Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๑๐] ๑๐. กนฺทคลกชาตกวณฺณนา
[210] 10. Kandagalakajātakavaṇṇanā
อโมฺภ โก นามยํ รุโกฺขติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ สตฺถา ‘‘เทวทโตฺต สุคตาลยํ อกาสี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทโตฺต มยฺหํ อนุกิริยํ กโรโนฺต วินาสํ ปโตฺต, ปุเพฺพปิ ปาปุณิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Ambho ko nāmayaṃ rukkhoti idaṃ satthā veḷuvane viharanto sugatālayaṃ ārabbha kathesi. Tadā hi satthā ‘‘devadatto sugatālayaṃ akāsī’’ti sutvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva devadatto mayhaṃ anukiriyaṃ karonto vināsaṃ patto, pubbepi pāpuṇiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส รุกฺขโกฎฺฎกสกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ‘‘ขทิรวนิโย’’ติสฺส นามํ อโหสิฯ โส ขทิรวเนเยว โคจรํ คณฺหิ, ตเสฺสโก กนฺทคลโก นาม สหาโย อโหสิ, โส สิมฺพลิปาลิภทฺทกวเน โคจรํ คณฺหาติฯ โส เอกทิวสํ ขทิรวนิยสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ ขทิรวนิโย ‘‘สหาโย เม อาคโต’’ติ กนฺทคลกํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา ขทิรขนฺธํ ตุเณฺฑน ปหริตฺวา รุกฺขโต ปาณเก นีหริตฺวา อทาสิฯ กนฺทคลโก ทิเนฺน ทิเนฺน มธุรปูเว วิย ฉินฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ขาทิฯ ตสฺส ขาทนฺตเสฺสว มาโน อุปฺปชฺชิ – ‘‘อยมฺปิ รุกฺขโกฎฺฎกโยนิยํ นิพฺพโตฺต, อหมฺปิ, กิํ เม เอเตน ทินฺนโคจเรน, สยเมว ขทิรวเน โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติฯ โส ขทิรวนิยํ อาห – ‘‘สมฺม, มา ตฺวํ ทุกฺขํ อนุภวิ, อหเมว ขทิรวเน โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantapadese rukkhakoṭṭakasakuṇayoniyaṃ nibbatti, ‘‘khadiravaniyo’’tissa nāmaṃ ahosi. So khadiravaneyeva gocaraṃ gaṇhi, tasseko kandagalako nāma sahāyo ahosi, so simbalipālibhaddakavane gocaraṃ gaṇhāti. So ekadivasaṃ khadiravaniyassa santikaṃ agamāsi. Khadiravaniyo ‘‘sahāyo me āgato’’ti kandagalakaṃ gahetvā khadiravanaṃ pavisitvā khadirakhandhaṃ tuṇḍena paharitvā rukkhato pāṇake nīharitvā adāsi. Kandagalako dinne dinne madhurapūve viya chinditvā chinditvā khādi. Tassa khādantasseva māno uppajji – ‘‘ayampi rukkhakoṭṭakayoniyaṃ nibbatto, ahampi, kiṃ me etena dinnagocarena, sayameva khadiravane gocaraṃ gaṇhissāmī’’ti. So khadiravaniyaṃ āha – ‘‘samma, mā tvaṃ dukkhaṃ anubhavi, ahameva khadiravane gocaraṃ gaṇhissāmī’’ti.
อถ นํ โส ‘‘หนฺท ตฺวํ สมฺม, สิมฺพลิปาลิภทฺทกาทิวเน นิสฺสาเร โคจรคฺคหณกุเล ชาโต, ขทิรา นาม ชาตสารา ถทฺธา, มา เต เอตํ รุจฺจี’’ติ อาหฯ กนฺทคลโก ‘‘กิํ ทานาหํ น รุกฺขโกฎฺฎกโยนิยํ นิพฺพโตฺต’’ติ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ขทิรรุกฺขํ ตุเณฺฑน ปหริฯ ตาวเทวสฺส ตุณฺฑํ ภิชฺชิ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ ชาตานิ, สีสํ ผลิตํฯ โส ขเนฺธ ปติฎฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ภูมิยํ ปติตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Atha naṃ so ‘‘handa tvaṃ samma, simbalipālibhaddakādivane nissāre gocaraggahaṇakule jāto, khadirā nāma jātasārā thaddhā, mā te etaṃ ruccī’’ti āha. Kandagalako ‘‘kiṃ dānāhaṃ na rukkhakoṭṭakayoniyaṃ nibbatto’’ti tassa vacanaṃ anādiyitvā vegena gantvā khadirarukkhaṃ tuṇḍena pahari. Tāvadevassa tuṇḍaṃ bhijji, akkhīni nikkhamanākārappattāni jātāni, sīsaṃ phalitaṃ. So khandhe patiṭṭhātuṃ asakkonto bhūmiyaṃ patitvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๑๙.
119.
‘‘อโมฺภ โก นามยํ รุโกฺข, สินฺนปโตฺต สกณฺฎโก;
‘‘Ambho ko nāmayaṃ rukkho, sinnapatto sakaṇṭako;
ยตฺถ เอกปฺปหาเรน, อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิต’’นฺติฯ
Yattha ekappahārena, uttamaṅgaṃ vibhijjita’’nti.
ตตฺถ อโมฺภ โก นามยํ รุโกฺขติ, โภ ขทิรวนิย, โก นาม อยํ รุโกฺขฯ ‘‘โก นาม โส’’ติปิ ปาโฐฯ สินฺนปโตฺตติ สุขุมปโตฺตฯ ยตฺถ เอกปฺปหาเรนาติ ยสฺมิํ รุเกฺข เอเกเนว ปหาเรนฯ อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิตนฺติ สีสํ ภินฺนํ, น เกวลญฺจ สีสํ, ตุณฺฑมฺปิ ภินฺนํฯ โส เวทนาปฺปตฺตตาย ขทิรรุกฺขํ ‘‘กิํ รุโกฺข นาเมโส’’ติ ชานิตุํ อสโกฺกโนฺต เวทนาปฺปโตฺต หุตฺวา อิมาย คาถาย วิปฺปลปิฯ
Tattha ambho ko nāmayaṃ rukkhoti, bho khadiravaniya, ko nāma ayaṃ rukkho. ‘‘Ko nāma so’’tipi pāṭho. Sinnapattoti sukhumapatto. Yattha ekappahārenāti yasmiṃ rukkhe ekeneva pahārena. Uttamaṅgaṃ vibhijjitanti sīsaṃ bhinnaṃ, na kevalañca sīsaṃ, tuṇḍampi bhinnaṃ. So vedanāppattatāya khadirarukkhaṃ ‘‘kiṃ rukkho nāmeso’’ti jānituṃ asakkonto vedanāppatto hutvā imāya gāthāya vippalapi.
ตํ วจนํ สุตฺวา ขทิรวนิโย ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ vacanaṃ sutvā khadiravaniyo dutiyaṃ gāthamāha –
๑๒๐.
120.
‘‘อจาริ วตายํ วิตุทํ วนานิ, กฎฺฐงฺครุเกฺขสุ อสารเกสุ;
‘‘Acāri vatāyaṃ vitudaṃ vanāni, kaṭṭhaṅgarukkhesu asārakesu;
อถาสทา ขทิรํ ชาตสารํ, ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺค’’นฺติฯ
Athāsadā khadiraṃ jātasāraṃ, yatthabbhidā garuḷo uttamaṅga’’nti.
ตตฺถ อจาริ วตายนฺติ อจริ วต อยํฯ วิตุทํ วนานีติ นิสฺสารสิมฺพลิปาลิภทฺทกวนานิ วิตุทโนฺต วิชฺฌโนฺตฯ กฎฺฐงฺครุเกฺขสูติ วนกฎฺฐโกฎฺฐาเสสุ รุเกฺขสุฯ อสารเกสูติ นิสฺสาเรสุ ปาลิภทฺทกสิมฺพลิอาทีสุฯ อถาสทา ขทิรํ ชาตสารนฺติ อถ โปตกกาลโต ปฎฺฐาย ชาตสารํ ขทิรํ สมฺปาปุณิฯ ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺคนฺติ ยตฺถพฺภิทาติ ยสฺมิํ ขทิเร อภินฺทิ ปทาลยิฯ ครุโฬติ สกุโณฯ สพฺพสกุณานเญฺหตํ สคารวสปฺปติสฺส วจนํฯ
Tattha acāri vatāyanti acari vata ayaṃ. Vitudaṃ vanānīti nissārasimbalipālibhaddakavanāni vitudanto vijjhanto. Kaṭṭhaṅgarukkhesūti vanakaṭṭhakoṭṭhāsesu rukkhesu. Asārakesūti nissāresu pālibhaddakasimbaliādīsu. Athāsadā khadiraṃ jātasāranti atha potakakālato paṭṭhāya jātasāraṃ khadiraṃ sampāpuṇi. Yatthabbhidā garuḷo uttamaṅganti yatthabbhidāti yasmiṃ khadire abhindi padālayi. Garuḷoti sakuṇo. Sabbasakuṇānañhetaṃ sagāravasappatissa vacanaṃ.
อิติ นํ ขทิรวนิโย วตฺวา ‘‘โภ กนฺทคลก, ยตฺถ ตฺวํ อุตฺตมงฺคํ อภินฺทิ, ขทิโร นาเมโส สารรุโกฺข’’ติ อาหฯ โส ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ
Iti naṃ khadiravaniyo vatvā ‘‘bho kandagalaka, yattha tvaṃ uttamaṅgaṃ abhindi, khadiro nāmeso sārarukkho’’ti āha. So tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนฺทคลโก เทวทโตฺต อโหสิ, ขทิรวนิโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kandagalako devadatto ahosi, khadiravaniyo pana ahameva ahosi’’nti.
กนฺทคลกชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Kandagalakajātakavaṇṇanā dasamā.
นตํทฬฺหวโคฺค ฉโฎฺฐฯ
Nataṃdaḷhavaggo chaṭṭho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
พนฺธนาคารํ เกฬิสีลํ, ขณฺฑํ วีรกคเงฺคยฺยํ;
Bandhanāgāraṃ keḷisīlaṃ, khaṇḍaṃ vīrakagaṅgeyyaṃ;
กุรุงฺคมสฺสกเญฺจว, สุสุมารญฺจ กุกฺกุฎํ;
Kuruṅgamassakañceva, susumārañca kukkuṭaṃ;
กนฺทคลกนฺติ เต ทสฯ
Kandagalakanti te dasa.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๑๐. กนฺทคลกชาตกํ • 210. Kandagalakajātakaṃ