Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
มชฺฌิมนิกาเย
Majjhimanikāye
มชฺฌิมปณฺณาสฎีกา
Majjhimapaṇṇāsaṭīkā
๑. คหปติวโคฺค
1. Gahapativaggo
๑. กนฺทรกสุตฺตวณฺณนา
1. Kandarakasuttavaṇṇanā
๑. อารามโปกฺขรณีอาทีสูติ อารามโปกฺขรณีอุยฺยานเจติยฎฺฐานาทีสุฯ อุสฺสนฺนาติ พหุลาฯ อโสกกณิการโกวิฬารกุมฺภีราชรุเกฺขหิ สมฺมิสฺสตาย ตํ จมฺปกวนํ นีลาทิปญฺจวณฺณกุสุมปฎิมณฺฑิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ, น จมฺปกรุกฺขานํเยว นีลาทิปญฺจวณฺณกุสุมตายาติ วทนฺติฯ ภควา กุสุมคนฺธสุคเนฺธ จมฺปกวเน วิหรตีติ อิมินา น มาปนกาเล เอว ตสฺมิํ นคเร จมฺปกรุกฺขา อุสฺสนฺนา, อถ โข อปรภาเคปีติ ทเสฺสติฯ ‘‘ปญฺจสตมเตฺตหิ อฑฺฒเตฬเสหี’’ติ เอวํ อทสฺสิตปริเจฺฉเทนฯ หตฺถิโน จาเรติ สิกฺขาเปตีติ หตฺถาจริโย หตฺถีนํ สิกฺขาปโก, ตสฺส ปุโตฺตติ อาห ‘‘หตฺถาจริยสฺส ปุโตฺต’’ติฯ ตทา ภควา เตสํ ปสาทชนนตฺถํ อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ อนิคุหิตฺวาว นิสิโนฺนติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ฉพฺพณฺณานํ ฆนพุทฺธรสฺมีน’’นฺติอาทิมาหฯ ภควโต เจว คารเวนาติ ภควโต ครุภาเวน, ภควติ คารเวนาติ วา ปาโฐฯ
1.Ārāmapokkharaṇīādīsūti ārāmapokkharaṇīuyyānacetiyaṭṭhānādīsu. Ussannāti bahulā. Asokakaṇikārakoviḷārakumbhīrājarukkhehi sammissatāya taṃ campakavanaṃ nīlādipañcavaṇṇakusumapaṭimaṇḍitanti daṭṭhabbaṃ, na campakarukkhānaṃyeva nīlādipañcavaṇṇakusumatāyāti vadanti. Bhagavā kusumagandhasugandhe campakavane viharatīti iminā na māpanakāle eva tasmiṃ nagare campakarukkhā ussannā, atha kho aparabhāgepīti dasseti. ‘‘Pañcasatamattehi aḍḍhateḷasehī’’ti evaṃ adassitaparicchedena. Hatthino cāreti sikkhāpetīti hatthācariyo hatthīnaṃ sikkhāpako, tassa puttoti āha ‘‘hatthācariyassa putto’’ti. Tadā bhagavā tesaṃ pasādajananatthaṃ attano buddhānubhāvaṃ aniguhitvāva nisinnoti dassento ‘‘chabbaṇṇānaṃ ghanabuddharasmīna’’ntiādimāha. Bhagavato ceva gāravenāti bhagavato garubhāvena, bhagavati gāravenāti vā pāṭho.
นิจฺจํ น โหตีติ อภิณฺหํ น โหติ, กทาจิเทว โหตีติ อโตฺถฯ อภิณฺหนิจฺจตา หิ อิธ อธิเปฺปตา, น กูฎฎฺฐนิจฺจตาฯ โลเก กิญฺจิ วิมฺหยาวหํ ทิสฺวา หตฺถวิการมฺปิ กโรนฺติ, องฺคุลิํ วา โผฎยนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺต’’นฺติฯ อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อยํ นิรุตฺตินโย เยภุเยฺยน อุปาทาย รุฬฺหีวเสน วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘เยปิ เต, โภ โคตม, อเหสุํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, กิญฺจิ อกตฺตพฺพมฺปิ กริยมานํ ทุกฺกรภาเวน วิมฺหยาวหํ โหติ, ตถา กิญฺจิ กตฺตพฺพํ, ปุริมํ ครหจฺฉริยํ, ปจฺฉิมํ ปสํสจฺฉริยํ, ตทุภยํ สุตฺตปทโส ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Niccaṃna hotīti abhiṇhaṃ na hoti, kadācideva hotīti attho. Abhiṇhaniccatā hi idha adhippetā, na kūṭaṭṭhaniccatā. Loke kiñci vimhayāvahaṃ disvā hatthavikārampi karonti, aṅguliṃ vā phoṭayanti, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘accharaṃ paharituṃ yutta’’nti. Abhūtapubbaṃ bhūtanti ayaṃ niruttinayo yebhuyyena upādāya ruḷhīvasena vuttoti veditabbo. Tathā hi pāḷiyaṃ ‘‘yepi te, bho gotama, ahesuṃ atītamaddhāna’’ntiādi vuttaṃ, kiñci akattabbampi kariyamānaṃ dukkarabhāvena vimhayāvahaṃ hoti, tathā kiñci kattabbaṃ, purimaṃ garahacchariyaṃ, pacchimaṃ pasaṃsacchariyaṃ, tadubhayaṃ suttapadaso dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ.
สมฺมา ปฎิปาทิโตติ สมฺมาปฎิปทายํ ฐปิโตฯ เอสา ปฎิปทา ปรมาติ เอตปรมํ, ภาวนปุํสกนิเทฺทโสยํ ยถา ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐)ฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ภควา ภิกฺขุสโงฺฆ ปฎิปทาย ตุเมฺหหิ ปฎิปาทิโต, อตีเตปิ กาเล พุทฺธา เอตปรมํเยว ภิกฺขุสงฺฆํ สมฺมา ปฎิปาเทสุํ, อนาคเตปิ กาเล เอตปรมํเยว ภิกฺขุสงฺฆํ สมฺมา ปฎิปาเทสฺสนฺตีติ ปริพฺพาชโก นยคฺคาเหน ทิเฎฺฐน อทิฎฺฐํ อนุมินโนฺต สเพฺพสมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติํ มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย สมสมํ กตฺวา ทเสฺสติ, เอวํ ทเสฺสโนฺต จ เตสํ สุธมฺมตญฺจ ตถา ทเสฺสติ เอวาติ เวทิตโพฺพ, พุทฺธสุพุทฺธตา ปน เนสํ สรูเปเนว ทสฺสิตาติฯ น อิโต ภิโยฺยติ อิมินา ปาฬิยํ เอตปรมํเยวาติ อวธารเณน นิวตฺติตํ ทเสฺสติ สีลปทฎฺฐานตฺตา สมาธิสฺส, สมาธิปทฎฺฐานตฺตา จ ปญฺญาย สีเลปิ จ อภิสมาจาริกปุพฺพกตฺตา อาทิพฺรหฺมจริยกสฺส วุตฺตํ ‘‘อาภิสมาจาริกวตฺตํ อาทิํ กตฺวา’’ติฯ
Sammā paṭipāditoti sammāpaṭipadāyaṃ ṭhapito. Esā paṭipadā paramāti etaparamaṃ, bhāvanapuṃsakaniddesoyaṃ yathā ‘‘visamaṃ candimasūriyā parivattantī’’ti (a. ni. 4.70). Ayañhettha attho – bhagavā bhikkhusaṅgho paṭipadāya tumhehi paṭipādito, atītepi kāle buddhā etaparamaṃyeva bhikkhusaṅghaṃ sammā paṭipādesuṃ, anāgatepi kāle etaparamaṃyeva bhikkhusaṅghaṃ sammā paṭipādessantīti paribbājako nayaggāhena diṭṭhena adiṭṭhaṃ anuminanto sabbesampi buddhānaṃ sāsane saṅghasuppaṭipattiṃ majjhe bhinnasuvaṇṇaṃ viya samasamaṃ katvā dasseti, evaṃ dassento ca tesaṃ sudhammatañca tathā dasseti evāti veditabbo, buddhasubuddhatā pana nesaṃ sarūpeneva dassitāti. Na ito bhiyyoti iminā pāḷiyaṃ etaparamaṃyevāti avadhāraṇena nivattitaṃ dasseti sīlapadaṭṭhānattā samādhissa, samādhipadaṭṭhānattā ca paññāya sīlepi ca abhisamācārikapubbakattā ādibrahmacariyakassa vuttaṃ ‘‘ābhisamācārikavattaṃ ādiṃ katvā’’ti.
๒. ปุจฺฉานุสนฺธิอาทีสุ อนโนฺตคธตฺตา ‘‘ปาฎิเอโกฺก อนุสนฺธี’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ ปากฎํ กาตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุปสนฺตการณนฺติ อุปสนฺตภาวการณํฯ ตญฺหิ อริยานํเยว วิสโย, ตตฺถาปิ จ พุทฺธานํ เอว อนวเสสโต วิสโยติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ ทเสฺสตุํ น หิ ตฺวนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ญาตตฺถจริยา กากชาตกาทิวเสน เวทิตพฺพา, โลกตฺถจริยา ตํตํปารมิปูรณวเสน, พุทฺธตฺถจริยา มหาโพธิชาตกาทิวเสนฯ อจฺฉริยํ โภ โคตมาติอาทินา กนฺทรเกน กตํ ปสาทปเวทนํ ทเสฺสติฯ
2. Pucchānusandhiādīsu anantogadhattā ‘‘pāṭiekko anusandhī’’ti vatvā tamevatthaṃ pākaṭaṃ kātuṃ ‘‘bhagavā kirā’’tiādi vuttaṃ. Upasantakāraṇanti upasantabhāvakāraṇaṃ. Tañhi ariyānaṃyeva visayo, tatthāpi ca buddhānaṃ eva anavasesato visayoti imamatthaṃ byatirekato anvayato ca dassetuṃ na hi tvantiādi vuttaṃ. Tattha ñātatthacariyā kākajātakādivasena veditabbā, lokatthacariyā taṃtaṃpāramipūraṇavasena, buddhatthacariyā mahābodhijātakādivasena. Acchariyaṃ bho gotamātiādinā kandarakena kataṃ pasādapavedanaṃ dasseti.
เยปิ เตติอาทินา เตน วุตฺตมตฺถํ ปจฺจนุภาสเนฺตน ภควตา สมฺปฎิจฺฉิตนฺติ จริตตฺตา อาห – ‘‘สนฺติ หิ กนฺทรกาติ อยมฺปิ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธี’’ติ ฯ โย หิ กนฺทรเกน ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปสนฺตภาโว กิตฺติโต, ตํ วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺตปิ เตน อปุจฺฉิโตเยว อตฺตโน อชฺฌาสเยน ภควา ‘‘สนฺติ หี’’ติอาทินา เทสนํ อารภิฯ เตนาห ‘‘ภควโต กิร เอตทโหสี’’ ติอาทิฯ กเปฺปตฺวาติ อญฺญถา สนฺตเมว อตฺตานํ อญฺญถา วิธายฯ ปกเปฺปตฺวาติ สนิทสฺสนวเสน คเหตฺวาฯ เตนาห ‘‘กุหกภาเวนา’’ติอาทิฯ ปฎิปทํ ปูรยมานาติ กามํ อวิเสเสน เสกฺขา วุจฺจนฺติ, เต ปน อธิคตมคฺควเสน ‘‘ปูรยมานา’’ติ น วตฺตพฺพา กิจฺจสฺส นิฎฺฐิตตฺตาฯ มโคฺค หิ เอกจิตฺตกฺขณิโกติ อาห ‘‘อุปริมคฺคสฺส วิปสฺสนาย อุปสนฺตา’’ติฯ อิโต มุตฺตาติ มเคฺคนาคตูปสมโต มุตฺตาฯ กลฺยาณปุถุชฺชเน สนฺธาย วทติฯ เตนาห ‘‘จตูหิ สติปฎฺฐาเนหิ อุปสนฺตา’’ติฯ
Yepi tetiādinā tena vuttamatthaṃ paccanubhāsantena bhagavatā sampaṭicchitanti caritattā āha – ‘‘santi hi kandarakāti ayampi pāṭiyekko anusandhī’’ti . Yo hi kandarakena bhikkhusaṅghassa upasantabhāvo kittito, taṃ vibhajitvā dassentopi tena apucchitoyeva attano ajjhāsayena bhagavā ‘‘santi hī’’tiādinā desanaṃ ārabhi. Tenāha ‘‘bhagavato kira etadahosī’’ tiādi. Kappetvāti aññathā santameva attānaṃ aññathā vidhāya. Pakappetvāti sanidassanavasena gahetvā. Tenāha ‘‘kuhakabhāvenā’’tiādi. Paṭipadaṃ pūrayamānāti kāmaṃ avisesena sekkhā vuccanti, te pana adhigatamaggavasena ‘‘pūrayamānā’’ti na vattabbā kiccassa niṭṭhitattā. Maggo hi ekacittakkhaṇikoti āha ‘‘uparimaggassa vipassanāya upasantā’’ti. Ito muttāti maggenāgatūpasamato muttā. Kalyāṇaputhujjane sandhāya vadati. Tenāha ‘‘catūhi satipaṭṭhānehi upasantā’’ti.
สตตสีลาติ อวิจฺฉินฺนสีลาฯ สาติสโย หิ เอเตสํ สีลสฺส อขณฺฑาทิภาโวฯ สุปริสุทฺธสีลตาวเสน สนฺตตา วุตฺติ เอเตสนฺติ สนฺตตวุตฺติโนติ อาห ‘‘ตเสฺสว เววจน’’นฺติฯ เอวํ สีลวุตฺติวเสน ‘‘สนฺตตวุตฺติโน’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ ชีวิตวุตฺติวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘สนฺตตชีวิกาวาติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ สาสนสฺส ชีวิตวุตฺติ สีลสนฺนิสฺสิตา เอวาติ อาห ‘‘ตสฺมิ’’นฺติอาทิฯ
Satatasīlāti avicchinnasīlā. Sātisayo hi etesaṃ sīlassa akhaṇḍādibhāvo. Suparisuddhasīlatāvasena santatā vutti etesanti santatavuttinoti āha ‘‘tasseva vevacana’’nti. Evaṃ sīlavuttivasena ‘‘santatavuttino’’ti padassa atthaṃ vatvā idāni jīvitavuttivasena dassento ‘‘santatajīvikāvāti attho’’ti āha. Sāsanassa jīvitavutti sīlasannissitā evāti āha ‘‘tasmi’’ntiādi.
นิปยติ วิโสเสติ ราคาทิสํกิเลสํ, ตโต วา อตฺตานํ นิปาตีติ นิปโก, ปญฺญวาฯ เตนาห ‘‘ปญฺญวโนฺต’’ติฯ ปญฺญาย ฐตฺวา ชีวิกากปฺปนํ นาม พุทฺธปฎิกุฎฺฐมิจฺฉาชีวํ ปหาย สมฺมาชีเวน ชีวนนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา เอกโจฺจ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) ตํสํวณฺณนายญฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๑๔) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ รถวินีตปฎิปทาทโย เตสุ เตสุ สุเตฺตสุ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ อิโต อญฺญตฺถ มหาโคปาลกสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๖ อาทโย) โลกุตฺตรสติปฎฺฐานา กถิตาติ อาห – ‘‘อิธ ปน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สติปฎฺฐานา กถิตา’’ติ, สติปฎฺฐานสุเตฺตปิ (ที. นิ. ๒.๓๗๓-๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๖ อาทโย) โวมิสฺสกาว กถิตาติฯ เอตฺตเกนาติ เอตฺตกาย เทสนายฯ
Nipayati visoseti rāgādisaṃkilesaṃ, tato vā attānaṃ nipātīti nipako, paññavā. Tenāha ‘‘paññavanto’’ti. Paññāya ṭhatvā jīvikākappanaṃ nāma buddhapaṭikuṭṭhamicchājīvaṃ pahāya sammājīvena jīvananti taṃ dassento ‘‘yathā ekacco’’tiādimāha. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.14) taṃsaṃvaṇṇanāyañca (visuddhi. mahāṭī. 1.14) vuttanayeneva veditabbaṃ. Rathavinītapaṭipadādayo tesu tesu suttesu vuttanayena veditabbā. Ito aññattha mahāgopālakasuttādīsu (ma. ni. 1.346 ādayo) lokuttarasatipaṭṭhānā kathitāti āha – ‘‘idha pana lokiyalokuttaramissakā satipaṭṭhānā kathitā’’ti, satipaṭṭhānasuttepi (dī. ni. 2.373-374; ma. ni. 1.106 ādayo) vomissakāva kathitāti. Ettakenāti ettakāya desanāya.
๓. การกภาวนฺติ ปฎิปตฺติยํ ปฎิปชฺชนกภาวํฯ มยมฺปิ นาม คิหี พหุกิจฺจา สมานา กาเลน กาลํ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตา วิหราม, กิมงฺคํ ปน วิเวกวาสิโนติ อตฺตโน การกภาวํ ปเวเทโนฺต เอวํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ อุกฺขิปติฯ เตนาห ‘‘อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย’’ติอาทิฯ นานารมฺมเณสุ อปราปรํ อุปฺปชฺชมานานํ ราคาทิกิเลสานํ ฆนชฎิตสงฺขาตากาเรน ปวตฺติ กิเลสคหเนน คหนตา, เตนาห ‘‘อโนฺต ชฎา พหิ ชฎา, ชฎาย ชฎิตา ปชา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒)ฯ มนุสฺสานํ อชฺฌาสยคหเณน สาเฐยฺยมฺปีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘กสฎสาเฐเยฺยสุปิ เอเสว นโย’’ติฯ ยถา สปฺปิมธุผาณิตาทีสุ กจวรภาโว, โส กสโฎติ วุจฺจติ, เอวํ สนฺตาเน อปริสุโทฺธ สํกิเลสภาโว กสฎนฺติ อาห ‘‘อปริสุทฺธเฎฺฐน กสฎตา’’ติฯ อตฺตนิ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ เกราฎิยโฎฺฐฯ ชานาตีติ ‘‘อิทํ อหิตํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หิตํ เสวิตพฺพ’’นฺติ วิจาเรติ เทเสติฯ วิจารณโตฺถปิ หิ โหติ ชานาติ-สโทฺท ยถา ‘‘อายสฺมา ชานาตี’’ติฯ สพฺพาปิ…เป.… อธิเปฺปตา ‘‘ปสุปาลกา’’ติอาทีสุ วิยฯ อิธ อนฺตร-สโทฺท ‘‘วิชฺชนฺตริกายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) วิย ขณโตฺถติ อาห ‘‘ยตฺตเกน ขเณนา’’ติฯ เตนาติ หตฺถินาฯ ตานีติ สาเฐยฺยาทีนิฯ
3.Kārakabhāvanti paṭipattiyaṃ paṭipajjanakabhāvaṃ. Mayampi nāma gihī bahukiccā samānā kālena kālaṃ satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittā viharāma, kimaṅgaṃ pana vivekavāsinoti attano kārakabhāvaṃ pavedento evaṃ bhikkhusaṅghañca ukkhipati. Tenāha ‘‘ayañhettha adhippāyo’’tiādi. Nānārammaṇesu aparāparaṃ uppajjamānānaṃ rāgādikilesānaṃ ghanajaṭitasaṅkhātākārena pavatti kilesagahanena gahanatā, tenāha ‘‘anto jaṭā bahi jaṭā, jaṭāya jaṭitā pajā’’ti (saṃ. ni. 1.23, 192). Manussānaṃ ajjhāsayagahaṇena sāṭheyyampīti dassento āha ‘‘kasaṭasāṭheyyesupi eseva nayo’’ti. Yathā sappimadhuphāṇitādīsu kacavarabhāvo, so kasaṭoti vuccati, evaṃ santāne aparisuddho saṃkilesabhāvo kasaṭanti āha ‘‘aparisuddhaṭṭhena kasaṭatā’’ti. Attani asantaguṇasambhāvanaṃ kerāṭiyaṭṭho. Jānātīti ‘‘idaṃ ahitaṃ na sevitabbaṃ, idaṃ hitaṃ sevitabba’’nti vicāreti deseti. Vicāraṇatthopi hi hoti jānāti-saddo yathā ‘‘āyasmā jānātī’’ti. Sabbāpi…pe… adhippetā ‘‘pasupālakā’’tiādīsu viya. Idha antara-saddo ‘‘vijjantarikāyā’’tiādīsu (ma. ni. 2.149) viya khaṇatthoti āha ‘‘yattakena khaṇenā’’ti. Tenāti hatthinā. Tānīti sāṭheyyādīni.
อตฺถโต กายจิตฺตุชุกตาปฎิปกฺขภูตาว โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺติอาการวิเสสาติ ตานิ ปวตฺติอากาเรน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺสาติ ปาณภูตสฺส อสฺสสฺส วา หตฺถิโน วาฯ ฐสฺสามีติ ตเตฺถว สปฺปฎิภเย ฐาเน คนฺตฺวา ฐสฺสามีติ น โหติฯ อิมสฺส สาเฐยฺยตาย ปากฎกรณํ วญฺจนาธิปฺปายภาวโตฯ ตถา หิ จตูสุ ฐาเนสุ ‘‘วเญฺจตฺวา’’ อิเจฺจว วุตฺตํ, นิคุหโนฺต ปน ตเตฺถว คนฺตฺวา ติเฎฺฐยฺยฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ปฎิมคฺคํ อาโรหิตุกามสฺสาติ อาคตมคฺคเมว นิวตฺติตฺวา คนฺตุกามสฺสฯ เลณฺฑวิสฺสชฺชนาทีสุ กาลนฺตราเปกฺขาภาวํ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา อุปสํหรติฯ
Atthato kāyacittujukatāpaṭipakkhabhūtāva lobhasahagatacittuppādassa pavattiākāravisesāti tāni pavattiākārena dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yassāti pāṇabhūtassa assassa vā hatthino vā. Ṭhassāmīti tattheva sappaṭibhaye ṭhāne gantvā ṭhassāmīti na hoti. Imassa sāṭheyyatāya pākaṭakaraṇaṃ vañcanādhippāyabhāvato. Tathā hi catūsu ṭhānesu ‘‘vañcetvā’’ icceva vuttaṃ, niguhanto pana tattheva gantvā tiṭṭheyya. Esa nayo sesesupi. Paṭimaggaṃ ārohitukāmassāti āgatamaggameva nivattitvā gantukāmassa. Leṇḍavissajjanādīsu kālantarāpekkhābhāvaṃ ‘‘tathā’’ti iminā upasaṃharati.
อโนฺตชาตกาติ อตฺตโน ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตาฯ ธนกฺกีตาติ ธนํ ทตฺวา ทาสภาเวน คหิตาฯ กรมรานีตาติ ทาสภาเวน กรมรคฺคาหคหิตาฯ ทาสพฺยนฺติ ทาสภาวํฯ เปสฺสาติ อทาสา เอว หุตฺวา เวยฺยาวจฺจกราฯ อิมํ วิสฺสเชฺชตฺวาติ อิมํ อตฺตโน หตฺถคตํ วิสฺสเชฺชตฺวาฯ อิมํ คณฺหนฺตาติ อิมํ ตสฺส หตฺถคตํ คณฺหนฺตาฯ สมฺมุขโต อญฺญถา ปรมฺมุขกาเล กายวาจาสมุทาจารทสฺสเนเนว จิตฺตสฺส เนสํ อญฺญถา ฐิตภาโว นิทฺทิโฎฺฐติ เวทิตโพฺพฯ
Antojātakāti attano dāsiyā kucchimhi jātā. Dhanakkītāti dhanaṃ datvā dāsabhāvena gahitā. Karamarānītāti dāsabhāvena karamaraggāhagahitā. Dāsabyanti dāsabhāvaṃ. Pessāti adāsā eva hutvā veyyāvaccakarā. Imaṃ vissajjetvāti imaṃ attano hatthagataṃ vissajjetvā. Imaṃgaṇhantāti imaṃ tassa hatthagataṃ gaṇhantā. Sammukhato aññathā parammukhakāle kāyavācāsamudācāradassaneneva cittassa nesaṃ aññathā ṭhitabhāvo niddiṭṭhoti veditabbo.
๔. อยมฺปิ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธีติ เอตฺถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยเนว อนุสนฺธิโยชนา เวทิตพฺพาฯ เตเนวาห ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิฯ จตุโตฺถ หิตปฎิปทํ ปฎิปโนฺนติ โยชนาฯ ปุคฺคลสีเสน ปุคฺคลปฎิปตฺติํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปุคฺคเล ปหายา’’ติ อาหฯ ปฎิปตฺติ หิ อิธ ปหาตพฺพา, น ปุคฺคลาฯ ยถา อสฺสทฺธาทิปุคฺคลปริวชฺชเนน สทฺธินฺทฺริยาทิภาวนา อิชฺฌนฺติ, เอวํ มิจฺฉาปฎิปนฺนปุคฺคลปริวชฺชเนน มิจฺฉาปฎิปทา วชฺชิตพฺพาติ อาห – ‘‘ปุริเม ตโย ปุคฺคเล ปหายา’’ติฯ จตุตฺถปุคฺคลสฺสาติ อิมสฺมิํ จตุเกฺก วุตฺตจตุตฺถปุคฺคลสฺส หิตปฎิปตฺติยํเยว ปฎิปาเทมิ ปวเตฺตมีติ ทเสฺสโนฺตฯ สนฺตาติ สมํ วินาสํ นิโรธํ ปตฺตาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘นิรุทฺธา สนฺตาติ วุตฺตา’’ติฯ ปุน สนฺตาติ ภาวนาวเสน กิเลสปริฬาหวิคมโต สนฺตาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘นิพฺพุตา’’ติฯ สนฺตาติ อาเนตฺวา โยชนาฯ สโนฺต หเวติ เอตฺถ สมภาวกเรน สาธุภาวสฺส วิเสสปจฺจยภูเตน ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคตา อริยา ‘‘สโนฺต’’ติ วุตฺตาติ อาห – ‘‘สโนฺต หเว…เป.… ปณฺฑิตา’’ติฯ
4.Ayampi pāṭiyekko anusandhīti etthāpi anantare vuttanayeneva anusandhiyojanā veditabbā. Tenevāha ‘‘ayañhī’’tiādi. Catuttho hitapaṭipadaṃ paṭipannoti yojanā. Puggalasīsena puggalapaṭipattiṃ dassento ‘‘puggale pahāyā’’ti āha. Paṭipatti hi idha pahātabbā, na puggalā. Yathā assaddhādipuggalaparivajjanena saddhindriyādibhāvanā ijjhanti, evaṃ micchāpaṭipannapuggalaparivajjanena micchāpaṭipadā vajjitabbāti āha – ‘‘purime tayo puggale pahāyā’’ti. Catutthapuggalassāti imasmiṃ catukke vuttacatutthapuggalassa hitapaṭipattiyaṃyeva paṭipādemi pavattemīti dassento. Santāti samaṃ vināsaṃ nirodhaṃ pattāti ayamettha atthoti āha ‘‘niruddhā santāti vuttā’’ti. Puna santāti bhāvanāvasena kilesapariḷāhavigamato santāti ayamettha atthoti āha ‘‘nibbutā’’ti. Santāti ānetvā yojanā. Santo haveti ettha samabhāvakarena sādhubhāvassa visesapaccayabhūtena paṇḍiccena samannāgatā ariyā ‘‘santo’’ti vuttāti āha – ‘‘santo have…pe… paṇḍitā’’ti.
อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๑๙๘) อตฺตภาโว, อิธ ปน โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา, ตํ อตฺตานํฯ ปรนฺติ อตฺตโต อญฺญํฯ ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา ชิฆจฺฉาเหตุตายฯ อโนฺต ตาปนกิเลสานนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน อตฺตปริฬาหชนนสนฺตปฺปนกิเลสานํฯ จิตฺตํ อาราเธตีติ จิตฺตํ ปสาเทติ, สมฺปหํเสตีติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปน ตถาภูโต จิตฺตํ สมฺปาเทโนฺต อชฺฌาสยํ คณฺหโนฺต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตํ สมฺปาเทตี’’ติอาทิฯ
Āhito ahaṃmāno etthāti attā (a. ni. ṭī. 2.4.198) attabhāvo, idha pana yo paro na hoti, so attā, taṃ attānaṃ. Paranti attato aññaṃ. Chātaṃ vuccati taṇhā jighacchāhetutāya. Anto tāpanakilesānanti attano santāne attapariḷāhajananasantappanakilesānaṃ. Cittaṃ ārādhetīti cittaṃ pasādeti, sampahaṃsetīti attho. Yasmā pana tathābhūto cittaṃ sampādento ajjhāsayaṃ gaṇhanto nāma hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘cittaṃ sampādetī’’tiādi.
๕. ทุกฺขํ ปฎิกฺกูลํ เชคุจฺฉํ เอตสฺสาติ ทุกฺขปฎิกฺกูโล ตํ ทุกฺขปฎิกฺกูลํฯ วิเสสนวิเสสิตพฺพตา หิ กามจาราฯ อฎฺฐกถายํ ปน ทุกฺขสฺส วิเสสิตพฺพตํ สนฺธาย พาหิรตฺถสมาสํ อนาทิยิตฺวา ‘‘ทุกฺขสฺส ปฎิกฺกูล’’นฺติ อโตฺถ วุโตฺตฯ เยน หิ ภาเคน ปุริสสฺส ทุกฺขํ ปฎิกฺกูลํ, เตน ทุกฺขสฺส ปุริโสปีติฯ เตนาห – ‘‘ปจฺจนีกสณฺฐิต’’นฺติฯ
5. Dukkhaṃ paṭikkūlaṃ jegucchaṃ etassāti dukkhapaṭikkūlo taṃ dukkhapaṭikkūlaṃ. Visesanavisesitabbatā hi kāmacārā. Aṭṭhakathāyaṃ pana dukkhassa visesitabbataṃ sandhāya bāhiratthasamāsaṃ anādiyitvā ‘‘dukkhassa paṭikkūla’’nti attho vutto. Yena hi bhāgena purisassa dukkhaṃ paṭikkūlaṃ, tena dukkhassa purisopīti. Tenāha – ‘‘paccanīkasaṇṭhita’’nti.
๖. จตูหิ การเณหีติ ธาตุกุสลตาทีหิ จตูหิ การเณหิฯ กมฺมํ กโรตีติ โยคกมฺมํ กโรติฯ ยสฺมา สมฺพุทฺธา ปเรสํ มคฺคผลาธิคมาย อุสฺสาหชาตา, ตตฺถ นิรนฺตรํ ยุตฺตปฺปยุตฺตา เอว โหนฺติ, เต ปฎิจฺจ เตสํ อนฺตราโย น โหติเยวาติ อาห ‘‘น ปน พุเทฺธ ปฎิจฺจา’’ติฯ กิริยปริหานิยา เทสกสฺส ตเสฺสว วา ปุคฺคลสฺส ตชฺชปโยคาภาวโตฯ ‘‘เทสกสฺส วา’’ติ อิทํ สาวกานํ วเสน ทฎฺฐพฺพํฯ มหตา อเตฺถนาติ เอตฺถ อตฺถ-สโทฺท อานิสํสปริยาโยติ อาห ‘‘ทฺวีหิ อานิสํเสหี’’ติฯ ปสาทํ ปฎิลภติ ‘‘อรหโนฺต’’ติอาทินา สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติยา สุตตฺตาฯ อภินโว นโย อุทปาทิ สนฺตตสีลตาทิวเสน อนตฺตนฺตปตาทิวเสน, โสปิ ตํ สุตฺวา ทาสาทีสุ สวิเสสํ ลชฺชี ทยาปโนฺน หิตานุกมฺปี หุตฺวา เสกฺขปฎิปทํ สีลํ สาเธโนฺต อนุกฺกเมน สติปฎฺฐานภาวนํ ปริพฺรูเหติฯ เตนาห ภควา ‘‘มหตา อเตฺถน สํยุโตฺต’’ติฯ
6.Catūhikāraṇehīti dhātukusalatādīhi catūhi kāraṇehi. Kammaṃ karotīti yogakammaṃ karoti. Yasmā sambuddhā paresaṃ maggaphalādhigamāya ussāhajātā, tattha nirantaraṃ yuttappayuttā eva honti, te paṭicca tesaṃ antarāyo na hotiyevāti āha ‘‘na pana buddhe paṭiccā’’ti. Kiriyaparihāniyā desakassa tasseva vā puggalassa tajjapayogābhāvato. ‘‘Desakassa vā’’ti idaṃ sāvakānaṃ vasena daṭṭhabbaṃ. Mahatā atthenāti ettha attha-saddo ānisaṃsapariyāyoti āha ‘‘dvīhi ānisaṃsehī’’ti. Pasādaṃ paṭilabhati ‘‘arahanto’’tiādinā saṅghasuppaṭipattiyā sutattā. Abhinavo nayo udapādi santatasīlatādivasena anattantapatādivasena, sopi taṃ sutvā dāsādīsu savisesaṃ lajjī dayāpanno hitānukampī hutvā sekkhapaṭipadaṃ sīlaṃ sādhento anukkamena satipaṭṭhānabhāvanaṃ paribrūheti. Tenāha bhagavā ‘‘mahatā atthena saṃyutto’’ti.
๘. ปเรสํ หนนฆาตนาทินา โรทาปนโต ลุโทฺท, ตถา วิฆาตกภาเวน กายจิตฺตานํ วิทารณโต ทารุโณ, วิรุทฺธวาทตาย กกฺขโฬ, พนฺธนาคาเร นิยุโตฺต พนฺธนาคาริโกฯ
8. Paresaṃ hananaghātanādinā rodāpanato luddo, tathā vighātakabhāvena kāyacittānaṃ vidāraṇato dāruṇo, viruddhavādatāya kakkhaḷo, bandhanāgāre niyutto bandhanāgāriko.
๙. ขตฺติยาภิเสเกนาติ ขตฺติยานํ กตฺตพฺพอภิเสเกนฯ สนฺถาคารนฺติ สนฺถารวเสน กตํ อคารํ ยญฺญาวาฎํฯ สปฺปิเตเลนาติ สปฺปิมเยน เตเลน, ยมกเสฺนเหน หิ ตทา กายํ อพฺภญฺชติฯ วจฺฉภาวํ ตริตฺวา ฐิโต วจฺฉตโรฯ ปริเกฺขปกรณตฺถายาติ วนมาลาหิ สทฺธิํ ทเพฺภหิ เวทิยา ปริเกฺขปนตฺถายฯ ยญฺญภูมิยนฺติ อวเสสยญฺญฎฺฐาเนฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
9.Khattiyābhisekenāti khattiyānaṃ kattabbaabhisekena. Santhāgāranti santhāravasena kataṃ agāraṃ yaññāvāṭaṃ. Sappitelenāti sappimayena telena, yamakasnehena hi tadā kāyaṃ abbhañjati. Vacchabhāvaṃ taritvā ṭhito vacchataro. Parikkhepakaraṇatthāyāti vanamālāhi saddhiṃ dabbhehi vediyā parikkhepanatthāya. Yaññabhūmiyanti avasesayaññaṭṭhāne. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ taṃ suviññeyyameva.
กนฺทรกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Kandarakasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. กนฺทรกสุตฺตํ • 1. Kandarakasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. กนฺทรกสุตฺตวณฺณนา • 1. Kandarakasuttavaṇṇanā