Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๕. กปฺปเตฺถรคาถาวณฺณนา
5. Kappattheragāthāvaṇṇanā
นานากุลมลสมฺปุโณฺณติอาทิกา อายสฺมโต กปฺปเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปเนฺน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน วิญฺญุตํ ปโตฺต นานาวิราควณฺณวิจิเตฺตหิ วเตฺถหิ อเนกวิเธหิ อาภรเณหิ นานาวิเธหิ มณิรตเนหิ พหุวิเธหิ ปุปฺผทามมาลาทีหิ จ กปฺปรุกฺขํ นาม อลงฺกริตฺวา เตน สตฺถุ ถูปํ ปูเชสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท มคธรเฎฺฐ มณฺฑลิกราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐิโต กาเมสุ อติวิย รโตฺต คิโทฺธ หุตฺวา วิหรติฯ ตํ สตฺถา มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต ญาณชาเล ปญฺญายมานํ ทิสฺวา, ‘‘กิํ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวเชฺชโนฺต, ‘‘เอส มม สนฺติเก อสุภกถํ สุตฺวา กาเมสุ วิรตฺตจิโตฺต หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ญตฺวา อากาเสน ตตฺถ คนฺตฺวา –
Nānākulamalasampuṇṇotiādikā āyasmato kappattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto siddhatthassa bhagavato kāle vibhavasampanne kule nibbattitvā pitu accayena viññutaṃ patto nānāvirāgavaṇṇavicittehi vatthehi anekavidhehi ābharaṇehi nānāvidhehi maṇiratanehi bahuvidhehi pupphadāmamālādīhi ca kapparukkhaṃ nāma alaṅkaritvā tena satthu thūpaṃ pūjesi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde magadharaṭṭhe maṇḍalikarājakule nibbattitvā pitu accayena rajje patiṭṭhito kāmesu ativiya ratto giddho hutvā viharati. Taṃ satthā mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento ñāṇajāle paññāyamānaṃ disvā, ‘‘kiṃ nu kho bhavissatī’’ti āvajjento, ‘‘esa mama santike asubhakathaṃ sutvā kāmesu virattacitto hutvā pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇissatī’’ti ñatvā ākāsena tattha gantvā –
๕๖๗.
567.
‘‘นานากุลมลสมฺปุโณฺณ , มหาอุกฺการสมฺภโว;
‘‘Nānākulamalasampuṇṇo , mahāukkārasambhavo;
จนฺทนิกํว ปริปกฺกํ, มหาคโณฺฑ มหาวโณฯ
Candanikaṃva paripakkaṃ, mahāgaṇḍo mahāvaṇo.
๕๖๘.
568.
‘‘ปุพฺพรุหิรสมฺปุโณฺณ, คูถกูเปน คาฬฺหิโต;
‘‘Pubbaruhirasampuṇṇo, gūthakūpena gāḷhito;
อาโปปคฺฆรโณ กาโย, สทา สนฺทติ ปูติกํฯ
Āpopaggharaṇo kāyo, sadā sandati pūtikaṃ.
๕๖๙.
569.
‘‘สฎฺฐิกณฺฑรสมฺพโนฺธ, มํสเลปนเลปิโต;
‘‘Saṭṭhikaṇḍarasambandho, maṃsalepanalepito;
จมฺมกญฺจุกสนฺนโทฺธ, ปูติกาโย นิรตฺถโกฯ
Cammakañcukasannaddho, pūtikāyo niratthako.
๕๗๐.
570.
‘‘อฎฺฐิสงฺฆาตฆฎิโต, นฺหารุสุตฺตนิพนฺธโน;
‘‘Aṭṭhisaṅghātaghaṭito, nhārusuttanibandhano;
เนเกสํ สํคตีภาวา, กเปฺปติ อิริยาปถํฯ
Nekesaṃ saṃgatībhāvā, kappeti iriyāpathaṃ.
๕๗๑.
571.
‘‘ธุวปฺปยาโต มรณาย, มจฺจุราชสฺส สนฺติเก;
‘‘Dhuvappayāto maraṇāya, maccurājassa santike;
อิเธว ฉฑฺฑยิตฺวาน, เยนกามงฺคโม นโรฯ
Idheva chaḍḍayitvāna, yenakāmaṅgamo naro.
๕๗๒.
572.
‘‘อวิชฺชาย นิวุโต กาโย, จตุคเนฺถน คนฺถิโต;
‘‘Avijjāya nivuto kāyo, catuganthena ganthito;
โอฆสํสีทโน กาโย, อนุสยาชาลโมตฺถโตฯ
Oghasaṃsīdano kāyo, anusayājālamotthato.
๕๗๓.
573.
‘‘ปญฺจนีวรเณ ยุโตฺต, วิตเกฺกน สมปฺปิโต;
‘‘Pañcanīvaraṇe yutto, vitakkena samappito;
ตณฺหามูเลนานุคโต, โมหจฺฉาทนฉาทิโตฯ
Taṇhāmūlenānugato, mohacchādanachādito.
๕๗๔.
574.
‘‘เอวายํ วตฺตเต กาโย, กมฺมยเนฺตน ยนฺติโต;
‘‘Evāyaṃ vattate kāyo, kammayantena yantito;
สมฺปตฺติ จ วิปตฺยนฺตา, นานาภาโว วิปชฺชติฯ
Sampatti ca vipatyantā, nānābhāvo vipajjati.
๕๗๕.
575.
‘‘เยมํ กายํ มมายนฺติ, อนฺธพาลา ปุถุชฺชนา;
‘‘Yemaṃ kāyaṃ mamāyanti, andhabālā puthujjanā;
วเฑฺฒนฺติ กฎสิํ โฆรํ, อาทิยนฺติ ปุนพฺภวํฯ
Vaḍḍhenti kaṭasiṃ ghoraṃ, ādiyanti punabbhavaṃ.
๕๗๖.
576.
‘‘เยมํ กายํ วิวเชฺชนฺติ, คูถลิตฺตํว ปนฺนคํ;
‘‘Yemaṃ kāyaṃ vivajjenti, gūthalittaṃva pannagaṃ;
ภวมูลํ วมิตฺวาน, ปรินิพฺพิสฺสนฺตินาสวา’’ติฯ –
Bhavamūlaṃ vamitvāna, parinibbissantināsavā’’ti. –
อิมาหิ คาถาหิ ตสฺส อสุภกถํ กเถสิฯ โส สตฺถุ สมฺมุขา อเนกาการโวการํ ยาถาวโต สรีรสภาววิภาวนํ อสุภกถํ สุตฺวา สเกน กาเยน อฎฺฎียมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน สํวิคฺคหทโย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺช’’นฺติ ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ สตฺถา สมีเป ฐิตมญฺญตรํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, อิมํ ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา อาเนหี’’ติฯ โส ตํ ตจปญฺจกกมฺมฎฺฐานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิฯ โส ขุรเคฺคเยว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เตร ๑.๔.๑๐๒-๑๐๗) –
Imāhi gāthāhi tassa asubhakathaṃ kathesi. So satthu sammukhā anekākāravokāraṃ yāthāvato sarīrasabhāvavibhāvanaṃ asubhakathaṃ sutvā sakena kāyena aṭṭīyamāno harāyamāno jigucchamāno saṃviggahadayo satthāraṃ vanditvā, ‘‘labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajja’’nti pabbajjaṃ yāci. Satthā samīpe ṭhitamaññataraṃ bhikkhuṃ āṇāpesi – ‘‘gaccha, bhikkhu, imaṃ pabbājetvā upasampādetvā ānehī’’ti. So taṃ tacapañcakakammaṭṭhānaṃ datvā pabbājesi. So khuraggeyeva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. tera 1.4.102-107) –
‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ถูปเสฎฺฐสฺส สมฺมุขา;
‘‘Siddhatthassa bhagavato, thūpaseṭṭhassa sammukhā;
วิจิตฺตทุเสฺส ลเคตฺวา, กปฺปรุกฺขํ ฐเปสหํฯ
Vicittadusse lagetvā, kapparukkhaṃ ṭhapesahaṃ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
‘‘Yaṃ yaṃ yonupapajjāmi, devattaṃ atha mānusaṃ;
โสภยโนฺต มม ทฺวารํ, กปฺปรุโกฺข ปติฎฺฐติฯ
Sobhayanto mama dvāraṃ, kapparukkho patiṭṭhati.
‘‘อหญฺจ ปริสา เจว, เย เกจิ มมวสฺสิตา;
‘‘Ahañca parisā ceva, ye keci mamavassitā;
ตมฺหา ทุสฺสํ คเหตฺวาน, นิวาเสม มยํ สทาฯ
Tamhā dussaṃ gahetvāna, nivāsema mayaṃ sadā.
‘‘จตุนฺนวุติโต กเปฺป, ยํ รุกฺขํ ฐปยิํ อหํ;
‘‘Catunnavutito kappe, yaṃ rukkhaṃ ṭhapayiṃ ahaṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, กปฺปรุกฺขสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, kapparukkhassidaṃ phalaṃ.
‘‘อิโต จ สตฺตเม กเปฺป, สุเจฬา อฎฺฐ ขตฺติยา;
‘‘Ito ca sattame kappe, suceḷā aṭṭha khattiyā;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลาฯ
Sattaratanasampannā, cakkavattī mahabbalā.
‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ตา เอว คาถา อภาสิฯ เตเนว ตา เถรคาถา นาม ชาตาฯ
Arahattaṃ pana patvā laddhūpasampado satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisinno aññaṃ byākaronto tā eva gāthā abhāsi. Teneva tā theragāthā nāma jātā.
ตตฺถ นานากุลมลสมฺปุโณฺณติ, นานากุเลหิ นานาภาเคหิ มเลหิ สมฺปุโณฺณ, เกสโลมาทินานาวิธอสุจิโกฎฺฐาสภริโตติ อโตฺถฯ มหาอุกฺการสมฺภโวติ, อุกฺกาโร วุจฺจติ วจฺจกูปํฯ ยตฺตกวยา มาตา, ตตฺตกํ กาลํ การปริเสทิตวจฺจกูปสทิสตาย มาตุ กุจฺฉิ อิธ ‘‘มหาอุกฺกาโร’’ติ อธิเปฺปโตฯ โส กุจฺฉิ สมฺภโว อุปฺปตฺติฎฺฐานํ เอตสฺสาติ มหาอุกฺการสมฺภโวฯ จนฺทนิกํวาติ จนฺทนิกํ นาม อุจฺฉิโฎฺฐทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฎฺฐานํ, ยํ ชณฺณุมตฺตํ อสุจิภริตมฺปิ โหติ, ตาทิสนฺติ อโตฺถฯ ปริปกฺกนฺติ, ปริณตํ ปุราณํฯ เตน ยถา จณฺฑาลคามทฺวาเร นิทาฆสมเย ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต อุทเกน สมุปพฺยูฬฺหมุตฺตกรีสอฎฺฐิจมฺมนฺหารุขณฺฑเขฬสิงฺฆาณิกาทินานากุณปภริตํ กทฺทโมทกาลุฬิตํ กติปยทิวสาติกฺกเมน สํชาต กิมิกุลากุลํ สูริยาตปสนฺตาปกุถิตํ อุปริ เผณปุพฺพุฬกานิ มุญฺจนฺตํ อภินีลวณฺณํ ปรมทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ จนฺทนิกาวาฎํ เนว อุปคนฺตุํ, น ทฎฺฐุํ อรหรูปํ หุตฺวา ติฎฺฐติ, ตถารูโปยํ กาโยติ ทเสฺสติฯ สทา ทุกฺขตามูลโยคโต อสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชรามรเณหิ อุทฺธุมายนปริปจฺจนภิชฺชนสภาวตฺตา จ มหโนฺต คโณฺฑ วิยาติ มหาคโณฺฑฯ สพฺพตฺถกเมว ทุกฺขเวทนานุพทฺธตฺตา คณฺฑานํ สหนโต อสุจิวิสฺสนฺทนโต จ มหโนฺต วโณ วิยาติ มหาวโณ คูถกูเปน คาฬิโตติ, วจฺจกูเปน วเจฺจเนว วา ภริโตฯ ‘‘คูถกูปนิคาฬฺหิโต’’ติปิ ปาฬิ, วจฺจกูปโต นิกฺขโนฺตติ อโตฺถฯ อาโปปคฺฆรโณ กาโย, สทา สนฺทติ ปูติกนฺติ, อยํ กาโย อาโปธาตุยา สทา ปคฺฆรณสีโล, ตญฺจ โข ปิตฺตเสมฺหเสทมุตฺตาทิกํ ปูติกํ อสุจิํเยว สนฺทติ, น กทาจิ สุจินฺติ อโตฺถฯ
Tattha nānākulamalasampuṇṇoti, nānākulehi nānābhāgehi malehi sampuṇṇo, kesalomādinānāvidhaasucikoṭṭhāsabharitoti attho. Mahāukkārasambhavoti, ukkāro vuccati vaccakūpaṃ. Yattakavayā mātā, tattakaṃ kālaṃ kārapariseditavaccakūpasadisatāya mātu kucchi idha ‘‘mahāukkāro’’ti adhippeto. So kucchi sambhavo uppattiṭṭhānaṃ etassāti mahāukkārasambhavo. Candanikaṃvāti candanikaṃ nāma ucchiṭṭhodakagabbhamalādīnaṃ chaḍḍanaṭṭhānaṃ, yaṃ jaṇṇumattaṃ asucibharitampi hoti, tādisanti attho. Paripakkanti, pariṇataṃ purāṇaṃ. Tena yathā caṇḍālagāmadvāre nidāghasamaye thullaphusitake deve vassante udakena samupabyūḷhamuttakarīsaaṭṭhicammanhārukhaṇḍakheḷasiṅghāṇikādinānākuṇapabharitaṃ kaddamodakāluḷitaṃ katipayadivasātikkamena saṃjāta kimikulākulaṃ sūriyātapasantāpakuthitaṃ upari pheṇapubbuḷakāni muñcantaṃ abhinīlavaṇṇaṃ paramaduggandhaṃ jegucchaṃ candanikāvāṭaṃ neva upagantuṃ, na daṭṭhuṃ araharūpaṃ hutvā tiṭṭhati, tathārūpoyaṃ kāyoti dasseti. Sadā dukkhatāmūlayogato asucipaggharaṇato uppādajarāmaraṇehi uddhumāyanaparipaccanabhijjanasabhāvattā ca mahanto gaṇḍo viyāti mahāgaṇḍo. Sabbatthakameva dukkhavedanānubaddhattā gaṇḍānaṃ sahanato asucivissandanato ca mahanto vaṇo viyāti mahāvaṇo gūthakūpena gāḷitoti, vaccakūpena vacceneva vā bharito. ‘‘Gūthakūpanigāḷhito’’tipi pāḷi, vaccakūpato nikkhantoti attho. Āpopaggharaṇo kāyo, sadā sandati pūtikanti, ayaṃ kāyo āpodhātuyā sadā paggharaṇasīlo, tañca kho pittasemhasedamuttādikaṃ pūtikaṃ asuciṃyeva sandati, na kadāci sucinti attho.
สฎฺฐิกณฺฑรสมฺพโนฺธติ , คีวาย อุปริมภาคโต ปฎฺฐาย สรีรํ วินทฺธมานา สรีรสฺส ปุริมปจฺฉิมทกฺขิณวามปเสฺสสุ ปเจฺจกํ ปญฺจ ปญฺจ กตฺวา วีสติ, หตฺถปาเท วินทฺธมานา เตสํ ปุริมปจฺฉิมปเสฺสสุ ปญฺจ ปญฺจ กตฺวา จตฺตาลีสาติ สฎฺฐิยา กณฺฑเรหิ มหานฺหารูหิ สพฺพโส พโทฺธ วินโทฺธติ สฎฺฐิกณฺฑรสมฺพโนฺธฯ มํสเลปนเลปิโตติ, มํสสงฺขาเตน เลปเนน ลิโตฺต, นวมํสเปสิสตานุลิโตฺตติ อโตฺถฯ จมฺมกญฺจุกสนฺนโทฺธติ, จมฺมสงฺขาเตน กญฺจุเกน สพฺพโส โอนโทฺธ ปริโยนโทฺธ ปริจฺฉิโนฺนฯ ปูติกาโยติ, สพฺพโส ปูติคนฺธิโก กาโยฯ นิรตฺถโกติ, นิปฺปโยชโนฯ อเญฺญสญฺหิ ปาณีนํ กาโย จมฺมาทิวินิโยเคน สิยา สปฺปโยชโน, น ตถา มนุสฺสกาโยติฯ อฎฺฐิสงฺฆาตฆฎิโตติ, อติเรกติสตานํ อฎฺฐีนํ สงฺฆาเตน ฆฎิโต สมฺพโนฺธฯ นฺหารุสุตฺตนิพนฺธโนติ, สุตฺตสทิเสหิ นวหิ นฺหารุสเตหิ นิพนฺธิโตฯ เนเกสํ สํคตีภาวาติ, จตุมหาภูตชีวิตินฺทฺริยอสฺสาสปสฺสาสวิญฺญาณาทีนํ สมวายสมฺพเนฺธน สุตฺตเมรกสมวาเยน ยนฺตํ วิย ฐานาทิอิริยาปถํ กเปฺปติฯ
Saṭṭhikaṇḍarasambandhoti , gīvāya uparimabhāgato paṭṭhāya sarīraṃ vinaddhamānā sarīrassa purimapacchimadakkhiṇavāmapassesu paccekaṃ pañca pañca katvā vīsati, hatthapāde vinaddhamānā tesaṃ purimapacchimapassesu pañca pañca katvā cattālīsāti saṭṭhiyā kaṇḍarehi mahānhārūhi sabbaso baddho vinaddhoti saṭṭhikaṇḍarasambandho. Maṃsalepanalepitoti, maṃsasaṅkhātena lepanena litto, navamaṃsapesisatānulittoti attho. Cammakañcukasannaddhoti, cammasaṅkhātena kañcukena sabbaso onaddho pariyonaddho paricchinno. Pūtikāyoti, sabbaso pūtigandhiko kāyo. Niratthakoti, nippayojano. Aññesañhi pāṇīnaṃ kāyo cammādiviniyogena siyā sappayojano, na tathā manussakāyoti. Aṭṭhisaṅghātaghaṭitoti, atirekatisatānaṃ aṭṭhīnaṃ saṅghātena ghaṭito sambandho. Nhārusuttanibandhanoti, suttasadisehi navahi nhārusatehi nibandhito. Nekesaṃ saṃgatībhāvāti, catumahābhūtajīvitindriyaassāsapassāsaviññāṇādīnaṃ samavāyasambandhena suttamerakasamavāyena yantaṃ viya ṭhānādiiriyāpathaṃ kappeti.
ธุวปฺปยาโต มรณายาติ, มรณสฺส อตฺถาย เอกนฺตคมโน, นิพฺพตฺติโต ปฎฺฐาย มรณํ ปติ ปวโตฺตฯ ตโต เอว มจฺจุราชสฺส มรณสฺส สนฺติเก ฐิโตฯ อิเธว ฉฑฺฑยิตฺวานาติ, อิมสฺมิํเยว โลเก กายํ ฉเฑฺฑตฺวา, ยถารุจิตฎฺฐานคามี อยํ สโตฺต, ตสฺมา ‘‘ปหาย คมนีโย อยํ กาโย’’ติ เอวมฺปิ สโงฺค น กาตโพฺพติ ทเสฺสติฯ
Dhuvappayāto maraṇāyāti, maraṇassa atthāya ekantagamano, nibbattito paṭṭhāya maraṇaṃ pati pavatto. Tato eva maccurājassa maraṇassa santike ṭhito. Idheva chaḍḍayitvānāti, imasmiṃyeva loke kāyaṃ chaḍḍetvā, yathārucitaṭṭhānagāmī ayaṃ satto, tasmā ‘‘pahāya gamanīyo ayaṃ kāyo’’ti evampi saṅgo na kātabboti dasseti.
อวิชฺชาย นิวุโตติ, อวิชฺชานีวรเณน นิวุโต ปฎิจฺฉาทิตาทีนโว, อญฺญถา โก เอตฺถ สงฺคํ ชเนยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ จตุคเนฺถนาติ, อภิชฺฌากายคนฺถาทินา จตุพฺพิเธน คเนฺถน คนฺถิโต, คนฺถนิยภาเวน วินทฺธิโตฯ โอฆสํสีทโนติ, โอฆนิยภาเวน กาโมฆาทีสุ จตูสุ โอเฆสุ สํสีทนโกฯ อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ เสนฺตีติ อนุสยา, กามราคาทโย อนุสยาฯ เตสํ ชาเลน โอตฺถโต อภิภูโตติ อนุสยาชาลโมตฺถโตฯ มกาโร ปทสนฺธิกโร, คาถาสุขตฺถํ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํฯ กามจฺฉนฺทาทินา ปญฺจวิเธน นีวรเณน ยุโตฺต อธิมุโตฺตติ ปญฺจนีวรเณ ยุโตฺต, กรณเตฺถ ภุมฺมวจนํฯ
Avijjāya nivutoti, avijjānīvaraṇena nivuto paṭicchāditādīnavo, aññathā ko ettha saṅgaṃ janeyyāti adhippāyo. Catuganthenāti, abhijjhākāyaganthādinā catubbidhena ganthena ganthito, ganthaniyabhāvena vinaddhito. Oghasaṃsīdanoti, oghaniyabhāvena kāmoghādīsu catūsu oghesu saṃsīdanako. Appahīnabhāvena santāne anu anu sentīti anusayā, kāmarāgādayo anusayā. Tesaṃ jālena otthato abhibhūtoti anusayājālamotthato. Makāro padasandhikaro, gāthāsukhatthaṃ dīghaṃ katvā vuttaṃ. Kāmacchandādinā pañcavidhena nīvaraṇena yutto adhimuttoti pañcanīvaraṇe yutto, karaṇatthe bhummavacanaṃ.
กามวิตกฺกาทินา มิจฺฉาวิตเกฺกน สมปฺปิโต สมสฺสิโตติ วิตเกฺกน สมปฺปิโตฯ ตณฺหามูเลนานุคโตติ, ตณฺหาสงฺขาเตน ภวมูเลน อนุพโทฺธฯ โมหจฺฉาทนฉาทิโตติ, สโมฺมหสงฺขาเตน อาวรเณน ปลิคุณฺฐิโตฯ สพฺพเมตํ สวิญฺญาณกํ กรชกายํ สนฺธาย วทติฯ สวิญฺญาณโก หิ อตฺตภาโว ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส กาโย ติฎฺฐติ, อยเญฺจว กาโย พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑.๑๔๗) กาโยติ วุจฺจติ, เอวายํ วตฺตเต กาโยติ เอวํ ‘‘นานากุลมลสมฺปุโณฺณ’’ติอาทินา ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต’’ติอาทินา จ วุตฺตปฺปกาเรน อยํ กาโย วตฺตติ, วตฺตโนฺต จ กมฺมยเนฺตน สุกตทุกฺกเฎน กมฺมสงฺขาเตน ยเนฺตน ยนฺติโต สงฺฆฎิโตฯ ยถา วา เขมนฺตํ คนฺตุํ น สโกฺกติ, ตถา สโงฺขภิโต สุคติทุคฺคตีสุ วตฺตติ ปริพฺภมติฯ สมฺปตฺติ จ วิปตฺยนฺตาติ ยา เอตฺถ สมฺปตฺติ, สา วิปตฺติปริโยสานาฯ สพฺพญฺหิ โยพฺพนํ ชราปริโยสานํ, สพฺพํ อาโรคฺยํ พฺยาธิปริโยสานํ, สพฺพํ ชีวิตํ มรณปริโยสานํ, สโพฺพ สมาคโม วิโยคปริโยสาโนฯ เตนาห ‘‘นานาภาโว วิปชฺชตี’’ติฯ นานาภาโวติ, วินาภาโว วิปฺปโยโค, โส กทาจิ วิปฺปยุญฺชกสฺส วเสน, กทาจิ วิปฺปยุญฺชิตพฺพสฺส วเสนาติ วิวิธํ ปชฺชติ ปาปุณียติฯ
Kāmavitakkādinā micchāvitakkena samappito samassitoti vitakkena samappito. Taṇhāmūlenānugatoti, taṇhāsaṅkhātena bhavamūlena anubaddho. Mohacchādanachāditoti, sammohasaṅkhātena āvaraṇena paliguṇṭhito. Sabbametaṃ saviññāṇakaṃ karajakāyaṃ sandhāya vadati. Saviññāṇako hi attabhāvo ‘‘ucchinnabhavanettiko, bhikkhave, tathāgatassa kāyo tiṭṭhati, ayañceva kāyo bahiddhā ca nāmarūpa’’ntiādīsu (dī. ni. 1.1.147) kāyoti vuccati, evāyaṃ vattate kāyoti evaṃ ‘‘nānākulamalasampuṇṇo’’tiādinā ‘‘avijjāya nivuto’’tiādinā ca vuttappakārena ayaṃ kāyo vattati, vattanto ca kammayantena sukatadukkaṭena kammasaṅkhātena yantena yantito saṅghaṭito. Yathā vā khemantaṃ gantuṃ na sakkoti, tathā saṅkhobhito sugatiduggatīsu vattati paribbhamati. Sampatti ca vipatyantāti yā ettha sampatti, sā vipattipariyosānā. Sabbañhi yobbanaṃ jarāpariyosānaṃ, sabbaṃ ārogyaṃ byādhipariyosānaṃ, sabbaṃ jīvitaṃ maraṇapariyosānaṃ, sabbo samāgamo viyogapariyosāno. Tenāha ‘‘nānābhāvo vipajjatī’’ti. Nānābhāvoti, vinābhāvo vippayogo, so kadāci vippayuñjakassa vasena, kadāci vippayuñjitabbassa vasenāti vividhaṃ pajjati pāpuṇīyati.
เยมํ กายํ มมายนฺตีติ เย อนฺธพาลา ปุถุชฺชนา เอวํ อสุภํ อนิจฺจํ อธุวํ ทุกฺขํ อสารํ อิมํ กายํ ‘‘มม อิท’’นฺติ คณฺหนฺตา มมายนฺติ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทนฺติ, เต ชาติอาทีหิ นิรยาทีหิ จ โฆรํ ภยานกํ อปณฺฑิเตหิ อภิรมิตพฺพโต กฎสิสงฺขาตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ ชนนมรณาทีหิ วเฑฺฒนฺติ, เตนาห ‘‘อาทิยนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติฯ
Yemaṃ kāyaṃ mamāyantīti ye andhabālā puthujjanā evaṃ asubhaṃ aniccaṃ adhuvaṃ dukkhaṃ asāraṃ imaṃ kāyaṃ ‘‘mama ida’’nti gaṇhantā mamāyanti chandarāgaṃ uppādenti, te jātiādīhi nirayādīhi ca ghoraṃ bhayānakaṃ apaṇḍitehi abhiramitabbato kaṭasisaṅkhātaṃ saṃsāraṃ punappunaṃ jananamaraṇādīhi vaḍḍhenti, tenāha ‘‘ādiyanti punabbhava’’nti.
เยมํ กายํ วิวเชฺชนฺติ, คูถลิตฺตํว ปนฺนคนฺติ ยถา นาม ปุริโส สุขกาโม ชีวิตุกาโม คูถคตํ อาสีวิสํ ทิสฺวา ชิคุจฺฉนิยตาย วา สปฺปฎิภยตาย วา วิวเชฺชติ น อลฺลียติ, เอวเมวํ เย ปณฺฑิตา กุลปุตฺตา อสุจิภาเวน เชคุจฺฉํ อนิจฺจาทิภาเวน สปฺปฎิภยํ อิมํ กายํ วิวเชฺชนฺติ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหนฺติฯ เต ภวมูลํ อวิชฺชํ ภวตณฺหญฺจ วมิตฺวา ฉเฑฺฑตฺวา อจฺจนฺตเมว ปหาย ตโต เอว สพฺพโส อนาสวา สอุปาทิเสสาย อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตีติฯ
Yemaṃ kāyaṃ vivajjenti, gūthalittaṃva pannaganti yathā nāma puriso sukhakāmo jīvitukāmo gūthagataṃ āsīvisaṃ disvā jigucchaniyatāya vā sappaṭibhayatāya vā vivajjeti na allīyati, evamevaṃ ye paṇḍitā kulaputtā asucibhāvena jegucchaṃ aniccādibhāvena sappaṭibhayaṃ imaṃ kāyaṃ vivajjenti chandarāgappahānena pajahanti. Te bhavamūlaṃ avijjaṃ bhavataṇhañca vamitvā chaḍḍetvā accantameva pahāya tato eva sabbaso anāsavā saupādisesāya anupādisesāya ca nibbānadhātuyā parinibbāyissantīti.
กปฺปเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kappattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. กปฺปเตฺถรคาถา • 5. Kappattheragāthā