Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๐๔] ๙. กปิชาตกวณฺณนา

    [404] 9. Kapijātakavaṇṇanā

    ยตฺถ เวรี นิวสตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส ปถวิปเวสนํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิญฺหิ ปถวิํ ปวิเฎฺฐ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต สห ปริสาย นโฎฺฐ’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทโตฺต สห ปริสาย นโฎฺฐ, ปุเพฺพปิ นสฺสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Yattha verī nivasatīti idaṃ satthā jetavane viharanto devadattassa pathavipavesanaṃ ārabbha kathesi. Tasmiñhi pathaviṃ paviṭṭhe dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, devadatto saha parisāya naṭṭho’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva devadatto saha parisāya naṭṭho, pubbepi nassiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปญฺจสตกปิปริวาโร ราชุยฺยาเน วสิฯ เทวทโตฺตปิ กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปญฺจสตกปิปริวาโร ตเตฺถว วสิฯ อเถกทิวสํ ปุโรหิเต อุยฺยานํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกริตฺวา นิกฺขมเนฺต เอโก โลลกปิ ปุเรตรํ คนฺตฺวา ราชุยฺยานทฺวาเร โตรณมตฺถเก นิสีทิตฺวา ตสฺส มตฺถเก วจฺจปิณฺฑํ ปาเตตฺวา ปุน อุทฺธํ โอโลเกนฺตสฺส มุเข ปาเตสิฯ โส นิวตฺติตฺวา ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ ตุมฺหากํ กตฺตพฺพ’’นฺติ มกฺกเฎ สนฺตเชฺชตฺวา ปุน นฺหตฺวา ปกฺกามิฯ เตน เวรํ คเหตฺวา มกฺกฎานํ สนฺตชฺชิตภาวํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํฯ โส ‘‘เวรีนํ นิวสนฎฺฐาเน นาม วสิตุํ น วฎฺฎติ, สโพฺพปิ กปิคโณ ปลายิตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉตู’’ติ กปิสหสฺสสฺสปิ อาโรจาเปสิฯ ทุพฺพจกปิ อตฺตโน ปริวารมกฺกเฎ คเหตฺวา ‘‘ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ ตเตฺถว นิสีทิฯ โพธิสโตฺต อตฺตโน ปริวารํ คเหตฺวา อรญฺญํ ปาวิสิฯ อเถกทิวสํ เอกิสฺสา วีหิโกฎฺฎิกาย ทาสิยา อาตเป ปสาริตวีหิํ ขาทโนฺต เอโก เอฬโก อุมฺมุเกฺกน ปหารํ ลภิตฺวา อาทิตฺตสรีโร ปลายโนฺต เอกิสฺสา หตฺถิสาลํ นิสฺสาย ติณกุฎิยา กุเฎฺฎ สรีรํ ฆํสิ ฯ โส อคฺคิ ติณกุฎิกํ คณฺหิ, ตโต อุฎฺฐาย หตฺถิสาลํ คณฺหิ, หตฺถิสาลาย หตฺถีนํ ปิฎฺฐิ ฌายิ, หตฺถิเวชฺชา หตฺถีนํ ปฎิชคฺคนฺติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kapiyoniyaṃ nibbattitvā pañcasatakapiparivāro rājuyyāne vasi. Devadattopi kapiyoniyaṃ nibbattitvā pañcasatakapiparivāro tattheva vasi. Athekadivasaṃ purohite uyyānaṃ gantvā nhatvā alaṅkaritvā nikkhamante eko lolakapi puretaraṃ gantvā rājuyyānadvāre toraṇamatthake nisīditvā tassa matthake vaccapiṇḍaṃ pātetvā puna uddhaṃ olokentassa mukhe pātesi. So nivattitvā ‘‘hotu, jānissāmi tumhākaṃ kattabba’’nti makkaṭe santajjetvā puna nhatvā pakkāmi. Tena veraṃ gahetvā makkaṭānaṃ santajjitabhāvaṃ bodhisattassa ārocesuṃ. So ‘‘verīnaṃ nivasanaṭṭhāne nāma vasituṃ na vaṭṭati, sabbopi kapigaṇo palāyitvā aññattha gacchatū’’ti kapisahassassapi ārocāpesi. Dubbacakapi attano parivāramakkaṭe gahetvā ‘‘pacchā jānissāmī’’ti tattheva nisīdi. Bodhisatto attano parivāraṃ gahetvā araññaṃ pāvisi. Athekadivasaṃ ekissā vīhikoṭṭikāya dāsiyā ātape pasāritavīhiṃ khādanto eko eḷako ummukkena pahāraṃ labhitvā ādittasarīro palāyanto ekissā hatthisālaṃ nissāya tiṇakuṭiyā kuṭṭe sarīraṃ ghaṃsi . So aggi tiṇakuṭikaṃ gaṇhi, tato uṭṭhāya hatthisālaṃ gaṇhi, hatthisālāya hatthīnaṃ piṭṭhi jhāyi, hatthivejjā hatthīnaṃ paṭijagganti.

    ปุโรหิโตปิ มกฺกฎานํ คหณูปายํ อุปธาเรโนฺต วิจรติฯ อถ นํ ราชุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ราชา อาห ‘‘อาจริย, พหู โน หตฺถี วณิตา ชาตา, หตฺถิเวชฺชา ปฎิชคฺคิตุํ น ชานนฺติ, ชานาสิ นุ โข กิญฺจิ เภสชฺช’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กิํ นามา’’ติ? ‘‘มกฺกฎวสา, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กหํ ลภิสฺสามา’’ติ? ‘‘นนุ อุยฺยาเน พหู มกฺกฎา’’ติ? ราชา ‘‘อุยฺยาเน มกฺกเฎ มาเรตฺวา วสํ อาเนถา’’ติ อาหฯ ธนุคฺคหา คนฺตฺวา ปญฺจสเตปิ มกฺกเฎ วิชฺฌิตฺวา มาเรสุํฯ เอโก ปน เชฎฺฐกมกฺกโฎ ปลายโนฺต สรปหารํ ลภิตฺวาปิ ตเตฺถว อปติตฺวา โพธิสตฺตสฺส วสนฎฺฐานํ ปตฺวา ปติฯ วานรา ‘‘อมฺหากํ วสนฎฺฐานํ ปตฺวา มโต’’ติ ตสฺส ปหารํ ลทฺธา มตภาวํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํฯ โส คนฺตฺวา กปิคณมเชฺฌ นิสิโนฺน ‘‘ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกตฺวา เวริฎฺฐาเน วสนฺตา นาม เอวํ วินสฺสนฺตี’’ติ กปิคณสฺส โอวาทวเสน อิมา คาถา อภาสิ –

    Purohitopi makkaṭānaṃ gahaṇūpāyaṃ upadhārento vicarati. Atha naṃ rājupaṭṭhānaṃ āgantvā nisinnaṃ rājā āha ‘‘ācariya, bahū no hatthī vaṇitā jātā, hatthivejjā paṭijaggituṃ na jānanti, jānāsi nu kho kiñci bhesajja’’nti? ‘‘Jānāmi, mahārājā’’ti. ‘‘Kiṃ nāmā’’ti? ‘‘Makkaṭavasā, mahārājā’’ti. ‘‘Kahaṃ labhissāmā’’ti? ‘‘Nanu uyyāne bahū makkaṭā’’ti? Rājā ‘‘uyyāne makkaṭe māretvā vasaṃ ānethā’’ti āha. Dhanuggahā gantvā pañcasatepi makkaṭe vijjhitvā māresuṃ. Eko pana jeṭṭhakamakkaṭo palāyanto sarapahāraṃ labhitvāpi tattheva apatitvā bodhisattassa vasanaṭṭhānaṃ patvā pati. Vānarā ‘‘amhākaṃ vasanaṭṭhānaṃ patvā mato’’ti tassa pahāraṃ laddhā matabhāvaṃ bodhisattassa ārocesuṃ. So gantvā kapigaṇamajjhe nisinno ‘‘paṇḍitānaṃ ovādaṃ akatvā veriṭṭhāne vasantā nāma evaṃ vinassantī’’ti kapigaṇassa ovādavasena imā gāthā abhāsi –

    ๖๑.

    61.

    ‘‘ยตฺถ เวรี นิวสติ, น วเส ตตฺถ ปณฺฑิโต;

    ‘‘Yattha verī nivasati, na vase tattha paṇḍito;

    เอกรตฺตํ ทฺวิรตฺตํ วา, ทุกฺขํ วสติ เวริสุฯ

    Ekarattaṃ dvirattaṃ vā, dukkhaṃ vasati verisu.

    ๖๒.

    62.

    ‘‘ทิโส เว ลหุจิตฺตสฺส, โปสสฺสานุวิธียโต;

    ‘‘Diso ve lahucittassa, posassānuvidhīyato;

    เอกสฺส กปิโน เหตุ, ยูถสฺส อนโย กโตฯ

    Ekassa kapino hetu, yūthassa anayo kato.

    ๖๓.

    63.

    ‘‘พาโลว ปณฺฑิตมานี, ยูถสฺส ปริหารโก;

    ‘‘Bālova paṇḍitamānī, yūthassa parihārako;

    สจิตฺตสฺส วสํ คนฺตฺวา, สเยถายํ ยถา กปิฯ

    Sacittassa vasaṃ gantvā, sayethāyaṃ yathā kapi.

    ๖๔.

    64.

    ‘‘น สาธุ พลวา พาโล, ยูถสฺส ปริหารโก;

    ‘‘Na sādhu balavā bālo, yūthassa parihārako;

    อหิโต ภวติ ญาตีนํ, สกุณานํว เจตโกฯ

    Ahito bhavati ñātīnaṃ, sakuṇānaṃva cetako.

    ๖๕.

    65.

    ‘‘ธีโรว พลวา สาธุ, ยูถสฺส ปริหารโก;

    ‘‘Dhīrova balavā sādhu, yūthassa parihārako;

    หิโต ภวติ ญาตีนํ, ติทสานํว วาสโวฯ

    Hito bhavati ñātīnaṃ, tidasānaṃva vāsavo.

    ๖๖.

    66.

    ‘‘โย จ สีลญฺจ ปญฺญญฺจ, สุตญฺจตฺตนิ ปสฺสติ;

    ‘‘Yo ca sīlañca paññañca, sutañcattani passati;

    อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จฯ

    Ubhinnamatthaṃ carati, attano ca parassa ca.

    ๖๗.

    67.

    ‘‘ตสฺมา ตุเลยฺย มตฺตานํ, สีลปญฺญาสุตามิว;

    ‘‘Tasmā tuleyya mattānaṃ, sīlapaññāsutāmiva;

    คณํ วา ปริหเร ธีโร, เอโก วาปิ ปริพฺพเช’’ติฯ

    Gaṇaṃ vā parihare dhīro, eko vāpi paribbaje’’ti.

    ตตฺถ ลหุจิตฺตสฺสาติ ลหุจิโตฺต อสฺสฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย โปโส ลหุจิตฺตสฺส มิตฺตสฺส วา ญาติโน วา อนุวิธียติ อนุวตฺตติ, ตสฺส โปสสฺส อนุวิธียโต โส ลหุจิโตฺต ทิโส โหติ, เวริกิจฺจํ กโรติฯ เอกสฺส กปิโนติ ปสฺสถ เอกสฺส ลหุจิตฺตสฺส อนฺธพาลสฺส กปิโน เหตุ อยํ สกลสฺส ยูถสฺส อนโย อวุฑฺฒิ มหาวินาโส กโตติฯ ปณฺฑิตมานีติ โย สยํ พาโล หุตฺวา ‘‘อหํ ปณฺฑิโต’’ติ อตฺตานํ มญฺญมาโน ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกตฺวา สกสฺส จิตฺตสฺส วสํ คจฺฉติ, โส สจิตฺตสฺส วสํ คนฺตฺวา ยถายํ ทุพฺพจกปิ มตสยนํ สยิโต, เอวํ สเยถาติ อโตฺถฯ

    Tattha lahucittassāti lahucitto assa. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo poso lahucittassa mittassa vā ñātino vā anuvidhīyati anuvattati, tassa posassa anuvidhīyato so lahucitto diso hoti, verikiccaṃ karoti. Ekassa kapinoti passatha ekassa lahucittassa andhabālassa kapino hetu ayaṃ sakalassa yūthassa anayo avuḍḍhi mahāvināso katoti. Paṇḍitamānīti yo sayaṃ bālo hutvā ‘‘ahaṃ paṇḍito’’ti attānaṃ maññamāno paṇḍitānaṃ ovādaṃ akatvā sakassa cittassa vasaṃ gacchati, so sacittassa vasaṃ gantvā yathāyaṃ dubbacakapi matasayanaṃ sayito, evaṃ sayethāti attho.

    น สาธูติ พาโล นาม พลสมฺปโนฺน ยูถสฺส ปริหารโก น สาธุ น ลทฺธโกฯ กิํการณา? โส หิ อหิโต ภวติ ญาตีนํ, วินาสเมว วหติฯ สกุณานํว เจตโกติ ยถา หิ ติตฺติรสกุณานํ ทีปกติตฺติโร ทิวสมฺปิ วสฺสโนฺต อเญฺญ สกุเณ น มาเรติ, ญาตเกว มาเรติ, เตสเญฺญว อหิโต โหติ, เอวนฺติ อโตฺถฯ หิโต ภวตีติ กาเยนปิ วาจายปิ มนสาปิ หิตการโกเยวฯ อุภินฺนมตฺถํ จรตีติ โย อิธ ปุคฺคโล เอเต สีลาทโย คุเณ อตฺตนิ ปสฺสติ, โส ‘‘มยฺหํ อาจารสีลมฺปิ อตฺถิ, ปญฺญาปิ สุตปริยตฺติปิ อตฺถี’’ติ ตถโต ชานิตฺวา คณํ ปริหรโนฺต อตฺตโน จ ปเรสญฺจ อตฺตานํ ปริวาเรตฺวา จรนฺตานนฺติ อุภินฺนมฺปิ อตฺถเมว จรติฯ

    Na sādhūti bālo nāma balasampanno yūthassa parihārako na sādhu na laddhako. Kiṃkāraṇā? So hi ahito bhavati ñātīnaṃ, vināsameva vahati. Sakuṇānaṃva cetakoti yathā hi tittirasakuṇānaṃ dīpakatittiro divasampi vassanto aññe sakuṇe na māreti, ñātakeva māreti, tesaññeva ahito hoti, evanti attho. Hito bhavatīti kāyenapi vācāyapi manasāpi hitakārakoyeva. Ubhinnamatthaṃ caratīti yo idha puggalo ete sīlādayo guṇe attani passati, so ‘‘mayhaṃ ācārasīlampi atthi, paññāpi sutapariyattipi atthī’’ti tathato jānitvā gaṇaṃ pariharanto attano ca paresañca attānaṃ parivāretvā carantānanti ubhinnampi atthameva carati.

    ตุเลยฺย มตฺตานนฺติ ตุเลยฺย อตฺตานํฯ ตุเลยฺยาติ ตุเลตฺวาฯ สีลปญฺญาสุตามิวาติ เอตานิ สีลาทีนิ วิยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา สีลาทีนิ อตฺตนิ สมนุปสฺสโนฺต อุภินฺนมตฺถํ จรติ, ตสฺมา ปณฺฑิโต เอตานิ สีลาทีนิ วิย อตฺตานมฺปิ เตสุ ตุเลตฺวา ‘‘ปติฎฺฐิโต นุ โขมฺหิ สีเล ปญฺญาย สุเต’’ติ ตีเรตฺวา ปติฎฺฐิตภาวํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ธีโร คณํ วา ปริหเรยฺย, จตูสุ อิริยาปเถสุ เอโก วา หุตฺวา ปริพฺพเชยฺย วเตฺตยฺย, ปริสุปฎฺฐาเกนปิ วิเวกจารินาปิ อิเมหิ ตีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคเตเนว ภวิตพฺพนฺติฯ เอวํ มหาสโตฺต กปิราชา หุตฺวาปิ วินยปริยตฺติกิจฺจํ กเถสิฯ

    Tuleyya mattānanti tuleyya attānaṃ. Tuleyyāti tuletvā. Sīlapaññāsutāmivāti etāni sīlādīni viya. Idaṃ vuttaṃ hoti – yasmā sīlādīni attani samanupassanto ubhinnamatthaṃ carati, tasmā paṇḍito etāni sīlādīni viya attānampi tesu tuletvā ‘‘patiṭṭhito nu khomhi sīle paññāya sute’’ti tīretvā patiṭṭhitabhāvaṃ paccakkhaṃ katvā dhīro gaṇaṃ vā parihareyya, catūsu iriyāpathesu eko vā hutvā paribbajeyya vatteyya, parisupaṭṭhākenapi vivekacārināpi imehi tīhi dhammehi samannāgateneva bhavitabbanti. Evaṃ mahāsatto kapirājā hutvāpi vinayapariyattikiccaṃ kathesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺพจกปิ เทวทโตฺต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสา, ปณฺฑิตกปิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā dubbacakapi devadatto ahosi, parisāpissa devadattaparisā, paṇḍitakapirājā pana ahameva ahosi’’nti.

    กปิชาตกวณฺณนา นวมาฯ

    Kapijātakavaṇṇanā navamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๐๔. กปิชาตกํ • 404. Kapijātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact