Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๓] ๓. กณฺฑิชาตกวณฺณนา

    [13] 3. Kaṇḍijātakavaṇṇanā

    ธิรตฺถุ กณฺฑินํ สลฺลนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ ตํ อฎฺฐกนิปาเต อินฺทฺริยชาตเก อาวิภวิสฺสติฯ ภควา ปน ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ ‘‘ภิกฺขุ, ปุเพฺพปิ ตฺวํ เอตํ มาตุคามํ นิสฺสาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา วีตจฺจิเตสุ องฺคาเรสุ ปโกฺก’’ติฯ ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิํสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฎิจฺฉนฺนการณํ ปากฎํ อกาสิฯ อิโต ปรํ ปน ภิกฺขูนํ ยาจนํ ภวนฺตรปฎิจฺฉนฺนตญฺจ อวตฺวา ‘‘อตีตํ อาหรี’’ติ เอตฺตกเมว วกฺขาม, เอตฺตเก วุเตฺตปิ ยาจนญฺจ วลาหกคพฺภโต จนฺทนีหรณูปมาย ภวนฺตรปฎิจฺฉนฺนการณภาโว จาติ สพฺพเมตํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา เวทิตพฺพํฯ

    Dhiratthukaṇḍinaṃ sallanti idaṃ satthā jetavane viharanto purāṇadutiyikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Taṃ aṭṭhakanipāte indriyajātake āvibhavissati. Bhagavā pana taṃ bhikkhuṃ etadavoca ‘‘bhikkhu, pubbepi tvaṃ etaṃ mātugāmaṃ nissāya jīvitakkhayaṃ patvā vītaccitesu aṅgāresu pakko’’ti. Bhikkhū tassatthassāvibhāvatthāya bhagavantaṃ yāciṃsu, bhagavā bhavantarena paṭicchannakāraṇaṃ pākaṭaṃ akāsi. Ito paraṃ pana bhikkhūnaṃ yācanaṃ bhavantarapaṭicchannatañca avatvā ‘‘atītaṃ āharī’’ti ettakameva vakkhāma, ettake vuttepi yācanañca valāhakagabbhato candanīharaṇūpamāya bhavantarapaṭicchannakāraṇabhāvo cāti sabbametaṃ heṭṭhā vuttanayeneva yojetvā veditabbaṃ.

    อตีเต มคธรเฎฺฐ ราชคเห มคธราชา รชฺชํ กาเรสิฯ มคธวาสิกานํ สสฺสสมเย มิคานํ มหาปริปโนฺถ โหติฯ เต อรเญฺญ ปพฺพตปาทํ ปวิสนฺติฯ ตตฺถ เอโก อรญฺญวาสี ปพฺพเตยฺยมิโค เอกาย คามนฺตวาสินิยา มิคโปติกาย สทฺธิํ สนฺถวํ กตฺวา เตสํ มิคานํ ปพฺพตปาทโต โอรุยฺห ปุน คามนฺตํ โอตรณกาเล มิคโปติกาย ปฎิพทฺธจิตฺตตฺตา เตหิ สทฺธิํเยว โอตริฯ อถ นํ สา อาห – ‘‘ตฺวํ โขสิ, อยฺย, ปพฺพเตโยฺย พาลมิโค, คามโนฺต จ นาม สาสโงฺก สปฺปฎิภโย, มา อเมฺหหิ สทฺธิํ โอตรี’’ติฯ โส ตสฺสา ปฎิพทฺธจิตฺตตฺตา อนิวตฺติตฺวา สทฺธิํเยว อคมาสิฯ มคธวาสิโน ‘‘อิทานิ มิคานํ ปพฺพตปาทา โอตรณกาโล’’ติ ญตฺวา มเคฺค ปฎิจฺฉนฺนโกฎฺฐเกสุ ติฎฺฐนฺติฯ เตสมฺปิ ทฺวินฺนํ อาคมนมเคฺค เอโก ลุทฺทโก ปฎิจฺฉนฺนโกฎฺฐเก ฐิโต โหติฯ มิคโปติกา มนุสฺสคนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘เอโก ลุทฺทโก ฐิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตํ พาลมิคํ ปุรโต กตฺวา สยํ ปจฺฉโต อโหสิฯ ลุทฺทโก เอเกเนว สรปฺปหาเรน มิคํ ตเตฺถว ปาเตติฯ มิคโปติกา ตสฺส วิทฺธภาวํ ญตฺวา อุปฺปติตฺวา วาตคติยาว ปลายิฯ ลุทฺทโก โกฎฺฐกโต นิกฺขมิตฺวา มิคํ โอกฺกนฺติตฺวา อคฺคิํ กตฺวา วีตจฺจิเตสุ องฺคาเรสุ มธุรมํสํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อวเสสํ โลหิตพินฺทูหิ ปคฺฆรเนฺตหิ กาเชนาทาย ทารเก โตเสโนฺต ฆรํ อคมาสิฯ

    Atīte magadharaṭṭhe rājagahe magadharājā rajjaṃ kāresi. Magadhavāsikānaṃ sassasamaye migānaṃ mahāparipantho hoti. Te araññe pabbatapādaṃ pavisanti. Tattha eko araññavāsī pabbateyyamigo ekāya gāmantavāsiniyā migapotikāya saddhiṃ santhavaṃ katvā tesaṃ migānaṃ pabbatapādato oruyha puna gāmantaṃ otaraṇakāle migapotikāya paṭibaddhacittattā tehi saddhiṃyeva otari. Atha naṃ sā āha – ‘‘tvaṃ khosi, ayya, pabbateyyo bālamigo, gāmanto ca nāma sāsaṅko sappaṭibhayo, mā amhehi saddhiṃ otarī’’ti. So tassā paṭibaddhacittattā anivattitvā saddhiṃyeva agamāsi. Magadhavāsino ‘‘idāni migānaṃ pabbatapādā otaraṇakālo’’ti ñatvā magge paṭicchannakoṭṭhakesu tiṭṭhanti. Tesampi dvinnaṃ āgamanamagge eko luddako paṭicchannakoṭṭhake ṭhito hoti. Migapotikā manussagandhaṃ ghāyitvā ‘‘eko luddako ṭhito bhavissatī’’ti taṃ bālamigaṃ purato katvā sayaṃ pacchato ahosi. Luddako ekeneva sarappahārena migaṃ tattheva pāteti. Migapotikā tassa viddhabhāvaṃ ñatvā uppatitvā vātagatiyāva palāyi. Luddako koṭṭhakato nikkhamitvā migaṃ okkantitvā aggiṃ katvā vītaccitesu aṅgāresu madhuramaṃsaṃ pacitvā khāditvā pānīyaṃ pivitvā avasesaṃ lohitabindūhi paggharantehi kājenādāya dārake tosento gharaṃ agamāsi.

    ตทา โพธิสโตฺต ตสฺมิํ วนสเณฺฑ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพโตฺต โหติฯ โส ตํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พาลมิคสฺส มรณํ เนว มาตรํ นิสฺสาย, น ปิตรํ นิสฺสาย, อถ โข กามํ นิสฺสายฯ กามนิมิตฺตญฺหิ สตฺตา สุคติยํ หตฺถเจฺฉทาทิกํ, ทุคฺคติยญฺจ ปญฺจวิธพนฺธนาทินานปฺปการกํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ, ปเรสํ มรณทุกฺขุปฺปาทนมฺปิ นาม อิมสฺมิํ โลเก ครหิตเมวฯ ยํ ชนปทํ มาตุคาโม วิจาเรติ อนุสาสติ, โส อิตฺถิปริณายโก ชนปโทปิ ครหิโตเยวฯ เย สตฺตา มาตุคามสฺส วสํ คจฺฉนฺติ, เตปิ ครหิตาเยวา’’ติ เอกาย คาถาย ตีณิ ครหวตฺถูนิ ทเสฺสตฺวา วนเทวตาสุ สาธุการํ ทตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยมานาสุ มธุเรน สเรน ตํ วนสณฺฑํ อุนฺนาเทโนฺต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ –

    Tadā bodhisatto tasmiṃ vanasaṇḍe rukkhadevatā hutvā nibbatto hoti. So taṃ kāraṇaṃ disvā ‘‘imassa bālamigassa maraṇaṃ neva mātaraṃ nissāya, na pitaraṃ nissāya, atha kho kāmaṃ nissāya. Kāmanimittañhi sattā sugatiyaṃ hatthacchedādikaṃ, duggatiyañca pañcavidhabandhanādinānappakārakaṃ dukkhaṃ pāpuṇanti, paresaṃ maraṇadukkhuppādanampi nāma imasmiṃ loke garahitameva. Yaṃ janapadaṃ mātugāmo vicāreti anusāsati, so itthipariṇāyako janapadopi garahitoyeva. Ye sattā mātugāmassa vasaṃ gacchanti, tepi garahitāyevā’’ti ekāya gāthāya tīṇi garahavatthūni dassetvā vanadevatāsu sādhukāraṃ datvā gandhapupphādīhi pūjayamānāsu madhurena sarena taṃ vanasaṇḍaṃ unnādento imāya gāthāya dhammaṃ desesi –

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ธิรตฺถุ กณฺฑินํ สลฺลํ, ปุริสํ คาฬฺหเวธินํ;

    ‘‘Dhiratthu kaṇḍinaṃ sallaṃ, purisaṃ gāḷhavedhinaṃ;

    ธิรตฺถุ ตํ ชนปทํ, ยตฺถิตฺถี ปริณายิกา;

    Dhiratthu taṃ janapadaṃ, yatthitthī pariṇāyikā;

    เต จาปิ ธิกฺกิตา สตฺตา, เย อิตฺถีนํ วสํ คตา’’ติฯ

    Te cāpi dhikkitā sattā, ye itthīnaṃ vasaṃ gatā’’ti.

    ตตฺถ ธิรตฺถูติ ครหณเตฺถ นิปาโต, สฺวายมิธ อุตฺตาสุเพฺพควเสน ครหเณ ทฎฺฐโพฺพฯ อุตฺตสิตุพฺพิโคฺค หิ โหโนฺต โพธิสโตฺต เอวมาหฯ กณฺฑมสฺส อตฺถีติ กณฺฑี, ตํ กณฺฑินํฯ ตํ ปน กณฺฑํ อนุปวิสนเฎฺฐน ‘‘สลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา กณฺฑินํ สลฺลนฺติ เอตฺถ สลฺลกณฺฑินนฺติ อโตฺถฯ สลฺลํ วา อสฺสตฺถีติปิ สโลฺล, ตํ สลฺลํฯ มหนฺตํ วณมุขํ กตฺวา พลวปฺปหารํ เทโนฺต คาฬฺหํ วิชฺฌตีติ คาฬฺหเวธี, ตํ คาฬฺหเวธินํฯ นานปฺปกาเรน กเณฺฑน, กุมุทปตฺตสณฺฐานถเลน อุชุกคมเนเนว สเลฺลน จ สมนฺนาคตํ คาฬฺหเวธินํ ปุริสํ ธิรตฺถูติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ ปริณายิกาติ อิสฺสรา สํวิธายิกาฯ ธิกฺกิตาติ ครหิตาฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ อิโต ปรํ ปน เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา ยํ ยํ อนุตฺตานํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสามฯ เอวํ เอกาย คาถาย ตีณิ ครหวตฺถูนิ ทเสฺสตฺวา โพธิสโตฺต วนํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิฯ

    Tattha dhiratthūti garahaṇatthe nipāto, svāyamidha uttāsubbegavasena garahaṇe daṭṭhabbo. Uttasitubbiggo hi honto bodhisatto evamāha. Kaṇḍamassa atthīti kaṇḍī, taṃ kaṇḍinaṃ. Taṃ pana kaṇḍaṃ anupavisanaṭṭhena ‘‘salla’’nti vuccati, tasmā kaṇḍinaṃ sallanti ettha sallakaṇḍinanti attho. Sallaṃ vā assatthītipi sallo, taṃ sallaṃ. Mahantaṃ vaṇamukhaṃ katvā balavappahāraṃ dento gāḷhaṃ vijjhatīti gāḷhavedhī, taṃ gāḷhavedhinaṃ. Nānappakārena kaṇḍena, kumudapattasaṇṭhānathalena ujukagamaneneva sallena ca samannāgataṃ gāḷhavedhinaṃ purisaṃ dhiratthūti ayamettha attho. Pariṇāyikāti issarā saṃvidhāyikā. Dhikkitāti garahitā. Sesamettha uttānatthameva. Ito paraṃ pana ettakampi avatvā yaṃ yaṃ anuttānaṃ, taṃ tadeva vaṇṇayissāma. Evaṃ ekāya gāthāya tīṇi garahavatthūni dassetvā bodhisatto vanaṃ unnādetvā buddhalīlāya dhammaṃ desesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ สตฺถา เทฺว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิฯ อิโต ปรํ ปน ‘‘เทฺว วตฺถูนิ กเถตฺวา’’ติ อิทํ อวตฺวา ‘‘อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา’’ติ เอตฺตกเมว วกฺขาม, อวุตฺตมฺปิ ปน เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา คเหตพฺพํฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Satthā dve vatthūni kathetvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi. Ito paraṃ pana ‘‘dve vatthūni kathetvā’’ti idaṃ avatvā ‘‘anusandhiṃ ghaṭetvā’’ti ettakameva vakkhāma, avuttampi pana heṭṭhā vuttanayeneva yojetvā gahetabbaṃ.

    ตทา ปพฺพเตยฺยมิโค อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ อโหสิ, มิคโปติกา ปุราณทุติยิกา, กาเมสุ โทสํ ทเสฺสตฺวา ธมฺมเทสกเทวตา ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Tadā pabbateyyamigo ukkaṇṭhitabhikkhu ahosi, migapotikā purāṇadutiyikā, kāmesu dosaṃ dassetvā dhammadesakadevatā pana ahameva ahosinti.

    กณฺฑิชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Kaṇḍijātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๓. กณฺฑิชาตกํ • 13. Kaṇḍijātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact