Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    มชฺฌิมนิกาเย

    Majjhimanikāye

    มชฺฌิมปณฺณาส-อฎฺฐกถา

    Majjhimapaṇṇāsa-aṭṭhakathā

    ๑. คหปติวโคฺค

    1. Gahapativaggo

    ๑. กนฺทรกสุตฺตวณฺณนา

    1. Kandarakasuttavaṇṇanā

    . เอวํ เม สุตนฺติ กนฺทรกสุตฺตํฯ ตตฺถ จมฺปายนฺติ เอวํนามเก นคเรฯ ตสฺส หิ นครสฺส อารามโปกฺขรณีอาทีสุ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ จมฺปกรุกฺขาว อุสฺสนฺนา อเหสุํ, ตสฺมา จมฺปาติ สงฺขมคมาสิฯ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรติ ตสฺส จมฺปานครสฺส อวิทูเร คคฺคราย นาม ราชมเหสิยา ขณิตตฺตา คคฺคราติ ลทฺธโวหารา โปกฺขรณี อตฺถิฯ ตสฺสา ตีเร สมนฺตโต นีลาทิปญฺจวณฺณกุสุมปฎิมณฺฑิตํ มหนฺตํ จมฺปกวนํฯ ตสฺมิํ ภควา กุสุมคนฺธสุคเนฺธ จมฺปกวเน วิหรติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร’’ติ วุตฺตํฯ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธินฺติ อทสฺสิตปริเจฺฉเทน มหเนฺตน ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํฯ เปโสฺสติ ตสฺส นามํฯ หตฺถาโรหปุโตฺตติ หตฺถาจริยสฺส ปุโตฺตฯ กนฺทรโก จ ปริพฺพาชโกติ กนฺทรโกติ เอวํนาโม ฉนฺนปริพฺพาชโกฯ อภิวาเทตฺวาติ ฉพฺพณฺณานํ ฆนพุทฺธรสฺมีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา ปสนฺนลาขารเส นิมุชฺชมาโน วิย, สิงฺคีสุวณฺณวณฺณํ ทุสฺสวรํ ปสาเรตฺวา สสีสํ ปารุปมาโน วิย, วณฺณคนฺธสมฺปนฺนจมฺปกปุปฺผานิ สิรสา สมฺปฎิจฺฉโนฺต วิย, สิเนรุปาทํ อุปคจฺฉโนฺต ปุณฺณจโนฺท วิย ภควโต จกฺกลกฺขณปฎิมณฺฑิเต อลตฺตกวณฺณผุลฺลปทุมสสฺสิริเก ปาเท วนฺทิตฺวาติ อโตฺถฯ เอกมนฺตํ นิสีทีติ ฉนิสชฺชโทสวิรหิเต เอกสฺมิํ โอกาเส นิสีทิฯ

    1.Evaṃme sutanti kandarakasuttaṃ. Tattha campāyanti evaṃnāmake nagare. Tassa hi nagarassa ārāmapokkharaṇīādīsu tesu tesu ṭhānesu campakarukkhāva ussannā ahesuṃ, tasmā campāti saṅkhamagamāsi. Gaggarāya pokkharaṇiyā tīreti tassa campānagarassa avidūre gaggarāya nāma rājamahesiyā khaṇitattā gaggarāti laddhavohārā pokkharaṇī atthi. Tassā tīre samantato nīlādipañcavaṇṇakusumapaṭimaṇḍitaṃ mahantaṃ campakavanaṃ. Tasmiṃ bhagavā kusumagandhasugandhe campakavane viharati. Taṃ sandhāya ‘‘gaggarāya pokkharaṇiyā tīre’’ti vuttaṃ. Mahatā bhikkhusaṅghena saddhinti adassitaparicchedena mahantena bhikkhusaṅghena saddhiṃ. Pessoti tassa nāmaṃ. Hatthārohaputtoti hatthācariyassa putto. Kandarakoca paribbājakoti kandarakoti evaṃnāmo channaparibbājako. Abhivādetvāti chabbaṇṇānaṃ ghanabuddharasmīnaṃ antaraṃ pavisitvā pasannalākhārase nimujjamāno viya, siṅgīsuvaṇṇavaṇṇaṃ dussavaraṃ pasāretvā sasīsaṃ pārupamāno viya, vaṇṇagandhasampannacampakapupphāni sirasā sampaṭicchanto viya, sinerupādaṃ upagacchanto puṇṇacando viya bhagavato cakkalakkhaṇapaṭimaṇḍite alattakavaṇṇaphullapadumasassirike pāde vanditvāti attho. Ekamantaṃ nisīdīti chanisajjadosavirahite ekasmiṃ okāse nisīdi.

    ตุณฺหีภู ตํ ตุณฺหีภูตนฺติ ยโต ยโต อนุวิโลเกติ, ตโต ตโต ตุณฺหีภูตเมวาติ อโตฺถฯ ตตฺถ หิ เอกภิกฺขุสฺสาปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา นตฺถิ, สเพฺพ ภควโต เจว คารเวน อตฺตโน จ สิกฺขิตสิกฺขตาย อญฺญมญฺญํ วิคตสลฺลาปา อนฺตมโส อุกฺกาสิตสทฺทมฺปิ อกโรนฺตา สุนิขาตอินฺทขีลา วิย นิวาตฎฺฐาเน สนฺนิสินฺนํ มหาสมุทฺทอุทกํ วิย กาเยนปิ นิจฺจลา มนสาปิ อวิกฺขิตฺตา รตฺตวลาหกา วิย สิเนรุกูฎํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสุฯ ปริพฺพาชกสฺส เอวํ สนฺนิสินฺนํ ปริสํ ทิสฺวา มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิฯ อุปฺปนฺนํ ปน อโนฺตหทยสฺมิํเยว สนฺนิทหิตุํ อสโกฺกโนฺต ปิยสมุทาหารํ สมุฎฺฐาเปสิฯ ตสฺมา อจฺฉริยํ โภติอาทิมาหฯ

    Tuṇhībhūtaṃ tuṇhībhūtanti yato yato anuviloketi, tato tato tuṇhībhūtamevāti attho. Tattha hi ekabhikkhussāpi hatthakukkuccaṃ vā pādakukkuccaṃ vā natthi, sabbe bhagavato ceva gāravena attano ca sikkhitasikkhatāya aññamaññaṃ vigatasallāpā antamaso ukkāsitasaddampi akarontā sunikhātaindakhīlā viya nivātaṭṭhāne sannisinnaṃ mahāsamuddaudakaṃ viya kāyenapi niccalā manasāpi avikkhittā rattavalāhakā viya sinerukūṭaṃ bhagavantaṃ parivāretvā nisīdiṃsu. Paribbājakassa evaṃ sannisinnaṃ parisaṃ disvā mahantaṃ pītisomanassaṃ uppajji. Uppannaṃ pana antohadayasmiṃyeva sannidahituṃ asakkonto piyasamudāhāraṃ samuṭṭhāpesi. Tasmā acchariyaṃ bhotiādimāha.

    ตตฺถ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหนํ วิย นิจฺจํ น โหตีติ อจฺฉริยํฯ อยํ ตาว สทฺทนโยฯ อยํ ปน อฎฺฐกถานโย , อจฺฉราโยคฺคนฺติ อจฺฉริยํฯ อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํฯ อุภยเมฺปตํ วิมฺหยเสฺสวาธิวจนํฯ ตํ ปเนตํ ครหอจฺฉริยํ, ปสํสาอจฺฉริยนฺติ ทุวิธํ โหติฯ ตตฺถ อจฺฉริยํ โมคฺคลฺลาน อพฺภุตํ โมคฺคลฺลาน, ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคเมสฺสตีติ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐), อิทํ ครหอจฺฉริยํ นามฯ ‘‘อจฺฉริยํ นนฺทมาเต อพฺภุตํ นนฺทมาเต, ยตฺร หิ นาม จิตฺตุปฺปาทมฺปิ ปริโสเธสฺสสีติ (อ. นิ. ๗.๕๓) อิทํ ปสํสาอจฺฉริยํ นามฯ อิธาปิ อิทเมว อธิเปฺปตํ’’ อยญฺหิ ตํ ปสํสโนฺต เอวมาหฯ

    Tattha andhassa pabbatārohanaṃ viya niccaṃ na hotīti acchariyaṃ. Ayaṃ tāva saddanayo. Ayaṃ pana aṭṭhakathānayo , accharāyogganti acchariyaṃ. Accharaṃ paharituṃ yuttanti attho. Abhūtapubbaṃ bhūtanti abbhutaṃ. Ubhayampetaṃ vimhayassevādhivacanaṃ. Taṃ panetaṃ garahaacchariyaṃ, pasaṃsāacchariyanti duvidhaṃ hoti. Tattha acchariyaṃ moggallāna abbhutaṃ moggallāna, yāva bāhāgahaṇāpi nāma so moghapuriso āgamessatīti (cūḷava. 383; a. ni. 8.20), idaṃ garahaacchariyaṃ nāma. ‘‘Acchariyaṃ nandamāte abbhutaṃ nandamāte, yatra hi nāma cittuppādampi parisodhessasīti (a. ni. 7.53) idaṃ pasaṃsāacchariyaṃ nāma. Idhāpi idameva adhippetaṃ’’ ayañhi taṃ pasaṃsanto evamāha.

    ยาวญฺจิทนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ ยาวาติ ปมาณปริเจฺฉโท, ยาว สมฺมา ปฎิปาทิโต, ยตฺตเกน ปมาเณน สมฺมา ปฎิปาทิโต, น สกฺกา ตสฺส วเณฺณ วตฺตุํ, อถ โข อจฺฉริยเมเวตํ อพฺภุตเมเวตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอตปรมํเยวาติ เอวํ สมฺมา ปฎิปาทิโต เอโส ภิกฺขุสโงฺฆ ตสฺสาปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปรโมติ เอตปรโม, ตํ เอตปรมํ ยถา อยํ ปฎิปาทิโต, เอวํ ปฎิปาทิตํ กตฺวา ปฎิปาเทสุํ, น อิโต ภิโยฺยติ อโตฺถฯ ทุติยนเย เอวํ ปฎิปาเทสฺสนฺติ, น อิโต ภิโยฺยติ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ ปฎิปาทิโตติ อาภิสมาจาริกวตฺตํ อาทิํ กตฺวา สมฺมา อปจฺจนีกปฎิปตฺติยํ โยชิโตฯ อถ กสฺมา อยํ ปริพฺพาชโก อตีตานาคเต พุเทฺธ ทเสฺสติ, กิมสฺส ติยทฺธชานนญาณํ อตฺถีติฯ นตฺถิ, นยคฺคาเห ปน ฐตฺวา ‘‘เยนากาเรน อยํ ภิกฺขุสโงฺฆ สนฺนิสิโนฺน ทโนฺต วินีโต อุปสโนฺต, อตีตพุทฺธาปิ เอตปรมํเยว กตฺวา ปฎิปชฺชาเปสุํ, อนาคตพุทฺธาปิ ปฎิปชฺชาเปสฺสนฺติ, นตฺถิ อิโต อุตฺตริ ปฎิปาทนา’’ติ มญฺญมาโน อนุพุทฺธิยา เอวมาหฯ

    Yāvañcidanti ettha idanti nipātamattaṃ. Yāvāti pamāṇaparicchedo, yāva sammā paṭipādito, yattakena pamāṇena sammā paṭipādito, na sakkā tassa vaṇṇe vattuṃ, atha kho acchariyamevetaṃ abbhutamevetanti vuttaṃ hoti. Etaparamaṃyevāti evaṃ sammā paṭipādito eso bhikkhusaṅgho tassāpi bhikkhusaṅghassa paramoti etaparamo, taṃ etaparamaṃ yathā ayaṃ paṭipādito, evaṃ paṭipāditaṃ katvā paṭipādesuṃ, na ito bhiyyoti attho. Dutiyanaye evaṃ paṭipādessanti, na ito bhiyyoti yojetabbaṃ. Tattha paṭipāditoti ābhisamācārikavattaṃ ādiṃ katvā sammā apaccanīkapaṭipattiyaṃ yojito. Atha kasmā ayaṃ paribbājako atītānāgate buddhe dasseti, kimassa tiyaddhajānanañāṇaṃ atthīti. Natthi, nayaggāhe pana ṭhatvā ‘‘yenākārena ayaṃ bhikkhusaṅgho sannisinno danto vinīto upasanto, atītabuddhāpi etaparamaṃyeva katvā paṭipajjāpesuṃ, anāgatabuddhāpi paṭipajjāpessanti, natthi ito uttari paṭipādanā’’ti maññamāno anubuddhiyā evamāha.

    . เอวเมตํ กนฺทรกาติ ปาฎิเอโกฺก อนุสนฺธิฯ ภควา กิร ตํ สุตฺวา ‘‘กนฺทรก ตฺวํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุปสโนฺตติ วทสิ, อิมสฺส ปน ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปสนฺตการณํ ตุยฺหํ อปากฎํ, น หิ ตฺวํ สมติํส ปารมิยา ปูเรตฺวา กุสลมูลํ ปริปาเจตฺวา โพธิปลฺลเงฺก สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌิ, มยา ปน ปารมิโย ปูเรตฺวา ญาตตฺถจริยํ โลกตฺถจริยํ พุทฺธตฺถจริยญฺจ โกฎิํ ปาเปตฺวา โพธิปลฺลเงฺก สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิทฺธํ, มยฺหํ เอเตสํ อุปสนฺตการณํ ปากฎ’’นฺติ ทเสฺสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิฯ

    2.Evametaṃ kandarakāti pāṭiekko anusandhi. Bhagavā kira taṃ sutvā ‘‘kandaraka tvaṃ bhikkhusaṅghaṃ upasantoti vadasi, imassa pana bhikkhusaṅghassa upasantakāraṇaṃ tuyhaṃ apākaṭaṃ, na hi tvaṃ samatiṃsa pāramiyā pūretvā kusalamūlaṃ paripācetvā bodhipallaṅke sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhi, mayā pana pāramiyo pūretvā ñātatthacariyaṃ lokatthacariyaṃ buddhatthacariyañca koṭiṃ pāpetvā bodhipallaṅke sabbaññutaññāṇaṃ paṭividdhaṃ, mayhaṃ etesaṃ upasantakāraṇaṃ pākaṭa’’nti dassetuṃ imaṃ desanaṃ ārabhi.

    สนฺติ หิ กนฺทรกาติ อยมฺปิ ปาฎิเอโกฺก อนุสนฺธิฯ ภควโต กิร เอตทโหสิ – ‘‘อยํ ปริพฺพาชโก อิมํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุปสโนฺตติ วทติ, อยญฺจ ภิกฺขุสโงฺฆ กเปฺปตฺวา ปกเปฺปตฺวา กุหกภาเวน อิริยาปถํ สณฺฐเปโนฺต จิเตฺตน อนุปสโนฺต น อุปสนฺตาการํ ทเสฺสติฯ เอตฺถ ปน ภิกฺขุสเงฺฆ ปฎิปทํ ปูรยมานาปิ ปฎิปทํ ปูเรตฺวา มตฺถกํ ปตฺวา ฐิตภิกฺขูปิ อตฺถิ, ตตฺถ ปฎิปทํ ปูเรตฺวา มตฺถกํ ปตฺตา อตฺตนา ปฎิวิทฺธคุเณเหว อุปสนฺตา, ปฎิปทํ ปูรยมานา อุปริมคฺคสฺส วิปสฺสนาย อุปสนฺตา, อิโต มุตฺตา ปน อวเสสา จตูหิ สติปฎฺฐาเนหิ อุปสนฺตาฯ ตํ เนสํ อุปสนฺตการณํ ทเสฺสสฺสามี’’ติ ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณน อยํ ภิกฺขุสโงฺฆ อุปสโนฺต’’ติ ทเสฺสตุํ ‘‘สนฺติ หิ กนฺทรกา’’ติอาทิมาหฯ

    Santi hi kandarakāti ayampi pāṭiekko anusandhi. Bhagavato kira etadahosi – ‘‘ayaṃ paribbājako imaṃ bhikkhusaṅghaṃ upasantoti vadati, ayañca bhikkhusaṅgho kappetvā pakappetvā kuhakabhāvena iriyāpathaṃ saṇṭhapento cittena anupasanto na upasantākāraṃ dasseti. Ettha pana bhikkhusaṅghe paṭipadaṃ pūrayamānāpi paṭipadaṃ pūretvā matthakaṃ patvā ṭhitabhikkhūpi atthi, tattha paṭipadaṃ pūretvā matthakaṃ pattā attanā paṭividdhaguṇeheva upasantā, paṭipadaṃ pūrayamānā uparimaggassa vipassanāya upasantā, ito muttā pana avasesā catūhi satipaṭṭhānehi upasantā. Taṃ nesaṃ upasantakāraṇaṃ dassessāmī’’ti ‘‘iminā ca iminā ca kāraṇena ayaṃ bhikkhusaṅgho upasanto’’ti dassetuṃ ‘‘santi hi kandarakā’’tiādimāha.

    ตตฺถ อรหโนฺต ขีณาสวาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มูลปริยายสุตฺตวณฺณนายเมว วุตฺตํฯ เสขปฎิปทมฺปิ ตเตฺถว วิตฺถาริตํฯ สนฺตตสีลาติ สตตสีลา นิรนฺตรสีลาฯ สนฺตตวุตฺติโนติ ตเสฺสว เววจนํ, สนฺตตชีวิกา วาติปิ อโตฺถฯ ตสฺมิํ สนฺตตสีเล ฐตฺวาว ชีวิกํ กเปฺปนฺติ, น ทุสฺสีลฺยํ มรณํ ปาปุณนฺตีติ อโตฺถฯ

    Tattha arahanto khīṇāsavātiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ mūlapariyāyasuttavaṇṇanāyameva vuttaṃ. Sekhapaṭipadampi tattheva vitthāritaṃ. Santatasīlāti satatasīlā nirantarasīlā. Santatavuttinoti tasseva vevacanaṃ, santatajīvikā vātipi attho. Tasmiṃ santatasīle ṭhatvāva jīvikaṃ kappenti, na dussīlyaṃ maraṇaṃ pāpuṇantīti attho.

    นิปกาติ เนปเกฺกน สมนฺนาคตา ปญฺญวโนฺตฯ นิปกวุตฺติโนติ ปญฺญาย วุตฺติโน, ปญฺญาย ฐตฺวา ชีวิกํ กเปฺปนฺติฯ ยถา เอกโจฺจ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ ชีวิตการณา ฉสุ อโคจเรสุ จรติ, เวสิยาโคจโร โหติ, วิธวถุลฺลกุมาริกปณฺฑกปานาคารภิกฺขุนิโคจโร โหติฯ สํสโฎฺฐ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสเคฺคน (วิภ. ๕๑๔), เวชฺชกมฺมํ กโรติ, ทูตกมฺมํ กโรติ, ปหิณกมฺมํ กโรติ, คณฺฑํ ผาเลติ, อรุมกฺขนํ เทติ, อุทฺธํวิเรจนํ เทติ, อโธวิเรจนํ เทติ, นตฺถุเตลํ ปจติ, ปิวนเตลํ ปจติ, เวฬุทานํ, ปตฺตทานํ, ปุปฺผทานํ, ผลทานํ, สินานทานํ, ทนฺตกฎฺฐทานํ, มุโขทกทานํ, จุณฺณมตฺติกทานํ เทติ, จาฎุกมฺยํ กโรติ, มุคฺคสูปิยํ, ปาริภฎุํ, ชงฺฆเปสนิยํ กโรตีติ เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ชีวิกํ กเปฺปโนฺต อนิปกวุตฺติ นาม โหติ, น ปญฺญาย ฐตฺวา ชีวิกํ กเปฺปติ, ตโต กาลกิริยํ กตฺวา สมณยโกฺข นาม หุตฺวา ‘‘ตสฺส สงฺฆาฎิปิ อาทิตฺตา โหติ สมฺปชฺชลิตา’’ติ วุตฺตนเยน มหาทุกฺขํ อนุโภติฯ เอวํวิธา อหุตฺวา ชีวิตเหตุปิ สิกฺขาปทํ อนติกฺกมโนฺต จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฎฺฐาย ยถาพลํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา รถวินีตปฎิปทํ, มหาโคสิงฺคปฎิปทํ, มหาสุญฺญตปฎิปทํ, อนงฺคณปฎิปทํ, ธมฺมทายาทปฎิปทํ, นาลกปฎิปทํ, ตุวฎฺฎกปฎิปทํ, จโนฺทปมปฎิปทนฺติ อิมานิ อริยปฎิปทานิ ปูเรโนฺต จตุปจฺจย-สโนฺตส-ภาวนาราม-อริยวํสปฎิปตฺติยํ กายสกฺขิโน หุตฺวา อนีกา นิกฺขนฺตหตฺถี วิย ยูถา วิสฺสฎฺฐสีโห วิย นิปจฺฉาพนฺธมหานาวา วิย จ คมนาทีสุ เอกวิหาริโน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อชฺชอเชฺชว อรหตฺตนฺติ ปวตฺตอุสฺสาหา วิหรนฺตีติ อโตฺถฯ

    Nipakāti nepakkena samannāgatā paññavanto. Nipakavuttinoti paññāya vuttino, paññāya ṭhatvā jīvikaṃ kappenti. Yathā ekacco sāsane pabbajitvāpi jīvitakāraṇā chasu agocaresu carati, vesiyāgocaro hoti, vidhavathullakumārikapaṇḍakapānāgārabhikkhunigocaro hoti. Saṃsaṭṭho viharati rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi ananulomikena gihisaṃsaggena (vibha. 514), vejjakammaṃ karoti, dūtakammaṃ karoti, pahiṇakammaṃ karoti, gaṇḍaṃ phāleti, arumakkhanaṃ deti, uddhaṃvirecanaṃ deti, adhovirecanaṃ deti, natthutelaṃ pacati, pivanatelaṃ pacati, veḷudānaṃ, pattadānaṃ, pupphadānaṃ, phaladānaṃ, sinānadānaṃ, dantakaṭṭhadānaṃ, mukhodakadānaṃ, cuṇṇamattikadānaṃ deti, cāṭukamyaṃ karoti, muggasūpiyaṃ, pāribhaṭuṃ, jaṅghapesaniyaṃ karotīti ekavīsatividhāya anesanāya jīvikaṃ kappento anipakavutti nāma hoti, na paññāya ṭhatvā jīvikaṃ kappeti, tato kālakiriyaṃ katvā samaṇayakkho nāma hutvā ‘‘tassa saṅghāṭipi ādittā hoti sampajjalitā’’ti vuttanayena mahādukkhaṃ anubhoti. Evaṃvidhā ahutvā jīvitahetupi sikkhāpadaṃ anatikkamanto catupārisuddhisīle patiṭṭhāya yathābalaṃ buddhavacanaṃ uggaṇhitvā rathavinītapaṭipadaṃ, mahāgosiṅgapaṭipadaṃ, mahāsuññatapaṭipadaṃ, anaṅgaṇapaṭipadaṃ, dhammadāyādapaṭipadaṃ, nālakapaṭipadaṃ, tuvaṭṭakapaṭipadaṃ, candopamapaṭipadanti imāni ariyapaṭipadāni pūrento catupaccaya-santosa-bhāvanārāma-ariyavaṃsapaṭipattiyaṃ kāyasakkhino hutvā anīkā nikkhantahatthī viya yūthā vissaṭṭhasīho viya nipacchābandhamahānāvā viya ca gamanādīsu ekavihārino vipassanaṃ paṭṭhapetvā ajjaajjeva arahattanti pavattaussāhā viharantīti attho.

    สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตาติ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุฎฺฐปิตจิตฺตา หุตฺวาฯ เสสา สติปฎฺฐานกถา เหฎฺฐา วิตฺถาริตาวฯ อิธ ปน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สติปฎฺฐานา กถิตา, เอตฺตเกน ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปสนฺตการณํ กถิตํ โหติฯ

    Suppatiṭṭhitacittāti catūsu satipaṭṭhānesu suṭṭhapitacittā hutvā. Sesā satipaṭṭhānakathā heṭṭhā vitthāritāva. Idha pana lokiyalokuttaramissakā satipaṭṭhānā kathitā, ettakena bhikkhusaṅghassa upasantakāraṇaṃ kathitaṃ hoti.

    . ยาว สุปญฺญตฺตาติ ยาว สุฎฺฐปิตา สุเทสิตาฯ มยมฺปิ หิ, ภเนฺตติ อิมินา เอส อตฺตโน การกภาวํ ทเสฺสติ, ภิกฺขุสงฺฆญฺจ อุกฺขิปติฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย, มยมฺปิ หิ, ภเนฺต, คิหิ…เป.… สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตา วิหราม, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปน อยเมว กสิ จ พีชญฺจ ยุคนงฺคลญฺจ ผาลปาจนญฺจ, ตสฺมา ภิกฺขุสโงฺฆ สพฺพกาลํ สติปฎฺฐานปรายโณ, มยํ ปน กาเลน กาลํ โอกาสํ ลภิตฺวา เอตํ มนสิการํ กโรม, มยมฺปิ การกา, น สพฺพโส วิสฺสฎฺฐกมฺมฎฺฐานาเยวาติฯ มนุสฺสคหเนติ มนุสฺสานํ อชฺฌาสยคหเนน คหนตา, อชฺฌาสยสฺสาปิ เนสํ กิเลสคหเนน คหนตา เวทิตพฺพาฯ กสฎสาเฐเยฺยสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ อปริสุทฺธเฎฺฐน กสฎตา, เกราฎิยเฎฺฐน สาเฐยฺยตา เวทิตพฺพาฯ สตฺตานํ หิตาหิตํ ชานาตีติ เอวํ คหนกสฎเกราฎิยานํ มนุสฺสานํ หิตาหิตปฎิปทํ ยาว สุฎฺฐุ ภควา ชานาติฯ ยทิทํ ปสโวติ เอตฺถ สพฺพาปิ จตุปฺปทชาติ ปสโวติ อธิเปฺปตาฯ ปโหมีติ สโกฺกมิฯ ยาวตเกน อนฺตเรนาติ ยตฺตเกน ขเณนฯ จมฺปํ คตาคตํ กริสฺสตีติ อสฺสมณฺฑลโต ยาว จมฺปานครทฺวารา คมนญฺจ อาคมนญฺจ กริสฺสติฯ สาเฐยฺยานีติ สฐตฺตานิฯ กูเฎยฺยานีติ กูฎตฺตานิฯ วเงฺกยฺยานีติ วงฺกตฺตานิฯ ชิเมฺหยฺยานีติ ชิมฺหตฺตานิฯ ปาตุกริสฺสตีติ ปกาเสสฺสติ ทเสฺสสฺสติฯ น หิ สกฺกา เตน ตานิ เอตฺตเกน อนฺตเรน ทเสฺสตุํฯ

    3.Yāva supaññattāti yāva suṭṭhapitā sudesitā. Mayampi hi, bhanteti iminā esa attano kārakabhāvaṃ dasseti, bhikkhusaṅghañca ukkhipati. Ayañhettha adhippāyo, mayampi hi, bhante, gihi…pe… suppatiṭṭhitacittā viharāma, bhikkhusaṅghassa pana ayameva kasi ca bījañca yuganaṅgalañca phālapācanañca, tasmā bhikkhusaṅgho sabbakālaṃ satipaṭṭhānaparāyaṇo, mayaṃ pana kālena kālaṃ okāsaṃ labhitvā etaṃ manasikāraṃ karoma, mayampi kārakā, na sabbaso vissaṭṭhakammaṭṭhānāyevāti. Manussagahaneti manussānaṃ ajjhāsayagahanena gahanatā, ajjhāsayassāpi nesaṃ kilesagahanena gahanatā veditabbā. Kasaṭasāṭheyyesupi eseva nayo. Tattha aparisuddhaṭṭhena kasaṭatā, kerāṭiyaṭṭhena sāṭheyyatā veditabbā. Sattānaṃ hitāhitaṃ jānātīti evaṃ gahanakasaṭakerāṭiyānaṃ manussānaṃ hitāhitapaṭipadaṃ yāva suṭṭhu bhagavā jānāti. Yadidaṃ pasavoti ettha sabbāpi catuppadajāti pasavoti adhippetā. Pahomīti sakkomi. Yāvatakena antarenāti yattakena khaṇena. Campaṃ gatāgataṃ karissatīti assamaṇḍalato yāva campānagaradvārā gamanañca āgamanañca karissati. Sāṭheyyānīti saṭhattāni. Kūṭeyyānīti kūṭattāni. Vaṅkeyyānīti vaṅkattāni. Jimheyyānīti jimhattāni. Pātukarissatīti pakāsessati dassessati. Na hi sakkā tena tāni ettakena antarena dassetuṃ.

    ตตฺถ ยสฺส กิสฺมิญฺจิเทว ฐาเน ฐาตุกามสฺส สโต ยํ ฐานํ มนุสฺสานํ สปฺปฎิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา วเญฺจตฺวา ฐสฺสามีติ น โหติ, ตสฺมิํ ฐาตุกามฎฺฐาเนเยว นิขาตตฺถโมฺภ วิย จตฺตาโร ปาเท นิจฺจเล กตฺวา ติฎฺฐติ, อยํ สโฐ นามฯ ยสฺส ปน กิสฺมิญฺจิเทว ฐาเน อวจฺฉินฺทิตฺวา ขนฺธคตํ ปาเตตุกามสฺส สโต ยํ ฐานํ มนุสฺสานํ สปฺปฎิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา วเญฺจตฺวา ปาเตสฺสามีติ น โหติ, ตเตฺถว อวจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตติ, อยํ กูโฎ นามฯ ยสฺส กิสฺมิญฺจิเทว ฐาเน มคฺคา อุกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา ปฎิมคฺคํ อาโรหิตุกามสฺส สโต ยํ ฐานํ มนุสฺสานํ สปฺปฎิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา วเญฺจตฺวา เอวํ กริสฺสามีติ น โหติ, ตเตฺถว มคฺคา อุกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา ปฎิมคฺคํ อาโรหติ, อยํ วโงฺก นามฯ ยสฺส ปน กาเลน วามโต กาเลน ทกฺขิณโต กาเลน อุชุมเคฺคเนว คนฺตุกามสฺส สโต ยํ ฐานํ มนุสฺสานํ สปฺปฎิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา วเญฺจตฺวา เอวํ กริสฺสามีติ น โหติ, ตเตฺถว กาเลน วามโต กาเลน ทกฺขิณโต กาเลน อุชุมคฺคํ คจฺฉติ, ตถา ลณฺฑํ วา ปสฺสาวํ วา วิสฺสเชฺชตุกามสฺส สโต อิทํ ฐานํ สุสมฺมฎฺฐํ อากิณฺณมนุสฺสํ รมณียํ, อิมสฺมิํ ฐาเน เอวรูปํ กาตุํ น ยุตฺตํ, ปุรโต คนฺตฺวา ปฎิจฺฉนฺนฐาเน กริสฺสามีติ น โหติ, ตเตฺถว กโรติ, อยํ ชิโมฺห นามฯ อิติ อิมํ จตุพฺพิธมฺปิ กิริยํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ สพฺพานิ ตานิ สาเฐยฺยานิ กูเฎยฺยานิ วเงฺกยฺยานิ ชิเมฺหยฺยานิ ปาตุกริสฺสตีติ เอวํ กโรนฺตาปิ เต สฐาทโย ตานิ สาเฐยฺยาทีนิ ปาตุกโรนฺติ นามฯ

    Tattha yassa kismiñcideva ṭhāne ṭhātukāmassa sato yaṃ ṭhānaṃ manussānaṃ sappaṭibhayaṃ, purato gantvā vañcetvā ṭhassāmīti na hoti, tasmiṃ ṭhātukāmaṭṭhāneyeva nikhātatthambho viya cattāro pāde niccale katvā tiṭṭhati, ayaṃ saṭho nāma. Yassa pana kismiñcideva ṭhāne avacchinditvā khandhagataṃ pātetukāmassa sato yaṃ ṭhānaṃ manussānaṃ sappaṭibhayaṃ, purato gantvā vañcetvā pātessāmīti na hoti, tattheva avacchinditvā pāteti, ayaṃ kūṭo nāma. Yassa kismiñcideva ṭhāne maggā ukkamma nivattitvā paṭimaggaṃ ārohitukāmassa sato yaṃ ṭhānaṃ manussānaṃ sappaṭibhayaṃ, purato gantvā vañcetvā evaṃ karissāmīti na hoti, tattheva maggā ukkamma nivattitvā paṭimaggaṃ ārohati, ayaṃ vaṅko nāma. Yassa pana kālena vāmato kālena dakkhiṇato kālena ujumaggeneva gantukāmassa sato yaṃ ṭhānaṃ manussānaṃ sappaṭibhayaṃ, purato gantvā vañcetvā evaṃ karissāmīti na hoti, tattheva kālena vāmato kālena dakkhiṇato kālena ujumaggaṃ gacchati, tathā laṇḍaṃ vā passāvaṃ vā vissajjetukāmassa sato idaṃ ṭhānaṃ susammaṭṭhaṃ ākiṇṇamanussaṃ ramaṇīyaṃ, imasmiṃ ṭhāne evarūpaṃ kātuṃ na yuttaṃ, purato gantvā paṭicchannaṭhāne karissāmīti na hoti, tattheva karoti, ayaṃ jimho nāma. Iti imaṃ catubbidhampi kiriyaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Sabbāni tāni sāṭheyyāni kūṭeyyāni vaṅkeyyāni jimheyyāni pātukarissatīti evaṃ karontāpi te saṭhādayo tāni sāṭheyyādīni pātukaronti nāma.

    เอวํ ปสูนํ อุตฺตานภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ มนุสฺสานํ คหนภาวํ ทเสฺสโนฺต อมฺหากํ ปน, ภเนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทาสาติ อโนฺตชาตกา วา ธนกฺกีตา วา กรมรานีตา วา สยํ วา ทาสพฺยํ อุปคตาฯ เปสฺสาติ เปสนการกาฯ กมฺมกราติ ภตฺตเวตนภตาฯ อญฺญถาว กาเยนาติ อเญฺญเนวากาเรน กาเยน สมุทาจรนฺติ, อเญฺญเนวากาเรน วาจาย, อเญฺญน จ เนสํ อากาเรน จิตฺตํ ฐิตํ โหตีติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ เย สมฺมุขา สามิเก ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺติ, หตฺถโต ภณฺฑกํ คณฺหนฺติ, อิมํ วิสฺสเชฺชตฺวา อิมํ คณฺหนฺตา เสสานิปิ อาสน-ปญฺญาปน-ตาลวณฺฎพีชน-ปาทโธวนาทีนิ สพฺพานิ กิจฺจานิ กโรนฺติ, ปรมฺมุขกาเล ปน เตลมฺปิ อุตฺตรนฺตํ น โอโลเกนฺติ, สตคฺฆนเกปิ สหสฺสคฺฆนเกปิ กเมฺม ปริหายเนฺต นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉนฺติ, อิเม อญฺญถา กาเยน สมุทาจรนฺติ นามฯ เย ปน สมฺมุขา ‘‘อมฺหากํ สามิ อมฺหากํ อโยฺย’’ติอาทีนิ วตฺวา ปสํสนฺติ, ปรมฺมุขา อวตฺตพฺพํ นาม นตฺถิ, ยํ อิจฺฉนฺติ, ตํ วทนฺติ, อิเม อญฺญถา วาจาย สมุทาจรนฺติ นามฯ

    Evaṃ pasūnaṃ uttānabhāvaṃ dassetvā idāni manussānaṃ gahanabhāvaṃ dassento amhākaṃ pana, bhantetiādimāha. Tattha dāsāti antojātakā vā dhanakkītā vā karamarānītā vā sayaṃ vā dāsabyaṃ upagatā. Pessāti pesanakārakā. Kammakarāti bhattavetanabhatā. Aññathāva kāyenāti aññenevākārena kāyena samudācaranti, aññenevākārena vācāya, aññena ca nesaṃ ākārena cittaṃ ṭhitaṃ hotīti dasseti. Tattha ye sammukhā sāmike disvā paccuggamanaṃ karonti, hatthato bhaṇḍakaṃ gaṇhanti, imaṃ vissajjetvā imaṃ gaṇhantā sesānipi āsana-paññāpana-tālavaṇṭabījana-pādadhovanādīni sabbāni kiccāni karonti, parammukhakāle pana telampi uttarantaṃ na olokenti, satagghanakepi sahassagghanakepi kamme parihāyante nivattitvā oloketumpi na icchanti, ime aññathā kāyena samudācaranti nāma. Ye pana sammukhā ‘‘amhākaṃ sāmi amhākaṃ ayyo’’tiādīni vatvā pasaṃsanti, parammukhā avattabbaṃ nāma natthi, yaṃ icchanti, taṃ vadanti, ime aññathā vācāya samudācaranti nāma.

    . จตฺตาโรเม เปสฺสปุคฺคลาติ อยมฺปิ ปาฎิเอโกฺก อนุสนฺธิฯ อยญฺหิ เปโสฺส ‘‘ยาวญฺจิทํ, ภเนฺต, ภควา เอวํ มนุสฺสคหเณ เอวํ มนุสฺสกสเฎ เอวํ มนุสฺสสาเฐเยฺย วตฺตมาเน สตฺตานํ หิตาหิตํ ชานาตี’’ติ อาหฯ ปุริเม จ ตโย ปุคฺคลา อหิตปฎิปทํ ปฎิปนฺนา, อุปริ จตุโตฺถ หิตปฎิปทํ, เอวมหํ สตฺตานํ หิตาหิตํ ชานามีติ ทเสฺสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิฯ เหฎฺฐา กนฺทรกสฺส กถาย สทฺธิํ โยเชตุมฺปิ วฎฺฎติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยาวญฺจิทํ โภตา โคตเมน สมฺมา ภิกฺขุสโงฺฆ ปฎิปาทิโต’’ติฯ อถสฺส ภควา ‘‘ปุริเม ตโย ปุคฺคเล ปหาย อุปริ จตุตฺถปุคฺคลสฺส หิตปฎิปตฺติยํเยว ปฎิปาเทมี’’ติ ทเสฺสโนฺตปิ อิมํ เทสนํ อารภิฯ สโนฺตติ อิทํ สํวิชฺชมานาติ ปทเสฺสว เววจนํฯ ‘‘สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา’’ติ (วิภ. ๕๔๒) เอตฺถ หิ นิรุทฺธา สนฺตาติ วุตฺตาฯ ‘‘สนฺตา เอเต วิหารา อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺตี’’ติ เอตฺถ (ม. นิ. ๑.๘๒) นิพฺพุตาฯ ‘‘สโนฺต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติ เอตฺถ (ชา. ๒.๒๑.๔๑๓) ปณฺฑิตาฯ อิธ ปน วิชฺชมานา อุปลพฺภมานาติ อโตฺถฯ

    4.Cattārome pessapuggalāti ayampi pāṭiekko anusandhi. Ayañhi pesso ‘‘yāvañcidaṃ, bhante, bhagavā evaṃ manussagahaṇe evaṃ manussakasaṭe evaṃ manussasāṭheyye vattamāne sattānaṃ hitāhitaṃ jānātī’’ti āha. Purime ca tayo puggalā ahitapaṭipadaṃ paṭipannā, upari catuttho hitapaṭipadaṃ, evamahaṃ sattānaṃ hitāhitaṃ jānāmīti dassetuṃ imaṃ desanaṃ ārabhi. Heṭṭhā kandarakassa kathāya saddhiṃ yojetumpi vaṭṭati. Tena vuttaṃ ‘‘yāvañcidaṃ bhotā gotamena sammā bhikkhusaṅgho paṭipādito’’ti. Athassa bhagavā ‘‘purime tayo puggale pahāya upari catutthapuggalassa hitapaṭipattiyaṃyeva paṭipādemī’’ti dassentopi imaṃ desanaṃ ārabhi. Santoti idaṃ saṃvijjamānāti padasseva vevacanaṃ. ‘‘Santā honti samitā vūpasantā’’ti (vibha. 542) ettha hi niruddhā santāti vuttā. ‘‘Santā ete vihārā ariyassa vinaye vuccantī’’ti ettha (ma. ni. 1.82) nibbutā. ‘‘Santo have sabbhi pavedayantī’’ti ettha (jā. 2.21.413) paṇḍitā. Idha pana vijjamānā upalabbhamānāti attho.

    อตฺตนฺตปาทีสุ อตฺตานํ ตปติ ทุกฺขาเปตีติ อตฺตนฺตโปฯ อตฺตโน ปริตาปนานุโยคํ อตฺตปริตาปนานุโยคํฯ ปรํ ตปติ ทุกฺขาเปตีติ ปรนฺตโปฯ ปเรสํ ปริตาปนานุโยคํ ปรปริตาปนานุโยคํทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ นิจฺฉาโตติ ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา, สา อสฺส นตฺถีติ นิจฺฉาโตฯ สพฺพกิเลสานํ นิพฺพุตตฺตา นิพฺพุโตฯ อโนฺต ตาปนกิเลสานํ อภาวา สีตโล ชาโตติ สีติภูโตฯ ฌานมคฺคผลนิพฺพานสุขานิ ปฎิสํเวเทตีติ สุขปฎิสํเวทีพฺรหฺมภูเตน อตฺตนาติ เสฎฺฐภูเตน อตฺตนาฯ จิตฺตํ อาราเธตีติ จิตฺตํ สมฺปาเทติ, ปริปูเรติ คณฺหาติ ปสาเทตีติ อโตฺถฯ

    Attantapādīsu attānaṃ tapati dukkhāpetīti attantapo. Attano paritāpanānuyogaṃ attaparitāpanānuyogaṃ. Paraṃ tapati dukkhāpetīti parantapo. Paresaṃ paritāpanānuyogaṃ paraparitāpanānuyogaṃ. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Nicchātoti chātaṃ vuccati taṇhā, sā assa natthīti nicchāto. Sabbakilesānaṃ nibbutattā nibbuto. Anto tāpanakilesānaṃ abhāvā sītalo jātoti sītibhūto. Jhānamaggaphalanibbānasukhāni paṭisaṃvedetīti sukhapaṭisaṃvedī. Brahmabhūtena attanāti seṭṭhabhūtena attanā. Cittaṃ ārādhetīti cittaṃ sampādeti, paripūreti gaṇhāti pasādetīti attho.

    . ทุกฺขปฎิกฺกูลนฺติ ทุกฺขสฺส ปฎิกูลํ, ปจฺจนีกสณฺฐิตํ ทุกฺขํ อปตฺถยมานนฺติ อโตฺถฯ

    5.Dukkhapaṭikkūlanti dukkhassa paṭikūlaṃ, paccanīkasaṇṭhitaṃ dukkhaṃ apatthayamānanti attho.

    . ปณฺฑิโตติ อิธ จตูหิ การเณหิ ปณฺฑิโตติ น วตฺตโพฺพ, สติปฎฺฐาเนสุ ปน กมฺมํ กโรตีติ ปณฺฑิโตติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ มหาปโญฺญติ อิทมฺปิ มหเนฺต อเตฺถ ปริคฺคณฺหาตีติอาทินา มหาปญฺญลกฺขเณน น วตฺตพฺพํ, สติปฎฺฐานปริคฺคาหิกาย ปน ปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา มหาปโญฺญติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ มหตา อเตฺถน สํยุโตฺต อคมิสฺสาติ มหตา อเตฺถน สํยุโตฺต หุตฺวา คโต ภเวยฺย, โสตาปตฺติผลํ ปาปุเณยฺยาติ อโตฺถฯ กิํ ปน เยสํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย อตฺถิ, พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ฐิเตปิ เตสํ อนฺตราโย โหตีติฯ อาม โหติ, น ปน พุเทฺธ ปฎิจฺจ, อถ โข กิริยปริหานิยา วา ปาปมิตฺตตาย วา โหติฯ ตตฺถ กิริยปริหานิยา โหติ นาม – สเจ หิ ธมฺมเสนาปติ ธนญฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส อาสยํ ญตฺวา ธมฺมํ อเทสยิสฺสา, โส พฺราหฺมโณ โสตาปโนฺน อภวิสฺสา, เอวํ ตาว กิริยปริหานิยา โหติฯ ปาปมิตฺตตาย โหติ นาม – สเจ หิ อชาตสตฺตุ เทวทตฺตสฺส วจนํ คเหตฺวา ปิตุฆาตกมฺมํ นากริสฺสา, สามญฺญผลสุตฺตกถิตทิวเสว โสตาปโนฺน อภวิสฺสา, ตสฺส วจนํ คเหตฺวา ปิตุฆาตกมฺมสฺส กตตฺตา ปน น โหติ, เอวํ ปาปมิตฺตตาย โหติฯ อิมสฺสาปิ อุปาสกสฺส กิริยปริหานิ ชาตา, อปรินิฎฺฐิตาย เทสนาย อุฎฺฐหิตฺวา ปกฺกโนฺตฯ อปิจ, ภิกฺขเว, เอตฺตาวตาปิ เปโสฺส หตฺถาโรหปุโตฺต มหตา อเตฺถน สํยุโตฺตติ กตเรน มหเนฺตน อเตฺถน? ทฺวีหิ อานิสํเสหิฯ โส กิร อุปาสโก สเงฺฆ จ ปสาทํ ปฎิลภิ, สติปฎฺฐานปริคฺคหณตฺถาย จสฺส อภินโว นโย อุทปาทิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มหตา อเตฺถน สํยุโตฺต’’ติฯ กนฺทรโก ปน สเงฺฆ ปสาทเมว ปฎิลภิฯ เอตสฺส ภควา กาโลติ เอตสฺส ธมฺมกฺขานสฺส, จตุนฺนํ วา ปุคฺคลานํ วิภชนสฺส กาโลฯ

    6.Paṇḍitoti idha catūhi kāraṇehi paṇḍitoti na vattabbo, satipaṭṭhānesu pana kammaṃ karotīti paṇḍitoti vattuṃ vaṭṭati. Mahāpaññoti idampi mahante atthe pariggaṇhātītiādinā mahāpaññalakkhaṇena na vattabbaṃ, satipaṭṭhānapariggāhikāya pana paññāya samannāgatattā mahāpaññoti vattuṃ vaṭṭati. Mahatā atthena saṃyutto agamissāti mahatā atthena saṃyutto hutvā gato bhaveyya, sotāpattiphalaṃ pāpuṇeyyāti attho. Kiṃ pana yesaṃ maggaphalānaṃ upanissayo atthi, buddhānaṃ sammukhībhāve ṭhitepi tesaṃ antarāyo hotīti. Āma hoti, na pana buddhe paṭicca, atha kho kiriyaparihāniyā vā pāpamittatāya vā hoti. Tattha kiriyaparihāniyā hoti nāma – sace hi dhammasenāpati dhanañjānissa brāhmaṇassa āsayaṃ ñatvā dhammaṃ adesayissā, so brāhmaṇo sotāpanno abhavissā, evaṃ tāva kiriyaparihāniyā hoti. Pāpamittatāya hoti nāma – sace hi ajātasattu devadattassa vacanaṃ gahetvā pitughātakammaṃ nākarissā, sāmaññaphalasuttakathitadivaseva sotāpanno abhavissā, tassa vacanaṃ gahetvā pitughātakammassa katattā pana na hoti, evaṃ pāpamittatāya hoti. Imassāpi upāsakassa kiriyaparihāni jātā, apariniṭṭhitāya desanāya uṭṭhahitvā pakkanto. Apica, bhikkhave, ettāvatāpi pessohatthārohaputto mahatā atthena saṃyuttoti katarena mahantena atthena? Dvīhi ānisaṃsehi. So kira upāsako saṅghe ca pasādaṃ paṭilabhi, satipaṭṭhānapariggahaṇatthāya cassa abhinavo nayo udapādi. Tena vuttaṃ ‘‘mahatā atthena saṃyutto’’ti. Kandarako pana saṅghe pasādameva paṭilabhi. Etassa bhagavā kāloti etassa dhammakkhānassa, catunnaṃ vā puggalānaṃ vibhajanassa kālo.

    . โอรพฺภิกาทีสุ อุรพฺภา วุจฺจนฺติ เอฬกา, อุรเพฺภ หนตีติ โอรพฺภิโกฯ สูกริกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ลุโทฺทติ ทารุโณ กกฺขโฬฯ มจฺฉฆาตโกติ มจฺฉพนฺธเกวโฎฺฎฯ พนฺธนาคาริโกติ พนฺธนาคารโคปโกฯ กุรุรกมฺมนฺตาติ ทารุณกมฺมนฺตาฯ

    8.Orabbhikādīsu urabbhā vuccanti eḷakā, urabbhe hanatīti orabbhiko. Sūkarikādīsupi eseva nayo. Luddoti dāruṇo kakkhaḷo. Macchaghātakoti macchabandhakevaṭṭo. Bandhanāgārikoti bandhanāgāragopako. Kururakammantāti dāruṇakammantā.

    . มุทฺธาวสิโตฺตติ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิโตฺตฯ ปุรตฺถิเมน นครสฺสาติ นครโต ปุรตฺถิมทิสายฯ สนฺถาคารนฺติ ยญฺญสาลํฯ ขราชินํ นิวาเสตฺวาติ สขุรํ อชินจมฺมํ นิวาเสตฺวาฯ สปฺปิเตเลนาติ สปฺปินา จ เตเลน จฯ ฐเปตฺวา หิ สปฺปิํ อวเสโส โย โกจิ เสฺนโห เตลนฺติ วุจฺจติฯ กณฺฑูวมาโนติ นขานํ ฉินฺนตฺตา กณฺฑูวิตพฺพกาเล เตน กณฺฑูวมาโนฯ อนนฺตรหิตายาติ อสนฺถตายฯ สรูปวจฺฉายาติ สทิสวจฺฉายฯ สเจ คาวี เสตา โหติ, วโจฺฉปิ เสตโกวฯ สเจ คาวี กพรา วา รตฺตา วา, วโจฺฉปิ ตาทิโส วาติ เอวํ สรูปวจฺฉายฯ โส เอวมาหาติ โส ราชา เอวํ วเทติฯ วจฺฉตราติ ตรุณวจฺฉกภาวํ อติกฺกนฺตา พลววจฺฉาฯ วจฺฉตรีสุปิ เอเสว นโยฯ พริหิสตฺถายาติ ปริเกฺขปกรณตฺถาย เจว ยญฺญภูมิยํ อตฺถรณตฺถาย จฯ เสสํ เหฎฺฐา ตตฺถ ตตฺถ วิตฺถาริตตฺตา อุตฺตานเมวาติฯ

    9.Muddhāvasittoti khattiyābhisekena muddhani abhisitto. Puratthimena nagarassāti nagarato puratthimadisāya. Santhāgāranti yaññasālaṃ. Kharājinaṃ nivāsetvāti sakhuraṃ ajinacammaṃ nivāsetvā. Sappitelenāti sappinā ca telena ca. Ṭhapetvā hi sappiṃ avaseso yo koci sneho telanti vuccati. Kaṇḍūvamānoti nakhānaṃ chinnattā kaṇḍūvitabbakāle tena kaṇḍūvamāno. Anantarahitāyāti asanthatāya. Sarūpavacchāyāti sadisavacchāya. Sace gāvī setā hoti, vacchopi setakova. Sace gāvī kabarā vā rattā vā, vacchopi tādiso vāti evaṃ sarūpavacchāya. So evamāhāti so rājā evaṃ vadeti. Vacchatarāti taruṇavacchakabhāvaṃ atikkantā balavavacchā. Vacchatarīsupi eseva nayo. Barihisatthāyāti parikkhepakaraṇatthāya ceva yaññabhūmiyaṃ attharaṇatthāya ca. Sesaṃ heṭṭhā tattha tattha vitthāritattā uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    กนฺทรกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kandarakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. กนฺทรกสุตฺตํ • 1. Kandarakasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. กนฺทรกสุตฺตวณฺณนา • 1. Kandarakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact