Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๗. กณฺฑกวิมานวณฺณนา
7. Kaṇḍakavimānavaṇṇanā
ปุณฺณมาเส ยถา จโนฺทติ กณฺฑกวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เทวจาริกํ จรโนฺต ตาวติํสภวนํ คโตฯ ตสฺมิํ ขเณ กณฺฑโก เทวปุโตฺต สกภวนโต นิกฺขมิตฺวา ทิพฺพยานํ อภิรุหิตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน มหติยา เทวิทฺธิยา อุยฺยานํ คจฺฉโนฺต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ทิสฺวา สญฺชาตคารวพหุมาโน สหสา ยานโต โอรุยฺห เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา สิรสฺมิํ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ อถ นํ เถโร –
Puṇṇamāseyathā candoti kaṇḍakavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena ca samayena āyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayeneva devacārikaṃ caranto tāvatiṃsabhavanaṃ gato. Tasmiṃ khaṇe kaṇḍako devaputto sakabhavanato nikkhamitvā dibbayānaṃ abhiruhitvā mahantena parivārena mahatiyā deviddhiyā uyyānaṃ gacchanto āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ disvā sañjātagāravabahumāno sahasā yānato oruyha theraṃ upasaṅkamitvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā sirasmiṃ añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Atha naṃ thero –
๑๑๗๑.
1171.
‘‘ปุณฺณมาเส ยถา จโนฺท, นกฺขตฺตปริวาริโต;
‘‘Puṇṇamāse yathā cando, nakkhattaparivārito;
สมนฺตา อนุปริยาติ, ตารกาธิปตี สสีฯ
Samantā anupariyāti, tārakādhipatī sasī.
๑๑๗๒.
1172.
‘‘ตถูปมํ อิทํ พฺยมฺหํ, ทิพฺพํ เทวปุรมฺหิ จ;
‘‘Tathūpamaṃ idaṃ byamhaṃ, dibbaṃ devapuramhi ca;
อติโรจติ วเณฺณน, อุทยโนฺตว รํสิมาฯ
Atirocati vaṇṇena, udayantova raṃsimā.
๑๑๗๓.
1173.
‘‘เวฬูริยสุวณฺณสฺส, ผลิกา รูปิยสฺส จ;
‘‘Veḷūriyasuvaṇṇassa, phalikā rūpiyassa ca;
มสารคลฺลมุตฺตาหิ, โลหิตงฺคมณีหิ จฯ
Masāragallamuttāhi, lohitaṅgamaṇīhi ca.
๑๑๗๔.
1174.
‘‘จิตฺรา มโนรมา ภูมิ, เวฬูริยสฺส สนฺถตา;
‘‘Citrā manoramā bhūmi, veḷūriyassa santhatā;
กูฎาคารา สุภา รมฺมา, ปาสาโท เต สุมาปิโตฯ
Kūṭāgārā subhā rammā, pāsādo te sumāpito.
๑๑๗๕.
1175.
‘‘รมฺมา จ เต โปกฺขรณี, ปุถุโลมนิเสวิตา;
‘‘Rammā ca te pokkharaṇī, puthulomanisevitā;
อโจฺฉทกา วิปฺปสนฺนา, โสณฺณวาลุกสนฺถตาฯ
Acchodakā vippasannā, soṇṇavālukasanthatā.
๑๑๗๖.
1176.
‘‘นานาปทุมสญฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสโมตตา;
‘‘Nānāpadumasañchannā, puṇḍarīkasamotatā;
สุรภิํ สมฺปวายนฺติ, มนุญฺญา มาตุเตริตาฯ
Surabhiṃ sampavāyanti, manuññā mātuteritā.
๑๑๗๗.
1177.
‘‘ตสฺสา เต อุภโต ปเสฺส, วนคุมฺพา สุมาปิตา;
‘‘Tassā te ubhato passe, vanagumbā sumāpitā;
อุเปตา ปุปฺผรุเกฺขหิ, ผลรุเกฺขหิ จูภยํฯ
Upetā puppharukkhehi, phalarukkhehi cūbhayaṃ.
๑๑๗๘.
1178.
‘‘โสวณฺณปาเท ปลฺลเงฺก, มุทุเก โคนกตฺถเต;
‘‘Sovaṇṇapāde pallaṅke, muduke gonakatthate;
นิสินฺนํ เทวราชํว, อุปติฎฺฐนฺติ อจฺฉราฯ
Nisinnaṃ devarājaṃva, upatiṭṭhanti accharā.
๑๑๗๙.
1179.
‘‘สพฺพาภรณสญฺฉนฺนา , นานามาลาวิภูสิตา;
‘‘Sabbābharaṇasañchannā , nānāmālāvibhūsitā;
รเมนฺติ ตํ มหิทฺธิกํ, วสวตฺตีว โมทสิฯ
Ramenti taṃ mahiddhikaṃ, vasavattīva modasi.
๑๑๘๐.
1180.
‘‘เภริสงฺขมุทิงฺคาหิ, วีณาหิ ปณเวหิ จ;
‘‘Bherisaṅkhamudiṅgāhi, vīṇāhi paṇavehi ca;
รมสิ รติสมฺปโนฺน, นจฺจคีเต สุวาทิเตฯ
Ramasi ratisampanno, naccagīte suvādite.
๑๑๘๑.
1181.
‘‘ทิพฺพา เต วิวิธา รูปา, ทิพฺพา สทฺทา อโถ รสา;
‘‘Dibbā te vividhā rūpā, dibbā saddā atho rasā;
คนฺธา จ เต อธิเปฺปตา, โผฎฺฐพฺพา จ มโนรมาฯ
Gandhā ca te adhippetā, phoṭṭhabbā ca manoramā.
๑๑๘๒.
1182.
‘‘ตสฺมิํ วิมาเน ปวเร, เทวปุตฺต มหปฺปโภ;
‘‘Tasmiṃ vimāne pavare, devaputta mahappabho;
อติโรจสิ วเณฺณน, อุทยโนฺตว ภาณุมาฯ
Atirocasi vaṇṇena, udayantova bhāṇumā.
๑๑๘๓.
1183.
‘‘ทานสฺส เต อิทํ ผลํ, อโถ สีลสฺส วา ปน;
‘‘Dānassa te idaṃ phalaṃ, atho sīlassa vā pana;
อโถ อญฺชลิกมฺมสฺส, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ –
Atho añjalikammassa, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti. –
อธิคตสมฺปตฺติกิตฺตนมุเขน กตกมฺมํ ปุจฺฉิฯ
Adhigatasampattikittanamukhena katakammaṃ pucchi.
๑๑๘๔.
1184.
‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิโต;
‘‘So devaputto attamano, moggallānena pucchito;
ปญฺหํ ปุโฎฺฐ วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
Pañhaṃ puṭṭho viyākāsi, yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๑๑๘๕.
1185.
‘‘อหํ กปิลวตฺถุสฺมิํ, สากิยานํ ปุรุตฺตเม;
‘‘Ahaṃ kapilavatthusmiṃ, sākiyānaṃ puruttame;
สุโทฺธทนสฺส ปุตฺตสฺส, กณฺฑโก สหโช อหํฯ
Suddhodanassa puttassa, kaṇḍako sahajo ahaṃ.
๑๑๘๖.
1186.
‘‘ยทา โส อฑฺฒรตฺตายํ, โพธาย มภินิกฺขมิ;
‘‘Yadā so aḍḍharattāyaṃ, bodhāya mabhinikkhami;
โส มํ มุทูหิ ปาณีหิ, ชาลิตมฺพนเขหิ จฯ
So maṃ mudūhi pāṇīhi, jālitambanakhehi ca.
๑๑๘๗.
1187.
‘‘สตฺถิํ อาโกฎยิตฺวาน, วห สมฺมาติ จพฺรวิ;
‘‘Satthiṃ ākoṭayitvāna, vaha sammāti cabravi;
‘อหํ โลกํ ตารยิสฺสํ, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํ’ฯ
‘Ahaṃ lokaṃ tārayissaṃ, patto sambodhimuttamaṃ’.
๑๑๘๘.
1188.
‘‘ตํ เม คิรํ สุณนฺตสฺส, หาโส เม วิปุโล อหุ;
‘‘Taṃ me giraṃ suṇantassa, hāso me vipulo ahu;
อุทคฺคจิโตฺต สุมโน, อภิสีสิํ ตทา อหํฯ
Udaggacitto sumano, abhisīsiṃ tadā ahaṃ.
๑๑๘๙.
1189.
‘‘อภิรูฬฺหญฺจ มํ ญตฺวา, สกฺยปุตฺตํ มหายสํ;
‘‘Abhirūḷhañca maṃ ñatvā, sakyaputtaṃ mahāyasaṃ;
อุทคฺคจิโตฺต มุทิโต, วหิสฺสํ ปุริสุตฺตมํฯ
Udaggacitto mudito, vahissaṃ purisuttamaṃ.
๑๑๙๐.
1190.
‘‘ปเรสํ วิชิตํ คนฺตฺวา, อุคฺคตสฺมิํ ทิวากเร;
‘‘Paresaṃ vijitaṃ gantvā, uggatasmiṃ divākare;
มมํ ฉนฺนญฺจ โอหาย, อนเปโกฺข โส อปกฺกมิฯ
Mamaṃ channañca ohāya, anapekkho so apakkami.
๑๑๙๑.
1191.
‘‘ตสฺส ตมฺพนเข ปาเท, ชิวฺหาย ปริเลหิสํ;
‘‘Tassa tambanakhe pāde, jivhāya parilehisaṃ;
คจฺฉนฺตญฺจ มหาวีรํ, รุทมาโน อุทิกฺขิสํฯ
Gacchantañca mahāvīraṃ, rudamāno udikkhisaṃ.
๑๑๙๒.
1192.
‘‘อทสฺสเนนหํ ตสฺส, สกฺยปุตฺตสฺส สิรีมโต;
‘‘Adassanenahaṃ tassa, sakyaputtassa sirīmato;
อลตฺถํ ครุกาพาธํ, ขิปฺปํ เม มรณํ อหุฯ
Alatthaṃ garukābādhaṃ, khippaṃ me maraṇaṃ ahu.
๑๑๙๓.
1193.
‘‘ตเสฺสว อานุภาเวน, วิมานํ อาวสามิทํ;
‘‘Tasseva ānubhāvena, vimānaṃ āvasāmidaṃ;
สพฺพกามคุโณเปตํ, เทโว เทวปุรมฺหิวฯ
Sabbakāmaguṇopetaṃ, devo devapuramhiva.
๑๑๙๔.
1194.
‘‘ยญฺจ เม อหุวา หาโส, สทฺทํ สุตฺวาน โพธิยา;
‘‘Yañca me ahuvā hāso, saddaṃ sutvāna bodhiyā;
เตเนว กุสลมูเลน, ผุสิสฺสํ อาสวกฺขยํฯ
Teneva kusalamūlena, phusissaṃ āsavakkhayaṃ.
๑๑๙๕.
1195.
‘‘สเจ หิ ภเนฺต คเจฺฉยฺยาสิ, สตฺถุ พุทฺธสฺส สนฺติเก;
‘‘Sace hi bhante gaccheyyāsi, satthu buddhassa santike;
มมาปิ นํ วจเนน, สิรสา วชฺชาสิ วนฺทนํฯ
Mamāpi naṃ vacanena, sirasā vajjāsi vandanaṃ.
๑๑๙๖.
1196.
‘‘อหมฺปิ ทฎฺฐุํ คจฺฉิสฺสํ, ชินํ อปฺปฎิปุคฺคลํ;
‘‘Ahampi daṭṭhuṃ gacchissaṃ, jinaṃ appaṭipuggalaṃ;
ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, โลกนาถาน ตาทิน’’นฺติฯ –
Dullabhaṃ dassanaṃ hoti, lokanāthāna tādina’’nti. –
โสปิ อตฺตนา กตกมฺมํ กเถสิฯ อยญฺหิ อนนฺตเร อตฺตภาเว อมฺหากํ โพธิสเตฺตน สหชาโต กณฺฑโก อสฺสราชา อโหสิฯ โส อภินิกฺขมนสมเย อภิรุโฬฺห เตเนว รตฺตาวเสเสน ตีณิ รชฺชานิ มหาปุริสํ อติกฺกมาเปตฺวา อโนมานทีตีรํ สมฺปาเปสิฯ อถ โส มหาสเตฺตน สูริเย อุคฺคเต ฆฎิการมหาพฺรหฺมุนา อุปนีตานิ ปตฺตจีวรานิ คเหตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฉเนฺนน สทฺธิํ กปิลวตฺถุํ อุทฺทิสฺส วิสฺสชฺชิโตฯ สิเนหภาริเกน หทเยน มหาปุริสสฺส ปาเท อตฺตโน ชิวฺหาย เลหิตฺวา ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ยาว ทสฺสนปถา โอโลเกโนฺต ทสฺสนูปจารํ ปน อติกฺกเนฺต โลกนาเถ ‘‘เอวํวิธํ นาม โลกคฺคนายกํ มหาปุริสํ อหํ วหิํ, สผลํ วต เม สรีรํ อโหสี’’ติ ปสนฺนมานโส หุตฺวา ปุน จิรกาลํ สงฺคตสฺส เปมสฺส วเสน วิโยคทุกฺขํ อสหโนฺต ภาวินิยา ทิพฺพสมฺปตฺติยา วเสน ธมฺมตาย โจทิยมาโน กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุณฺณมาเส ยถา จโนฺท…เป.… อหํ กปิลวตฺถุสฺมิ’’นฺติอาทิฯ
Sopi attanā katakammaṃ kathesi. Ayañhi anantare attabhāve amhākaṃ bodhisattena sahajāto kaṇḍako assarājā ahosi. So abhinikkhamanasamaye abhiruḷho teneva rattāvasesena tīṇi rajjāni mahāpurisaṃ atikkamāpetvā anomānadītīraṃ sampāpesi. Atha so mahāsattena sūriye uggate ghaṭikāramahābrahmunā upanītāni pattacīvarāni gahetvā pabbajitvā channena saddhiṃ kapilavatthuṃ uddissa vissajjito. Sinehabhārikena hadayena mahāpurisassa pāde attano jivhāya lehitvā pasādasommāni akkhīni ummīletvā yāva dassanapathā olokento dassanūpacāraṃ pana atikkante lokanāthe ‘‘evaṃvidhaṃ nāma lokagganāyakaṃ mahāpurisaṃ ahaṃ vahiṃ, saphalaṃ vata me sarīraṃ ahosī’’ti pasannamānaso hutvā puna cirakālaṃ saṅgatassa pemassa vasena viyogadukkhaṃ asahanto bhāviniyā dibbasampattiyā vasena dhammatāya codiyamāno kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbatti. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘puṇṇamāse yathā cando…pe… ahaṃ kapilavatthusmi’’ntiādi.
๑๑๗๑. ตตฺถ ปุณฺณมาเสติ ปุณฺณมาสิยํ สุกฺกปเกฺข ปนฺนรสิยํฯ ตารกาธิปตีติ ตารกานํ อธิปติฯ สสีติ สสลญฺฉนวาฯ ‘‘ตารกาธิป ทิสฺสตี’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ ตารกาธิปาติ อวิภตฺติกนิเทฺทโส, ตารกานํ อธิโป หุตฺวา ทิสฺสติ อนุปริยาติ จาติ โยชนา กาตพฺพาฯ
1171. Tattha puṇṇamāseti puṇṇamāsiyaṃ sukkapakkhe pannarasiyaṃ. Tārakādhipatīti tārakānaṃ adhipati. Sasīti sasalañchanavā. ‘‘Tārakādhipa dissatī’’ti keci paṭhanti, tesaṃ tārakādhipāti avibhattikaniddeso, tārakānaṃ adhipo hutvā dissati anupariyāti cāti yojanā kātabbā.
๑๑๗๒. ทิพฺพํ เทวปุรมฺหิ จาติ เทวปุรสฺมิมฺปิ ทิพฺพํฯ ยถา มนุสฺสานํ ฐานโต เทวปุรํ อุตฺตมํ, เอวํ เทวปุรโต จาปิ อิทํ ตว วิมานํ อุตฺตมนฺติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อติโรจติ วเณฺณน, อุทยโนฺตว รํสิมา’’ติ, อุคฺคจฺฉโนฺต สูริโย วิยาติ อโตฺถฯ
1172.Dibbaṃ devapuramhi cāti devapurasmimpi dibbaṃ. Yathā manussānaṃ ṭhānato devapuraṃ uttamaṃ, evaṃ devapurato cāpi idaṃ tava vimānaṃ uttamanti dasseti. Tenāha ‘‘atirocati vaṇṇena, udayantova raṃsimā’’ti, uggacchanto sūriyo viyāti attho.
๑๑๗๓. เวฬูริยสุวณฺณสฺสาติ เวฬุริเยน สุวเณฺณน จ อิทํ พฺยมฺหํ นิมฺมิตนฺติ วจนเสเสน โยชนาฯ ผลิกาติ ผลิกมณินาฯ
1173.Veḷūriyasuvaṇṇassāti veḷuriyena suvaṇṇena ca idaṃ byamhaṃ nimmitanti vacanasesena yojanā. Phalikāti phalikamaṇinā.
๑๑๗๕. โปกฺขรณีติ โปกฺขรณิโยฯ
1175.Pokkharaṇīti pokkharaṇiyo.
๑๑๗๗-๘. ตสฺสาติ ตสฺสา โปกฺขรณิยาฯ วนคุมฺพาติ อุยฺยาเน สุปุปฺผคเจฺฉ สนฺธาย วทติฯ เทวราชํวาติ สกฺกํ วิยฯ อุปติฎฺฐนฺตีติ อุปฎฺฐานํ กโรนฺติฯ
1177-8.Tassāti tassā pokkharaṇiyā. Vanagumbāti uyyāne supupphagacche sandhāya vadati. Devarājaṃvāti sakkaṃ viya. Upatiṭṭhantīti upaṭṭhānaṃ karonti.
๑๑๗๙. สพฺพาภรณสญฺฉนฺนาติ สเพฺพหิ อิตฺถาลงฺกาเรหิ ปฎิจฺฉาทิตา, สพฺพโส วิภูสิตสรีราติ อโตฺถฯ วสวตฺตีวาติ วสวตฺติเทวราชา วิยฯ
1179.Sabbābharaṇasañchannāti sabbehi itthālaṅkārehi paṭicchāditā, sabbaso vibhūsitasarīrāti attho. Vasavattīvāti vasavattidevarājā viya.
๑๑๘๐. เภริสงฺขมุทิงฺคาหีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, เภรีหิ จ สเงฺขหิ จ มุทิเงฺคหิ จาติ โยชนาฯ รติสมฺปโนฺนติ ทิพฺพาย รติยา สมงฺคีภูโตฯ นจฺจคีเต สุวาทิเตติ นเจฺจ จ คีเต จ สุนฺทเร วาทิเต จ, นจฺจเน จ คายเน จ สุนฺทเร วาทิเต จ เหตุภูเตฯ นิมิตฺตเตฺถ หิ เอตํ ภุมฺมํ, ปวตฺติเตติ วา วจนเสโสฯ
1180.Bherisaṅkhamudiṅgāhīti liṅgavipallāsena vuttaṃ, bherīhi ca saṅkhehi ca mudiṅgehi cāti yojanā. Ratisampannoti dibbāya ratiyā samaṅgībhūto. Naccagīte suvāditeti nacce ca gīte ca sundare vādite ca, naccane ca gāyane ca sundare vādite ca hetubhūte. Nimittatthe hi etaṃ bhummaṃ, pavattiteti vā vacanaseso.
๑๑๘๑. ทิพฺพา เต วิวิธา รูปาติ เทวโลกปริยาปนฺนา นานปฺปการา จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา ตุยฺหํ อธิเปฺปตา ยถาธิเปฺปตา มโนรมา วิชฺชนฺตีติ กิริยาปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ ทิพฺพา สทฺทาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
1181.Dibbā te vividhā rūpāti devalokapariyāpannā nānappakārā cakkhuviññeyyā rūpā tuyhaṃ adhippetā yathādhippetā manoramā vijjantīti kiriyāpadaṃ ānetvā yojetabbaṃ. Dibbā saddātiādīsupi eseva nayo.
๑๑๘๕. กณฺฑโก สหโช อหนฺติ เอตฺถ อหนฺติ นิปาตมตฺตํฯ ‘‘อหู’’ติ เกจิ ปฎฺฐนฺติ, กณฺฑโก นาม อสฺสราชา มหาสเตฺตน สห เอกสฺมิํเยว ทิวเส ชาตตฺตา สหโช อโหสินฺติ อโตฺถฯ
1185.Kaṇḍako sahajo ahanti ettha ahanti nipātamattaṃ. ‘‘Ahū’’ti keci paṭṭhanti, kaṇḍako nāma assarājā mahāsattena saha ekasmiṃyeva divase jātattā sahajo ahosinti attho.
๑๑๘๖. อฑฺฒรตฺตายนฺติ อฑฺฒรตฺติยํ, มชฺฌิมยามสมเยติ อโตฺถฯ โพธาย มภินิกฺขมีติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, อภิสโมฺพธิอตฺถํ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมีติ อโตฺถฯ มุทูหิ ปาณีหีติ มุทุหตฺถตํ มหาปุริสลกฺขณํ วทติฯ ชาลิตมฺพนเขหีติ ชาลวเนฺตหิ อภิโลหิตนเขหิฯ เตน ชาลหตฺถตํ มหาปุริสลกฺขณํ ตมฺพนขตํ อนุพฺยญฺชนญฺจ ทเสฺสติฯ
1186.Aḍḍharattāyanti aḍḍharattiyaṃ, majjhimayāmasamayeti attho. Bodhāya mabhinikkhamīti ma-kāro padasandhikaro, abhisambodhiatthaṃ mahābhinikkhamanaṃ nikkhamīti attho. Mudūhi pāṇīhīti muduhatthataṃ mahāpurisalakkhaṇaṃ vadati. Jālitambanakhehīti jālavantehi abhilohitanakhehi. Tena jālahatthataṃ mahāpurisalakkhaṇaṃ tambanakhataṃ anubyañjanañca dasseti.
๑๑๘๗. สตฺถิ นาม ชงฺฆา, อิธ ปน สตฺถิโน อาสนฺนฎฺฐานภูโต อูรุปฺปเทโส ‘‘สตฺถี’’ติ วุโตฺตฯ อาโกฎยิตฺวานาติ อโปฺปเฐตฺวาฯ ‘‘วห สมฺมา’’ติ จพฺรวีติ ‘‘สมฺม กณฺฑก, อเชฺชกรตฺติํ มํ วห, มยฺหํ โอปวุยฺหํ โหหี’’ติ จ กเถสิฯ วหเน ปน ปโยชนํ ตทา มหาสเตฺตน ทสฺสิตํ วทโนฺต ‘‘อหํ โลกํ ตารยิสฺสํ, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตม’’นฺติ อาหฯ เตน ‘‘อหํ อุตฺตมํ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ ปโตฺต อธิคโต หุตฺวา สเทวกํ โลกํ สํสารมโหฆโต ตารยิสฺสามิ, ตสฺมา นยิทํ คมนํ ยํกิญฺจีติ จิเนฺตยฺยาสี’’ติ คมเน ปโยชนสฺส อนุตฺตรภาวํ ทเสฺสติฯ
1187.Satthi nāma jaṅghā, idha pana satthino āsannaṭṭhānabhūto ūruppadeso ‘‘satthī’’ti vutto. Ākoṭayitvānāti appoṭhetvā. ‘‘Vaha sammā’’ti cabravīti ‘‘samma kaṇḍaka, ajjekarattiṃ maṃ vaha, mayhaṃ opavuyhaṃ hohī’’ti ca kathesi. Vahane pana payojanaṃ tadā mahāsattena dassitaṃ vadanto ‘‘ahaṃ lokaṃ tārayissaṃ, patto sambodhimuttama’’nti āha. Tena ‘‘ahaṃ uttamaṃ anuttaraṃ sammāsambodhiṃ patto adhigato hutvā sadevakaṃ lokaṃ saṃsāramahoghato tārayissāmi, tasmā nayidaṃ gamanaṃ yaṃkiñcīti cinteyyāsī’’ti gamane payojanassa anuttarabhāvaṃ dasseti.
๑๑๘๘-๙. หาโสติ ตุฎฺฐิฯ วิปุโลติ มหาอุฬาโรฯ อภิสีสินฺติ อาสิสิํ อิจฺฉิํ สมฺปฎิจฺฉิํ ฯ อภิรูฬฺหญฺจ มํ ญตฺวา, สกฺยปุตฺตํ มหายสนฺติ ปตฺถฎวิปุลยสํ สกฺยราชปุตฺตํ มหาสตฺตํ มํ อภิรุยฺห นิสินฺนํ ชานิตฺวาฯ วหิสฺสนฺติ เนสิํฯ
1188-9.Hāsoti tuṭṭhi. Vipuloti mahāuḷāro. Abhisīsinti āsisiṃ icchiṃ sampaṭicchiṃ . Abhirūḷhañca maṃ ñatvā, sakyaputtaṃ mahāyasanti patthaṭavipulayasaṃ sakyarājaputtaṃ mahāsattaṃ maṃ abhiruyha nisinnaṃ jānitvā. Vahissanti nesiṃ.
๑๑๙๐-๙๑. ปเรสนฺติ ปรราชูนํฯ วิชิตนฺติ เทสํ ปรรชฺชํฯ โอหายาติ วิสฺสชฺชิตฺวาฯ อปกฺกมีติ อปกฺกมิตุํ อารภิฯ ‘‘ปริพฺพชี’’ติ จ ปฐนฺติฯ ปริเลหิสนฺติ ปริโต เลหิํฯ อุทิกฺขิสนฺติ โอโลเกสิํฯ
1190-91.Paresanti pararājūnaṃ. Vijitanti desaṃ pararajjaṃ. Ohāyāti vissajjitvā. Apakkamīti apakkamituṃ ārabhi. ‘‘Paribbajī’’ti ca paṭhanti. Parilehisanti parito lehiṃ. Udikkhisanti olokesiṃ.
๑๑๙๒-๓. ครุกาพาธนฺติ ครุกํ พาฬฺหํ อาพาธํ, มรณนฺติกํ ทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ขิปฺปํ เม มรณํ อหู’’ติฯ โส หิ อเนกาสุ ชาตีสุ มหาสเตฺตน ทฬฺหภตฺติโก หุตฺวา อาคโต, ตสฺมา วิโยคทุกฺขํ สหิตุํ นาสกฺขิ, ‘‘สมฺมาสโมฺพธิํ อธิคนฺตุํ นิกฺขโนฺต’’ติ ปน สุตฺวา นิรามิสํ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสญฺจ อุปฺปชฺชิ, เตน มรณานนฺตรํ ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติ, อุฬารา จสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติโย ปาตุรเหสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตเสฺสว อานุภาเวนา’’ติ, ฐานคตสฺส ปสาทมยปุญฺญสฺส พเลนฯ เทโว เทวปุรมฺหิวาติ ตาวติํสภวเน สโกฺก เทวราชา วิยฯ
1192-3.Garukābādhanti garukaṃ bāḷhaṃ ābādhaṃ, maraṇantikaṃ dukkhanti attho. Tenāha ‘‘khippaṃ me maraṇaṃ ahū’’ti. So hi anekāsu jātīsu mahāsattena daḷhabhattiko hutvā āgato, tasmā viyogadukkhaṃ sahituṃ nāsakkhi, ‘‘sammāsambodhiṃ adhigantuṃ nikkhanto’’ti pana sutvā nirāmisaṃ uḷāraṃ pītisomanassañca uppajji, tena maraṇānantaraṃ tāvatiṃsesu nibbatti, uḷārā cassa dibbasampattiyo pāturahesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘tasseva ānubhāvenā’’ti, ṭhānagatassa pasādamayapuññassa balena. Devo devapuramhivāti tāvatiṃsabhavane sakko devarājā viya.
๑๑๙๔. ยญฺจ เม อหุวา หาโส, สทฺทํ สุตฺวาน โพธิยาติ ‘‘ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตม’’นฺติ ปฐมตรํ โพธิสทฺทํ สุตฺวา ตทา มยฺหํ หาโส อหุ, ยํ หาสสฺส ภวนํ สุสฺสนํ, เตเนว กุสลมูเลน เตเนว กุสลพีเชน ผุสิสฺสนฺติ ผุสิสฺสามิ ปาปุณิสฺสามิฯ
1194.Yañcame ahuvā hāso, saddaṃ sutvāna bodhiyāti ‘‘patto sambodhimuttama’’nti paṭhamataraṃ bodhisaddaṃ sutvā tadā mayhaṃ hāso ahu, yaṃ hāsassa bhavanaṃ sussanaṃ, teneva kusalamūlena teneva kusalabījena phusissanti phusissāmi pāpuṇissāmi.
๑๑๙๕. เอวํ เทวปุโตฺต ยถาธิคตาย อนาคตาย ภวสมฺปตฺติยา การณภูตํ อตฺตโน กุสลกมฺมํ กเถโนฺต อิทานิ อตฺตนา ภควโต สนฺติกํ คนฺตุกาโมปิ ปุเรตรํ เถเรน สตฺถุ วนฺทนํ เปเสโนฺต ‘‘สเจ’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ สเจ คเจฺฉยฺยาสีติ ยทิ คมิสฺสสิฯ ‘‘สเจ คจฺฉสี’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, โส เอวโตฺถฯ มมาปิ นํ วจเนนาติ น เกวลํ ตว สภาเวเนว, อถ โข มมาปิ วจเนน ภควนฺตํฯ วชฺชาสีติ วเทยฺยาสิ, มมาปิ สิรสา วนฺทนนฺติ โยชนาฯ
1195. Evaṃ devaputto yathādhigatāya anāgatāya bhavasampattiyā kāraṇabhūtaṃ attano kusalakammaṃ kathento idāni attanā bhagavato santikaṃ gantukāmopi puretaraṃ therena satthu vandanaṃ pesento ‘‘sace’’ti gāthamāha. Tattha sace gaccheyyāsīti yadi gamissasi. ‘‘Sace gacchasī’’ti keci paṭhanti, so evattho. Mamāpi naṃ vacanenāti na kevalaṃ tava sabhāveneva, atha kho mamāpi vacanena bhagavantaṃ. Vajjāsīti vadeyyāsi, mamāpi sirasā vandananti yojanā.
๑๑๙๖. ยทิปิ ทานิ วนฺทนญฺจ เปเสมิ, เปเสตฺวา เอว ปน น ติฎฺฐามีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อหมฺปิ ทฎฺฐุํ คจฺฉิสฺสํ, ชินํ อปฺปฎิปุคฺคล’’นฺติฯ คมเน ปน ทฬฺหตรํ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, โลกนาถาน ตาทิน’’นฺติ อาหฯ
1196. Yadipi dāni vandanañca pesemi, pesetvā eva pana na tiṭṭhāmīti dassento āha ‘‘ahampi daṭṭhuṃ gacchissaṃ, jinaṃ appaṭipuggala’’nti. Gamane pana daḷhataraṃ kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘dullabhaṃ dassanaṃ hoti, lokanāthāna tādina’’nti āha.
๑๑๙๗.
1197.
‘‘โส กตญฺญู กตเวที, สตฺถารํ อุปสงฺกมิ;
‘‘So kataññū katavedī, satthāraṃ upasaṅkami;
สุตฺวา คิรํ จกฺขุมโต, ธมฺมจกฺขุํ วิโสธยิฯ
Sutvā giraṃ cakkhumato, dhammacakkhuṃ visodhayi.
๑๑๙๘.
1198.
‘‘วิโสเธตฺวา ทิฎฺฐิคตํ, วิจิกิจฺฉํ วตานิ จ;
‘‘Visodhetvā diṭṭhigataṃ, vicikicchaṃ vatāni ca;
วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, ตเตฺถวนฺตรธายถา’’ติฯ –
Vanditvā satthuno pāde, tatthevantaradhāyathā’’ti. –
อิมา เทฺว คาถา สงฺคีติกาเรหิ ฐปิตาฯ
Imā dve gāthā saṅgītikārehi ṭhapitā.
๑๑๙๗. ตตฺถ สุตฺวา คิรํ จกฺขุมโตติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวาฯ ธมฺมจกฺขุนฺติ โสตาปตฺติมคฺคํฯ วิโสธยีติ อธิคจฺฉิฯ อธิคโมเยว หิ ตสฺส วิโสธนํฯ
1197. Tattha sutvā giraṃ cakkhumatoti pañcahi cakkhūhi cakkhumato sammāsambuddhassa vacanaṃ sutvā. Dhammacakkhunti sotāpattimaggaṃ. Visodhayīti adhigacchi. Adhigamoyeva hi tassa visodhanaṃ.
๑๑๙๘. วิโสเธตฺวา ทิฎฺฐิคตนฺติ ทิฎฺฐิคตํ สมุคฺฆาเตตฺวาฯ วิจิกิจฺฉํ วตานิ จาติ โสฬสวตฺถุกํ อฎฺฐวตฺถุกญฺจ วิจิกิจฺฉญฺจ ‘‘สีลพฺพเตหิ สุทฺธี’’ติ ปวตฺตนกสีลพฺพตปรามาเส จ วิโสธยีติ โยชนาฯ ตตฺถ หิ สห ปริยาเยหิ ตถา ปวตฺตา ปรามาสา ‘‘วตานี’’ติ วุตฺตํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
1198.Visodhetvā diṭṭhigatanti diṭṭhigataṃ samugghātetvā. Vicikicchaṃ vatāni cāti soḷasavatthukaṃ aṭṭhavatthukañca vicikicchañca ‘‘sīlabbatehi suddhī’’ti pavattanakasīlabbataparāmāse ca visodhayīti yojanā. Tattha hi saha pariyāyehi tathā pavattā parāmāsā ‘‘vatānī’’ti vuttaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.
กณฺฑกวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kaṇḍakavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๗. กณฺฑกวิมานวตฺถุ • 7. Kaṇḍakavimānavatthu