Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๙๐
The Middle-Length Suttas Collection 90
กณฺณกตฺถลสุตฺต
At Kaṇṇakatthala
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา อุรุญฺญายํ วิหรติ กณฺณกตฺถเล มิคทาเยฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Ujuñña, in the deer park at Kaṇṇakatthala.
เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล อุรุญฺญํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อญฺญตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ: “เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ: ‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี'ติ; เอวญฺจ วเทหิ: ‘อชฺช กิร, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี'”ติฯ
Now at that time King Pasenadi of Kosala had arrived at Ujuñña on some business. Then he addressed a man, “Please, mister, go to the Buddha, and in my name bow with your head to his feet. Ask him if he is healthy and well, nimble, strong, and living comfortably. And then say: ‘Sir, King Pasenadi of Kosala will come to see you today when he has finished breakfast.’”
“เอวํ, เทวา”ติ โข โส ปุริโส รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวญฺจ วเทติ: ‘อชฺช กิร, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี'”ติฯ
“Yes, Your Majesty,” that man replied. He did as the king asked.
อโสฺสสุํ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี: “อชฺช กิร ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี”ติฯ อถ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ: “เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ: ‘โสมา จ, ภนฺเต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี'”ติฯ
The sisters Somā and Sakulā heard this. While the meal was being served, they approached the king and said, “Great king, since you are going to the Buddha, please bow in our name with your head to his feet. Ask him if he is healthy and well, nimble, strong, and living comfortably.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “โสมา จ, ภนฺเต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี”ติฯ
When he had finished breakfast, King Pasenadi went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him, “Sir, the sisters Somā and Sakulā bow with their heads to your feet. They ask if you are healthy and well, nimble, strong, and living comfortably.”
“กึ ปน, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี อญฺญํ ทูตํ นาลตฺถุนฺ”ติ?
“But, great king, couldn’t they get any other messenger?”
“อโสฺสสุํ โข, ภนฺเต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี: ‘อชฺช กิร ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี'ติฯ อถ โข, ภนฺเต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี มํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ: ‘เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ—โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี'”ติฯ “สุขินิโย โหนฺตุ ตา, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี”ติฯ
So Pasenadi explained the circumstances of the message. The Buddha said, “May the sisters Somā and Sakulā be happy, great king.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “สุตํ เมตํ, ภนฺเต, สมโณ โคตโม เอวมาห: ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี'ติฯ เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ: ‘สมโณ โคตโม เอวมาห—นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี'ติ; กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี”ติ?
Then the king said to the Buddha, “I have heard, sir, that the ascetic Gotama says this: ‘There is no ascetic or brahmin who will claim to be all-knowing and all-seeing, to know and see everything without exception: that is not possible.’ Do those who say this repeat what the Buddha has said, and not misrepresent him with an untruth? Is their explanation in line with the teaching? Are there any legitimate grounds for rebuke and criticism?”
“เย เต, มหาราช, เอวมาหํสุ: ‘สมโณ โคตโม เอวมาห—นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี'ติ; น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ เต อสตา อภูเตนา”ติฯ
“Great king, those who say this do not repeat what I have said. They misrepresent me with what is false and untrue.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล วิฏฏูภํ เสนาปตึ อามนฺเตสิ: “โก นุ โข, เสนาปติ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชนฺเตปุเร อพฺภุทาหาสี”ติ?
Then King Pasenadi addressed General Viḍūḍabha, “General, who introduced this topic of discussion to the royal compound?”
“สญฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต”ติฯ
“It was Sañjaya, great king, the brahmin of the Ākāsa clan.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อญฺญตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ: “เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, มม วจเนน สญฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ อามนฺเตหิ: ‘ราชา ตํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อามนฺเตตี'”ติฯ
Then the king addressed a man, “Please, mister, in my name tell Sañjaya that King Pasenadi summons him.”
“เอวํ, เทวา”ติ โข โส ปุริโส รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน สญฺชโย พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สญฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ: “ราชา ตํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อามนฺเตตี”ติฯ
“Yes, Your Majesty,” that man replied. He did as the king asked.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “สิยา นุ โข, ภนฺเต, ภควตา อญฺญเทว กิญฺจิ สนฺธาย ภาสิตํ, ตญฺจ ชโน อญฺญถาปิ ปจฺจาคจฺเฉยฺยฯ ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, ภควา อภิชานาติ วาจํ ภาสิตา”ติ?
Then the king said to the Buddha, “Sir, might the Buddha have spoken in reference to one thing, but that person believed it was something else? How then do you recall making this statement?”
“เอวํ โข อหํ, มหาราช, อภิชานามิ วาจํ ภาสิตา: ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สกิเทว สพฺพํ ญสฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี'”ติฯ
“Great king, I recall making this statement: ‘There is no ascetic or brahmin who knows all and sees all simultaneously: that is not possible.’”
“เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห: ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สกิเทว สพฺพํ ญสฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี'ติฯ
“What the Buddha says appears reasonable.
จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา—ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ อิเมสํ นุ โข, ภนฺเต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณนฺ”ติ?
Sir, there are these four classes: aristocrats, brahmins, peasants, and menials. Is there any difference between them?”
“จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา—ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ อิเมสํ โข, มหาราช, จตุนฺนํ วณฺณานํ เทฺว วณฺณา อคฺคมกฺขายนฺติ—ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ—ยทิทํ อภิวาทนปจฺจุฏฺฐานอญฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมานี”ติฯ
“Of the four classes, two are said to be preeminent—the aristocrats and the brahmins. That is, when it comes to bowing down, rising up, greeting with joined palms, and observing proper etiquette.”
“นาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทิฏฺฐธมฺมิกํ ปุจฺฉามิ; สมฺปรายิกาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปุจฺฉามิฯ จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา—ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ อิเมสํ นุ โข, ภนฺเต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณนฺ”ติ?
“Sir, I am not asking you about the present life, but about the life to come.”
“ปญฺจิมานิ, มหาราช, ปธานิยงฺคานิฯ กตมานิ ปญฺจ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติ; อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโฐ โหติ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิญฺญูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา—อิมานิ โข, มหาราช, ปญฺจ ปธานิยงฺคานิฯ จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา—ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ เต จสฺสุ อิเมหิ ปญฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา; เอตฺถ ปน เนสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา”ติฯ
“Great king, there are these five factors that support meditation. What five? It’s when a bhikkhu has faith in the Realized One’s awakening: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ They are rarely ill or unwell. Their stomach digests well, being neither too hot nor too cold, but just right, and fit for meditation. They’re not devious or deceitful. They reveal themselves honestly to the Teacher or sensible spiritual companions. They live with energy roused up for giving up unskillful qualities and embracing skillful qualities. They’re strong, staunchly vigorous, not slacking off when it comes to developing skillful qualities. They’re wise. They have the wisdom of arising and passing away which is noble, penetrative, and leads to the complete ending of suffering. These are the five factors that support meditation. There are these four classes: aristocrats, brahmins, peasants, and menials. If they had these five factors that support meditation, that would be for their lasting welfare and happiness.”
“จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา—ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ เต จสฺสุ อิเมหิ ปญฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณนฺ”ติ?
“Sir, there are these four classes: aristocrats, brahmins, peasants, and menials. If they had these five factors that support meditation, would there be any difference between them?”
“เอตฺถ โข เนสาหํ, มหาราช, ปธานเวมตฺตตํ วทามิฯ เสยฺยถาปิสฺสุ, มหาราช, เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตาฯ ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, เย เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, อปิ นุ เต ทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, ทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุนฺ”ติ?
“In that case, I say it is the diversity of their efforts in meditation. Suppose there was a pair of elephants or horses or oxen in training who were well tamed and well trained. And there was a pair who were not tamed or trained. What do you think, great king? Wouldn’t the pair that was well tamed and well trained perform the tasks of the tamed, and reach the level of the tamed?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.”
“เย ปน เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา, อปิ นุ เต อทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, อทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุํ, เสยฺยถาปิ เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา”ติ?
“But would the pair that was not tamed and trained perform the tasks of the tamed and reach the level of the tamed, just like the tamed pair?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ สทฺเธน ปตฺตพฺพํ อปฺปาพาเธน อสเฐน อมายาวินา อารทฺธวีริเยน ปญฺญวตา, ตํ วต อสฺสทฺโธ พหฺวาพาโธ สโฐ มายาวี กุสีโต ทุปฺปญฺโญ ปาปุณิสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชตี”ติฯ
“In the same way, there are things that must be attained by someone with faith, health, integrity, energy, and wisdom. It’s not possible for a faithless, unhealthy, deceitful, lazy, witless person to attain them.”
“เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาหฯ จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา—ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ เต จสฺสุ อิเมหิ ปญฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา เต จสฺสุ สมฺมปฺปธานา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณนฺ”ติ?
“What the Buddha says appears reasonable. Sir, there are these four classes: aristocrats, brahmins, peasants, and workers. If they had these five factors that support meditation, and if they practiced rightly, would there be any difference between them?”
“เอตฺถ โข เนสาหํ, มหาราช, น กิญฺจิ นานากรณํ วทามิ—ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺตึฯ เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส สุกฺขํ สากกฏฺฐํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ สาลกฏฺฐํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อมฺพกฏฺฐํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อุทุมฺพรกฏฺฐํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยฯ ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, สิยา นุ โข เตสํ อคฺคีนํ นานาทารุโต อภินิพฺพตฺตานํ กิญฺจิ นานากรณํ อจฺจิยา วา อจฺจึ, วณฺเณน วา วณฺณํ, อาภาย วา อาภนฺ”ติ?
“In that case, I say that there is no difference between the freedom of one and the freedom of the other. Suppose a person took dry teak wood and lit a fire and produced heat. Then another person did the same using sāl wood, another used mango wood, while another used wood of the cluster fig. What do you think, great king? Would there be any difference between the fires produced by these different kinds of wood, that is, in the flame, color, or light?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ เตชํ วีริยา นิมฺมถิตํ ปธานาภินิพฺพตฺตํ, นาหํ ตตฺถ กิญฺจิ นานากรณํ วทามิ—ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺตินฺ”ติฯ
“In the same way, when fire has been kindled by energy and produced by effort, I say that there is no difference between the freedom of one and the freedom of the other.”
“เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาหฯ กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ เทวา”ติ?
“What the Buddha says appears reasonable. But sir, do gods survive?”
“กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ: ‘กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ เทวา'”ติ?
“But what exactly are you asking?”
“ยทิ วา เต, ภนฺเต, เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ ยทิ วา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ”?
“Whether those gods come back to this state of existence or not.”
“เย เต, มหาราช, เทวา สพฺยาพชฺฌา เต เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา เต เทวา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตนฺ”ติฯ
“Those gods who are subject to affliction come back to this state of existence, but those free of affliction do not come back.”
เอวํ วุตฺเต, วิฏฏูโภ เสนาปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “เย เต, ภนฺเต, เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ตมฺหา ฐานา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา”ติ?
When he said this, General Viḍūḍabha said to the Buddha, “Sir, will the gods subject to affliction topple or expel from their place the gods who are free of affliction?”
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ: “อยํ โข วิฏฏูโภ เสนาปติ รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปุตฺโต; อหํ ภควโต ปุตฺโตฯ อยํ โข กาโล ยํ ปุตฺโต ปุตฺเตน มนฺเตยฺยา”ติฯ อถ โข อายสฺมา อานนฺโท วิฏฏูภํ เสนาปตึ อามนฺเตสิ: “เตน หิ, เสนาปติ, ตญฺเญเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กึ มญฺญสิ, เสนาปติ, ยาวตา รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา”ติ?
Then Venerable Ānanda thought, “This General Viḍūḍabha is King Pasenadi’s son, and I am the Buddha’s son. Now is the time for one son to confer with another.” So Ānanda addressed General Viḍūḍabha, “Well then, general, I’ll ask you about this in return, and you can answer as you like. What do you think, general? As far as the dominion of King Pasenadi of Kosala extends, where he rules as sovereign lord, can he topple or expel from that place any ascetic or brahmin, regardless of whether they are good or bad, or whether or not they are genuine spiritual practitioners?”
“ยาวตา, โภ, รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา”ติฯ
“He can, mister.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, เสนาปติ, ยาวตา รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ตตฺถ ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา”ติ?
“What do you think, general? As far as the dominion of King Pasenadi does not extend, where he does not rule as sovereign lord, can he topple or expel from that place any ascetic or brahmin, regardless of whether they are good or bad, or whether or not they are genuine spiritual practitioners?”
“ยาวตา, โภ, รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, น ตตฺถ ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา”ติฯ
“He cannot, mister.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, เสนาปติ, สุตา เต เทวา ตาวตึสา”ติ?
“What do you think, general? Have you heard of the gods of the Thirty-Three?”
“เอวํ, โภฯ สุตา เม เทวา ตาวตึสาฯ อิธาปิ โภตา รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน สุตา เทวา ตาวตึสา”ติฯ
“Yes, mister, I’ve heard of them, and so has the good King Pasenadi.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, เสนาปติ, ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวตึเส ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา”ติ?
“What do you think, general? Can King Pasenadi topple or expel from their place the gods of the Thirty-Three?”
“ทสฺสนมฺปิ, โภ, ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวตึเส นปฺปโหติ, กุโต ปน ตมฺหา ฐานา จาเวสฺสติ วา ปพฺพาเชสฺสติ วา”ติ?
“King Pasenadi can’t even see the gods of the Thirty-Three, so how could he possibly topple or expel them from their place?”
“เอวเมว โข, เสนาปติ, เย เต เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺติ; กุโต ปน ตมฺหา ฐานา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา”ติ?
“In the same way, general, the gods subject to affliction can’t even see the gods who are free of affliction, so how could they possibly topple or expel them from their place?”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “โกนาโม อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขู”ติ?
Then the king said to the Buddha, “Sir, what is this bhikkhu’s name?”
“อานนฺโท นาม, มหาราชา”ติฯ
“Ānanda, great king.”
“อานนฺโท วต โภ, อานนฺทรูโป วต โภฯ เหตุรูปํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท อาหฯ กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ พฺรหฺมา”ติ?
“A joy he is, and a joy he seems! What Venerable Ānanda says seems reasonable. But sir, does Brahmā survive?”
“กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ: ‘กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ พฺรหฺมา'”ติ?
“But what exactly are you asking?”
“ยทิ วา โส, ภนฺเต, พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, ยทิ วา อนาคนฺตา อิตฺถตฺตนฺ”ติ?
“Whether that Brahmā comes back to this state of existence or not.”
“โย โส, มหาราช, พฺรหฺมา สพฺยาพชฺโฌ โส พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, โย โส พฺรหฺมา อพฺยาพชฺโฌ โส พฺรหฺมา อนาคนฺตา อิตฺถตฺตนฺ”ติฯ
“Any Brahmā who is subject to affliction comes back to this state of existence, but those free of affliction do not come back.”
อถ โข อญฺญตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ: “สญฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต อาคโต”ติฯ
Then a certain man said to the king, “Great king, Sañjaya, the brahmin of the Ākāsa clan, has come.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล สญฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ: “โก นุ โข, พฺราหฺมณ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชนฺเตปุเร อพฺภุทาหาสี”ติ?
Then King Pasenadi asked Sañjaya, “Brahmin, who introduced this topic of discussion to the royal compound?”
“วิฏฏูโภ, มหาราช, เสนาปตี”ติฯ
“It was General Viḍūḍabha, great king.”
วิฏฏูโภ เสนาปติ เอวมาห: “สญฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต”ติฯ
But Viḍūḍabha said, “It was Sañjaya, great king, the brahmin of the Ākāsa clan.”
อถ โข อญฺญตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ: “ยานกาโล, มหาราชา”ติฯ
Then a certain man said to the king, “It’s time to depart, great king.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “สพฺพญฺญุตํ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, สพฺพญฺญุตํ ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ จาตุวณฺณิสุทฺธึ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, จาตุวณฺณิสุทฺธึ ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ อธิเทเว มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิเทเว ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ อธิพฺรหฺมานํ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิพฺรหฺมานํ ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ ยํ ยเทว จ มยํ ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา ตํ ตเทว ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ หนฺท จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา”ติฯ
So the king said to the Buddha, “Sir, I asked you about omniscience, and you answered. I like and accept this, and am satisfied with it. I asked you about the four classes, about the gods, and about Brahmā, and you answered in each case. Whatever I asked the Buddha about, he answered. I like and accept this, and am satisfied with it. Well, now, sir, I must go. I have many duties, and much to do.”
“ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มญฺญสี”ติฯ
“Please, great king, go at your convenience.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติฯ
Then King Pasenadi approved and agreed with what the Buddha said. Then he got up from his seat, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on his right, before leaving.
กณฺณกตฺถลสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ทสมํฯ
ราชวคฺโค นิฏฺฐิโต จตุตฺโถฯ
ตสฺสุทฺทานํ
ฆฏิกาโร รฏฺฐปาโล, มฆเทโว มธุริยํ; โพธิ องฺคุลิมาโล จ, ปิยชาตํ พาหิติกํ; ธมฺมเจติยสุตฺตญฺจ, ทสมํ กณฺณกตฺถลํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]