Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi |
๔. กสิภารทฺวาชสุตฺตํ
4. Kasibhāradvājasuttaṃ
เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ ทกฺขิณาคิริสฺมิํ 1 เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเมฯ เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปญฺจมตฺตานิ นงฺคลสตานิ ปยุตฺตานิ โหนฺติ วปฺปกาเลฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส กมฺมโนฺต เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนา วตฺตติฯ อถ โข ภควา เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ
Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā magadhesu viharati dakkhiṇāgirismiṃ 2 ekanāḷāyaṃ brāhmaṇagāme. Tena kho pana samayena kasibhāradvājassa brāhmaṇassa pañcamattāni naṅgalasatāni payuttāni honti vappakāle. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena kasibhāradvājassa brāhmaṇassa kammanto tenupasaṅkami. Tena kho pana samayena kasibhāradvājassa brāhmaṇassa parivesanā vattati. Atha kho bhagavā yena parivesanā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi.
อทฺทสา โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ฐิตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชามิฯ ตฺวมฺปิ, สมณ, กสสฺสุ จ วปสฺสุ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชสฺสู’’ติฯ
Addasā kho kasibhāradvājo brāhmaṇo bhagavantaṃ piṇḍāya ṭhitaṃ. Disvāna bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ahaṃ kho, samaṇa, kasāmi ca vapāmi ca; kasitvā ca vapitvā ca bhuñjāmi. Tvampi, samaṇa, kasassu ca vapassu ca; kasitvā ca vapitvā ca bhuñjassū’’ti.
‘‘อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชามี’’ติฯ ‘‘น โข ปน มยํ 3 ปสฺสาม โภโต โคตมสฺส ยุคํ วา นงฺคลํ วา ผาลํ วา ปาจนํ วา พลิพเทฺท 4 วาฯ อถ จ ปน ภวํ โคตโม เอวมาห – ‘อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชามี’’’ติฯ
‘‘Ahampi kho, brāhmaṇa, kasāmi ca vapāmi ca; kasitvā ca vapitvā ca bhuñjāmī’’ti. ‘‘Na kho pana mayaṃ 5 passāma bhoto gotamassa yugaṃ vā naṅgalaṃ vā phālaṃ vā pācanaṃ vā balibadde 6 vā. Atha ca pana bhavaṃ gotamo evamāha – ‘ahampi kho, brāhmaṇa, kasāmi ca vapāmi ca; kasitvā ca vapitvā ca bhuñjāmī’’’ti.
อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho kasibhāradvājo brāhmaṇo bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
๗๖.
76.
‘‘กสฺสโก ปฎิชานาสิ, น จ ปสฺสาม เต กสิํ;
‘‘Kassako paṭijānāsi, na ca passāma te kasiṃ;
กสิํ โน ปุจฺฉิโต พฺรูหิ, ยถา ชาเนมุ เต กสิํ’’ฯ
Kasiṃ no pucchito brūhi, yathā jānemu te kasiṃ’’.
๗๗.
77.
‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฎฺฐิ, ปญฺญา เม ยุคนงฺคลํ;
‘‘Saddhā bījaṃ tapo vuṭṭhi, paññā me yuganaṅgalaṃ;
หิรี อีสา มโน โยตฺตํ, สติ เม ผาลปาจนํฯ
Hirī īsā mano yottaṃ, sati me phālapācanaṃ.
๗๘.
78.
‘‘กายคุโตฺต วจีคุโตฺต, อาหาเร อุทเร ยโต;
‘‘Kāyagutto vacīgutto, āhāre udare yato;
สจฺจํ กโรมิ นิทฺทานํ, โสรจฺจํ เม ปโมจนํฯ
Saccaṃ karomi niddānaṃ, soraccaṃ me pamocanaṃ.
๗๙.
79.
‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคเกฺขมาธิวาหนํ;
‘‘Vīriyaṃ me dhuradhorayhaṃ, yogakkhemādhivāhanaṃ;
คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติฯ
Gacchati anivattantaṃ, yattha gantvā na socati.
๘๐.
80.
‘‘เอวเมสา กสี กฎฺฐา, สา โหติ อมตปฺผลา;
‘‘Evamesā kasī kaṭṭhā, sā hoti amatapphalā;
เอตํ กสิํ กสิตฺวาน, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติฯ
Etaṃ kasiṃ kasitvāna, sabbadukkhā pamuccatī’’ti.
๘๑.
81.
‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ, สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธโมฺม;
‘‘Gāthābhigītaṃ me abhojaneyyaṃ, sampassataṃ brāhmaṇa nesa dhammo;
คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา, ธเมฺม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสาฯ
Gāthābhigītaṃ panudanti buddhā, dhamme satī brāhmaṇa vuttiresā.
๘๒.
82.
‘‘อเญฺญน จ เกวลินํ มเหสิํ, ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;
‘‘Aññena ca kevalinaṃ mahesiṃ, khīṇāsavaṃ kukkuccavūpasantaṃ;
อเนฺนน ปาเนน อุปฎฺฐหสฺสุ, เขตฺตํ หิ ตํ ปุญฺญเปกฺขสฺส โหตี’’ติฯ
Annena pānena upaṭṭhahassu, khettaṃ hi taṃ puññapekkhassa hotī’’ti.
‘‘อถ กสฺส จาหํ, โภ โคตม, อิมํ ปายสํ ทมฺมี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, พฺราหฺมณ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, ยสฺส โส ปายโส ภุโตฺต สมฺมา ปริณามํ คเจฺฉยฺย, อญฺญตฺร ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วาฯ เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ตํ ปายสํ อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑหิ อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปหี’’ติฯ
‘‘Atha kassa cāhaṃ, bho gotama, imaṃ pāyasaṃ dammī’’ti? ‘‘Na khvāhaṃ taṃ, brāhmaṇa, passāmi sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya, yassa so pāyaso bhutto sammā pariṇāmaṃ gaccheyya, aññatra tathāgatassa vā tathāgatasāvakassa vā. Tena hi tvaṃ, brāhmaṇa, taṃ pāyasaṃ appaharite vā chaḍḍehi appāṇake vā udake opilāpehī’’ti.
อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ตํ ปายสํ อปฺปาณเก อุทเก โอปิลาเปสิฯ อถ โข โส ปายโส อุทเก ปกฺขิโตฺต จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ 11ฯ เสยฺยถาปิ นาม ผาโล ทิวสํ สนฺตโตฺต 12 อุทเก ปกฺขิโตฺต จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ; เอวเมว โส ปายโส อุทเก ปกฺขิโตฺต จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติฯ
Atha kho kasibhāradvājo brāhmaṇo taṃ pāyasaṃ appāṇake udake opilāpesi. Atha kho so pāyaso udake pakkhitto cicciṭāyati ciṭiciṭāyati sandhūpāyati sampadhūpāyati 13. Seyyathāpi nāma phālo divasaṃ santatto 14 udake pakkhitto cicciṭāyati ciṭiciṭāyati sandhūpāyati sampadhūpāyati; evameva so pāyaso udake pakkhitto cicciṭāyati ciṭiciṭāyati sandhūpāyati sampadhūpāyati.
อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ , โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ 15; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ, ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ
Atha kho kasibhāradvājo brāhmaṇo saṃviggo lomahaṭṭhajāto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ , bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya, cakkhumanto rūpāni dakkhantīti 16; evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca, labheyyāhaṃ bhoto gotamassa santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti.
อลตฺถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร จ 17 ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติฯ
Alattha kho kasibhāradvājo brāhmaṇo bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno kho panāyasmā bhāradvājo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti abbhaññāsi. Aññataro ca 18 panāyasmā bhāradvājo arahataṃ ahosīti.
กสิภารทฺวาชสุตฺตํ จตุตฺถํ นิฎฺฐิตํฯ
Kasibhāradvājasuttaṃ catutthaṃ niṭṭhitaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๔. กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา • 4. Kasibhāradvājasuttavaṇṇanā