathāpi aññena javanena anantarikaṃ hutvā phalajavanānamanantaraṃ paccavekkhaṇajavanameva pavattatīti dassanatthaṃ phalapaccavekkhaṇajavanānantare uppannāni bhavaṅgāvajjanāni abbohārikāni katvā ‘‘paccavekkhaṇapariyantaṃ, phalaṃ tassānujāyate’’ti vuttanti gahetabbaṃ.

    ปจฺจเวกฺขณญฺจ มคฺคผลนิพฺพานปหีนกิเลสอวสิฎฺฐกิเลสานํ ปจฺจเวกฺขณวเสน ปญฺจวิธํ โหติฯ เตสุ เอเกกํ เอเกเกน ชวนวาเรน ปจฺจเวกฺขตีติ ปญฺจ ปจฺจเวกฺขณชวนวารานิ โหนฺติฯ ตานิ ปจฺจเวกฺขณคฺคหเณน สามญฺญโต ทสฺสิตานีติ ทฎฺฐพฺพานิฯ

    Paccavekkhaṇañca maggaphalanibbānapahīnakilesaavasiṭṭhakilesānaṃ paccavekkhaṇavasena pañcavidhaṃ hoti. Tesu ekekaṃ ekekena javanavārena paccavekkhatīti pañca paccavekkhaṇajavanavārāni honti. Tāni paccavekkhaṇaggahaṇena sāmaññato dassitānīti daṭṭhabbāni.

    ๓๑๖๔. เตเนว จ อุปาเยนาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวิปสฺสนานํ ปฐมํ มโคฺค อธิคโต, เตเนว อุปาเยนฯ โส ภิกฺขูติ โส โยคาวจโร ภิกฺขุฯ ปุนปฺปุนํ ภาเวโนฺตติ ปุนปฺปุนํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวาฯ ยถา ปฐมมคฺคผลานิ ปโตฺต, ตถาฯ เสสมคฺคผลานิ จาติ ทุติยาทิมคฺคผลานิ จ ปาปุณาติฯ

    3164.Teneva ca upāyenāti udayabbayānupassanādivipassanānaṃ paṭhamaṃ maggo adhigato, teneva upāyena. So bhikkhūti so yogāvacaro bhikkhu. Punappunaṃ bhāventoti punappunaṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā. Yathā paṭhamamaggaphalāni patto, tathā. Sesamaggaphalāni cāti dutiyādimaggaphalāni ca pāpuṇāti.

    ๓๑๖๕. อิเจฺจวํ ยถาวุตฺตนเยน อุปฺปาทวยนฺตาตีตกตฺตา อจฺจนฺตํ อมตํ ธมฺมํ อเวจฺจ ปฎิวิชฺฌิตฺวา อเสสํ อกุสลํ วิทฺธํสยิตฺวา สมุเจฺฉทปฺปหาเนน ปชหิตฺวา ตโย ภเว กามภวาทีสุ ตีสุ ภเวสุ นิกนฺติยา โสสนวเสน ตโย ภเว วิเสเสน โสสยิตฺวา โส อคฺคทกฺขิเณโยฺย ขีณาสโว ภิกฺขุ ปฐมํ กิเลสปรินิพฺพาเน โสสิตวิปากกฺขนฺธกฎตฺตารูปสงฺขาตอุปาทิเสสรหิตตฺตา นิรุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ อุเปติ อธิคจฺฉตีติ โยชนาฯ

    3165.Iccevaṃ yathāvuttanayena uppādavayantātītakattā accantaṃ amataṃ dhammaṃ avecca paṭivijjhitvā asesaṃ akusalaṃ viddhaṃsayitvā samucchedappahānena pajahitvā tayo bhave kāmabhavādīsu tīsu bhavesu nikantiyā sosanavasena tayo bhave visesena sosayitvā so aggadakkhiṇeyyo khīṇāsavo bhikkhu paṭhamaṃ kilesaparinibbāne sositavipākakkhandhakaṭattārūpasaṅkhātaupādisesarahitattā nirupādisesaṃ nibbānadhātuṃ upeti adhigacchatīti yojanā.

    อิเจฺจวํ สเงฺขปโต กมฺมฎฺฐานภาวนานโย อาจริเยน ทสฺสิโตติ คนฺถภีรุชนานุคฺคหวเสน วิตฺถารวณฺณนํ อนามสิตฺวา อนุปทวณฺณนามตฺตเมเวตฺถ กตํฯ วิตฺถารวณฺณนา ปนสฺส วิสุทฺธิมคฺคโต, ตพฺพณฺณนโต จ คเหตพฺพาฯ

    Iccevaṃ saṅkhepato kammaṭṭhānabhāvanānayo ācariyena dassitoti ganthabhīrujanānuggahavasena vitthāravaṇṇanaṃ anāmasitvā anupadavaṇṇanāmattamevettha kataṃ. Vitthāravaṇṇanā panassa visuddhimaggato, tabbaṇṇanato ca gahetabbā.

    ๓๑๖๖-๗. วิญฺญาสกฺกมโต วาปีติ อกฺขรปทวากฺยสงฺขาตคนฺถรจนกฺกมโต วาฯ ปุพฺพาปรวเสน วาติ วตฺตพฺพานมตฺถวิเสสานํ ปฎิปาฎิวเสน วาฯ อกฺขรพเนฺธ วาติ สทฺทสตฺถอลงฺการสตฺถฉโนฺทวิจิติสตฺถานุปาเตน กาตพฺพาย อกฺขรปทรจนาย, คาถาพเนฺธติ อโตฺถฯ อยุตฺตํ วิย ยทิ ทิสฺสตีติ โยชนาฯ

    3166-7.Viññāsakkamato vāpīti akkharapadavākyasaṅkhātagantharacanakkamato vā. Pubbāparavasena vāti vattabbānamatthavisesānaṃ paṭipāṭivasena vā. Akkharabandhe vāti saddasatthaalaṅkārasatthachandovicitisatthānupātena kātabbāya akkharapadaracanāya, gāthābandheti attho. Ayuttaṃ viya yadi dissatīti yojanā.

    นฺติ ตํ ‘‘อยุตฺต’’นฺติ ทิสฺสมานฎฺฐานํฯ ตถา น คเหตพฺพนฺติ ทิสฺสมานากาเรเนว อยุตฺตนฺติ น คเหตพฺพํฯ กถํ คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘คเหตพฺพมโทสโต’’ติฯ ตสฺส การณมาห ‘‘มยา อุปปริกฺขิตฺวา, กตตฺตา ปน สพฺพโส’’ติฯ โย โย ปเนตฺถ โทโส ทิสฺสติ ขิตฺตโทโส วา โหตุ วิปลฺลาสคฺคหณโทโส วา, นาปรํ โทโสติ ทีเปติฯ เตเนตํ ปกรณํ สเพฺพสํ ติปิฎกปริยตฺติปฺปเภทายตนพหุสฺสุตานํ สิกฺขากามานํ เถรานํ อตฺตโน ปมาณภูตตํ สูเจติฯ อตฺตโน ปมาณสูจเนน อตฺตนา วิรจิตสฺส วินยวินิจฺฉยสฺสาปิ ปมาณตํ วิภาเวโนฺต ตสฺส สวนุคฺคหธารณาทีสุ โสตุชนํ นิโยเชตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Tanti taṃ ‘‘ayutta’’nti dissamānaṭṭhānaṃ. Tathā na gahetabbanti dissamānākāreneva ayuttanti na gahetabbaṃ. Kathaṃ gahetabbanti āha ‘‘gahetabbamadosato’’ti. Tassa kāraṇamāha ‘‘mayā upaparikkhitvā, katattā pana sabbaso’’ti. Yo yo panettha doso dissati khittadoso vā hotu vipallāsaggahaṇadoso vā, nāparaṃ dosoti dīpeti. Tenetaṃ pakaraṇaṃ sabbesaṃ tipiṭakapariyattippabhedāyatanabahussutānaṃ sikkhākāmānaṃ therānaṃ attano pamāṇabhūtataṃ sūceti. Attano pamāṇasūcanena attanā viracitassa vinayavinicchayassāpi pamāṇataṃ vibhāvento tassa savanuggahadhāraṇādīsu sotujanaṃ niyojetīti daṭṭhabbaṃ.

    อิติ วินยตฺถสารสนฺทีปนิยา วินยวินิจฺฉยวณฺณนาย

    Iti vinayatthasārasandīpaniyā vinayavinicchayavaṇṇanāya

    กมฺมฎฺฐานภาวนาวิธานกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kammaṭṭhānabhāvanāvidhānakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact