Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๗๕] ๕. กโปตชาตกวณฺณนา

    [375] 5. Kapotajātakavaṇṇanā

    อิทานิ โขมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โลลวตฺถุ อเนกโส วิตฺถาริตเมวฯ ตํ ปน สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ, โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตฺวํ โลโลสิ, โลลตาย ปน ชีวิตกฺขยํ ปโตฺต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Idāni khomhīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ lolabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Lolavatthu anekaso vitthāritameva. Taṃ pana satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu, lolo’’ti pucchitvā ‘‘āma, bhante’’ti vutte ‘‘na kho bhikkhu idāneva, pubbepi tvaṃ lolosi, lolatāya pana jīvitakkhayaṃ patto’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา พาราณสิเสฎฺฐิโน มหานเส นีฬปจฺฉิยํ วสติฯ อเถโก กาโก มจฺฉมํสลุโทฺธ เตน สทฺธิํ เมตฺติํ กตฺวา ตเตฺถว วสิฯ โส เอกทิวสํ พหุํ มจฺฉมํสํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ ขาทิสฺสามี’’ติ นิตฺถุนโนฺต นีฬปจฺฉิยํเยว นิปชฺชิตฺวา ปาราวเตน ‘‘เอหิ, สมฺม, โคจราย คมิสฺสามา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘อชีรเกน นิปโนฺนมฺหิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺมิํ คเต ‘‘คโต เม ปจฺจามิตฺตกณฺฎโก, อิทานิ ยถารุจิ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จิเนฺตโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto pārāvatayoniyaṃ nibbattitvā bārāṇasiseṭṭhino mahānase nīḷapacchiyaṃ vasati. Atheko kāko macchamaṃsaluddho tena saddhiṃ mettiṃ katvā tattheva vasi. So ekadivasaṃ bahuṃ macchamaṃsaṃ disvā ‘‘imaṃ khādissāmī’’ti nitthunanto nīḷapacchiyaṃyeva nipajjitvā pārāvatena ‘‘ehi, samma, gocarāya gamissāmā’’ti vuccamānopi ‘‘ajīrakena nipannomhi, gaccha tva’’nti vatvā tasmiṃ gate ‘‘gato me paccāmittakaṇṭako, idāni yathāruci macchamaṃsaṃ khādissāmī’’ti cintento paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๓๕.

    135.

    ‘‘อิทานิ โขมฺหิ สุขิโต อโรโค, นิกฺกณฺฎโก นิปฺปติโต กโปโต;

    ‘‘Idāni khomhi sukhito arogo, nikkaṇṭako nippatito kapoto;

    กาหามิ ทานี หทยสฺส ตุฎฺฐิํ, ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตี’’ติฯ

    Kāhāmi dānī hadayassa tuṭṭhiṃ, tathā hi maṃ maṃsasākaṃ baletī’’ti.

    ตตฺถ นิปฺปติโตติ นิคฺคโตฯ กโปโตติ ปาราวโตฯ กาหามิ ทานีติ กริสฺสามิ ทานิฯ ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตีติ ตถา หิ มํสญฺจ อวเสสํ สากญฺจ มยฺหํ พลํ กโรติ, อุเฎฺฐหิ ขาทาติ วทมานํ วิย อุสฺสาหํ มมํ กโรตีติ อโตฺถฯ

    Tattha nippatitoti niggato. Kapototi pārāvato. Kāhāmi dānīti karissāmi dāni. Tathā hi maṃ maṃsasākaṃ baletīti tathā hi maṃsañca avasesaṃ sākañca mayhaṃ balaṃ karoti, uṭṭhehi khādāti vadamānaṃ viya ussāhaṃ mamaṃ karotīti attho.

    โส ภตฺตการเก มจฺฉมํสํ ปจิตฺวา มหานสา นิกฺขมฺม สรีรโต เสทํ ปวาเหเนฺต ปจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา รสกโรฎิยํ นิลียิตฺวา ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิฯ ภตฺตการโก เวเคนาคนฺตฺวา กากํ คเหตฺวา สพฺพปตฺตานิ ลุญฺชิตฺวา อลฺลสิงฺคีเวรญฺจ สิทฺธตฺถเก จ ปิสิตฺวา ลสุณํ ปูติตเกฺกน มทฺทิตฺวา สกลสรีรํ มเกฺขตฺวา เอกํ กฐลํ ฆํสิตฺวา วิชฺฌิตฺวา สุตฺตเกน ตสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา นีฬปจฺฉิยํเยว ตํ ปกฺขิปิตฺวา อคมาสิฯ ปาราวโต อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา พลากา มม สหายสฺส ปจฺฉิยํ นิปนฺนา, จโณฺฑ หิ โส อาคนฺตฺวา ฆาเตยฺยาปิ น’’นฺติ ปริหาสํ กโรโนฺต ทุติยํ คาถมาห –

    So bhattakārake macchamaṃsaṃ pacitvā mahānasā nikkhamma sarīrato sedaṃ pavāhente pacchito nikkhamitvā rasakaroṭiyaṃ nilīyitvā ‘‘kiri kirī’’ti saddamakāsi. Bhattakārako vegenāgantvā kākaṃ gahetvā sabbapattāni luñjitvā allasiṅgīverañca siddhatthake ca pisitvā lasuṇaṃ pūtitakkena madditvā sakalasarīraṃ makkhetvā ekaṃ kaṭhalaṃ ghaṃsitvā vijjhitvā suttakena tassa gīvāyaṃ bandhitvā nīḷapacchiyaṃyeva taṃ pakkhipitvā agamāsi. Pārāvato āgantvā taṃ disvā ‘‘kā esā balākā mama sahāyassa pacchiyaṃ nipannā, caṇḍo hi so āgantvā ghāteyyāpi na’’nti parihāsaṃ karonto dutiyaṃ gāthamāha –

    ๑๓๖.

    136.

    ‘‘กายํ พลากา สิขินี, โจรี ลงฺฆิปิตามหา;

    ‘‘Kāyaṃ balākā sikhinī, corī laṅghipitāmahā;

    โอรํ พลาเก อาคจฺฉ, จโณฺฑ เม วายโส สขา’’ติฯ

    Oraṃ balāke āgaccha, caṇḍo me vāyaso sakhā’’ti.

    สา เหฎฺฐา (ชา. อฎฺฐ. ๒.๓.๗๐) วุตฺตตฺถาเยวฯ

    Sā heṭṭhā (jā. aṭṭha. 2.3.70) vuttatthāyeva.

    ตํ สุตฺวา กาโก ตติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā kāko tatiyaṃ gāthamāha –

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘อลญฺหิ เต ชคฺฆิตาเย, มมํ ทิสฺวาน เอทิสํ;

    ‘‘Alañhi te jagghitāye, mamaṃ disvāna edisaṃ;

    วิลูนํ สูทปุเตฺตน, ปิฎฺฐมเณฺฑน มกฺขิต’’นฺติฯ

    Vilūnaṃ sūdaputtena, piṭṭhamaṇḍena makkhita’’nti.

    ตตฺถ อลนฺติ ปฎิเสธเตฺถ นิปาโตฯ ชคฺฆิตาเยติ หสิตุํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทานิ มํ เอทิสํ เอวํ ทุกฺขปฺปตฺตํ ทิสฺวา ตว อลํ หสิตุํ, มา เอทิเส กาเล ปริหาสเกฬิํ กโรหีติฯ

    Tattha alanti paṭisedhatthe nipāto. Jagghitāyeti hasituṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – idāni maṃ edisaṃ evaṃ dukkhappattaṃ disvā tava alaṃ hasituṃ, mā edise kāle parihāsakeḷiṃ karohīti.

    โส ปริหาสเกฬิํ กโรโนฺตว ปุน จตุตฺถํ คาถมาห –

    So parihāsakeḷiṃ karontova puna catutthaṃ gāthamāha –

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘สุนฺหาโต สุวิลิโตฺตสิ, อนฺนปาเนน ตปฺปิโต;

    ‘‘Sunhāto suvilittosi, annapānena tappito;

    กเณฺฐ จ เต เวฬุริโย, อคมา นุ กชงฺคล’’นฺติฯ

    Kaṇṭhe ca te veḷuriyo, agamā nu kajaṅgala’’nti.

    ตตฺถ กเณฺฐ จ เต เวฬุริโยติ อยํ เต เวฬุริยมณิปิ กเณฺฐ ปิฬโนฺธ, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ เอตํ น ทเสฺสสีติ กปาลํ สนฺธาเยวมาหฯ กชงฺคลนฺติ อิธ พาราณสีเยว ‘‘กชงฺคลา’’ติ อธิเปฺปตาฯ อิโต นิกฺขมิตฺวา กจฺจิ อโนฺตนครํ คโตสีติ ปุจฺฉติฯ

    Tattha kaṇṭhe ca te veḷuriyoti ayaṃ te veḷuriyamaṇipi kaṇṭhe piḷandho, tvaṃ ettakaṃ kālaṃ amhākaṃ etaṃ na dassesīti kapālaṃ sandhāyevamāha. Kajaṅgalanti idha bārāṇasīyeva ‘‘kajaṅgalā’’ti adhippetā. Ito nikkhamitvā kacci antonagaraṃ gatosīti pucchati.

    ตโต กาโก ปญฺจมํ คาถมาห –

    Tato kāko pañcamaṃ gāthamāha –

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘มา เต มิโตฺต อมิโตฺต วา, อคมาสิ กชงฺคลํ;

    ‘‘Mā te mitto amitto vā, agamāsi kajaṅgalaṃ;

    ปิญฺฉานิ ตตฺถ ลายิตฺวา, กเณฺฐ พนฺธนฺติ วฎฺฎน’’นฺติฯ

    Piñchāni tattha lāyitvā, kaṇṭhe bandhanti vaṭṭana’’nti.

    ตตฺถ ปิญฺฉานีติ ปตฺตานิฯ ตตฺถ ลายิตฺวาติ ตสฺมิํ พาราณสินคเร ลุญฺจิตฺวาฯ วฎฺฎนนฺติ กฐลิกํฯ

    Tattha piñchānīti pattāni. Tattha lāyitvāti tasmiṃ bārāṇasinagare luñcitvā. Vaṭṭananti kaṭhalikaṃ.

    ตํ สุตฺวา ปาราวโต โอสานคาถมาห –

    Taṃ sutvā pārāvato osānagāthamāha –

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลญฺหิ ตว ตาทิสํ;

    ‘‘Punapāpajjasī samma, sīlañhi tava tādisaṃ;

    น หิ มานุสกา โภคา, สุภุญฺชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติฯ

    Na hi mānusakā bhogā, subhuñjā honti pakkhinā’’ti.

    ตตฺถ ปุนปาปชฺชสีติ ปุนปิ เอวรูปํ อาปชฺชิสฺสสิฯ เอวรูปญฺหิ เต สีลนฺติฯ

    Tattha punapāpajjasīti punapi evarūpaṃ āpajjissasi. Evarūpañhi te sīlanti.

    อิติ นํ โส โอวทิตฺวา ตตฺถ อวสิตฺวา ปเกฺข ปสาเรตฺวา อญฺญตฺถ อคมาสิฯ กาโกปิ ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ

    Iti naṃ so ovaditvā tattha avasitvā pakkhe pasāretvā aññattha agamāsi. Kākopi tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, กโปโต ปน อหเมว อโหสินฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne lolabhikkhu anāgāmiphale patiṭṭhahi. Tadā kāko lolabhikkhu ahosi, kapoto pana ahameva ahosinti.

    กโปตชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Kapotajātakavaṇṇanā pañcamā.

    อฑฺฒวโคฺค ตติโยฯ

    Aḍḍhavaggo tatiyo.

    ชาตกุทฺทานํ –

    Jātakuddānaṃ –

    มณิกุณฺฑล สุชาตา, เวนสาขญฺจ โอรคํ;

    Maṇikuṇḍala sujātā, venasākhañca oragaṃ;

    ฆฎํ โกรณฺฑิ ลฎุกิ, ธมฺมปาลํ มิคํ ตถาฯ

    Ghaṭaṃ koraṇḍi laṭuki, dhammapālaṃ migaṃ tathā.

    สุโยนนฺที วณฺณาโรห, สีลํ หิรี ขโชฺชปนํ;

    Suyonandī vaṇṇāroha, sīlaṃ hirī khajjopanaṃ;

    อหิ คุมฺพิย สาฬิยํ, ตจสารํ มิตฺตวินฺทํฯ

    Ahi gumbiya sāḷiyaṃ, tacasāraṃ mittavindaṃ.

    ปลาสเญฺจว ทีฆิติ, มิคโปตก มูสิกํ;

    Palāsañceva dīghiti, migapotaka mūsikaṃ;

    ธนุคฺคโห กโปตญฺจ, ชาตกา ปญฺจวีสติฯ

    Dhanuggaho kapotañca, jātakā pañcavīsati.

    ปญฺจกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๗๕. กโปตชาตกํ • 375. Kapotajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact