Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตํ
10. Kaṇṇakatthalasuttaṃ
๓๗๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุญฺญายํ 1 วิหรติ กณฺณกตฺถเล มิคทาเยฯ เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล อุรุญฺญํ อนุปฺปโตฺต โหติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘ราชา, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติฯ เอวญฺจ วเทหิ – ‘อชฺช กิร, ภเนฺต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ปุริโส ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวญฺจ วเทติ – ‘อชฺช กิร ภเนฺต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติฯ อโสฺสสุํ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี – ‘‘อชฺช กิร ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติฯ อถ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘โสมา จ, ภเนฺต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’’ติฯ
375. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā uruññāyaṃ 2 viharati kaṇṇakatthale migadāye. Tena kho pana samayena rājā pasenadi kosalo uruññaṃ anuppatto hoti kenacideva karaṇīyena. Atha kho rājā pasenadi kosalo aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, ambho purisa, yena bhagavā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ puccha – ‘rājā, bhante, pasenadi kosalo bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’ti. Evañca vadehi – ‘ajja kira, bhante, rājā pasenadi kosalo pacchābhattaṃ bhuttapātarāso bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho so puriso rañño pasenadissa kosalassa paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so puriso bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘rājā, bhante, pasenadi kosalo bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchati; evañca vadeti – ‘ajja kira bhante, rājā pasenadi kosalo pacchābhattaṃ bhuttapātarāso bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’’ti. Assosuṃ kho somā ca bhaginī sakulā ca bhaginī – ‘‘ajja kira rājā pasenadi kosalo pacchābhattaṃ bhuttapātarāso bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’’ti. Atha kho somā ca bhaginī sakulā ca bhaginī rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ bhattābhihāre upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘‘tena hi, mahārāja, amhākampi vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ puccha – ‘somā ca, bhante, bhaginī sakulā ca bhaginī bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’’’ti.
๓๗๖. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โสมา จ, ภเนฺต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ 3, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’ติ 4ฯ ‘‘กิํ ปน, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี อญฺญํ ทูตํ นาลตฺถุ’’นฺติ? ‘‘อโสฺสสุํ โข, ภเนฺต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี – ‘อชฺช กิร ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี มํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’’ติฯ ‘‘สุขินิโย โหนฺตุ ตา, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี’’ติฯ
376. Atha kho rājā pasenadi kosalo pacchābhattaṃ bhuttapātarāso yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘somā ca, bhante, bhaginī sakulā ca bhaginī bhagavato pāde sirasā vandati 5, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’’ti 6. ‘‘Kiṃ pana, mahārāja, somā ca bhaginī sakulā ca bhaginī aññaṃ dūtaṃ nālatthu’’nti? ‘‘Assosuṃ kho, bhante, somā ca bhaginī sakulā ca bhaginī – ‘ajja kira rājā pasenadi kosalo pacchābhattaṃ bhuttapātarāso bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamissatī’ti. Atha kho, bhante, somā ca bhaginī sakulā ca bhaginī maṃ bhattābhihāre upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘tena hi, mahārāja, amhākampi vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ puccha – somā ca bhaginī sakulā ca bhaginī bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’’’ti. ‘‘Sukhiniyo hontu tā, mahārāja, somā ca bhaginī sakulā ca bhaginī’’ti.
๓๗๗. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฎิชานิสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติฯ เย เต, ภเนฺต, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห – นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฎิชานิสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ; กจฺจิ เต, ภเนฺต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘เย เต, มหาราช, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห – นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพญฺญู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ ญาณทสฺสนํ ปฎิชานิสฺสติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ; น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ เต อสตา อภูเตนา’’ติฯ
377. Atha kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante, samaṇo gotamo evamāha – ‘natthi so samaṇo vā brāhmaṇo vā yo sabbaññū sabbadassāvī aparisesaṃ ñāṇadassanaṃ paṭijānissati, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti. Ye te, bhante, evamāhaṃsu – ‘samaṇo gotamo evamāha – natthi so samaṇo vā brāhmaṇo vā yo sabbaññū sabbadassāvī aparisesaṃ ñāṇadassanaṃ paṭijānissati, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti; kacci te, bhante, bhagavato vuttavādino, na ca bhagavantaṃ abhūtena abbhācikkhanti, dhammassa cānudhammaṃ byākaronti, na ca koci sahadhammiko vādānuvādo gārayhaṃ ṭhānaṃ āgacchatī’’ti? ‘‘Ye te, mahārāja, evamāhaṃsu – ‘samaṇo gotamo evamāha – natthi so samaṇo vā brāhmaṇo vā yo sabbaññū sabbadassāvī aparisesaṃ ñāṇadassanaṃ paṭijānissati, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti; na me te vuttavādino, abbhācikkhanti ca pana maṃ te asatā abhūtenā’’ti.
๓๗๘. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล วิฎฎูภํ เสนาปติํ อามเนฺตสิ – ‘‘โก นุ โข, เสนาปติ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชเนฺตปุเร อพฺภุทาหาสี’’ติ? ‘‘สญฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคโตฺต’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ , อโมฺภ ปุริส, มม วจเนน สญฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ อามเนฺตหิ – ‘ราชา ตํ, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน สญฺชโย พฺราหฺมโณ อากาสโคโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สญฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา ตํ, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล อามเนฺตตี’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สิยา นุ โข, ภเนฺต, ภควตา อญฺญเทว กิญฺจิ สนฺธาย ภาสิตํ, ตญฺจ ชโน อญฺญถาปิ ปจฺจาคเจฺฉยฺย 7ฯ ยถา กถํ ปน, ภเนฺต, ภควา อภิชานาติ วาจํ ภาสิตา’’ติ? ‘‘เอวํ โข อหํ, มหาราช, อภิชานามิ วาจํ ภาสิตา – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สกิเทว สพฺพํ ญสฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’’ติฯ ‘‘เหตุรูปํ, ภเนฺต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภเนฺต, ภควา อาห – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สกิเทว สพฺพํ ญสฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’’ติฯ ‘‘จตฺตาโรเม, ภเนฺต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ อิเมสํ นุ โข, ภเนฺต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ อิเมสํ โข, มหาราช, จตุนฺนํ วณฺณานํ เทฺว วณฺณา อคฺคมกฺขายนฺติ – ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ – ยทิทํ อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานอญฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมานี’’ติ 8ฯ ‘‘นาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ ปุจฺฉามิ; สมฺปรายิกาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ปุจฺฉามิฯ จตฺตาโรเม, ภเนฺต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ อิเมสํ นุ โข, ภเนฺต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ?
378. Atha kho rājā pasenadi kosalo viṭaṭūbhaṃ senāpatiṃ āmantesi – ‘‘ko nu kho, senāpati, imaṃ kathāvatthuṃ rājantepure abbhudāhāsī’’ti? ‘‘Sañjayo, mahārāja, brāhmaṇo ākāsagotto’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ , ambho purisa, mama vacanena sañjayaṃ brāhmaṇaṃ ākāsagottaṃ āmantehi – ‘rājā taṃ, bhante, pasenadi kosalo āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho so puriso rañño pasenadissa kosalassa paṭissutvā yena sañjayo brāhmaṇo ākāsagotto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā sañjayaṃ brāhmaṇaṃ ākāsagottaṃ etadavoca – ‘‘rājā taṃ, bhante, pasenadi kosalo āmantetī’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘siyā nu kho, bhante, bhagavatā aññadeva kiñci sandhāya bhāsitaṃ, tañca jano aññathāpi paccāgaccheyya 9. Yathā kathaṃ pana, bhante, bhagavā abhijānāti vācaṃ bhāsitā’’ti? ‘‘Evaṃ kho ahaṃ, mahārāja, abhijānāmi vācaṃ bhāsitā – ‘natthi so samaṇo vā brāhmaṇo vā yo sakideva sabbaṃ ñassati, sabbaṃ dakkhiti, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’’ti. ‘‘Heturūpaṃ, bhante, bhagavā āha; saheturūpaṃ, bhante, bhagavā āha – ‘natthi so samaṇo vā brāhmaṇo vā yo sakideva sabbaṃ ñassati, sabbaṃ dakkhiti, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’’ti. ‘‘Cattārome, bhante, vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā, suddā. Imesaṃ nu kho, bhante, catunnaṃ vaṇṇānaṃ siyā viseso siyā nānākaraṇa’’nti? ‘‘Cattārome, mahārāja, vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā, suddā. Imesaṃ kho, mahārāja, catunnaṃ vaṇṇānaṃ dve vaṇṇā aggamakkhāyanti – khattiyā ca brāhmaṇā ca – yadidaṃ abhivādanapaccuṭṭhānaañjalikammasāmīcikammānī’’ti 10. ‘‘Nāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ diṭṭhadhammikaṃ pucchāmi; samparāyikāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ pucchāmi. Cattārome, bhante, vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā, suddā. Imesaṃ nu kho, bhante, catunnaṃ vaṇṇānaṃ siyā viseso siyā nānākaraṇa’’nti?
๓๗๙. ‘‘ปญฺจิมานิ, มหาราช, ปธานิยงฺคานิฯ กตมานิ ปญฺจ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สโทฺธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธิํ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติ; อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตโงฺก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโฐ โหติ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิญฺญูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุ; ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิเพฺพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา – อิมานิ โข, มหาราช, ปญฺจ ปธานิยงฺคานิฯ จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทาฯ เต จสฺสุ อิเมหิ ปญฺจหิ ปธานิยเงฺคหิ สมนฺนาคตา ; เอตฺถ ปน เนสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ ‘‘จตฺตาโรเม, ภเนฺต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา ฯ เต จสฺสุ อิเมหิ ปญฺจหิ ปธานิยเงฺคหิ สมนฺนาคตา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภเนฺต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข เนสาหํ, มหาราช, ปธานเวมตฺตตํ วทามิฯ เสยฺยถาปิสฺสุ, มหาราช, เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตาฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, เย เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, อปิ นุ เต ทนฺตาว ทนฺตการณํ คเจฺฉยฺยุํ, ทนฺตาว ทนฺตภูมิํ สมฺปาปุเณยฺยุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เย ปน เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา, อปิ นุ เต อทนฺตาว ทนฺตการณํ คเจฺฉยฺยุํ, อทนฺตาว ทนฺตภูมิํ สมฺปาปุเณยฺยุํ, เสยฺยถาปิ เต เทฺว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ สเทฺธน ปตฺตพฺพํ อปฺปาพาเธน อสเฐน อมายาวินา อารทฺธวีริเยน ปญฺญวตา ตํ วต 11 อสฺสโทฺธ พหฺวาพาโธ สโฐ มายาวี กุสีโต ทุปฺปโญฺญ ปาปุณิสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ
379. ‘‘Pañcimāni, mahārāja, padhāniyaṅgāni. Katamāni pañca? Idha, mahārāja, bhikkhu saddho hoti, saddahati tathāgatassa bodhiṃ – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti; appābādho hoti appātaṅko samavepākiniyā gahaṇiyā samannāgato nātisītāya nāccuṇhāya majjhimāya padhānakkhamāya; asaṭho hoti amāyāvī yathābhūtaṃ attānaṃ āvikattā satthari vā viññūsu vā sabrahmacārīsu; āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu; paññavā hoti udayatthagāminiyā paññāya samannāgato ariyāya nibbedhikāya sammādukkhakkhayagāminiyā – imāni kho, mahārāja, pañca padhāniyaṅgāni. Cattārome, mahārāja, vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā, suddā. Te cassu imehi pañcahi padhāniyaṅgehi samannāgatā ; ettha pana nesaṃ assa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. ‘‘Cattārome, bhante, vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā, suddā . Te cassu imehi pañcahi padhāniyaṅgehi samannāgatā; ettha pana nesaṃ, bhante, siyā viseso siyā nānākaraṇa’’nti? ‘‘Ettha kho nesāhaṃ, mahārāja, padhānavemattataṃ vadāmi. Seyyathāpissu, mahārāja, dve hatthidammā vā assadammā vā godammā vā sudantā suvinītā, dve hatthidammā vā assadammā vā godammā vā adantā avinītā. Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, ye te dve hatthidammā vā assadammā vā godammā vā sudantā suvinītā, api nu te dantāva dantakāraṇaṃ gaccheyyuṃ, dantāva dantabhūmiṃ sampāpuṇeyyu’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Ye pana te dve hatthidammā vā assadammā vā godammā vā adantā avinītā, api nu te adantāva dantakāraṇaṃ gaccheyyuṃ, adantāva dantabhūmiṃ sampāpuṇeyyuṃ, seyyathāpi te dve hatthidammā vā assadammā vā godammā vā sudantā suvinītā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yaṃ taṃ saddhena pattabbaṃ appābādhena asaṭhena amāyāvinā āraddhavīriyena paññavatā taṃ vata 12 assaddho bahvābādho saṭho māyāvī kusīto duppañño pāpuṇissatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti.
๓๘๐. ‘‘เหตุรูปํ, ภเนฺต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภเนฺต, ภควา อาหฯ จตฺตาโรเม, ภเนฺต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา , สุทฺทาฯ เต จสฺสุ อิเมหิ ปญฺจหิ ปธานิยเงฺคหิ สมนฺนาคตา เต จสฺสุ สมฺมปฺปธานา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภเนฺต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข 13 เนสาหํ, มหาราช, น กิญฺจิ นานากรณํ วทามิ – ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติํฯ เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส สุกฺขํ สากกฎฺฐํ อาทาย อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย ; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ สาลกฎฺฐํ อาทาย อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อมฺพกฎฺฐํ อาทาย อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อุทุมฺพรกฎฺฐํ อาทาย อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, สิยา นุ โข เตสํ อคฺคีนํ นานาทารุโต อภินิพฺพตฺตานํ กิญฺจิ นานากรณํ อจฺจิยา วา อจฺจิํ, วเณฺณน วา วณฺณํ, อาภาย วา อาภ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ เตชํ วีริยา นิมฺมถิตํ ปธานาภินิพฺพตฺตํ 14, นาหํ ตตฺถ กิญฺจิ นานากรณํ วทามิ – ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติ’’นฺติฯ ‘‘เหตุรูปํ, ภเนฺต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภเนฺต, ภควา อาหฯ กิํ ปน, ภเนฺต, อตฺถิ เทวา’’ติ? ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ – ‘กิํ ปน, ภเนฺต, อตฺถิ เทวา’’’ติ? ‘‘ยทิ วา เต, ภเนฺต, เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ ยทิ วา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ’’? ‘‘เย เต, มหาราช, เทวา สพฺยาพชฺฌา เต เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา เต เทวา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺต’’นฺติฯ
380. ‘‘Heturūpaṃ, bhante, bhagavā āha; saheturūpaṃ, bhante, bhagavā āha. Cattārome, bhante, vaṇṇā – khattiyā, brāhmaṇā, vessā , suddā. Te cassu imehi pañcahi padhāniyaṅgehi samannāgatā te cassu sammappadhānā; ettha pana nesaṃ, bhante, siyā viseso siyā nānākaraṇa’’nti? ‘‘Ettha kho 15 nesāhaṃ, mahārāja, na kiñci nānākaraṇaṃ vadāmi – yadidaṃ vimuttiyā vimuttiṃ. Seyyathāpi, mahārāja, puriso sukkhaṃ sākakaṭṭhaṃ ādāya aggiṃ abhinibbatteyya, tejo pātukareyya ; athāparo puriso sukkhaṃ sālakaṭṭhaṃ ādāya aggiṃ abhinibbatteyya, tejo pātukareyya; athāparo puriso sukkhaṃ ambakaṭṭhaṃ ādāya aggiṃ abhinibbatteyya, tejo pātukareyya; athāparo puriso sukkhaṃ udumbarakaṭṭhaṃ ādāya aggiṃ abhinibbatteyya, tejo pātukareyya. Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, siyā nu kho tesaṃ aggīnaṃ nānādāruto abhinibbattānaṃ kiñci nānākaraṇaṃ acciyā vā acciṃ, vaṇṇena vā vaṇṇaṃ, ābhāya vā ābha’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yaṃ taṃ tejaṃ vīriyā nimmathitaṃ padhānābhinibbattaṃ 16, nāhaṃ tattha kiñci nānākaraṇaṃ vadāmi – yadidaṃ vimuttiyā vimutti’’nti. ‘‘Heturūpaṃ, bhante, bhagavā āha; saheturūpaṃ, bhante, bhagavā āha. Kiṃ pana, bhante, atthi devā’’ti? ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, mahārāja, evaṃ vadesi – ‘kiṃ pana, bhante, atthi devā’’’ti? ‘‘Yadi vā te, bhante, devā āgantāro itthattaṃ yadi vā anāgantāro itthattaṃ’’? ‘‘Ye te, mahārāja, devā sabyābajjhā te devā āgantāro itthattaṃ, ye te devā abyābajjhā te devā anāgantāro itthatta’’nti.
๓๘๑. เอวํ วุเตฺต, วิฎฺฎูโภ เสนาปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เย เต, ภเนฺต, เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ตมฺหา ฐานา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา’’ติ?
381. Evaṃ vutte, viṭṭūbho senāpati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ye te, bhante, devā sabyābajjhā āgantāro itthattaṃ te devā, ye te devā abyābajjhā anāgantāro itthattaṃ te deve tamhā ṭhānā cāvessanti vā pabbājessanti vā’’ti?
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข วิฎฎูโภ เสนาปติ รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปุโตฺต; อหํ ภควโต ปุโตฺตฯ อยํ โข กาโล ยํ ปุโตฺต ปุเตฺตน มเนฺตยฺยา’’ติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท วิฎฎูภํ เสนาปติํ อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, เสนาปติ, ตํ เยเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, เสนาปติ, ยาวตา รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ยาวตา, โภ, รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติฯ
Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘ayaṃ kho viṭaṭūbho senāpati rañño pasenadissa kosalassa putto; ahaṃ bhagavato putto. Ayaṃ kho kālo yaṃ putto puttena manteyyā’’ti. Atha kho āyasmā ānando viṭaṭūbhaṃ senāpatiṃ āmantesi – ‘‘tena hi, senāpati, taṃ yevettha paṭipucchissāmi; yathā te khameyya tathā naṃ byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi, senāpati, yāvatā rañño pasenadissa kosalassa vijitaṃ yattha ca rājā pasenadi kosalo issariyādhipaccaṃ rajjaṃ kāreti, pahoti tattha rājā pasenadi kosalo samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā puññavantaṃ vā apuññavantaṃ vā brahmacariyavantaṃ vā abrahmacariyavantaṃ vā tamhā ṭhānā cāvetuṃ vā pabbājetuṃ vā’’ti? ‘‘Yāvatā, bho, rañño pasenadissa kosalassa vijitaṃ yattha ca rājā pasenadi kosalo issariyādhipaccaṃ rajjaṃ kāreti, pahoti tattha rājā pasenadi kosalo samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā puññavantaṃ vā apuññavantaṃ vā brahmacariyavantaṃ vā abrahmacariyavantaṃ vā tamhā ṭhānā cāvetuṃ vā pabbājetuṃ vā’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, เสนาปติ, ยาวตา รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ตตฺถ ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ยาวตา, โภ, รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, น ตตฺถ ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปุญฺญวนฺตํ วา อปุญฺญวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, senāpati, yāvatā rañño pasenadissa kosalassa avijitaṃ yattha ca rājā pasenadi kosalo na issariyādhipaccaṃ rajjaṃ kāreti, tattha pahoti rājā pasenadi kosalo samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā puññavantaṃ vā apuññavantaṃ vā brahmacariyavantaṃ vā abrahmacariyavantaṃ vā tamhā ṭhānā cāvetuṃ vā pabbājetuṃ vā’’ti? ‘‘Yāvatā, bho, rañño pasenadissa kosalassa avijitaṃ yattha ca rājā pasenadi kosalo na issariyādhipaccaṃ rajjaṃ kāreti, na tattha pahoti rājā pasenadi kosalo samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā puññavantaṃ vā apuññavantaṃ vā brahmacariyavantaṃ vā abrahmacariyavantaṃ vā tamhā ṭhānā cāvetuṃ vā pabbājetuṃ vā’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, เสนาปติ, สุตา เต เทวา ตาวติํสา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภฯ สุตา เม เทวา ตาวติํสาฯ อิธาปิ โภตา รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน สุตา เทวา ตาวติํสา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, เสนาปติ, ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวติํเส ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ทสฺสนมฺปิ, โภ, ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวติํเส นปฺปโหติ, กุโต ปน ตมฺหา ฐานา จาเวสฺสติ วา ปพฺพาเชสฺสติ วา’’ติ? ‘‘เอวเมว โข, เสนาปติ, เย เต เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺติ; กุโต ปน ตมฺหา ฐานา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, senāpati, sutā te devā tāvatiṃsā’’ti? ‘‘Evaṃ, bho. Sutā me devā tāvatiṃsā. Idhāpi bhotā raññā pasenadinā kosalena sutā devā tāvatiṃsā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, senāpati, pahoti rājā pasenadi kosalo deve tāvatiṃse tamhā ṭhānā cāvetuṃ vā pabbājetuṃ vā’’ti? ‘‘Dassanampi, bho, rājā pasenadi kosalo deve tāvatiṃse nappahoti, kuto pana tamhā ṭhānā cāvessati vā pabbājessati vā’’ti? ‘‘Evameva kho, senāpati, ye te devā sabyābajjhā āgantāro itthattaṃ te devā, ye te devā abyābajjhā anāgantāro itthattaṃ te deve dassanāyapi nappahonti; kuto pana tamhā ṭhānā cāvessanti vā pabbājessanti vā’’ti?
๓๘๒. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกนาโม อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อานโนฺท นาม, มหาราชา’’ติฯ ‘‘อานโนฺท วต, โภ, อานนฺทรูโป วต, โภ! เหตุรูปํ, ภเนฺต , อายสฺมา อานโนฺท อาห; สเหตุรูปํ, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท อาหฯ กิํ ปน, ภเนฺต, อตฺถิ พฺรหฺมา’’ติ? ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ – ‘กิํ ปน, ภเนฺต, อตฺถิ พฺรหฺมา’’’ติ? ‘‘ยทิ วา โส, ภเนฺต, พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, ยทิ วา อนาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติ? ‘‘โย โส, มหาราช, พฺรหฺมา สพฺยาพโชฺฌ โส พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, โย โส พฺรหฺมา อพฺยาพโชฺฌ โส พฺรหฺมา อนาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติฯ อถ โข อญฺญตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘สญฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคโตฺต อาคโต’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล สญฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, พฺราหฺมณ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชเนฺตปุเร อพฺภุทาหาสี’’ติ? ‘‘วิฎฎูโภ, มหาราช, เสนาปตี’’ติฯ วิฎฎูโภ เสนาปติ เอวมาห – ‘‘สญฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคโตฺต’’ติฯ อถ โข อญฺญตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘ยานกาโล, มหาราชา’’ติฯ
382. Atha kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘konāmo ayaṃ, bhante, bhikkhū’’ti? ‘‘Ānando nāma, mahārājā’’ti. ‘‘Ānando vata, bho, ānandarūpo vata, bho! Heturūpaṃ, bhante , āyasmā ānando āha; saheturūpaṃ, bhante, āyasmā ānando āha. Kiṃ pana, bhante, atthi brahmā’’ti? ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, mahārāja, evaṃ vadesi – ‘kiṃ pana, bhante, atthi brahmā’’’ti? ‘‘Yadi vā so, bhante, brahmā āgantā itthattaṃ, yadi vā anāgantā itthatta’’nti? ‘‘Yo so, mahārāja, brahmā sabyābajjho so brahmā āgantā itthattaṃ, yo so brahmā abyābajjho so brahmā anāgantā itthatta’’nti. Atha kho aññataro puriso rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘sañjayo, mahārāja, brāhmaṇo ākāsagotto āgato’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo sañjayaṃ brāhmaṇaṃ ākāsagottaṃ etadavoca – ‘‘ko nu kho, brāhmaṇa, imaṃ kathāvatthuṃ rājantepure abbhudāhāsī’’ti? ‘‘Viṭaṭūbho, mahārāja, senāpatī’’ti. Viṭaṭūbho senāpati evamāha – ‘‘sañjayo, mahārāja, brāhmaṇo ākāsagotto’’ti. Atha kho aññataro puriso rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘yānakālo, mahārājā’’ti.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สพฺพญฺญุตํ มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, สพฺพญฺญุตํ ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ จาตุวณฺณิสุทฺธิํ มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, จาตุวณฺณิสุทฺธิํ ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ อธิเทเว มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิเทเว ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ อธิพฺรหฺมานํ มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิพฺรหฺมานํ ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ ยํ ยเทว จ มยํ ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา ตํ ตเทว ภควา พฺยากาสิ; ตญฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนาฯ หนฺท, จ ทานิ มยํ, ภเนฺต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติฯ
Atha kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sabbaññutaṃ mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ apucchimhā, sabbaññutaṃ bhagavā byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca, tena camhā attamanā. Cātuvaṇṇisuddhiṃ mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ apucchimhā, cātuvaṇṇisuddhiṃ bhagavā byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca, tena camhā attamanā. Adhideve mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ apucchimhā, adhideve bhagavā byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca, tena camhā attamanā. Adhibrahmānaṃ mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ apucchimhā, adhibrahmānaṃ bhagavā byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca, tena camhā attamanā. Yaṃ yadeva ca mayaṃ bhagavantaṃ apucchimhā taṃ tadeva bhagavā byākāsi; tañca panamhākaṃ ruccati ceva khamati ca, tena camhā attamanā. Handa, ca dāni mayaṃ, bhante, gacchāma; bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, mahārāja, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmīti.
กณฺณกตฺถลสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ
Kaṇṇakatthalasuttaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.
ราชวโคฺค นิฎฺฐิโต จตุโตฺถฯ
Rājavaggo niṭṭhito catuttho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ฆฎิกาโร รฎฺฐปาโล, มฆเทโว มธุริยํ;
Ghaṭikāro raṭṭhapālo, maghadevo madhuriyaṃ;
โพธิ องฺคุลิมาโล จ, ปิยชาตํ พาหิติกํ;
Bodhi aṅgulimālo ca, piyajātaṃ bāhitikaṃ;
ธมฺมเจติยสุตฺตญฺจ, ทสมํ กณฺณกตฺถลํฯ
Dhammacetiyasuttañca, dasamaṃ kaṇṇakatthalaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา • 10. Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา • 10. Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanā