Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา
10. Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanā
๓๗๕. อนนฺตรสุเตฺต วุตฺตกรณีเยเนวาติ ‘‘ปาสาเท วา นาฎเกสุ วา จิตฺตสฺสาทํ อลภมาโน ตตฺถ ตตฺถ วิจริตุํ อารโทฺธ’’ติ วุตฺตกรณีเยนฯ อปฺปทุฎฺฐปโทสีนญฺหิ เอวํ โหตีติฯ
375.Anantarasuttevuttakaraṇīyenevāti ‘‘pāsāde vā nāṭakesu vā cittassādaṃ alabhamāno tattha tattha vicarituṃ āraddho’’ti vuttakaraṇīyena. Appaduṭṭhapadosīnañhi evaṃ hotīti.
๓๗๖. ปุจฺฉิโตติ ‘‘อญฺญํ ทูตํ นาลตฺถุ’’นฺติ ปุจฺฉิโตฯ โสติ ราชาฯ ตาสํ วนฺทนา สเจ อุตฺตรกาลํ, อตฺตโน อาคมนการณํ กเถสฺสติฯ
376.Pucchitoti ‘‘aññaṃ dūtaṃ nālatthu’’nti pucchito. Soti rājā. Tāsaṃ vandanā sace uttarakālaṃ, attano āgamanakāraṇaṃ kathessati.
๓๗๘. เอกาวชฺชเนนาติ เอกวีถิชวเนนฯ เตน เอกจิตฺตํ ตาว ติฎฺฐตุ, เอกจิตฺตวีถิยาปิ สพฺพํ ชานิตุํ น สกฺกาติ ทเสฺสติฯ ‘‘อิทํ นาม อตีตํ ชานิสฺสามี’’ติ อนิยเมตฺวา อาวชฺชโต ยํ กิญฺจิ อตีตํ ชานาติ, นิยมิเต ปน นิยมิตเมวาติ อาห – ‘‘เอเกน หิ…เป.… เอกเทสเมว ชานาตี’’ติฯ เตน จิเตฺตนาติ ‘‘อตีตํ สพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตจิเตฺตนฯ อิตเรสูติ อนาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุฯ การณชาติกนฺติ ยุตฺติสภาวํ, ยุตฺติยา ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ สมฺปรายคุณนฺติ สมฺปราเย กตกมฺมสฺส วิเสสํฯ
378.Ekāvajjanenāti ekavīthijavanena. Tena ekacittaṃ tāva tiṭṭhatu, ekacittavīthiyāpi sabbaṃ jānituṃ na sakkāti dasseti. ‘‘Idaṃ nāma atītaṃ jānissāmī’’ti aniyametvā āvajjato yaṃ kiñci atītaṃ jānāti, niyamite pana niyamitamevāti āha – ‘‘ekena hi…pe… ekadesameva jānātī’’ti. Tena cittenāti ‘‘atītaṃ sabbaṃ jānissāmī’’ti evaṃ pavattacittena. Itaresūti anāgatapaccuppannesu. Kāraṇajātikanti yuttisabhāvaṃ, yuttiyā yuttanti attho. Samparāyaguṇanti samparāye katakammassa visesaṃ.
๓๗๙. โลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานิ โพธิราชกุมารสุเตฺต วิย โลกิยา เจว โลกุตฺตรา จฯ ยถาลาภวเสน เจตฺถ ปธานิยงฺคานํ โลกุตฺตรคฺคหณํ เวทิตพฺพํฯ ปเจฺจกํ เอว เนสญฺจ ปธานิยงฺคตา ทฎฺฐพฺพา ยถา ‘‘อฎฺฐวิโมกฺขา สนฺทิสฺสนฺติ โลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติฯ โลกุตฺตราเนวาติ เจตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ ปธานนานตฺตนฺติ ปทหนนานตฺตํ, ภาวนานุโยควิเสสนฺติ อโตฺถฯ สงฺขาเร ปริมทฺทิตฺวา ปฎิปกฺขธเมฺม เอกเทสโต ปชหิตฺวา ฐิตสฺส ภาวนานุโยโค สเพฺพน สพฺพํ อปริมทฺทิตสงฺขารสฺส อปฺปหีนปฎิปกฺขสฺส ภาวนานุโยคโต สุขุโม วิสโทว โหติ, สจฺจาภิสมเยน สนฺตานสฺส อาหิตวิเสสตฺตาติ อาห – ‘‘อญฺญาทิสเมว หิ ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ, อญฺญาทิสํ โสตาปนฺนสฺสา’’ติอาทิฯ อยญฺจ วิเสโส น เกวลํ อนริยอริยปุคฺคลโต เอว, อถ โข อริเยสุปิ เสกฺขาทิวิเสสโตปิ ลพฺภติ อภิสงฺขารวิเสสโต อภินีหารโต จ อิชฺฌนโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อญฺญาทิสํ สกทาคามิโน’’ติอาทิมาหฯ น ปาปุณาตีติ ยสฺมา ปุถุชฺชโน สพฺพถาว ปธานํ ปทหโนฺต โสตาปตฺติมคฺคํ อธิคจฺฉติ, โสตาปโนฺน จ สกทาคามิมคฺคนฺติ เหฎฺฐิมํ อุปริมโต โอฬาริกํ, อุปริมญฺจ อิตรโต สุขุมํ เตน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส ปชหนโต, อิติ อธิคนฺตพฺพวิเสเสน จ อธิคมปฎิปทาย สณฺหสุขุมตา ติกฺขวิสทตา จ วิญฺญายตีติ อาห – ‘‘ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ โสตาปนฺนสฺส ปธานํ น ปาปุณาตี’’ติอาทิฯ
379.Lokuttaramissakāni kathitāni bodhirājakumārasutte viya lokiyā ceva lokuttarā ca. Yathālābhavasena cettha padhāniyaṅgānaṃ lokuttaraggahaṇaṃ veditabbaṃ. Paccekaṃ eva nesañca padhāniyaṅgatā daṭṭhabbā yathā ‘‘aṭṭhavimokkhā sandissanti lokuttaramissakā’’ti. Lokuttarānevāti cettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ parato āvi bhavissati. Padhānanānattanti padahananānattaṃ, bhāvanānuyogavisesanti attho. Saṅkhāre parimadditvā paṭipakkhadhamme ekadesato pajahitvā ṭhitassa bhāvanānuyogo sabbena sabbaṃ aparimadditasaṅkhārassa appahīnapaṭipakkhassa bhāvanānuyogato sukhumo visadova hoti, saccābhisamayena santānassa āhitavisesattāti āha – ‘‘aññādisameva hi puthujjanassa padhānaṃ, aññādisaṃ sotāpannassā’’tiādi. Ayañca viseso na kevalaṃ anariyaariyapuggalato eva, atha kho ariyesupi sekkhādivisesatopi labbhati abhisaṅkhāravisesato abhinīhārato ca ijjhanatoti dassento ‘‘aññādisaṃ sakadāgāmino’’tiādimāha. Na pāpuṇātīti yasmā puthujjano sabbathāva padhānaṃ padahanto sotāpattimaggaṃ adhigacchati, sotāpanno ca sakadāgāmimagganti heṭṭhimaṃ uparimato oḷārikaṃ, uparimañca itarato sukhumaṃ tena pahātuṃ asakkuṇeyyassa pajahanato, iti adhigantabbavisesena ca adhigamapaṭipadāya saṇhasukhumatā tikkhavisadatā ca viññāyatīti āha – ‘‘puthujjanassa padhānaṃ sotāpannassa padhānaṃ na pāpuṇātī’’tiādi.
อกูฎกรณนฺติ อวญฺจนกิริยํฯ อนวจฺฉินฺทนนฺติ อติยานํฯ อวิญฺฉนํ น อากฑฺฒนํ, นิยุตฺตตํ วินิเวเฐตฺวา สมนฺตา วิปริวตฺติตฺวา สมธาราย ฉฑฺฑนํ วาฯ ตสฺส การณํ ตํการณํ, ตํ การณนฺติ วา ตํ กิริยํ ตํ อธิการํฯ ทเนฺตหิ คนฺตพฺพภูมินฺติ ทเนฺตหิ ปตฺตพฺพฎฺฐานํ, ปตฺตพฺพวตฺถุํ วาฯ จตฺตาโรปิ อสฺสทฺธา นาม อุปริมอุปริมสทฺธาย อภาวโตฯ เยน หิ ยํ อปฺปตฺตํ, ตสฺส ตํ นตฺถิฯ อริยสาวกสฺส…เป.… นตฺถิ ปฐมมเคฺคเนว มายาสาเฐยฺยานํ ปหาตพฺพตฺตาฯ เตเนวาติ สมฺมเทว วิรุทฺธปกฺขานํ สทฺธาทีนํ อิธาธิเปฺปตตฺตาฯ ยทิ เอวํ กถํ มิสฺสกกถาติ อาห ‘‘อสฺสขฬุงฺกสุตฺตเนฺต ปนา’’ติอาทิฯ จตฺตาโรว โหนฺติ ปุถุชฺชนาทิวเสนฯ
Akūṭakaraṇanti avañcanakiriyaṃ. Anavacchindananti atiyānaṃ. Aviñchanaṃ na ākaḍḍhanaṃ, niyuttataṃ viniveṭhetvā samantā viparivattitvā samadhārāya chaḍḍanaṃ vā. Tassa kāraṇaṃ taṃkāraṇaṃ, taṃ kāraṇanti vā taṃ kiriyaṃ taṃ adhikāraṃ. Dantehi gantabbabhūminti dantehi pattabbaṭṭhānaṃ, pattabbavatthuṃ vā. Cattāropi assaddhā nāma uparimauparimasaddhāya abhāvato. Yena hi yaṃ appattaṃ, tassa taṃ natthi. Ariyasāvakassa…pe… natthi paṭhamamaggeneva māyāsāṭheyyānaṃ pahātabbattā. Tenevāti sammadeva viruddhapakkhānaṃ saddhādīnaṃ idhādhippetattā. Yadi evaṃ kathaṃ missakakathāti āha ‘‘assakhaḷuṅkasuttante panā’’tiādi. Cattārova honti puthujjanādivasena.
โอปมฺมสํสนฺทเน อทนฺตหตฺถิอาทโย วิยาติอาทินา กณฺหปเกฺข, ยถา ปน ทนฺตหตฺถิอาทโยติอาทินา สุกฺกปเกฺข จ สาธารณโต เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ, อสาธารณโต ภินฺทิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Opammasaṃsandane adantahatthiādayo viyātiādinā kaṇhapakkhe, yathā pana dantahatthiādayotiādinā sukkapakkhe ca sādhāraṇato ekajjhaṃ katvā vuttaṃ, asādhāraṇato bhinditvā dassetuṃ ‘‘idaṃ vuttaṃ hotī’’tiādi vuttaṃ.
๓๘๐. สมฺมปฺปธานา นิพฺพิสิฎฺฐวีริยาฯ เตนาห – ‘‘น กิญฺจิ นานากรณํ วทามิ, ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติ’’นฺติฯ น หิ สุกฺขวิปสฺสกเตวิชฺชฉฬภิญฺญานํ วิมุตฺติยา นานากรณํ อตฺถิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ เอกสฺสา’’ติอาทิฯ กิํ ตฺวํ น ชานาสีติ สมฺพโนฺธฯ อาคจฺฉนฺตีติ อุปฺปชฺชนวเสน อาคจฺฉนฺติฯ นาคจฺฉนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อิทํ ปุจฺฉโนฺตติ อิทํ ปุจฺฉามีติ ทเสฺสโนฺตฯ อปฺปหีนเจตสิกทุกฺขา อนธิคตอนาคามิตาฯ เตนาห ‘‘อุปปตฺติวเสน อาคนฺตาโร’’ติฯ สมุจฺฉินฺนทุกฺขาติ สมุคฺฆาฎิตเจตสิกทุกฺขาฯ
380.Sammappadhānā nibbisiṭṭhavīriyā. Tenāha – ‘‘na kiñci nānākaraṇaṃ vadāmi, yadidaṃ vimuttiyā vimutti’’nti. Na hi sukkhavipassakatevijjachaḷabhiññānaṃ vimuttiyā nānākaraṇaṃ atthi. Tena vuttaṃ ‘‘yaṃ ekassā’’tiādi. Kiṃ tvaṃ na jānāsīti sambandho. Āgacchantīti uppajjanavasena āgacchanti. Nāgacchantīti etthāpi eseva nayo. Idaṃ pucchantoti idaṃ pucchāmīti dassento. Appahīnacetasikadukkhā anadhigataanāgāmitā. Tenāha ‘‘upapattivasena āgantāro’’ti. Samucchinnadukkhāti samugghāṭitacetasikadukkhā.
๓๘๑. ตมฺหา ฐานาติ ตโต ยถาธิคตอิสฺสริยฎฺฐานโตฯ ปุน ตมฺหา ฐานาติ ตโต ทุคฺคตาฯ สมฺปนฺนกามคุณนฺติ อุฬารกามคุณสมนฺนาคตํฯ
381.Tamhā ṭhānāti tato yathādhigataissariyaṭṭhānato. Puna tamhā ṭhānāti tato duggatā. Sampannakāmaguṇanti uḷārakāmaguṇasamannāgataṃ.
ตตฺถาติ กามเทวโลเกฯ ฐานภาวโตติ อรหตฺตเญฺจ อธิคตํ, ตาวเทว ปรินิพฺพานโตฯ อุปริเทเว จาติ อุปรูปริ ภูมิวาเส เทเว จ, จกฺขุวิญฺญาณทสฺสเนนปิ ทสฺสนาย นปฺปโหนฺตีติ โยชนาฯ
Tatthāti kāmadevaloke. Ṭhānabhāvatoti arahattañce adhigataṃ, tāvadeva parinibbānato. Uparidevecāti uparūpari bhūmivāse deve ca, cakkhuviññāṇadassanenapi dassanāya nappahontīti yojanā.
๓๘๒. วุตฺตนเยเนวาติ เทวปุจฺฉาย วุเตฺตเนว นเยนฯ สา กิร กถาติ ‘‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, โย สกิเทว สพฺพํ เนยฺย’’นฺติ กถาฯ เตติ วิฎฎูภสญฺชยาฯ อิมสฺมิํเยว ฐาเนติ อิมสฺมิํ มิคทาเยเยวฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
382.Vuttanayenevāti devapucchāya vutteneva nayena. Sā kira kathāti ‘‘natthi so samaṇo vā brāhmaṇo vā, yo sakideva sabbaṃ neyya’’nti kathā. Teti viṭaṭūbhasañjayā. Imasmiṃyeva ṭhāneti imasmiṃ migadāyeyeva. Sesaṃ suviññeyyameva.
กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
นิฎฺฐิตา จ ราชวคฺควณฺณนาฯ
Niṭṭhitā ca rājavaggavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตํ • 10. Kaṇṇakatthalasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา • 10. Kaṇṇakatthalasuttavaṇṇanā