Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๖] ๖. กญฺจนกฺขนฺธชาตกวณฺณนา
[56] 6. Kañcanakkhandhajātakavaṇṇanā
โย ปหเฎฺฐน จิเตฺตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุโตฺต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา รตนสาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิฯ อถสฺส อาจริยุปชฺฌายา ‘‘อาวุโส, เอกวิเธน สีลํ นาม, ทุวิเธน, ติวิเธน, จตุพฺพิเธน, ปญฺจวิเธน, ฉพฺพิเธน, สตฺตวิเธน, อฎฺฐวิเธน, นววิเธน, ทสวิเธน, พหุวิเธน สีลํ นามฯ อิทํ จูฬสีลํ นาม, อิทํ มชฺฌิมสีลํ นาม, อิทํ มหาสีลํ นามฯ อิทํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ นาม, อิทํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ นาม, อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ นาม, อิทํ ปจฺจยปฎิเสวนสีลํ นามา’’ติ สีลํ อาจิกฺขนฺติฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘อิทํ สีลํ นาม อติพหุ, อหํ เอตฺตกํ สมาทาย วตฺติตุํ น สกฺขิสฺสามิ, สีลํ ปูเรตุํ อสโกฺกนฺตสฺส จ นาม ปพฺพชฺชาย โก อโตฺถ, อหํ คิหี หุตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ จ กริสฺสามิ, ปุตฺตทารญฺจ โปเสสฺสามี’’ติฯ เอวญฺจ ปน จิเนฺตตฺวา ‘‘ภเนฺต, อหํ สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อสโกฺกนฺตสฺส จ นาม ปพฺพชฺชาย โก อโตฺถ, อหํ หีนายาวตฺติสฺสามิ, ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถา’’ติ อาหฯ
Yopahaṭṭhena cittenāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Eko kira sāvatthivāsī kulaputto satthu dhammadesanaṃ sutvā ratanasāsane uraṃ datvā pabbaji. Athassa ācariyupajjhāyā ‘‘āvuso, ekavidhena sīlaṃ nāma, duvidhena, tividhena, catubbidhena, pañcavidhena, chabbidhena, sattavidhena, aṭṭhavidhena, navavidhena, dasavidhena, bahuvidhena sīlaṃ nāma. Idaṃ cūḷasīlaṃ nāma, idaṃ majjhimasīlaṃ nāma, idaṃ mahāsīlaṃ nāma. Idaṃ pātimokkhasaṃvarasīlaṃ nāma, idaṃ indriyasaṃvarasīlaṃ nāma, idaṃ ājīvapārisuddhisīlaṃ nāma, idaṃ paccayapaṭisevanasīlaṃ nāmā’’ti sīlaṃ ācikkhanti. So cintesi ‘‘idaṃ sīlaṃ nāma atibahu, ahaṃ ettakaṃ samādāya vattituṃ na sakkhissāmi, sīlaṃ pūretuṃ asakkontassa ca nāma pabbajjāya ko attho, ahaṃ gihī hutvā dānādīni puññāni ca karissāmi, puttadārañca posessāmī’’ti. Evañca pana cintetvā ‘‘bhante, ahaṃ sīlaṃ rakkhituṃ na sakkhissāmi, asakkontassa ca nāma pabbajjāya ko attho, ahaṃ hīnāyāvattissāmi, tumhākaṃ pattacīvaraṃ gaṇhathā’’ti āha.
อถ นํ อาหํสุ ‘‘อาวุโส เอวํ สเนฺต ทสพลํ วนฺทิตฺวาว ยาหี’’ติ เต ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสภํ อคมํสุฯ สตฺถา ทิสฺวาว ‘‘กิํ, ภิกฺขเว, อนตฺถิกํ ภิกฺขุํ อาทาย อาคตตฺถา’’ติ อาหฯ ภเนฺต, อยํ ภิกฺขุ ‘‘อหํ สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ ปตฺตจีวรํ นิยฺยาเทติ, อถ นํ มยํ คเหตฺวา อาคตมฺหาติฯ ‘‘กสฺมา ปน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน พหุํ สีลํ อาจิกฺขถฯ ยตฺตกํ เอส รกฺขิตุํ สโกฺกติ, ตตฺตกเมว รกฺขิสฺสติฯ อิโต ปฎฺฐาย ตุเมฺห เอตํ มา กิญฺจิ อวจุตฺถ, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ, กิํ เต พหุนา สีเลน, ตีณิเยว สีลานิ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘รกฺขิสฺสามิ, ภเนฺต’’ติฯ เตน หิ ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย กายทฺวารํ วจีทฺวารํ มโนทฺวารนฺติ ตีณิ ทฺวารานิ รกฺข, มา กาเยน ปาปกมฺมํ กริ, มา วาจาย, มา มนสาฯ ‘‘คจฺฉ มา หีนายาวตฺติ, อิมานิ ตีณิเยว สีลานิ รกฺขา’’ติฯ เอตฺตาวตา โส ภิกฺขุ ตุฎฺฐมานโส ‘‘สาธุ, ภเนฺต, รกฺขิสฺสามิ อิมานิ ตีณิ สีลานี’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาจริยุปชฺฌาเยหิ สทฺธิํเยว อคมาสิฯ โส ตานิ ตีณิ สีลานิ ปูเรโนฺตว อญฺญาสิ ‘‘อาจริยุปชฺฌาเยหิ มยฺหํ อาจิกฺขิตํ สีลมฺปิ เอตฺตกเมว, เต ปน อตฺตโน อพุทฺธภาเวน มํ พุชฺฌาเปตุํ นาสกฺขิํสุ, สมฺมาสมฺพุโทฺธ อตฺตโน พุทฺธสุพุทฺธตาย อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอตฺตกํ สีลํ ตีสุเยว ทฺวาเรสุ ปกฺขิปิตฺวา มํ คณฺหาเปสิ, อวสฺสโย วต เม สตฺถา ชาโต’’ติ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา กติปาเหเนว อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ
Atha naṃ āhaṃsu ‘‘āvuso evaṃ sante dasabalaṃ vanditvāva yāhī’’ti te taṃ ādāya satthu santikaṃ dhammasabhaṃ agamaṃsu. Satthā disvāva ‘‘kiṃ, bhikkhave, anatthikaṃ bhikkhuṃ ādāya āgatatthā’’ti āha. Bhante, ayaṃ bhikkhu ‘‘ahaṃ sīlaṃ rakkhituṃ na sakkhissāmī’’ti pattacīvaraṃ niyyādeti, atha naṃ mayaṃ gahetvā āgatamhāti. ‘‘Kasmā pana tumhe, bhikkhave, imassa bhikkhuno bahuṃ sīlaṃ ācikkhatha. Yattakaṃ esa rakkhituṃ sakkoti, tattakameva rakkhissati. Ito paṭṭhāya tumhe etaṃ mā kiñci avacuttha, ahamettha kattabbaṃ jānissāmi, ehi tvaṃ bhikkhu, kiṃ te bahunā sīlena, tīṇiyeva sīlāni rakkhituṃ sakkhissasī’’ti? ‘‘Rakkhissāmi, bhante’’ti. Tena hi tvaṃ ito paṭṭhāya kāyadvāraṃ vacīdvāraṃ manodvāranti tīṇi dvārāni rakkha, mā kāyena pāpakammaṃ kari, mā vācāya, mā manasā. ‘‘Gaccha mā hīnāyāvatti, imāni tīṇiyeva sīlāni rakkhā’’ti. Ettāvatā so bhikkhu tuṭṭhamānaso ‘‘sādhu, bhante, rakkhissāmi imāni tīṇi sīlānī’’ti satthāraṃ vanditvā ācariyupajjhāyehi saddhiṃyeva agamāsi. So tāni tīṇi sīlāni pūrentova aññāsi ‘‘ācariyupajjhāyehi mayhaṃ ācikkhitaṃ sīlampi ettakameva, te pana attano abuddhabhāvena maṃ bujjhāpetuṃ nāsakkhiṃsu, sammāsambuddho attano buddhasubuddhatāya anuttaradhammarājatāya ettakaṃ sīlaṃ tīsuyeva dvāresu pakkhipitvā maṃ gaṇhāpesi, avassayo vata me satthā jāto’’ti vipassanaṃ vaḍḍhetvā katipāheneva arahatte patiṭṭhāsi.
ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, ตํ กิร ภิกฺขุํ ‘พหุสีลานิ รกฺขิตุํ น สโกฺกมี’ติ หีนายาวตฺตนฺตํ สพฺพานิ สีลานิ ตีหิ โกฎฺฐาเสหิ สงฺขิปิตฺวา คาหาเปตฺวา สตฺถา อรหตฺตํ ปาเปสิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม อจฺฉริย’’นฺติ พุทฺธคุเณ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ อถ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขเว, อติครุโกปิ ภาโร โกฎฺฐาสวเสน ภาเชตฺวา ทิโนฺน ลหุโก วิย โหติ, ปุเพฺพปิ ปณฺฑิตา มหนฺตํ กญฺจนกฺขนฺธํ ลภิตฺวา อุกฺขิปิตุํ อสโกฺกนฺตา วิภาคํ กตฺวา อุกฺขิปิตฺวา อคมํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Taṃ pavattiṃ ñatvā dhammasabhāyaṃ sannipatitā bhikkhū ‘‘āvuso, taṃ kira bhikkhuṃ ‘bahusīlāni rakkhituṃ na sakkomī’ti hīnāyāvattantaṃ sabbāni sīlāni tīhi koṭṭhāsehi saṅkhipitvā gāhāpetvā satthā arahattaṃ pāpesi, aho buddhānaṃ balaṃ nāma acchariya’’nti buddhaguṇe kathentā nisīdiṃsu. Atha satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘bhikkhave, atigarukopi bhāro koṭṭhāsavasena bhājetvā dinno lahuko viya hoti, pubbepi paṇḍitā mahantaṃ kañcanakkhandhaṃ labhitvā ukkhipituṃ asakkontā vibhāgaṃ katvā ukkhipitvā agamaṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ คามเก กสฺสโก อโหสิฯ โส เอกทิวสํ อญฺญตรสฺมิํ ฉฑฺฑิตคามเก เขเตฺต กสิํ กสติฯ ปุเพฺพ จ ตสฺมิํ คาเม เอโก วิภวสมฺปโนฺน เสฎฺฐิ อูรุมตฺตปริณาหํ จตุหตฺถายามํ กญฺจนกฺขนฺธํ นิทหิตฺวา กาลมกาสิฯ ตสฺมิํ โพธิสตฺตสฺส นงฺคลํ ลคิตฺวา อฎฺฐาสิฯ โส ‘‘มูลสนฺตานกํ ภวิสฺสตี’’ติ ปํสุํ วิยูหโนฺต ตํ ทิสฺวา ปํสุนา ปฎิจฺฉาเทตฺวา ทิวสํ กสิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย ยุคนงฺคลาทีนิ เอกมเนฺต นิกฺขิปิตฺวา ‘‘กญฺจนกฺขนฺธํ คณฺหิตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ ตํ อุกฺขิปิตุํ นาสกฺขิฯ อสโกฺกโนฺต นิสีทิตฺวา ‘‘เอตฺตกํ กุจฺฉิภรณาย ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ นิทหิตฺวา ฐเปสฺสามิ, เอตฺตเกน กมฺมเนฺต ปโยเชสฺสามิ, เอตฺตกํ ทานาทิปุญฺญกิริยาย ภวิสฺสตี’’ติ จตฺตาโร โกฎฺฐาเส อกาสิฯ ตเสฺสวํ วิภตฺตกาเล โส กญฺจนกฺขโนฺธ สลฺลหุโก วิย อโหสิฯ โส ตํ อุกฺขิปิตฺวา ฆรํ เนตฺวา จตุธา วิภชิตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ gāmake kassako ahosi. So ekadivasaṃ aññatarasmiṃ chaḍḍitagāmake khette kasiṃ kasati. Pubbe ca tasmiṃ gāme eko vibhavasampanno seṭṭhi ūrumattapariṇāhaṃ catuhatthāyāmaṃ kañcanakkhandhaṃ nidahitvā kālamakāsi. Tasmiṃ bodhisattassa naṅgalaṃ lagitvā aṭṭhāsi. So ‘‘mūlasantānakaṃ bhavissatī’’ti paṃsuṃ viyūhanto taṃ disvā paṃsunā paṭicchādetvā divasaṃ kasitvā atthaṅgate sūriye yuganaṅgalādīni ekamante nikkhipitvā ‘‘kañcanakkhandhaṃ gaṇhitvā gacchissāmī’’ti taṃ ukkhipituṃ nāsakkhi. Asakkonto nisīditvā ‘‘ettakaṃ kucchibharaṇāya bhavissati, ettakaṃ nidahitvā ṭhapessāmi, ettakena kammante payojessāmi, ettakaṃ dānādipuññakiriyāya bhavissatī’’ti cattāro koṭṭhāse akāsi. Tassevaṃ vibhattakāle so kañcanakkhandho sallahuko viya ahosi. So taṃ ukkhipitvā gharaṃ netvā catudhā vibhajitvā dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.
อิติ ภควา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
Iti bhagavā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā abhisambuddho hutvā imaṃ gāthamāha –
๕๖.
56.
‘‘โย ปหเฎฺฐน จิเตฺตน, ปหฎฺฐมนโส นโร;
‘‘Yo pahaṭṭhena cittena, pahaṭṭhamanaso naro;
ภาเวติ กุสลํ ธมฺมํ, โยคเกฺขมสฺส ปตฺติยา;
Bhāveti kusalaṃ dhammaṃ, yogakkhemassa pattiyā;
ปาปุเณ อนุปุเพฺพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติฯ
Pāpuṇe anupubbena, sabbasaṃyojanakkhaya’’nti.
ตตฺถ ปหเฎฺฐนาติ วินีวรเณนฯ ปหฎฺฐมนโสติ ตาย เอว วินีวรณตาย ปหฎฺฐมานโส, สุวณฺณํ วิย ปหํสิตฺวา สมุโชฺชติตสปฺปภาสจิโตฺต หุตฺวาติ อโตฺถฯ
Tattha pahaṭṭhenāti vinīvaraṇena. Pahaṭṭhamanasoti tāya eva vinīvaraṇatāya pahaṭṭhamānaso, suvaṇṇaṃ viya pahaṃsitvā samujjotitasappabhāsacitto hutvāti attho.
เอวํ สตฺถา อรหตฺตกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กญฺจนกฺขนฺธลทฺธปุริโส อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Evaṃ satthā arahattakūṭena desanaṃ niṭṭhāpetvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kañcanakkhandhaladdhapuriso ahameva ahosi’’nti.
กญฺจนกฺขนฺธชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Kañcanakkhandhajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๖. กญฺจนกฺขนฺธชาตกํ • 56. Kañcanakkhandhajātakaṃ