Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā

    ๗. กปิราชจริยาวณฺณนา

    7. Kapirājacariyāvaṇṇanā

    ๖๗. สตฺตเม ยทา อหํ กปิ อาสินฺติ ยสฺมิํ กาเล อหํ กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย นาคพโล ถามสมฺปโนฺน อสฺสโปตกปฺปมาโณ มหาสรีโร กปิ โหมิฯ นทีกูเล ทรีสเยติ เอกิสฺสา นทิยา ตีเร เอกสฺมิํ ทรีภาเค ยทา วาสํ กเปฺปมีติ อโตฺถฯ

    67. Sattame yadā ahaṃ kapi āsinti yasmiṃ kāle ahaṃ kapiyoniyaṃ nibbattitvā vuddhimanvāya nāgabalo thāmasampanno assapotakappamāṇo mahāsarīro kapi homi. Nadīkūle darīsayeti ekissā nadiyā tīre ekasmiṃ darībhāge yadā vāsaṃ kappemīti attho.

    ตทา กิร โพธิสโตฺต ยูถปริหรณํ อกตฺวา เอกจโร หุตฺวา วิหาสิฯ ตสฺสา ปน นทิยา เวมเชฺฌ เอโก ทีปโก นานปฺปกาเรหิ อมฺพปนสาทีหิ ผลรุเกฺขหิ สมฺปโนฺนฯ โพธิสโตฺต ถามชวสมฺปนฺนตาย นทิยา โอริมตีรโต อุปฺปติตฺวา ทีปกสฺส ปน นทิยา จ มเชฺฌ เอโก ปิฎฺฐิปาสาโณ อตฺถิ, ตสฺมิํ ปตติฯ ตโต อุปฺปติตฺวา ตสฺมิํ ทีปเก ปตติฯ โส ตตฺถ นานปฺปการานิ ผลาผลานิ ขาทิตฺวา สายํ เตเนว อุปาเยน ปจฺจาคนฺตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐาเน วสิตฺวา ปุนทิวเสปิ ตเถว กโรติฯ อิมินา นิยาเมน วาสํ กเปฺปสิฯ

    Tadā kira bodhisatto yūthapariharaṇaṃ akatvā ekacaro hutvā vihāsi. Tassā pana nadiyā vemajjhe eko dīpako nānappakārehi ambapanasādīhi phalarukkhehi sampanno. Bodhisatto thāmajavasampannatāya nadiyā orimatīrato uppatitvā dīpakassa pana nadiyā ca majjhe eko piṭṭhipāsāṇo atthi, tasmiṃ patati. Tato uppatitvā tasmiṃ dīpake patati. So tattha nānappakārāni phalāphalāni khāditvā sāyaṃ teneva upāyena paccāgantvā attano vasanaṭṭhāne vasitvā punadivasepi tatheva karoti. Iminā niyāmena vāsaṃ kappesi.

    ตสฺมิํ ปน กาเล เอโก กุมฺภีโล สปชาปติโก ตสฺสํ นทิยํ วสติฯ ตสฺส ภริยา โพธิสตฺตํ อปราปรํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา กุมฺภีลํ อาห – ‘‘มยฺหํ โข, อยฺยปุตฺต, อิมสฺส วานรสฺส หทยมํเส โทหโฬ อุปฺปโนฺน’’ติฯ โส ‘‘สาธุ, ภเทฺท, ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘อชฺช ตํ สายํ ทีปกโต อาคจฺฉนฺตเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปิฎฺฐิปาสาเณ นิปชฺชิฯ โพธิสโตฺต ตํ ทิวสํ โคจรํ จริตฺวา สายนฺหสมเย ทีปเก ฐิโตว ปาสาณํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปาสาโณ อิทานิ อุจฺจตโร ขายติ, กิํ นุ โข การณ’’นฺติ จิเนฺตสิฯ มหาสตฺตสฺส หิ อุทกปฺปมาณญฺจ ปาสาณปฺปมาณญฺจ สุววตฺถาปิตเมว โหติฯ เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อิมิสฺสา นทิยา อุทกํ เนว หายติ, อถ จ ปนายํ ปาสาโณ มหา หุตฺวา ปญฺญายติ, กจฺจิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ คหณตฺถาย กุมฺภีโล นิปโนฺน’’ติ?

    Tasmiṃ pana kāle eko kumbhīlo sapajāpatiko tassaṃ nadiyaṃ vasati. Tassa bhariyā bodhisattaṃ aparāparaṃ gacchantaṃ disvā tassa hadayamaṃse dohaḷaṃ uppādetvā kumbhīlaṃ āha – ‘‘mayhaṃ kho, ayyaputta, imassa vānarassa hadayamaṃse dohaḷo uppanno’’ti. So ‘‘sādhu, bhadde, lacchasī’’ti vatvā ‘‘ajja taṃ sāyaṃ dīpakato āgacchantameva gaṇhissāmī’’ti gantvā piṭṭhipāsāṇe nipajji. Bodhisatto taṃ divasaṃ gocaraṃ caritvā sāyanhasamaye dīpake ṭhitova pāsāṇaṃ oloketvā ‘‘ayaṃ pāsāṇo idāni uccataro khāyati, kiṃ nu kho kāraṇa’’nti cintesi. Mahāsattassa hi udakappamāṇañca pāsāṇappamāṇañca suvavatthāpitameva hoti. Tenassa etadahosi – ‘‘ajja imissā nadiyā udakaṃ neva hāyati, atha ca panāyaṃ pāsāṇo mahā hutvā paññāyati, kacci nu kho ettha mayhaṃ gahaṇatthāya kumbhīlo nipanno’’ti?

    โส ‘‘วีมํสิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ ตเตฺถว ฐตฺวา ปาสาเณน สทฺธิํ กเถโนฺต วิย ‘‘โภ, ปาสาณา’’ติ วตฺวา ปฎิวจนํ อลภโนฺต ยาวตติยํ ‘‘โภ, ปาสาณา’’ติ อาหฯ ปาสาโณ ปฎิวจนํ น เทติฯ ปุนปิ โพธิสโตฺต ‘‘กิํ, โภ ปาสาณ, อชฺช มยฺหํ ปฎิวจนํ น เทสี’’ติ อาหฯ กุมฺภีโล ‘‘อทฺธา อยํ ปาสาโณ อเญฺญสุ ทิวเสสุ วานรินฺทสฺส ปฎิวจนํ เทติ มเญฺญ, อชฺช ปน มยา โอตฺถริตตฺตา น เทติ, หนฺทาหํ ทสฺสามิสฺส ปฎิวจน’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กิํ วานรินฺทา’’ติ อาหฯ ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ กุมฺภีโล’’ติ ฯ ‘‘กิมตฺถํ เอตฺถ นิปโนฺนสี’’ติ? ‘‘ตว หทยํ ปตฺถยมาโน’’ติฯ โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อโญฺญ เม คมนมโคฺค นตฺถิ, ปฎิรุทฺธํ วต เม คมน’’นฺติฯ เตน วุตฺตํ –

    So ‘‘vīmaṃsissāmi tāva na’’nti tattheva ṭhatvā pāsāṇena saddhiṃ kathento viya ‘‘bho, pāsāṇā’’ti vatvā paṭivacanaṃ alabhanto yāvatatiyaṃ ‘‘bho, pāsāṇā’’ti āha. Pāsāṇo paṭivacanaṃ na deti. Punapi bodhisatto ‘‘kiṃ, bho pāsāṇa, ajja mayhaṃ paṭivacanaṃ na desī’’ti āha. Kumbhīlo ‘‘addhā ayaṃ pāsāṇo aññesu divasesu vānarindassa paṭivacanaṃ deti maññe, ajja pana mayā ottharitattā na deti, handāhaṃ dassāmissa paṭivacana’’nti cintetvā ‘‘kiṃ vānarindā’’ti āha. ‘‘Kosi tva’’nti? ‘‘Ahaṃ kumbhīlo’’ti . ‘‘Kimatthaṃ ettha nipannosī’’ti? ‘‘Tava hadayaṃ patthayamāno’’ti. Bodhisatto cintesi – ‘‘añño me gamanamaggo natthi, paṭiruddhaṃ vata me gamana’’nti. Tena vuttaṃ –

    ‘‘ปีฬิโต สุสุมาเรน, คมนํ น ลภามหํ’’ฯ

    ‘‘Pīḷito susumārena, gamanaṃ na labhāmahaṃ’’.

    ๖๘.

    68.

    ‘‘ยโมฺหกาเส อหํ ฐตฺวา, โอรา ปารํ ปตามหํ;

    ‘‘Yamhokāse ahaṃ ṭhatvā, orā pāraṃ patāmahaṃ;

    ตตฺถจฺฉิ สตฺตุวธโก, กุมฺภีโล ลุทฺททสฺสโน’’ติฯ

    Tatthacchi sattuvadhako, kumbhīlo luddadassano’’ti.

    ตตฺถ ‘‘ปีฬิโต สุสุมาเรนา’’ติ อทฺธคาถาย วุตฺตเมวตฺถํฯ ‘‘ยโมฺหกาเส’’ติ คาถาย ปากฎํ กโรติฯ ตตฺถ ยโมฺหกาเสติ ยสฺมิํ นทีมเชฺฌ ฐิตปิฎฺฐิปาสาณสงฺขาเต ปเทเส ฐตฺวาฯ โอราติ ทีปกสงฺขาตา โอรตีราฯ ปารนฺติ ตทา มม วสนฎฺฐานภูตํ นทิยา ปรตีรํฯ ปตามหนฺติ อุปฺปติตฺวา ปตามิ อหํฯ ตตฺถจฺฉีติ ตสฺมิํ ปิฎฺฐิปาสาณปฺปเทเส สตฺตุภูโต วธโก เอกเนฺตเนว ฆาตโก ปจฺจตฺถิโก ลุทฺททสฺสโน โฆรรูโป ภยานกทสฺสโน นิสีทิฯ

    Tattha ‘‘pīḷito susumārenā’’ti addhagāthāya vuttamevatthaṃ. ‘‘Yamhokāse’’ti gāthāya pākaṭaṃ karoti. Tattha yamhokāseti yasmiṃ nadīmajjhe ṭhitapiṭṭhipāsāṇasaṅkhāte padese ṭhatvā. Orāti dīpakasaṅkhātā oratīrā. Pāranti tadā mama vasanaṭṭhānabhūtaṃ nadiyā paratīraṃ. Patāmahanti uppatitvā patāmi ahaṃ. Tatthacchīti tasmiṃ piṭṭhipāsāṇappadese sattubhūto vadhako ekanteneva ghātako paccatthiko luddadassano ghorarūpo bhayānakadassano nisīdi.

    อถ มหาสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อโญฺญ เม คมนมโคฺค นตฺถิ, อชฺช มยา กุมฺภีโล วเญฺจตโพฺพ, เอวญฺหิ อยญฺจ มหตา ปาปโต มยา ปริโมจิโต สิยา, มยฺหญฺจ ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติฯ โส กุมฺภีลํ อาห – ‘‘สมฺม, กุมฺภีล, อหํ ตุยฺหํ อุปริ ปติสฺสามี’’ติฯ กุมฺภีโล ‘‘วานรินฺท, ปปญฺจํ อกตฺวา อิโต อาคจฺฉาหี’’ติ อาหฯ มหาสโตฺต ‘‘อหํ อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน มุขํ วิวริตฺวา มํ ตว สนฺติกํ อาคตกาเล คณฺหาหี’’ติ อโวจฯ กุมฺภีลานญฺจ มุเข วิวเฎ อกฺขีนิ นิมฺมีลนฺติฯ โส ตํ การณํ อสลฺลเกฺขโนฺต มุขํ วิวริฯ อถสฺส อกฺขีนิ นิมฺมีลิํสุฯ โส มุขํ วิวริตฺวา สพฺพโส นิมฺมีลิตกฺขี หุตฺวา นิปชฺชิฯ มหาสโตฺต ตสฺส ตถาภาวํ ญตฺวา ทีปกโต อุปฺปติโต คนฺตฺวา กุมฺภีลสฺส มตฺถกํ อกฺกมิตฺวา ตโต อุปฺปตโนฺต วิชฺชุลตา วิย วิโชฺชตมาโน ปรตีเร อฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha mahāsatto cintesi – ‘‘añño me gamanamaggo natthi, ajja mayā kumbhīlo vañcetabbo, evañhi ayañca mahatā pāpato mayā parimocito siyā, mayhañca jīvitaṃ laddha’’nti. So kumbhīlaṃ āha – ‘‘samma, kumbhīla, ahaṃ tuyhaṃ upari patissāmī’’ti. Kumbhīlo ‘‘vānarinda, papañcaṃ akatvā ito āgacchāhī’’ti āha. Mahāsatto ‘‘ahaṃ āgacchāmi, tvaṃ pana attano mukhaṃ vivaritvā maṃ tava santikaṃ āgatakāle gaṇhāhī’’ti avoca. Kumbhīlānañca mukhe vivaṭe akkhīni nimmīlanti. So taṃ kāraṇaṃ asallakkhento mukhaṃ vivari. Athassa akkhīni nimmīliṃsu. So mukhaṃ vivaritvā sabbaso nimmīlitakkhī hutvā nipajji. Mahāsatto tassa tathābhāvaṃ ñatvā dīpakato uppatito gantvā kumbhīlassa matthakaṃ akkamitvā tato uppatanto vijjulatā viya vijjotamāno paratīre aṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๖๙.

    69.

    ‘‘โส มํ อสํสิ เอหีติ, อหเมฺปมีติ ตํ วทิํ;

    ‘‘So maṃ asaṃsi ehīti, ahampemīti taṃ vadiṃ;

    ตสฺส มตฺถกมกฺกมฺม, ปรกูเล ปติฎฺฐหิ’’นฺติฯ

    Tassa matthakamakkamma, parakūle patiṭṭhahi’’nti.

    ตตฺถ อสํสีติ อภาสิฯ อหเมฺปมีติ อหมฺปิ อาคจฺฉามีติ ตํ กเถสิํฯ

    Tattha asaṃsīti abhāsi. Ahampemīti ahampi āgacchāmīti taṃ kathesiṃ.

    ยสฺมา ปน ตํ ทีปกํ อมฺพชมฺพุปนสาทิผลรุกฺขสณฺฑมณฺฑิตํ รมณียํ นิวาสโยคฺคญฺจ, ‘‘อาคจฺฉามี’’ติ ปน ปฎิญฺญาย ทินฺนตฺตา สจฺจํ อนุรกฺขโนฺต มหาสโตฺตปิ ‘‘อาคมิสฺสาเมวา’’ติ ตถา อกาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yasmā pana taṃ dīpakaṃ ambajambupanasādiphalarukkhasaṇḍamaṇḍitaṃ ramaṇīyaṃ nivāsayoggañca, ‘‘āgacchāmī’’ti pana paṭiññāya dinnattā saccaṃ anurakkhanto mahāsattopi ‘‘āgamissāmevā’’ti tathā akāsi. Tena vuttaṃ –

    ๗๐.

    70.

    ‘‘น ตสฺส อลิกํ ภณิตํ, ยถา วาจํ อกาสห’’นฺติฯ

    ‘‘Na tassa alikaṃ bhaṇitaṃ, yathā vācaṃ akāsaha’’nti.

    ยสฺมา เจตํ สจฺจานุรกฺขณํ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา กตํ, ตสฺมา อาห –

    Yasmā cetaṃ saccānurakkhaṇaṃ attano jīvitaṃ pariccajitvā kataṃ, tasmā āha –

    ‘‘สเจฺจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติฯ

    ‘‘Saccena me samo natthi, esā me saccapāramī’’ti.

    กุมฺภีโล ปน ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา วานริเนฺทน อติอเจฺฉรกํ กต’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ‘‘โภ วานรินฺท, อิมสฺมิํ โลเก จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อมิเตฺต อภิภวติ, เต สเพฺพปิ ตุยฺหํ อพฺภนฺตเร อตฺถิ มเญฺญ’’ติ อาห –

    Kumbhīlo pana taṃ acchariyaṃ disvā ‘‘iminā vānarindena atiaccherakaṃ kata’’nti cintetvā ‘‘bho vānarinda, imasmiṃ loke catūhi dhammehi samannāgato puggalo amitte abhibhavati, te sabbepi tuyhaṃ abbhantare atthi maññe’’ti āha –

    ‘‘ยเสฺสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท, ยถา ตว;

    ‘‘Yassete caturo dhammā, vānarinda, yathā tava;

    สจฺจํ ธโมฺม ธิติ จาโค, ทิฎฺฐํ โส อติวตฺตตี’’ติฯ (ชา. ๑.๒.๑๔๗);

    Saccaṃ dhammo dhiti cāgo, diṭṭhaṃ so ativattatī’’ti. (jā. 1.2.147);

    ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺสฯ เอเตติ อิทานิ วตฺตเพฺพ ปจฺจกฺขโต ทเสฺสติฯ จตุโร ธมฺมาติ จตฺตาโร คุณาฯ สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ, ‘‘มม สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มุสาวาทํ อกตฺวา อาคโต เอวาติ เอตํ เต วจีสจฺจํฯ ธโมฺมติ วิจารณปญฺญา, ‘‘เอวํ กเต อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ ปวตฺตา เต เอสา วิจารณปญฺญาฯ ธิตีติ อโพฺพจฺฉินฺนํ วีริยํ วุจฺจติ, เอตมฺปิ เต อตฺถิฯ จาโคติ อตฺตปริจฺจาโค, ตฺวํ อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา มม สนฺติกํ อาคโต, ยํ ปนาหํ คณฺหิตุํ นาสกฺขิํ, มยฺหเมเวส โทโส ฯ ทิฎฺฐนฺติ ปจฺจามิตฺตํฯ โส อติวตฺตตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ยถา ตว เอวํ เอเต จตฺตาโร ธมฺมา อตฺถิ, โส ยถา มํ ตฺวํ อชฺช อติกฺกโนฺต, ตเถว อตฺตโน ปจฺจามิตฺตํ อติกฺกมติ อภิภวตีติฯ

    Tattha yassāti yassa kassaci puggalassa. Eteti idāni vattabbe paccakkhato dasseti. Caturo dhammāti cattāro guṇā. Saccanti vacīsaccaṃ, ‘‘mama santikaṃ āgamissāmī’’ti vatvā musāvādaṃ akatvā āgato evāti etaṃ te vacīsaccaṃ. Dhammoti vicāraṇapaññā, ‘‘evaṃ kate idaṃ nāma bhavissatī’’ti pavattā te esā vicāraṇapaññā. Dhitīti abbocchinnaṃ vīriyaṃ vuccati, etampi te atthi. Cāgoti attapariccāgo, tvaṃ attānaṃ pariccajitvā mama santikaṃ āgato, yaṃ panāhaṃ gaṇhituṃ nāsakkhiṃ, mayhamevesa doso . Diṭṭhanti paccāmittaṃ. So ativattatīti yassa puggalassa yathā tava evaṃ ete cattāro dhammā atthi, so yathā maṃ tvaṃ ajja atikkanto, tatheva attano paccāmittaṃ atikkamati abhibhavatīti.

    เอวํ กุมฺภีโล โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คโตฯ ตทา กุมฺภีโล เทวทโตฺต อโหสิ, ตสฺส ภริยา จิญฺจมาณวิกา, กปิราชา ปน โลกนาโถฯ

    Evaṃ kumbhīlo bodhisattaṃ pasaṃsitvā attano vasanaṭṭhānaṃ gato. Tadā kumbhīlo devadatto ahosi, tassa bhariyā ciñcamāṇavikā, kapirājā pana lokanātho.

    ตสฺส อิธาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา อุทกสฺส ปาสาณสฺส จ ปมาณววตฺถาเนน อิทานิ ปาสาโณ อุจฺจตโร ขายตีติ ปริคฺคณฺหนวเสน ปาสาณสฺส อุปริ สุสุมารสฺส นิปนฺนภาวชานนํ, ปาสาเณน กถนาปเทเสน ตสฺสตฺถสฺส นิจฺฉยคมนํ, สุสุมารสฺส อุปริ อกฺกมิตฺวา สหสา ปรตีเร ปติฎฺฐานวเสน สีฆการิตาย ตสฺส มหตา ปาปโต ปริโมจนํ, อตฺตโน ชีวิตรกฺขณํ, สจฺจวาจานุรกฺขณญฺจาติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติฯ

    Tassa idhāpi heṭṭhā vuttanayeneva sesapāramiyo niddhāretabbā. Tathā udakassa pāsāṇassa ca pamāṇavavatthānena idāni pāsāṇo uccataro khāyatīti pariggaṇhanavasena pāsāṇassa upari susumārassa nipannabhāvajānanaṃ, pāsāṇena kathanāpadesena tassatthassa nicchayagamanaṃ, susumārassa upari akkamitvā sahasā paratīre patiṭṭhānavasena sīghakāritāya tassa mahatā pāpato parimocanaṃ, attano jīvitarakkhaṇaṃ, saccavācānurakkhaṇañcāti evamādayo guṇānubhāvā vibhāvetabbāti.

    กปิราชจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kapirājacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๗. กปิราชจริยา • 7. Kapirājacariyā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact