Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา
10. Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanā
๓๗๕. เอวํ เม สุตนฺติ กณฺณกตฺถลสุตฺตํฯ ตตฺถ อุรุญฺญายนฺติ อุรุญฺญาติ ตสฺส รฎฺฐสฺสปิ นครสฺสปิ เอตเทว นามํ, ภควา อุรุญฺญานครํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ กณฺณกตฺถเล มิคทาเยติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร กณฺณกตฺถลํ นาม เอโก รมณีโย ภูมิภาโค อตฺถิ, โส มิคานํ อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ กณฺณกตฺถเล มิคทาเยฯ เกนจิเทว กรณีเยนาติ น อเญฺญน, อนนฺตรสุเตฺต วุตฺตกรณีเยเนวฯ โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินีติ อิมา เทฺว ภคินิโย รโญฺญ ปชาปติโยฯ ภตฺตาภิหาเรติ ภตฺตํ อภิหรณฎฺฐาเนฯ รโญฺญ ภุญฺชนฎฺฐานญฺหิ สพฺพาปิ โอโรธา กฎจฺฉุอาทีนิ คเหตฺวา ราชานํ อุปฎฺฐาตุํ คจฺฉนฺติ, ตาปิ ตเถว อคมํสุฯ
375.Evaṃme sutanti kaṇṇakatthalasuttaṃ. Tattha uruññāyanti uruññāti tassa raṭṭhassapi nagarassapi etadeva nāmaṃ, bhagavā uruññānagaraṃ upanissāya viharati. Kaṇṇakatthale migadāyeti tassa nagarassa avidūre kaṇṇakatthalaṃ nāma eko ramaṇīyo bhūmibhāgo atthi, so migānaṃ abhayatthāya dinnattā migadāyoti vuccati, tasmiṃ kaṇṇakatthale migadāye. Kenacideva karaṇīyenāti na aññena, anantarasutte vuttakaraṇīyeneva. Somā ca bhaginī sakulā ca bhaginīti imā dve bhaginiyo rañño pajāpatiyo. Bhattābhihāreti bhattaṃ abhiharaṇaṭṭhāne. Rañño bhuñjanaṭṭhānañhi sabbāpi orodhā kaṭacchuādīni gahetvā rājānaṃ upaṭṭhātuṃ gacchanti, tāpi tatheva agamaṃsu.
๓๗๖. กิํ ปน, มหาราชาติ กสฺมา เอวมาห? รโญฺญ ครหปริโมจนตฺถํฯ เอวญฺหิ ปริสา จิเนฺตยฺย – ‘‘อยํ ราชา อาคจฺฉมาโนว มาตุคามานํ สาสนํ อาโรเจติ, มยํ อตฺตโน ธมฺมตาย ภควนฺตํ ทฎฺฐุํ อาคโตติ มญฺญาม, อยํ ปน มาตุคามานํ สาสนํ คเหตฺวา อาคโต, มาตุคามทาโส มเญฺญ, เอส ปุเพฺพปิ อิมินาว การเณน อาคจฺฉตี’’ติฯ ปุจฺฉิโต ปน โส อตฺตโน อาคมนการณํ กเถสฺสติ, เอวมสฺส อยํ ครหา น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ครหโมจนตฺถํ เอวมาหฯ
376.Kiṃ pana, mahārājāti kasmā evamāha? Rañño garahaparimocanatthaṃ. Evañhi parisā cinteyya – ‘‘ayaṃ rājā āgacchamānova mātugāmānaṃ sāsanaṃ āroceti, mayaṃ attano dhammatāya bhagavantaṃ daṭṭhuṃ āgatoti maññāma, ayaṃ pana mātugāmānaṃ sāsanaṃ gahetvā āgato, mātugāmadāso maññe, esa pubbepi imināva kāraṇena āgacchatī’’ti. Pucchito pana so attano āgamanakāraṇaṃ kathessati, evamassa ayaṃ garahā na uppajjissatīti garahamocanatthaṃ evamāha.
๓๗๘. อพฺภุทาหาสีติ กเถสิฯ สกิเทว สพฺพํ อุสฺสติ สพฺพํ ทกฺขิตีติ โย เอกาวชฺชเนน เอกจิเตฺตน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ อุสฺสติ วา ทกฺขิติ วา, โส นตฺถีติ อโตฺถฯ เอเกน หิ จิเตฺตน อตีตํ สพฺพํ ชานิสฺสามีติ อาวชฺชิตฺวาปิ อตีตํ สพฺพํ ชานิตุํ น สกฺกา, เอกเทสเมว ชานาติฯ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ปน เตน จิเตฺตน สเพฺพเนว สพฺพํ น ชานาตีติฯ เอส นโย อิตเรสุฯ เอวํ เอกจิตฺตวเสนายํ ปโญฺห กถิโตฯ เหตุรูปนฺติ เหตุสภาวํ การณชาติกํฯ สเหตุรูปนฺติ สการณชาติกํฯ สมฺปรายิกาหํ, ภเนฺตติ สมฺปรายคุณํ อหํ, ภเนฺต, ปุจฺฉามิฯ
378.Abbhudāhāsīti kathesi. Sakidevasabbaṃ ussati sabbaṃ dakkhitīti yo ekāvajjanena ekacittena atītānāgatapaccuppannaṃ sabbaṃ ussati vā dakkhiti vā, so natthīti attho. Ekena hi cittena atītaṃ sabbaṃ jānissāmīti āvajjitvāpi atītaṃ sabbaṃ jānituṃ na sakkā, ekadesameva jānāti. Anāgatapaccuppannaṃ pana tena cittena sabbeneva sabbaṃ na jānātīti. Esa nayo itaresu. Evaṃ ekacittavasenāyaṃ pañho kathito. Heturūpanti hetusabhāvaṃ kāraṇajātikaṃ. Saheturūpanti sakāraṇajātikaṃ. Samparāyikāhaṃ, bhanteti samparāyaguṇaṃ ahaṃ, bhante, pucchāmi.
๓๗๙. ปญฺจิมานีติ อิมสฺมิํ สุเตฺต ปญฺจ ปธานิยงฺคานิ โลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานิฯ กถินงฺคณวาสีจูฬสมุทฺทเตฺถโร ปน ‘‘ตุมฺหากํ, ภเนฺต, กิํ รุจฺจตี’’ติ วุเตฺต ‘‘มยฺหํ โลกุตฺตราเนวาติ รุจฺจตี’’ติ อาหฯ ปธานเวมตฺตตนฺติ ปธานนานตฺตํฯ อญฺญาทิสเมว หิ ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ, อญฺญาทิสํ โสตาปนฺนสฺส, อญฺญาทิสํ สกทาคามิโน, อญฺญาทิสํ อนาคามิโน, อญฺญาทิสํ อรหโต, อญฺญาทิสํ อสีติมหาสาวกานํ, อญฺญาทิสํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ, อญฺญาทิสํ ปเจฺจกพุทฺธานํ, อญฺญาทิสํ สพฺพญฺญุพุทฺธานํฯ ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ โสตาปนฺนสฺส ปธานํ น ปาปุณาติ…เป.… ปเจฺจกพุทฺธสฺส ปธานํ สพฺพญฺญุพุทฺธสฺส ปธานํ น ปาปุณาติฯ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘ปธานเวมตฺตตํ วทามี’’ติ อาหฯ ทนฺตการณํ คเจฺฉยฺยุนฺติ ยํ อกูฎกรณํ, อนวจฺฉินฺทนํ , ธุรสฺส อจฺฉินฺทนนฺติ ทเนฺตสุ การณํ ทิสฺสติ, ตํ การณํ อุปคเจฺฉยฺยุนฺติ อโตฺถฯ ทนฺตภูมินฺติ ทเนฺตหิ คนฺตพฺพภูมิํฯ อสฺสโทฺธติอาทีสุ ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน จตฺตาโรปิ อสฺสทฺธา นามฯ ปุถุชฺชโน หิ โสตาปนฺนสฺส สทฺธํ อปฺปโตฺตติ อสฺสโทฺธ, โสตาปโนฺน สกทาคามิสฺส, สกทาคามี อนาคามิสฺส, อนาคามี อรหโต สทฺธํ อปฺปโตฺตติ อสฺสโทฺธ, อาพาโธ อรหโตปิ อุปฺปชฺชตีติ ปญฺจปิ พหฺวาพาธา นาม โหนฺติฯ อริยสาวกสฺส ปน สโฐ มายาวีติ นามํ นตฺถิฯ เตเนว เถโร – ‘‘ปญฺจ ปธานิยงฺคานิ โลกุตฺตรานิ กถิตานีติ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ อาหฯ อสฺสขฬุงฺกสุตฺตเนฺต ปน – ‘‘ตโย จ, ภิกฺขเว, อสฺสขฬุเงฺก ตโย จ ปุริสขฬุเงฺก เทเสสฺสามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๔๑) เอตฺถ อริยสาวกสฺสาปิ สโมฺพธินามํ อาคตํ , ตสฺส วเสน โลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาติ วุตฺตํฯ ปุถุชฺชโน ปน โสตาปตฺติมคฺควีริยํ อสมฺปโตฺต…เป.… อนาคามี อรหตฺตมคฺควีริยํ อสมฺปโตฺตติ กุสีโตปิ อสฺสโทฺธ วิย จตฺตาโรว โหนฺติ, ตถา ทุปฺปโญฺญฯ
379.Pañcimānīti imasmiṃ sutte pañca padhāniyaṅgāni lokuttaramissakāni kathitāni. Kathinaṅgaṇavāsīcūḷasamuddatthero pana ‘‘tumhākaṃ, bhante, kiṃ ruccatī’’ti vutte ‘‘mayhaṃ lokuttarānevāti ruccatī’’ti āha. Padhānavemattatanti padhānanānattaṃ. Aññādisameva hi puthujjanassa padhānaṃ, aññādisaṃ sotāpannassa, aññādisaṃ sakadāgāmino, aññādisaṃ anāgāmino, aññādisaṃ arahato, aññādisaṃ asītimahāsāvakānaṃ, aññādisaṃ dvinnaṃ aggasāvakānaṃ, aññādisaṃ paccekabuddhānaṃ, aññādisaṃ sabbaññubuddhānaṃ. Puthujjanassa padhānaṃ sotāpannassa padhānaṃ na pāpuṇāti…pe… paccekabuddhassa padhānaṃ sabbaññubuddhassa padhānaṃ na pāpuṇāti. Imamatthaṃ sandhāya ‘‘padhānavemattataṃ vadāmī’’ti āha. Dantakāraṇaṃ gaccheyyunti yaṃ akūṭakaraṇaṃ, anavacchindanaṃ , dhurassa acchindananti dantesu kāraṇaṃ dissati, taṃ kāraṇaṃ upagaccheyyunti attho. Dantabhūminti dantehi gantabbabhūmiṃ. Assaddhotiādīsu puthujjanasotāpannasakadāgāmianāgāmino cattāropi assaddhā nāma. Puthujjano hi sotāpannassa saddhaṃ appattoti assaddho, sotāpanno sakadāgāmissa, sakadāgāmī anāgāmissa, anāgāmī arahato saddhaṃ appattoti assaddho, ābādho arahatopi uppajjatīti pañcapi bahvābādhā nāma honti. Ariyasāvakassa pana saṭho māyāvīti nāmaṃ natthi. Teneva thero – ‘‘pañca padhāniyaṅgāni lokuttarāni kathitānīti mayhaṃ ruccatī’’ti āha. Assakhaḷuṅkasuttante pana – ‘‘tayo ca, bhikkhave, assakhaḷuṅke tayo ca purisakhaḷuṅke desessāmī’’ti (a. ni. 3.141) ettha ariyasāvakassāpi sambodhināmaṃ āgataṃ , tassa vasena lokuttaramissakā kathitāti vuttaṃ. Puthujjano pana sotāpattimaggavīriyaṃ asampatto…pe… anāgāmī arahattamaggavīriyaṃ asampattoti kusītopi assaddho viya cattārova honti, tathā duppañño.
เอวํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ – อทนฺตหตฺถิอาทโย วิย หิ มคฺคปธานรหิโต ปุคฺคโลฯ ทนฺตหตฺถิอาทโย วิย มคฺคปธานวาฯ ยถา อทนฺตา หตฺถิอาทโย กูฎาการํ อกตฺวา อวิจฺฉินฺทิตฺวา ธุรํ อปาเตตฺวา ทนฺตคมนํ วา คนฺตุํ ทนฺตภูมิํ วา ปตฺตุํ น สโกฺกนฺติ, เอวเมวํ มคฺคปธานรหิโต มคฺคปธานวตา ปตฺตพฺพํ ปาปุณิตุํ นิพฺพเตฺตตพฺพํ คุณํ นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติฯ ยถา ปน ทนฺตหตฺถิอาทโย กูฎาการํ อกตฺวา อวิจฺฉินฺทิตฺวา ธุรํ อปาเตตฺวา ทนฺตคมนํ วา คนฺตุํ ทนฺตภูมิํ วา ปตฺตุํ สโกฺกนฺติ , เอวเมวํ มคฺคปธานวา มคฺคปธานวตา ปตฺตพฺพํ ปาปุณิตุํ นิพฺพเตฺตตพฺพํ คุณํ นิพฺพเตฺตตุํ สโกฺกติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘โสตาปตฺติมคฺคปธานวา โสตาปตฺติมคฺคปธานวตา ปโตฺตกาสํ ปาปุณิตุํ นิพฺพเตฺตตพฺพํ คุณํ นิพฺพเตฺตตุํ สโกฺกติ…เป.… อรหตฺตมคฺคปธานวา อรหตฺตมคฺคปธานวตา ปโตฺตกาสํ ปาปุณิตุํ นิพฺพเตฺตตพฺพํ คุณํ นิพฺพเตฺตตุํ สโกฺกตี’’ติฯ
Evaṃ panettha opammasaṃsandanaṃ veditabbaṃ – adantahatthiādayo viya hi maggapadhānarahito puggalo. Dantahatthiādayo viya maggapadhānavā. Yathā adantā hatthiādayo kūṭākāraṃ akatvā avicchinditvā dhuraṃ apātetvā dantagamanaṃ vā gantuṃ dantabhūmiṃ vā pattuṃ na sakkonti, evamevaṃ maggapadhānarahito maggapadhānavatā pattabbaṃ pāpuṇituṃ nibbattetabbaṃ guṇaṃ nibbattetuṃ na sakkoti. Yathā pana dantahatthiādayo kūṭākāraṃ akatvā avicchinditvā dhuraṃ apātetvā dantagamanaṃ vā gantuṃ dantabhūmiṃ vā pattuṃ sakkonti , evamevaṃ maggapadhānavā maggapadhānavatā pattabbaṃ pāpuṇituṃ nibbattetabbaṃ guṇaṃ nibbattetuṃ sakkoti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘sotāpattimaggapadhānavā sotāpattimaggapadhānavatā pattokāsaṃ pāpuṇituṃ nibbattetabbaṃ guṇaṃ nibbattetuṃ sakkoti…pe… arahattamaggapadhānavā arahattamaggapadhānavatā pattokāsaṃ pāpuṇituṃ nibbattetabbaṃ guṇaṃ nibbattetuṃ sakkotī’’ti.
๓๘๐. สมฺมปฺปธานาติ มคฺคปธาเนน สมฺมปฺปธานาฯ น กิญฺจิ นานากรณํ วทามิ ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺตินฺติ ยํ เอกสฺส ผลวิมุตฺติยา อิตรสฺส ผลวิมุตฺติํ อารพฺภ นานากรณํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ น กิญฺจิ วทามีติ อโตฺถฯ อจฺจิยา วา อจฺจินฺติ อจฺจิยา วา อจฺจิมฺหิฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย, ภุมฺมเตฺถ หิ เอตํ อุปโยควจนํฯ กิํ ปน ตฺวํ, มหาราชาติ, มหาราช, กิํ ตฺวํ? ‘‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา, สนฺติ เทวา ตาวติํสา…เป.… สนฺติ เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน, สนฺติ เทวา ตตุตฺตริ’’นฺติ เอวํ เทวานํ อตฺถิภาวํ น ชานาสิ, เยน เอวํ วเทสีติฯ ตโต อตฺถิภาวํ ชานามิ, มนุสฺสโลกํ ปน อาคจฺฉนฺติ นาคจฺฉนฺตีติ อิทํ ปุจฺฉโนฺต ยทิ วา เต, ภเนฺตติอาทิมาหฯ สพฺยาพชฺฌาติ สทุกฺขา, สมุเจฺฉทปฺปหาเนน อปฺปหีนเจตสิกทุกฺขาฯ อาคนฺตาโรติ อุปปตฺติวเสน อาคนฺตาโรฯ อพฺยาพชฺฌาติ สมุจฺฉินฺนทุกฺขาฯ อนาคนฺตาโรติ อุปปตฺติวเสน อนาคนฺตาโรฯ
380.Sammappadhānāti maggapadhānena sammappadhānā. Na kiñci nānākaraṇaṃ vadāmi yadidaṃ vimuttiyā vimuttinti yaṃ ekassa phalavimuttiyā itarassa phalavimuttiṃ ārabbha nānākaraṇaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ na kiñci vadāmīti attho. Acciyā vā accinti acciyā vā accimhi. Sesapadadvayepi eseva nayo, bhummatthe hi etaṃ upayogavacanaṃ. Kiṃ pana tvaṃ, mahārājāti, mahārāja, kiṃ tvaṃ? ‘‘Santi devā cātumahārājikā, santi devā tāvatiṃsā…pe… santi devā paranimmitavasavattino, santi devā tatuttari’’nti evaṃ devānaṃ atthibhāvaṃ na jānāsi, yena evaṃ vadesīti. Tato atthibhāvaṃ jānāmi, manussalokaṃ pana āgacchanti nāgacchantīti idaṃ pucchanto yadi vā te, bhantetiādimāha. Sabyābajjhāti sadukkhā, samucchedappahānena appahīnacetasikadukkhā. Āgantāroti upapattivasena āgantāro. Abyābajjhāti samucchinnadukkhā. Anāgantāroti upapattivasena anāgantāro.
๓๘๑. ปโหตีติ สโกฺกติฯ ราชา หิ ปุญฺญวนฺตมฺปิ ลาภสกฺการสมฺปนฺนํ ยถา น โกจิ อุปสงฺกมติ, เอวํ กโรโนฺต ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ สโกฺกติฯ ตํ อปุญฺญวนฺตมฺปิ สกลคามํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาปนมตฺตํ อลภนฺตํ ยถา ลาภสกฺการสมฺปโนฺน โหติ, เอวํ กโรโนฺต ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ สโกฺกติฯ พฺรหฺมจริยวนฺตมฺปิ อิตฺถีหิ สทฺธิํ สมฺปโยเชตฺวา สีลวินาสํ ปาเปโนฺต พลกฺกาเรน วา อุปฺปพฺพาเชโนฺต ตมฺหา ฐานา จาเวตุํ สโกฺกติฯ อพฺรหฺมจริยวนฺตมฺปิ สมฺปนฺนกามคุณํ อมจฺจํ พนฺธนาคารํ ปเวเสตฺวา อิตฺถีนํ มุขมฺปิ ปสฺสิตุํ อเทโนฺต ตมฺหา ฐานา จาเวติ นามฯ รฎฺฐโต ปน ยํ อิจฺฉติ, ตํ ปพฺพาเชติ นามฯ
381.Pahotīti sakkoti. Rājā hi puññavantampi lābhasakkārasampannaṃ yathā na koci upasaṅkamati, evaṃ karonto tamhā ṭhānā cāvetuṃ sakkoti. Taṃ apuññavantampi sakalagāmaṃ piṇḍāya caritvā yāpanamattaṃ alabhantaṃ yathā lābhasakkārasampanno hoti, evaṃ karonto tamhā ṭhānā cāvetuṃ sakkoti. Brahmacariyavantampi itthīhi saddhiṃ sampayojetvā sīlavināsaṃ pāpento balakkārena vā uppabbājento tamhā ṭhānā cāvetuṃ sakkoti. Abrahmacariyavantampi sampannakāmaguṇaṃ amaccaṃ bandhanāgāraṃ pavesetvā itthīnaṃ mukhampi passituṃ adento tamhā ṭhānā cāveti nāma. Raṭṭhato pana yaṃ icchati, taṃ pabbājeti nāma.
ทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺตีติ กามาวจเร ตาว อพฺยาพเชฺฌ เทเว สพฺยาพชฺฌา เทวา จกฺขุวิญฺญาณทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺติฯ กสฺมา? อรหโต ตตฺถ ฐานาภาวโตฯ รูปาวจเร ปน เอกวิมานสฺมิํเยว ติฎฺฐนฺติ จ นิสีทนฺติ จาติ จกฺขุวิญฺญาณทสฺสนาย ปโหนฺติ, เอเตหิ ทิฎฺฐํ ปน สลฺลกฺขิตํ ปฎิวิทฺธํ ลกฺขณํ ทฎฺฐุํ สลฺลกฺขิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น สโกฺกนฺตีติ ญาณจกฺขุนา ทสฺสนาย นปฺปโหนฺติ, อุปริเทเว จ จกฺขุวิญฺญาณทสฺสเนนาปีติฯ
Dassanāyapi nappahontīti kāmāvacare tāva abyābajjhe deve sabyābajjhā devā cakkhuviññāṇadassanāyapi nappahonti. Kasmā? Arahato tattha ṭhānābhāvato. Rūpāvacare pana ekavimānasmiṃyeva tiṭṭhanti ca nisīdanti cāti cakkhuviññāṇadassanāya pahonti, etehi diṭṭhaṃ pana sallakkhitaṃ paṭividdhaṃ lakkhaṇaṃ daṭṭhuṃ sallakkhituṃ paṭivijjhituṃ na sakkontīti ñāṇacakkhunā dassanāya nappahonti, uparideve ca cakkhuviññāṇadassanenāpīti.
๓๘๒. โก นาโม อยํ, ภเนฺตติ ราชา เถรํ ชานโนฺตปิ อชานโนฺต วิย ปุจฺฉติฯ กสฺมา? ปสํสิตุกามตายฯ อานนฺทรูโปติ อานนฺทสภาโวฯ พฺรหฺมปุจฺฉาปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ อถ โข อญฺญตโร ปุริโสติ สา กิร กถา วิฎฎูเภเนว กถิตา, เต ‘‘ตยา กถิตา, ตยา กถิตา’’ติ กุปิตา อญฺญมญฺญํ อิมสฺมิํเยว ฐาเน อตฺตโน อตฺตโน พลกายํ อุฎฺฐาเปตฺวา กลหมฺปิ กเรยฺยุนฺติ นิวารณตฺถํ โส ราชปุริโส เอตทโวจฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ อยํ ปน เทสนา เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน นิฎฺฐิตาติฯ
382.Ko nāmo ayaṃ, bhanteti rājā theraṃ jānantopi ajānanto viya pucchati. Kasmā? Pasaṃsitukāmatāya. Ānandarūpoti ānandasabhāvo. Brahmapucchāpi vuttanayeneva veditabbā. Atha kho aññataro purisoti sā kira kathā viṭaṭūbheneva kathitā, te ‘‘tayā kathitā, tayā kathitā’’ti kupitā aññamaññaṃ imasmiṃyeva ṭhāne attano attano balakāyaṃ uṭṭhāpetvā kalahampi kareyyunti nivāraṇatthaṃ so rājapuriso etadavoca. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Ayaṃ pana desanā neyyapuggalassa vasena niṭṭhitāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตํ • 10. Kaṇṇakatthalasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา • 10. Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanā