Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๓. กงฺขาเรวตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    3. Kaṅkhārevatattheragāthāvaṇṇanā

    ปญฺญํ อิมํ ปสฺสาติ อายสฺมโต กงฺขาเรวตสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ เถโร ปทุมุตฺตรภควโต กาเล หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพโตฺตฯ เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล เหฎฺฐา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ฌานาภิรตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา เทสนาวสาเน สตฺถารํ นิมเนฺตตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตนเยน มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภเนฺต, อหํ อิมินา อธิการกเมฺมน อญฺญํ สมฺปตฺติํ น ปเตฺถมิ, ยถา ปน โส ภิกฺขุ ตุเมฺหหิ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก ฌายีนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ฌายีนํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิฯ สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา นิปฺผชฺชนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุโทฺธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ฌายีนํ อโคฺค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิฯ

    Paññaṃ imaṃ passāti āyasmato kaṅkhārevatassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi thero padumuttarabhagavato kāle haṃsavatīnagare brāhmaṇamahāsālakule nibbatto. Ekadivasaṃ buddhānaṃ dhammadesanākāle heṭṭhā vuttanayena mahājanena saddhiṃ vihāraṃ gantvā parisapariyante ṭhito dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ jhānābhiratānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā ‘‘mayāpi anāgate evarūpena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā desanāvasāne satthāraṃ nimantetvā heṭṭhā vuttanayena mahāsakkāraṃ katvā bhagavantaṃ āha – ‘‘bhante, ahaṃ iminā adhikārakammena aññaṃ sampattiṃ na patthemi, yathā pana so bhikkhu tumhehi ito sattamadivasamatthake jhāyīnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapito, evaṃ ahampi anāgate ekassa buddhassa sāsane jhāyīnaṃ aggo bhaveyya’’nti patthanamakāsi. Satthā anāgataṃ oloketvā nipphajjanabhāvaṃ disvā ‘‘anāgate kappasatasahassāvasāne gotamo nāma buddho uppajjissati, tassa sāsane tvaṃ jhāyīnaṃ aggo bhavissasī’’ti byākaritvā pakkāmi.

    โส ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถินคเร มหาโภคกุเล นิพฺพโตฺต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ คจฺฉเนฺตน มหาชเนน สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐิโต ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ กถาเปตฺวา ฌานปริกมฺมํ กโรโนฺต ฌานลาภี หุตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ โส เยภุเยฺยน ทสพเลน สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺติํ สมาปชฺชโนฺต อโหรตฺตํ ฌาเนสุ จิณฺณวสี อโหสิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ฌายีนํ ยทิทํ กงฺขาเรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๔) ฌายีนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๓๔-๕๓) –

    So yāvajīvaṃ kalyāṇakammaṃ katvā kappasatasahassaṃ devamanussesu saṃsaritvā amhākaṃ bhagavato kāle sāvatthinagare mahābhogakule nibbatto pacchābhattaṃ dhammassavanatthaṃ gacchantena mahājanena saddhiṃ vihāraṃ gantvā parisapariyante ṭhito dasabalassa dhammakathaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā upasampadaṃ labhitvā kammaṭṭhānaṃ kathāpetvā jhānaparikammaṃ karonto jhānalābhī hutvā jhānaṃ pādakaṃ katvā arahattaṃ pāpuṇi. So yebhuyyena dasabalena samāpajjitabbasamāpattiṃ samāpajjanto ahorattaṃ jhānesu ciṇṇavasī ahosi. Atha naṃ satthā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ jhāyīnaṃ yadidaṃ kaṅkhārevato’’ti (a. ni. 1.198, 204) jhāyīnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Vuttampi cetaṃ apadāne (apa. thera 2.55.34-53) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธเมฺมสุ จกฺขุมา;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammesu cakkhumā;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.

    ‘‘สีหหนุ พฺรหฺมคิโร, หํสทุนฺทุภินิสฺสโน;

    ‘‘Sīhahanu brahmagiro, haṃsadundubhinissano;

    นาควิกฺกนฺตคมโน, จนฺทสูราธิกปฺปโภฯ

    Nāgavikkantagamano, candasūrādhikappabho.

    ‘‘มหามติ มหาวีโร, มหาฌายี มหาพโล;

    ‘‘Mahāmati mahāvīro, mahājhāyī mahābalo;

    มหาการุณิโก นาโถ, มหาตมปนูทโนฯ

    Mahākāruṇiko nātho, mahātamapanūdano.

    ‘‘ส กทาจิ ติโลกโคฺค, เวเนยฺยํ วินยํ พหุํ;

    ‘‘Sa kadāci tilokaggo, veneyyaṃ vinayaṃ bahuṃ;

    ธมฺมํ เทเสสิ สมฺพุโทฺธ, สตฺตาสยวิทู มุนิฯ

    Dhammaṃ desesi sambuddho, sattāsayavidū muni.

    ‘‘ฌายิํ ฌานรตํ วีรํ, อุปสนฺตํ อนาวิลํ;

    ‘‘Jhāyiṃ jhānarataṃ vīraṃ, upasantaṃ anāvilaṃ;

    วณฺณยโนฺต ปริสติํ, โตเสสิ ชนตํ ชิโนฯ

    Vaṇṇayanto parisatiṃ, tosesi janataṃ jino.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, พฺราหฺมโณ เวทปารคู;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, brāhmaṇo vedapāragū;

    ธมฺมํ สุตฺวาน มุทิโต, ตํ ฐานมภิปตฺถยิํฯ

    Dhammaṃ sutvāna mudito, taṃ ṭhānamabhipatthayiṃ.

    ‘‘ตทา ชิโน วิยากาสิ, สงฺฆมเชฺฌ วินายโก;

    ‘‘Tadā jino viyākāsi, saṅghamajjhe vināyako;

    มุทิโต โหหิ ตฺวํ พฺรเหฺม, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํฯ

    Mudito hohi tvaṃ brahme, lacchase taṃ manorathaṃ.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;

    เรวโต นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ

    Revato nāma nāmena, hessati satthu sāvako.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโตหํ โกลิเย ปุเร;

    ‘‘Pacchime ca bhave dāni, jātohaṃ koliye pure;

    ขตฺติเย กุลสมฺปเนฺน, อิเทฺธ ผีเต มหทฺธเนฯ

    Khattiye kulasampanne, iddhe phīte mahaddhane.

    ‘‘ยทา กปิลวตฺถุสฺมิํ, พุโทฺธ ธมฺมมเทสยิ;

    ‘‘Yadā kapilavatthusmiṃ, buddho dhammamadesayi;

    ตทา ปสโนฺน สุคเต, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Tadā pasanno sugate, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘กงฺขา เม พหุลา อาสิ, กปฺปากเปฺป ตหิํ ตหิํ;

    ‘‘Kaṅkhā me bahulā āsi, kappākappe tahiṃ tahiṃ;

    สพฺพํ ตํ วินยี พุโทฺธ, เทเสตฺวา ธมฺมมุตฺตมํฯ

    Sabbaṃ taṃ vinayī buddho, desetvā dhammamuttamaṃ.

    ‘‘ตโตหํ ติณฺณสํสาโร, ตทา ฌานสุเข รโต;

    ‘‘Tatohaṃ tiṇṇasaṃsāro, tadā jhānasukhe rato;

    วิหรามิ ตทา พุโทฺธ, มํ ทิสฺวา เอตทพฺรวิฯ

    Viharāmi tadā buddho, maṃ disvā etadabravi.

    ‘‘ยา กาจิ กงฺขา อิธ วา หุรํ วา, สเวทิยา วา ปรเวทิยา วา;

    ‘‘Yā kāci kaṅkhā idha vā huraṃ vā, savediyā vā paravediyā vā;

    เย ฌายิโน ตา ปชหนฺติ สพฺพา, อาตาปิโน พฺรหฺมจริยํ จรนฺตาฯ

    Ye jhāyino tā pajahanti sabbā, ātāpino brahmacariyaṃ carantā.

    ‘‘สตสหเสฺส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทเสฺสสิ เม อิธ;

    ‘‘Satasahasse kataṃ kammaṃ, phalaṃ dassesi me idha;

    สุมุโตฺต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยิํ มมฯ

    Sumutto saravegova, kilese jhāpayiṃ mama.

    ‘‘ตโต ฌานรตฺตํ ทิสฺวา, พุโทฺธ โลกนฺตคู มุนิ;

    ‘‘Tato jhānarattaṃ disvā, buddho lokantagū muni;

    ฌายีนํ ภิกฺขูนํ อโคฺค, ปญฺญาเปสิ มหามติฯ

    Jhāyīnaṃ bhikkhūnaṃ aggo, paññāpesi mahāmati.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สเพฺพ สมูหตา;

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ, bhavā sabbe samūhatā;

    นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Nāgova bandhanaṃ chetvā, viharāmi anāsavo.

    ‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;

    ‘‘Svāgataṃ vata me āsi, mama buddhassa santike;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส, วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม;

    ‘‘Paṭisambhidā catasso, vimokkhāpi ca aṭṭhime;

    ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    Chaḷabhiññā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ตถา กตกิโจฺจ ปนายํ มหาเถโร ปุเพฺพ ทีฆรตฺตํ อตฺตโน กงฺขาปกตจิตฺตตํ อิทานิ สพฺพโส วิคตกงฺขตญฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อโห นูน มยฺหํ สตฺถุโน เทสนานุภาโว, เตเนตรหิ เอวํ วิคตกโงฺข อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต ชาโต’’ติ สญฺชาตพหุมาโน ภควโต ปญฺญํ ปสํสโนฺต ‘‘ปญฺญํ อิมํ ปสฺสา’’ติ อิมํ คาถมาหฯ

    Tathā katakicco panāyaṃ mahāthero pubbe dīgharattaṃ attano kaṅkhāpakatacittataṃ idāni sabbaso vigatakaṅkhatañca paccavekkhitvā ‘‘aho nūna mayhaṃ satthuno desanānubhāvo, tenetarahi evaṃ vigatakaṅkho ajjhattaṃ vūpasantacitto jāto’’ti sañjātabahumāno bhagavato paññaṃ pasaṃsanto ‘‘paññaṃ imaṃ passā’’ti imaṃ gāthamāha.

    . ตตฺถ ปญฺญนฺติ ปกาเร ชานาติ, ปกาเรหิ ญาเปตีติ จ ปญฺญาฯ เวเนยฺยานํ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิปฺปกาเร ธมฺมานํ กุสลาทิเก ขนฺธาทิเก จ เทเสตพฺพปฺปกาเร ชานาติ, ยถาสภาวโต ปฎิวิชฺฌติ, เตหิ จ ปกาเรหิ ญาเปตีติ อโตฺถฯ สตฺถุ เทสนาญาณญฺหิ อิธาธิเปฺปตํ, เตนาห ‘‘อิม’’นฺติฯ ตญฺหิ อตฺตนิ สิเทฺธน เทสนาพเลน นยคฺคาหโต ปจฺจกฺขํ วิย อุปฎฺฐิตํ คเหตฺวา ‘‘อิม’’นฺติ วุตฺตํฯ ยทเคฺคน วา สตฺถุ เทสนาญาณํ สาวเกหิ นยโต คยฺหติ, ตทเคฺคน อตฺตโน วิสเย ปฎิเวธญาณมฺปิ นยโต คยฺหเตวฯ เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ – ‘‘อปิจ เม, ภเนฺต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖; ๓.๑๔๓)ฯ ปสฺสาติ วิมฺหยปฺปโตฺต อนิยมโต อาลปติ อตฺตโนเยว วา จิตฺตํ, ยถาห ภควา อุทาเนโนฺต – ‘‘โลกมิมํ ปสฺส; ปุถู อวิชฺชาย ปเรตํ ภูตํ ภูตรตํ ภวา อปริมุตฺต’’นฺติ (อุทา. ๓๐)ฯ ตถาคตานนฺติ ตถา อาคมนาทิอเตฺถน ตถาคตานํฯ ตถา อาคโตติ หิ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโตติ เอวํ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตฯ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต, ตเถหิ อาคโตติ ตถาคโต , ตถา คตภาเวน ตถาคโตติ เอวมฺปิ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยา อุทานฎฺฐกถาย (อุทา. อฎฺฐ. ๑๘) อิติวุตฺตกฎฺฐกถาย (อิติวุ. อฎฺฐ. ๓๘) จ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    3. Tattha paññanti pakāre jānāti, pakārehi ñāpetīti ca paññā. Veneyyānaṃ āsayānusayacariyādhimuttiādippakāre dhammānaṃ kusalādike khandhādike ca desetabbappakāre jānāti, yathāsabhāvato paṭivijjhati, tehi ca pakārehi ñāpetīti attho. Satthu desanāñāṇañhi idhādhippetaṃ, tenāha ‘‘ima’’nti. Tañhi attani siddhena desanābalena nayaggāhato paccakkhaṃ viya upaṭṭhitaṃ gahetvā ‘‘ima’’nti vuttaṃ. Yadaggena vā satthu desanāñāṇaṃ sāvakehi nayato gayhati, tadaggena attano visaye paṭivedhañāṇampi nayato gayhateva. Tenāha āyasmā dhammasenāpati – ‘‘apica me, bhante, dhammanvayo vidito’’ti (dī. ni. 2.146; 3.143). Passāti vimhayappatto aniyamato ālapati attanoyeva vā cittaṃ, yathāha bhagavā udānento – ‘‘lokamimaṃ passa; puthū avijjāya paretaṃ bhūtaṃ bhūtarataṃ bhavā aparimutta’’nti (udā. 30). Tathāgatānanti tathā āgamanādiatthena tathāgatānaṃ. Tathā āgatoti hi tathāgato, tathā gatoti tathāgato, tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato, tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato, tathadassitāya tathāgato, tathavāditāya tathāgato, tathākāritāya tathāgato, abhibhavanaṭṭhena tathāgatoti evaṃ aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgato. Tathāya āgatoti tathāgato, tathāya gatoti tathāgato, tathalakkhaṇaṃ gatoti tathāgato, tathāni āgatoti tathāgato, tathāvidhoti tathāgato, tathā pavattitoti tathāgato, tathehi āgatoti tathāgato , tathā gatabhāvena tathāgatoti evampi aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgatoti ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana paramatthadīpaniyā udānaṭṭhakathāya (udā. aṭṭha. 18) itivuttakaṭṭhakathāya (itivu. aṭṭha. 38) ca vuttanayeneva veditabbo.

    อิทานิ ตสฺสา ปญฺญาย อสาธารณวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘อคฺคิ ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยถา อคฺคีติ อุปมาวจนํฯ ยถาติ ตสฺส อุปมาภาวทสฺสนํฯ ปชฺชลิโตติ อุปเมเยฺยน สมฺพนฺธทสฺสนํฯ นิสีเถติ กิจฺจกรณกาลทสฺสนํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยถา นาม นิสีเถ รตฺติยํ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร วตฺตมาเน อุนฺนเต ฐาเน ปชฺชลิโต อคฺคิ ตสฺมิํ ปเทเส ตยคตํ วิธมนฺตํ ติฎฺฐติ, เอวเมว ตถาคตานํ อิมํ เทสนาญาณสงฺขาตํ สพฺพโส เวเนยฺยานํ สํสยตมํ วิธมนฺตํ ปญฺญํ ปสฺสาติฯ ยโต เทสนาวิลาเสน สตฺตานํ ญาณมยํ อาโลกํ เทนฺตีติ อาโลกทาฯ ปญฺญามยเมว จกฺขุํ ททนฺตีติ จกฺขุททาฯ ตทุภยมฺปิ กงฺขาวินยปทฎฺฐานเมว กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘เย อาคตานํ วินยนฺติ กงฺข’’นฺติ อาห, เย ตถาคตา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ อุปคตานํ เวเนยฺยานํ ‘‘อโหสิํ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสวตฺถุกํ, ‘‘พุเทฺธ กงฺขติ ธเมฺม กงฺขตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ธ. ส. ๑๐๐๘) อฎฺฐวตฺถุกญฺจ กงฺขํ วิจิกิจฺฉํ วินยนฺติ เทสนานุภาเวน อนวเสสโต วิธมนฺติ วิทฺธํเสนฺติฯ วินยกุกฺกุจฺจสงฺขาตา ปน กงฺขา ตพฺพินเยเนว วินีตา โหนฺตีติฯ

    Idāni tassā paññāya asādhāraṇavisesaṃ dassetuṃ ‘‘aggi yathā’’tiādi vuttaṃ. Yathā aggīti upamāvacanaṃ. Yathāti tassa upamābhāvadassanaṃ. Pajjalitoti upameyyena sambandhadassanaṃ. Nisītheti kiccakaraṇakāladassanaṃ. Ayañhettha attho – yathā nāma nisīthe rattiyaṃ caturaṅgasamannāgate andhakāre vattamāne unnate ṭhāne pajjalito aggi tasmiṃ padese tayagataṃ vidhamantaṃ tiṭṭhati, evameva tathāgatānaṃ imaṃ desanāñāṇasaṅkhātaṃ sabbaso veneyyānaṃ saṃsayatamaṃ vidhamantaṃ paññaṃ passāti. Yato desanāvilāsena sattānaṃ ñāṇamayaṃ ālokaṃ dentīti ālokadā. Paññāmayameva cakkhuṃ dadantīti cakkhudadā. Tadubhayampi kaṅkhāvinayapadaṭṭhānameva katvā dassento ‘‘ye āgatānaṃ vinayanti kaṅkha’’nti āha, ye tathāgatā attano santikaṃ āgatānaṃ upagatānaṃ veneyyānaṃ ‘‘ahosiṃ nu kho ahamatītamaddhāna’’ntiādinayappavattaṃ (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20) soḷasavatthukaṃ, ‘‘buddhe kaṅkhati dhamme kaṅkhatī’’tiādinayappavattaṃ (dha. sa. 1008) aṭṭhavatthukañca kaṅkhaṃ vicikicchaṃ vinayanti desanānubhāvena anavasesato vidhamanti viddhaṃsenti. Vinayakukkuccasaṅkhātā pana kaṅkhā tabbinayeneva vinītā hontīti.

    อปโร นโย – ยถา อคฺคิ นิสีเถ รตฺติภาเค ปชฺชลิโต ปฎุตรชาโล สมุชฺชลํ อุจฺจาสเน ฐิตานํ โอภาสทานมเตฺตน อนฺธการํ วิธมิตฺวา สมวิสมํ วิภาเวโนฺต อาโลกทโท โหติฯ อจฺจาสเนฺน ปน ฐิตานํ ตํ สุปากฎํ กโรโนฺต จกฺขุกิจฺจกรณโต จกฺขุทโท นาม โหติ, เอวเมว ตถาคโต อตฺตโน ธมฺมกายสฺส ทูเร ฐิตานํ อกตาธิการานํ ปญฺญาปโชฺชเตน โมหนฺธการํ วิธมิตฺวา กายวิสมาทิสมวิสมํ วิภาเวโนฺต อาโลกทา ภวนฺติ, อาสเนฺน ฐิตานํ ปน กตาธิการานํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปาเทโนฺต จกฺขุททา ภวนฺติฯ เย เอวํภูตา อตฺตโน วจีโคจรํ อาคตานํ มาทิสานมฺปิ กงฺขาพหุลานํ กงฺขํ วินยนฺติ อริยมคฺคสมุปฺปาทเนน วิธมนฺติ, เตสํ ตถาคตานํ ปญฺญํ ญาณาติสยํ ปสฺสาติ โยชนาฯ เอวมยํ เถรสฺส อตฺตโน กงฺขาวิตรณปฺปกาสเนน อญฺญาพฺยากรณคาถาปิ โหติฯ อยญฺหิ เถโร ปุถุชฺชนกาเล กปฺปิเยปิ กุกฺกุจฺจโก หุตฺวา กงฺขาพหุลตาย ‘‘กงฺขาเรวโต’’ติ ปญฺญาโต, ปจฺฉา ขีณาสวกาเลปิ ตเถว โวหรยิตฺถฯ เตนาห – ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา กงฺขาเรวโต คาถํ อภาสิตฺถา’’ติฯ ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ

    Aparo nayo – yathā aggi nisīthe rattibhāge pajjalito paṭutarajālo samujjalaṃ uccāsane ṭhitānaṃ obhāsadānamattena andhakāraṃ vidhamitvā samavisamaṃ vibhāvento ālokadado hoti. Accāsanne pana ṭhitānaṃ taṃ supākaṭaṃ karonto cakkhukiccakaraṇato cakkhudado nāma hoti, evameva tathāgato attano dhammakāyassa dūre ṭhitānaṃ akatādhikārānaṃ paññāpajjotena mohandhakāraṃ vidhamitvā kāyavisamādisamavisamaṃ vibhāvento ālokadā bhavanti, āsanne ṭhitānaṃ pana katādhikārānaṃ dhammacakkhuṃ uppādento cakkhudadā bhavanti. Ye evaṃbhūtā attano vacīgocaraṃ āgatānaṃ mādisānampi kaṅkhābahulānaṃ kaṅkhaṃ vinayanti ariyamaggasamuppādanena vidhamanti, tesaṃ tathāgatānaṃ paññaṃ ñāṇātisayaṃ passāti yojanā. Evamayaṃ therassa attano kaṅkhāvitaraṇappakāsanena aññābyākaraṇagāthāpi hoti. Ayañhi thero puthujjanakāle kappiyepi kukkuccako hutvā kaṅkhābahulatāya ‘‘kaṅkhārevato’’ti paññāto, pacchā khīṇāsavakālepi tatheva voharayittha. Tenāha – ‘‘itthaṃ sudaṃ āyasmā kaṅkhārevato gāthaṃ abhāsitthā’’ti. Taṃ vuttatthameva.

    กงฺขาเรวตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kaṅkhārevatattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. กงฺขาเรวตเตฺถรคาถา • 3. Kaṅkhārevatattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact